เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล - ตอนที่ 295
Sign in Buddha’s palm 295 เข้าสู่ระบบ! โอสถแหล่งกําเนิดธาตุไฟ!
ขณะที่ซูฉินต่อสู้กับบรรพชนขั้นแปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดทั้งสาม รัศมีไอพลังเพียงอย่างเดียวก็กระเพื่อมออกไปไกลเกินกว่าร้อยลี้ แรงสั่นกระเพื่อมนั้นใหญ่โตเพียงใดกัน? แม้แต่ปุถุชนคนธรรมดายังรู้สึกบางอย่างขึ้นมาได้จางๆ นับประสาอะไรกับบรรพชนคนอื่นๆ ที่แอบมองดูอยู่ไกลๆในเงามืด?
เพราะฉะนั้น ไม่นานนักหลังจากบรรพชนขั้นแปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดทั้งสามตกตายไป เรื่องราวก็ได้ถูกส่งกลับไปยังนิกายใหญ่ทั้งหลายเป็นที่เรียบร้อย
ผนวกกับเหล่าตํานานยุทธที่กลับออกมาจากแหล่งกําเนิดธาตุไฟ ทําให้ข่าวนี้ไม่สามารถระงับได้แม้แต่น้อย เกือบจะเหมือนพายุที่กวาดไปทั่ว ยุทธภพในต่างแดน
ทันใดนั้นโลกยุทธภพต่างแดนก็สั่นสะเทือน
ทันใดนั้นโลกยุทธภพต่างแดนก็สั่นสะเทือน
ตํานานยุทธขั้นสูงสุดถึงสามคนที่แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้แล้วกลับตกตายอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเกิดเรื่องราวเช่นนี้ในยุคใดก็ตาม ก็นับเป็นเหตุการณ์ที่สั่นสะเทือนแผ่นดิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคหมื่นดาบเพิ่งจะถูกทําลายลงไปเมื่อไม่นานมานี้ บรรพชนดาบเองก็ตายไปแล้ว
นี่เท่ากับว่า ภายในช่วงเวลาสั้นๆ บรรพชนขั้นแปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดถึงสี่คนได้ตกตายไป และเรื่องราวทั้งหมดก็เกิดขึ้นจากฝีมือของบุคคลคนเดียวกัน ซึ่งเป็นเรื่องน่าตกใจอย่างยิ่ง
“ตํานานยุทธจากอาณาจักรถังแข็งแกร่งเพียงใดกัน บรรพบุรุษเหลยสิ่งจากนิกายเทพเจ้าสายฟ้านั้นแข็งแกร่งมากแม้แต่ในหมู่ตํานานยุทธขั้นแปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดด้วยกัน พูดออกมาได้อย่างไรว่าเขาตายไปแล้ว”
“แผ่นดินแห่งพลังยุทธอันยิ่งใหญ่ เป็นเพียงทวีปที่แห้งแล้งก่อนการฟื้นคืนของกระแสปราณฉี ทําไมคนแข็งแกร่งเช่นนี้จึงกําเนิดขึ้นมาได้?”
“น่ากลัวเกินไปแล้ว คนที่แข็งแกร่งเช่นนี้แม้แต่ดินแดนโพ้นทะเลของพวกเราที่สืบทอดมรดกมา เป็นพันๆปีก็ยังมีไม่มากไม่ใช่หรือ?”
