เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล - ตอนที่ 314 บุกเบิกพื้นที่
Sign in Buddha’s palm 314 บุกเบิกพื้นที่
นิกายเทพเจ้าสายฟ้า
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในนิกายใหญ่ต่างแดน นิกายเทพเจ้าสายฟ้าได้รับการสืบทอดต่อกันมาเป็นเวลานับหมื่นปี ครอบครองจุดที่กระแสปราณฉีมาบรรจบกันเป็นสถานที่ตั้งของนิกาย
ปราณฉีฟ้าดินเปรียบเสมือนกระแสน้ําที่มีขึ้นมาลง มีจุดหนามีจุดที่เบาบาง
และสถานที่ที่เรียกกันว่าจุดบรรจบกันของกระแสปราณฉี คือสถานที่ที่ปราณฉีฟ้าดินมาบรรจบกันโดยธรรมชาติ และภายในขอบเขตของจุดบรรจบกระแสปราณฉี มันจะเต็มไปด้วยจิตใจฟ้าดินเข้มข้น เมื่อเทียบกับค่ายกลขนาดใหญ่ จุดบรรจบนี้จะเอื้อต่อการฝึกฝนบ่มเพาะของผู้ฝึกยุทธมากกว่า และยังมีแม้กระทั่งกลิ่นอายของยุคเฟื่องฟูกระแสปราณฉีอยู่ด้วย
น่าเสียดาย
เมื่อมองไปทั่วทั้งโลกแล้ว จุดบรรจบกันของกระแสปราณฉีเช่นนี้มีไม่เกินห้าแห่ง อย่างนิกายเฮยหยวนและพรรคหมื่นดาบนั้นไม่มีคุณสมบัติที่จะครอบครอง มีเพียงนิกายใหญ่ที่มีมรดกจํานวนมากอย่างนิกายเทพเจ้าสายฟ้าเท่านั้นที่สามารถมีได้
อย่างไรก็ตาม
ในขณะนี้ รอบนอกนิกายเทพเจ้าสายฟ้า ศิษย์นิกายเทพเจ้าสายฟ้าหลายคนที่กําลังลาดตระเวนอยู่ต่างก็มีสีหน้าเฉยเมย
“ศิษย์พี่ลู่ มนุษย์สวรรค์แข็งแกร่งขนาดนั้นเลยหรือ?
ถึงขนาดบังคับให้นิกายเทพเจ้าสายฟ้าต้องมอบหินแหล่งกําเนิดสายฟ้าให้ถึงสามชัง?”
ศิษย์นิกายเทพเจ้าสายฟ้าอดไม่ได้ที่จะถามออก
ซูฉินได้โบกมือไล่นิกายใหญ่อยู่บนกําแพงพระ ราชวังถั มีคนมากมายนับไม่ถ้วนได้เห็นมันและไม่อาจจะซ่อนเรื่องราวได้ ศิษย์นิกายเทพเจ้าสายฟ้าจึงได้ยินเรื่องนี้มาเป็นธรรมดา
ในสายตาของศิษย์สาวกทั้งหลาย นิกายเทพเจ้าสายฟ้ายืนอยู่เหนือสรรพชีวิตทั้งมวลในต่างแดน ในเวลานี้เมื่ออยู่ต่อหน้ามนุษย์สวรรค์แห่งอาณาจักรถัง ถึงกับต้องยอมเสนอหินแหล่งกําเนิดสายฟ้าเพื่อขออภัยโทษจากอาณาจักรถัง พฤติกรรมดังกล่าวทําให้ศิษย์สาวกนิกายเทพเจ้าสายฟ้าผิดหวังอย่างมาก
ในฐานะศิษย์ของนิกายเทพเจ้าสายฟ้า พวกเขาเป็นฝ่ายครอบงําผู้อื่นเสมอมา เมื่อไหร่กันที่พวกเขาต้องมาเจอเรื่องร้ายเช่นนี้?