ตํานานยุทธจํานวนนับไม่ถ้วนต่างเต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ
โลกยุทธภพต่างแดนเป็นศูนย์กลางของโลกใบนี้มาโดยตลอด
แม้ในช่วงกระแสปราณฉีซบเซา แต่เซียนเทพปฐพีก็ยังถือกําเนิดขึ้นได้ ซึ่งทําให้ตํานานยุทธต่างดินแดนรู้สึกว่าตนเหนือกว่าโดยธรรมชาติเมื่อเทียบกับจอมยุทธจากทวีปอื่น
แต่ในขณะที่ซูฉินเคลื่อนไหว ตํานานยุทธขั้นสูงสุดจากนิกายใหญ่ต่างดินแดน บรรพบุรุษผู้แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้ก็ยังตกตาย ความรู้สึกว่าตนเองเหนือกว่าของพวกเขาพลันพังทลาย
จนถึงตอนนี้ นิกายใหญ่จํานวนมากในต่างแดนก็ยังสืบไม่พบร่องรอยของซูฉินในดินแดนโพ้นทะเล กล่าวคือซูฉินไม่ใช่จอมยุทธในดินแดนโพ้นทะเลนั่นเอง
“เป็นไปได้ไหมว่าตํานานยุทธอาณาจักรถังจะเป็นร่างอวตารมาเกิดใหม่ของเซียนเทพปฐพี่สักคน?” จอมยุทธคนหนึ่งที่ยังคงตกใจไม่หาย อดไม่ได้ที่จะคาดเดาออกไป
ตราบใดที่จอมยุทธแปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้แล้ว เขาสามารถกําเนิดใหม่อีกครั้งได้ด้วยจิตวิญญาณแรกกําเนิด
จิตวิญญาณแรกกําเนิดของเซียนเทพปฐพได้หลอมรวมเข้ากับทะเลปราณแล้ว เมื่อเทียบกับตํานานยุทธขั้นสูงสุดที่แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้อย่างบรรพบุรุษเหลยสิง มันจะแข็งแกร่งมากกว่าสักกี่สิบเท่า?
สําหรับเซียนเทพปฐพี การกลับมาเกิดใหม่เป็นเพียงเรื่องของความคิด
เพียงแต่ว่า
โดยทั่วไปแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เซียนเทพปฐพี จะเลือกกลับมาเกิดใหม่ เว้นแต่จะจําเป็นจริงๆ
เนื่องจากอายุขัยพันปีของเซียนเทพปฐพีนั้น เป็นอายุขัยของจิตวิญญาณแรกกําเนิดด้วย ไม่ว่าเนื้อหนังจะถูกแทนที่ไปมากแค่ไหน แต่ผลในการยืดอายุขัยก็ไม่อาจบรรลุได้
เพียงแต่ว่า
โดยทั่วไปแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เซียนเทพปฐพี จะเลือกกลับมาเกิดใหม่ เว้นแต่จะจําเป็นจริงๆ
เนื่องจากอายุขัยพันปีของเซียนเทพปฐพีนั้น เป็นอายุขัยของจิตวิญญาณแรกกําเนิดด้วย ไม่ว่าเนื้อหนังจะถูกแทนที่ไปมากแค่ไหน แต่ผลในการยืดอายุขัยก็ไม่อาจบรรลุได้
อีกประการหนึ่งคือร่างกายของเซียนเทพปฐพีนั้นมีค่า และการกลับมาเกิดใหม่เท่ากับการสละร่างกายและเลือดเนื้อไปจนหมดสิ้น
ณ นิกายเฮยหยวน
เมื่อบรรพชนเฮยหยวนตกตาย
ดวงไฟแห่งชีวิตของบรรพชนเฮยหยวนในนิกายเฮยหยวนก็ดับไป
ในส่วนลึกของนิกายเฮยหยวนเกิดเสียงคําราม สั่นสะเทือนไปทั้งแผ่นดิน ก้องกังวานอยู่ในหูของศิษย์นิกายเฮยหยวนทั้งหมด
ในส่วนลึกของนิกายเฮยหยวนเกิดเสียงคําราม สั่นสะเทือนไปทั้งแผ่นดิน ก้องกังวานอยู่ในหูของศิษย์นิกายเฮยหยวนทั้งหมด
ไม่นานหลังจากนั้น
ด้านหน้าแท่นบูชาของนิกายเฮยหยวนก็มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นเงียบๆ
แม้ว่าร่างนี้จะดูเหมือนยืนอยู่ที่นั่น แต่ก็คล้ายกับยืนอยู่อีกโลกหนึ่ง ความน่าพรั่นพรึงและรัศมีอันลึกล้ําแผ่กระจายออกไปทุกทิศทาง