“อา……”
ศิษย์นิกายเทพเจ้าสายฟ้าที่ถูกเรียกว่า “ศิษย์พี่ลู่ถอนหายใจพร้อมกับส่ายศีรษะ แล้วกล่าวว่า “เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ําว่ามนุษย์สวรรค์นั้นหมายถึงอะไร…”
มนุษย์สวรรค์อยู่ในขอบเขตเซียนเทพปฐพี แม้แต่ในโลกยุทธภพต่างแดนก็เป็นไปได้ยากที่จะกําเนิดขึ้นสักคนหนึ่งในรอบหนึ่งพันปี แม้ว่าจะเป็นเหลยเฉียนจือที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในรอบพันปีของนิกายเทพเจ้าสายฟ้า นั่นก็เพียงแค่มีหวังที่จะกลายเป็นเซียนเทพปฐพี ไม่ใช่เซียนเทพปฐพีจริงๆ
แม้แต่ในยุคเฟื่องฟูกระแสปราณฉีครั้งล่าสุด ในตอนที่ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดครองโลก เซียนเทพปฐพีก็ยังนับเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งมาก นับประสาอะไรกับในยามนี้?
“นิกายเทพเจ้าสายฟ้ามีสมบัติล้ําค่าอยู่ ถึงเซียนเทพปฐพีจะมาถึงหน้าประตู แต่สุดท้ายก็จะโดนสกัดกั้นมิใช่หรือ? ทําไมต้องกลัวมนุษย์สวรรค์แห่งอาณาจักรถัง?”
ศิษย์ร่างผอมจากนิกายเทพเจ้าสายฟ้ารู้สึกไม่มั่นใจ
เซียนเทพปฐพีนั้นอยู่ยงคงกระพันบนโลกใบนี้ แต่นิกายเทพเจ้าสายฟ้าก็ไม่ง่ายที่จะยั่วยุ แม้พวกเขาจะไม่สามารถต่อสู้กับเซียนเทพปฐพีได้โดยตรง แต่พวกเขาก็น่าจะไม่ถ่อมตนเช่นนี้
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ศิษย์พี่ลู่ก็เงียบไปครู่หนึ่ง และในที่สุดก็กล่าวออกอย่างช้าๆ ว่า “มนุษย์สวรรค์แห่งอาณาจักรถังแตกต่างจากเซียนเทพปฐพีคนอื่นๆ”
“แตกต่าง?”
“แตกต่างอย่างไร?”
เมื่อศิษย์ที่เหลือของนิกายเทพเจ้าสายฟ้าได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นในทันใด
แม้ว่าศิษย์พี่ลู่จะเป็นศิษย์ลาดตระนเ แต่ตัวตน ของเขาไม่ธรรมดา เขาเป็นทายาทของผู้อาวุโสคนหนึ่งของนิกายเทพเจ้าสายฟ้า เขาอาจจะรู้ข่าวอื่นๆ จากผู้อาวุโสท่านนั้น
“ข้าก็แค่ได้ยินลุงกับปู่ของข้าคุยกัน”
เมื่อศิษย์พี่ลู่กล่าวเช่นนี้ เขาก็กวาดสองตามองไปรอบๆ พร้อมกับลดเสียงลง “ปกติแล้วเซียนเทพปฐพีธรรมดา จะต้องใช้จิตวิญญาณแรกกําเนิดเข้าไปถึงทะเลปราณมาหลอมตัวตนมนุษย์และพลังสวรรค์ร่วมกัน ย่อมมีกลิ่นอายนั้นในทุกการเคลื่อนไหว……”
“แต่มนุษย์สวรรค์แห่งอาณาจักรถัง ตั้งแต่ต้นจนจบ รัศมีพลังที่เชื่อมมนุษย์และสวรรค์ไม่เคยถูกเปิดเผยออกมา กล่าวคือ มนุษย์สวรรค์แห่งอาณาจักรถังไม่เคยหยิบยืมพลังจากทะเลปราณเลย”
“จากการคาดเดาของข้า มนุษย์สวรรค์แห่ง อาณาจักรถังผู้นี้ ยังไม่เคยแสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาเลย”
ศิษย์พี่ลู่สงบใจลงหยุดครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “พวกเขากล่าวว่า เมื่อเผชิญหน้ากับบุคคลที่ไม่อาจหยั่งรู้และซ่อนความแข็งแกร่งส่วนใหญ่เอาไว้ นิกายเทพเจ้าสายฟ้าของเราควรจะทําเช่นไรได้?”
“อะไร?”
“มนุษย์สวรรค์ยังไม่ได้เอาจริงเลยหรือ?”
ศิษย์นิกายเทพเจ้าสายฟ้าทั้งหลายตกใจ
ถ้าสิ่งที่ศิษย์พี่ลู่พูดเป็นความจริง
นั่นหมายความว่าแม้แต่ครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพิจากนิกายใหญ่ทั้งเจ็ดร่วมมือกันปิดล้อมสังหารก็ยังไม่สามารถทําให้ซูฉินแสดงพลังออกมาได้มากนัก และแม้แต่พลังของทะเลปราณก็ยังไม่ได้ใช้ออก
แต่สิ่งนั้นจะเป็นไปได้อย่างไร?
รู้หรือไม่ว่าถึงแม้จะมีความแตกต่างระหว่างครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีอยู่มาก แต่หากเซียนเทพปฐพี่ต้องการสังหารครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ถึงเจ็ดคนอย่างเด็ดขาด โดยไม่ปล่อยใครไปเลยแม้แต่คนเดียวก็ต้องลงมือเต็มที่
และในสภาวะที่รวมความเป็นมนุษย์และพลังสวรรค์เข้าหากันแล้ว ทุกการลงมือย่อมดึงพลังของทะเลปราณออกมาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ซึ่งมันจะทําให้ทั้งโลกสั่นสะเทือนเป็นแน่
“เท่าที่ข้ามอง ความแข็งแกร่งของมนุษย์สวรรค์แห่งอาณาจักรถังนั้นน่าจะสูงกว่าเซียนเทพปฐพีธรรมดาๆ ไม่เช่นนั้น ถึงแม้นิกายเทพเจ้าสายฟ้าจะยอมโอนอ่อน แต่ทําไมสํานักผู้วิเศษและตําหนักเทพเจ้าหิมะจะต้องเชื่อฟังด้วย?”
ศิษย์พี่ลู่ถอนหายใจ
อันที่จริงศิษย์พี่ลู่ไม่เคยเห็นซูฉินต่อสู้หรือสังหารครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ทั้งเจ็ดด้วยตาตนเอง เขาเดาจากข้อมูลที่ได้รู้มา และสังเกตจากปฏิกิริยาของสํานักผู้วิเศษรวมถึงนิกายใหญ่แห่งอื่นๆ ทั้งหมดเป็นเพียงแค่การคาดเดาเท่านั้น
ในใจของศิษย์พี่ลู่คิดว่า หากไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวของซูฉิน นิกายใหญ่จํานวนมากจะยอมรับสภาพเช่นนี้ได้อย่างไร?
ขณะที่ศิษย์สาวกนิกายเทพเจ้าสายฟ้าพูดคุยกันอยู่ จิตใจของพวกเขากําลังพรั่นพรึงกับสิ่งที่ศิษย์พี่ลู่ได้กล่าว ก็มีเสียงที่ฟังดูสงบนิ่งดังขึ้นมาในทันใด
“มนุษย์สวรรค์แห่งอาณาจักรถัง?”
“ในยุคสมัยนี้มีมนุษย์สวรรค์กําเนิดขึ้นด้วยอย่าง นั้นหรือ?”
“ผู้ใด?”
ศิษย์พี่ลู่ขมวดคิ้ว และมองเลยไปไม่ไกล เห็นชายร่างสูงยืนอยู่เงียบๆ สวมเสื้อผ้าขาดรุ่งรึ่ง สะพายดาบยาวสองเมตรไว้ด้านหลัง
“เจ้าเป็นใคร?”
“รู้หรือไม่ว่าที่นี่คือที่ไหน?”