แม้ว่าร่างนี้จะดูเหมือนยืนอยู่ที่นั่น แต่ก็คล้ายกับยืนอยู่อีกโลกหนึ่ง ความน่าพรั่นพรึงและรัศมีอันลึกล้ําแผ่กระจายออกไปทุกทิศทาง
“ปฐมบรรพชน”
ผู้นํานิกายเฮยหยวนรีบเดินเข้ามาด้วยความเคารพ ราวกับได้เห็นสิ่งที่ตนศรัทธา
นิกายใหญ่หลายแห่งในต่างแดนนั้นเกี่ยวข้องกับเซียนเทพปฐพี ถ้าไม่ใช่เซียนเทพปฐพี่สร้างขึ้นมา ก็เป็นคําสอนที่ทําให้ศิษย์คนหนึ่งเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีจนนําความรุ่งเรืองมาสู่นิกาย
นิกายใหญ่หลายแห่งในต่างแดนนั้นเกี่ยวข้องกับเซียนเทพปฐพี ถ้าไม่ใช่เซียนเทพปฐพี่สร้างขึ้นมา ก็เป็นคําสอนที่ทําให้ศิษย์คนหนึ่งเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีจนนําความรุ่งเรืองมาสู่นิกาย
มีเพียงนิกายเฮยหยวนเท่านั้นที่ตั้งแต่แรกจน ถึงตอนนี้ไม่มีเซียนเทพปฐพีกําเนิดขึ้น แต่กระนั้น นิกายเฮยหยวนก็ยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นนิกายใหญ่ระดับสูงเนื่องจากปฐมบรรพชน
นิกายเฮยหยวนไม่สามารถแปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้เพราะข้อบกพร่องในเคล็ดบ่มเพาะ ทําให้เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี
อย่างไรก็ตามปฐมบรรพชนของนิกายเฮยหยวนนั้นได้ใช้แนวทางที่แตกต่าง ขยายการบ่มเพาะออกไปอย่างต่อเนื่อง และทําแม้แต่หยิบยืมปราณชีวิตจากเผ่าพันธุ์บางประเภทที่เคยมีอยู่ในยุคเฟื่องฟูกระแสปราณฉีครั้งล่าสุด นํามาเปลี่ยนแปลงตนเองไปสู่เผ่าพันธุ์นั้นๆ
“เกิดอะไรขึ้น?” ปฐมบรรพชนกวาดสายตาที่แสนเยือกเย็นไปทางผู้นํานิกายเฮยหยวน แล้วจึงกล่าวถามเบาๆ
“ปฐมบรรพชน บรรพบุรุษหยวนและบรรพบุรุษอีกสองคนจากนิกายเทพเจ้าสายฟ้าและตําหนักเทพเจ้าหิมะ เข้าปิดล้อมสังหารตํานานยุทธ อาณาจักรถัง….” ผู้นํานิกายเฮยหยวนตัวสั่นงันงก พูดทุกอย่างที่เขารู้ออกมาอย่างรวดเร็ว
“ตํานานยุทธแห่งอาณาจักรถัง?” เสียงของปฐมบรรพชนยังคงเย็นชาเรียบนิ่ง ไม่มีความผันผวนแม้แต่น้อย แต่ผู้นํานิกายเฮยหยวนที่คุกเข่าอยู่ ด้านข้างรู้สึกว่าความหนาวเย็นกําลังแทรกซึมลึกลงไปถึงกระดูก
ณ ตําหนักเทพเจ้าหิมะ
วังอัญมณีน้ําแข็งเริ่มสั่นไหว ไอพลังอันแสนน่ากลัวลอยทะลุไปถึงท้องฟ้า ราวกับธารน้ําแข็งร่วงลงมาขวางโลกเอาไว้
วิหารหมื่นพุทธ
บรรพชนหก บรรพชนเจ็ด และบรรพชนเก้านั่งมองหน้ากัน
บรรพชนหก บรรพชนเจ็ด และบรรพชนเก้านั่งมองหน้ากัน
“ฮิม”
“เจ้าคนพวกนี้ กล้าต่อต้านผู้เป็นใหญ่ในโลก”
บรรพชนหกหัวเราะเยาะ ยามเมื่อซูฉินสังหารบรรพชนขั้นแปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดทั้งสาม เขาก็เฝ้าดูจากระยะไกลและพบว่ามันเป็นกลิ่นอายของซูฉิน
“หรือเราจะปลุกบรรพชนอีกเจ็ดรูปขึ้นมา ด้วยบรรพชนทั้งสิบของวิหารหมื่นพุทธ ไม่ว่าจะเป็นนิกายใหญ่แห่งไหน พวกเราก็พร้อมจะเคลื่อนไหวตามที่ผู้เป็นใหญ่ในโลกต้องการ
น้ําเสียงของบรรพชนเจ็ดเต็มไปด้วยโทสะ
แม้แต่พระพุทธองค์ก็ยังมีปางวัชระพิโรธเลย ในตอนที่นิกายใหญ่เหล่านั้นเข้าปิดล้อมซูฉิน ลองนึกภาพตามถึงความโกรธภายในใจของบรรพชนหก บรรพชนเจ็ด และบรรพชนเก้าว่ามีมากมายเพียงใด?