ศิษย์พี่ลุ่มองดูร่างสูงอย่างชิดใกล้ ล้วพูดด้วย น้ําเสียงที่ลึกล้ํา “มนุษย์สวรรค์แห่งอาณาจักรดังนี้นอยู่ยงคงกระพัน เป็นที่รู้จักไปทั่วดินแดน ไม่เพียงแต่นิกายเทพเจ้าสายฟ้าของข้าเท่านั้นที่คิดเช่นนั้น แต่สํานักผู้วิเศษรวมถึงนิกายใหญ่แห่งอื่นๆ ก็คิดแบบเดียวกัน”
ศิษย์พี่ลู่ไม่ได้ประมาทเลินเล่อ เพราะเขาเห็นว่าร่างสูงที่อยู่ไม่ไกลนี้ไม่ใช่ตัวตนที่ง่ายดาย
“อยู่ยงคงกระพัน?” ร่างสูงส่ายศีรษะเล็กน้อยหลังจากได้ยินคํากล่าวนั้น “คาดไม่ถึงว่านิกายเทพเจ้าสายฟ้าจะตกลงมาจนถึงจุดนี้? แม้ว่าเซียนเทพปฐพจะมีอํานาจ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อทุกสิ่งได้
“เจ้ากล้าดูหมิ่นนิกายเทพเจ้าสายฟ้าของข้าหรือ?” ศิษย์พี่ลู่จ้องเขม็งไปที่ชายผู้นั้น
คําพูดของชายร่างสูงเผยให้เห็นความผิดหวังเล็กๆ ต่อนิกายเทพเจ้าสายฟ้า ท่าทีของศิษย์นิกายเทพเจ้าสายฟ้าทั้งหลายจึงมีแววหงุดหงิด ชายร่างสูงผู้นี้มีคุณสมบัติใดในการมาตัดสินการกระทําของนิกายเทพเจ้าสายฟ้า?
“นี่ถือเป็นการดูหมิ่นหรือ?” ร่างสูงหัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวออกอย่างตรงไปตรงมา “ใครคือผู้นํานิกายในรุ่นนี้ ให้เขาออกมาหาข้าเถิด”
ร่างสูงเอามือไพล่หลัง แม้ว่าเสื้อผ้าของเขาจะฉีกขาด แต่รัศมีพลังฟ้าดินก็อวลอยู่รอบตัว
“เจ้าต้องการพบผู้นํานิกาย?”
สีหน้าของศิษย์พี่ลู่เปลี่ยนไป และมองร่างสูงด้วยความประหลาดใจ
การที่ชายร่างสูงเรียกหาผู้นํานิกายเทพเจ้าสายฟ้า มีความเป็นไปได้สองอย่างเท่านั้น หนึ่งคือรู้จักกับผู้นํานิกายจริงๆ และอีกอย่างคือต้องการจะหาเรื่องตาย
ศิษย์พี่ลู่รับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าไม่ใช่อย่างหลัง
ศิษย์พี่ลู่เป็นตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่สาม แต่กลับไม่อาจมองระดับพลังของชายร่างสูงออก อย่างน้อยก็ต้องเป็นระดับนภาชั้นที่สี่หรือชั้นที่ห้า ชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะมาหาเรื่องตายโดยไร้เห ตุผลหรือ?
“เจ้ารอที่นี่ก่อน”
ท่าทีของศิษย์พี่ลู่เปลี่ยนไป จากนั้นเขาก็หันกายมุ่งหน้าเข้าสู่ส่วนลึกของนิกายเทพเจ้าสายฟ้า
หลังจากนั้นไม่นาน
ผู้นํานิกายเทพเจ้าสายฟ้าก็รีบออกมาทันที เมื่อเขาเห็นชายร่างสูง ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป รีบตบเท้าก้าวไปข้างหน้า โค้งคํานับแล้วกล่าวว่า “คารวะผู้อาวุโสเหลยเฉียนจือ”
“เหลยเฉียนจือ?”
“เขาคือเหลยเฉียนจ่อที่หายตัวไปกว่าสามร้อยปี?”
ศิษย์นิกายเทพเจ้าสายฟ้าจํานวนมากที่อยู่รอบข้างต่างตกตะลึงและไม่อยากจะเชื่อ
โดยเฉพาะศิษย์พี่ลู่ที่แทบจะล้มลงไปกับพื้น
เหลยเฉียนลือคือใคร?