ซูฉินคือ ‘องค์ยูไล” ที่วิหารหมื่นพุทธใฝ่หามาหลายสิบปี เมื่อนิกายใหญ่ต่างแดนต้องการจะจัดการซูฉิน ก็เหมือนกับการหยามเกียรติของวิหารหมื่นพุทธด้วย
“ไม่ต้องรีบร้อนไป”
แม้ว่าบรรพชนหกจะโกรธไม่ต่างกัน แต่เขายังคงส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า “ในเมื่อผู้เป็นใหญ่ในโลกไม่ได้ติดต่อมา ท่านก็คงไม่ได้ตั้งใจให้เราเข้าไปแทรกแซง
คําที่กล่าวออกมา
บรรพชนเจ็ดและบรรพชนเก้าต่างมองหน้ากัน และทันใดนั้นพลันรู้สึกว่าสิ่งที่บรรพชนหกกล่าวมานั้นมีเหตุผล
แม้ว่าวิหารหมื่นพุทธจะตั้งอยู่ในทะเลทรายตะวันตกอันแสนห่างไกล แต่ถ้าซูฉินต้องการติดต่อ พวกเขามันจะใช้เวลาเพียงไม่นาน
เหตุผลที่ซูฉินยังไม่ได้แจ้งเรื่องแก่พวกเขาจน ถึงตอนนี้คงเพราะมีแผนการบางอย่าง
หากพวกเขาดื้อดึงฝ่าฝืนแผนการของผู้เป็นใหญ่ในโลก พวกเขาจะมิถูกตําหนิจนตายหรอก หรือ?
หากพวกเขาดื้อดึงฝ่าฝืนแผนการของผู้เป็นใหญ่ในโลก พวกเขาจะมิถูกตําหนิจนตายหรอก หรือ?
“แม้ผู้เป็นใหญ่ในโลกไม่ได้ติดต่อมา เราก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมเสมอ ตราบใดที่ผู้เป็นใหญ่ในโลกออกคําสั่ง เราจะปล่อยให้กลุ่มนิกายใหญ่ดินแดนโพ้นทะเลได้รับรู้ความลึกซึ้งของธรรมจักรแห่งเรา”
บรรพชนหกหันกลับมากล่าวคํา
“ยอดเยี่ยมยิ่ง”
บรรพชนเจ็ดและบรรพชนเก้าพยักหน้าให้เล็กน้อย
นิกายเทพเจ้าสายฟ้า
“เหลยสิงตายแล้วหรือ?”
“นิกายเทพเจ้าสายฟ้าของเราทอดสายตามอง ข้ามผ่านโลกหล้ามาหลายพันปี ใครกันที่กล้ายั่วยุนิกายเทพเจ้าสายฟ้า?” บรรพชนนิกายเทพเจ้า สายฟ้าบางคนที่เพิ่งตื่นจากหลับใหล ไม่อาจปกปิดความรู้สึกได้อีกต่อไป
ในการต่อสู้ครั้งนี้ เมื่อเทียบกับนิกายเฮยหยวน และตําหนักเทพเจ้าหิมะแล้ว นิกายเทพเจ้าสายฟ้านั้นได้รับความเสียหายมากที่สุด
ไม่เพียงแต่จะสูญเสียกําลังหลักอย่างบรรพบุรุษเหลยสิงเท่านั้น แต่ยังสูญเสียสมบัติล้ําค่า อย่างกิ่งไม้อสนีบาตภัยไปด้วย
รู้หรือไม่ว่ากิ่งไม้อสนีบาตภัยไม่ใช่สมบัติของ บรรพบุรุษเหลยสิง แต่เป็นของที่บรรพชนนิกายเทพเจ้าสายฟ้าใช้ร่วมกัน ทุกๆยี่สิบปี บรรพชนแต่ละคนจะนํากิ่งไม้อสนีบาตภัยไปฝึกฝนและเมื่อครบยี่สิบปี เขาจะนํากิ่งไม้อสนีบาตภัยกลับมาคืน
และช่วงยี่สิบปีนี้ เป็นคราวของบรรพบุรุษเหลย สิ่งที่นํากิ่งไม้อสนีบาตภัยไปฝึก
แต่ตอนนี้บรรพบุรุษเหลยสิ่งตกตายลงแล้ว ไม่ใช่ว่ากิ่งไม้อสนีบาตภัยในมือของบรรพบุรุษเหลย สิ่งก็หายไปด้วยมิใช่หรือ?
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ใบหน้าของบรรพชนนิกายเทพเจ้าสายฟ้าที่เพิ่งตื่นขึ้นมาก็หม่นหมองอย่างมาก
กิ่งไม้อสนีบาตภัยมีความข้องเกี่ยวกับการฝึกฝนทักษะลับบางชนิดของนิกายเทพเจ้าสายฟ้า เมื่อกิ่งไม้อสนีบาตภัยหายไป มันก็เทียบเท่ากับการสูญหายของเคล็ดวิชาลับนี้ จะไม่ให้เขาโกรธได้เช่นไร
ส่วนเรื่องการหากิ่งไม้อสนีบาตภัยชิ้นใหม่… โลกทั้งใบนี้ แม้แต่ในยุคเฟื่องฟูของกระแสปราณฉี ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์หมื่นปีมีเพียงแค่ไม่กี่ต้นที่อยู่รอดมาได้ เป็นเรื่องยากมากที่จะรอดพ้นจากอสนีบาตภัย และแม้จะผ่านความล้มเหลวมาแล้ว กิ่งไม้ที่อาบด้วยพลังสายฟ้าก็หายากราวกับเป็นเพียงตํานาน
เป็นเรื่องบังเอิญที่นิกายเทพเจ้าสายฟ้าได้รับกิ่งไม้อสนีบาตภัยมาสักชิ้นหนึ่ง และการจะได้กิ่งไม้อสนีบาตภัยมาเพิ่มอีกสักชิ้นก็ไม่ต่างไปจากฝันอันโง่งม
“ข้าจะใช้มรดกเบื้องหลัง และนํากิ่งไม้อสนีบาตภัยกลับคืนมาจากตํานานยุทธอาณาจักรถัง” ในเวลานั้น บรรพชนอีกคนก็กล่าวขึ้นมา
“ตํานานยุทธอาณาจักรถังผู้นี้ทรงพลังถึงขั้นทําลายพรรคหมื่นดาบและนั่นหัวบรรพชนขั้นแปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดทั้งสามคนได้ แม้ว่านิกายเทพเจ้าสายฟ้าจะมีภูมิหลังมากมาย แต่การที่จะคว้ากิ่งไม้อสนีบาตภัยกลับมาจากตัวตนดังกล่าว หากประสบความสําเร็จก็ดีไป แต่หากล้มเหลว……”
บรรพชนคนที่สามพูดด้วยน้ําเสียงหนักแน่น
บรรพชนคนที่สามพูดด้วยน้ําเสียงหนักแน่น
แม้ว่ากิ่งไม้อสนีบาตภัยจะล้ําค่า แต่ก็ด้อยกว่ามรดกนับหมื่นปีของนิกายเทพเจ้าสายฟ้า
เห็นได้ชัดว่ามันไม่คุ้มค่าที่จะส่งนิกายเทพเจ้าไปสู่บ่วงนี้ เพียงเพราะเห็นแก่กิ่งไม้อสนีบาตภัย
เห็นได้ชัดว่ามันไม่คุ้มค่าที่จะส่งนิกายเทพเจ้าไปสู่บ่วงนี้ เพียงเพราะเห็นแก่กิ่งไม้อสนีบาตภัย
“หลังจากนี้ก็ติดต่อสํานักผู้วิเศษสํานักเอกะวิถี และนิกายใหญ่แห่งอื่นๆให้ไปพบตํานานยุทธ อาณาจักรถังด้วยกัน”
บรรพชนนิกายเทพเจ้าสายฟ้าคนแรกมีดวงตาที่เยือกเย็นและอาฆาต
ด้วยนิกายใหญ่จํานวนมากเช่นนี้ หากร่วมมือกันปิดล้อม ใครเล่าจะหยุดได้ เว้นแต่จะเป็นเพียงเซียนเทพปฐพี?
ขณะที่นิกายใหญ่ในต่างแดนจํานวนมากกําลังตื่นตกใจ
ซูฉินก็ได้เดินเข้าไปภายในแหล่งกําเนิดธาตุไฟแล้ว และเห็นเปลวไฟที่รวมตัวกันเป็นมังกรไฟ พากันโบยบินอยู่อย่างต่อเนื่อง พ่นลมหายใจอันร้อนระอุแทบจะเผาผืนดินระเหิดผืนน้ํา
“ไม่เลว
“ปราณไฟแข็งแกร่งเช่นนี้ สมควรที่จะเป็นแห ล่งกําเนิดธาตุไฟ”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน ทั่วทั้งตัว ของเขาเต็มไปด้วยเปลวเพลิงที่พอจะแผดเผาตํานานยุทธได้อย่างง่ายดาย แต่มันกลับลอยอ้อยอิ่ง อยู่รอบตัวเขาอย่างว่าง่าย
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน ทั่วทั้งตัว ของเขาเต็มไปด้วยเปลวเพลิงที่พอจะแผดเผาตํานานยุทธได้อย่างง่ายดาย แต่มันกลับลอยอ้อยอิ่ง อยู่รอบตัวเขาอย่างว่าง่าย
แม้ว่าความสําเร็จของภาพดวงตะวันฯ จะอยู่เพียงขั้นเริ่มต้น แต่อีกาทองคําสามขาเป็นถึงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในด้านเปลวไฟ แม้ว่าซูฉินจะมีเพียงกลิ่นอายของอีกาทองคําสามขา แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เปลวไฟธรรมดาจะทําอะไรได้
แม้จะเป็นค่ายกลสังหารธาตุไฟที่จัดตั้งขึ้นโดยจ้าวทะเลบูรพา ก็ไม่สามารถทําร้ายซูฉินได้ นับประสาอะไรกับพลังงานธาตุไฟ?
“เอาล่ะ”
“แหล่งกําเนิดธาตุทั้งห้าคือการรวมตัวกันของพลังฟ้าดิน ย่อมมี ‘เต๋าสะสมมากมาย แม้ว่าแหล่งกําเนิดธาตุไฟนี้จะเกิดขึ้นเพราะจุดเปลี่ยนผ่านของกระแสปราณฉีโดยใช้เวลาไปไม่นาน แต่ตามหลักเหตุผลแล้ว ก็ควรมีเต่ําสะสม” ให้ลงชื่อเข้าใช้เช่นกัน…..”
จิตใจของซูฉินสั่นไหว ความคิดเปลี่ยนผันไปอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้แหล่งกําเนิดธาตุไฟอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว เขาสามารถเลือกดูดซับมันได้ทุกเมื่อ เมื่อเทียบกับสิ่งนี้ ซูฉินกังวลเรื่องการลงชื่อเข้าใช้ภายในแหล่งกําเนิดธาตุไฟนี้ว่าจะให้สมบัติอะไรแก่เขาเสียมากกว่า?
ครั้งล่าสุดที่ลงชื่อเข้าใช้ในแหล่งกําเนิดธาตุดินที่ทะเลทรายตะวันตกก็ได้ทั้งทิพยอํานาจคาถาดําดิน ธงวูถู และสมบัติอื่นๆอีกมากมาย แล้วแหล่งกําเนิดธาตุไฟแห่งนี้เล่า?
มาถึงจุดนี้ ซูฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวคําขึ้นในใจ
“ระบบ ลงชื่อเข้าใช้”
[ขอแสดงความยินดี โฮสต์ลงชื่อเข้าใช้สําเร็จ ได้รับโอสถแหล่งกําเนิดธาตุไฟ]