ไม่มีศิษย์นิกายเทพเจ้าสายฟ้าคนใดไม่รู้จัก ในฐานะที่เป็นศิษย์นิกายเทพเจ้าสายฟ้าที่มีแนวโน้มจะเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่มากที่สุดในรอบหนึ่งพันปี แม้ว่าเหลยเฉียนจือจะหายตัวไป แต่ศักดิ์ศรียังคงอยู่ตลอดช่วงเวลาสามร้อยปี ภายในนิกายเทพเจ้าสายฟ้า
“เกิดอะไรขึ้นในช่วงสามร้อยปีที่ผ่านมานี้?”
“แล้วเกิดอะไรขึ้นกับมนุษย์สวรรค์แห่งอาณาจักรถึงผู้นั้น?”
เหลยเฉียนจือกล่าวออกอย่างสบายๆ แม้ว่าเมื่อครู่เขาจะได้ยินศิษย์สาวกบางส่วนคุยกัน แต่เขาก็ยังไม่ได้รู้เรื่องราวโดยละเอียด
“ศิษย์พี่เหลยเฉียนจือ…”
ความขมขื่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผู้นํานิกายเทพเจ้าสายฟ้า
ช่วงสองร้อยปีแรกนั้นสงบสุขดี แต่เมื่อหลายสิบปีก่อนได้เกิดการต่อสู้ขึ้นที่แผ่นดินแห่งพลังยุทธ และการลงมือของซูฉินหลายต่อหลายครั้งก็ทําให้คนทั้งทวีปต้องตกตะลึง
“บรรพชนสายฟ้าตายแล้วอย่างนั้นหรือ?”
เหลยเฉียนจือมองเข้าไปในส่วนลึกของนิกายเทพเจ้าสายฟ้า ร่องรอยความเย็นชาพลันฉายวาบออกมาจากดวงตาของเขา
เหลยเฉียนจือเป็นผู้ที่มีความสามารถที่สุดในนิกายเทพเจ้าสายฟ้า และได้รับการสั่งสอนโดยบรรพชนสายฟ้า ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แทบจะไม่ต่างไปจากบิดาและบุตรจริงๆ
“ที่จริงเรื่องมันเป็นเช่นนี้”
“บรรพชนสายฟ้าและครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีอีกหกคนล้อมสังหารตํานานยุทธอาณาจักรถัง แต่พวกเขากลับตกตายอยู่ในเมืองฉางอัน…”
เสียงของผู้นํานิกายเทพเจ้าสายฟ้าเบาหวิว
การต่อสู้ครั้งนั้นทําให้นิกายเทพเจ้าสายฟ้า สํานักผู้วิเศษ และนิกายใหญ่แห่งอื่นๆ หวาดกลัวอย่างสมบูรณ์ และมีความคิดที่จะไปยังเมืองฉางอันเพื่อขออภัยโทษ
“มนุษย์สวรรค์แห่งอาณาจักรถัง…” เหลยเฉียนจือพ่นคําออกมาสองคํา “สมควรตาย”
“ผู้อาวุโสเหลยเฉียนคือ…” ท่าทีของผู้นํานิกายเทพเจ้าสายฟ้าเปลี่ยนไป แต่เขาก็หยุดพูด
ซูฉินเป็นเซียนเทพปฐพี และหากคําพูดของเหยเฉียนจือแพร่กระจายออกไป เกรงว่านิกายเทพเจ้าสายฟ้าคงจะตกอยู่ในอันตราย
“สบายใจได้”
“ข้าจะจัดการมนุษย์สวรรค์แห่งอาณาจักรถังเอง…”
เหลยเฉียนจือเหลือบมองไปที่ผู้นํานิกายเทพเจ้าสายฟ้า ใบหน้าดูนิ่งเรียบ
“จัดการมนุษย์สวรรค์แห่งอาณาจักรถัง…”
ผู้นํานิกายเทพเจ้าสายฟ้ามองไปที่เหลยเฉียนจีออย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
“ส่วนตอนนี้……” เหลยเฉียนจือไม่สนใจผู้นํานิ กายเทพเจ้าสยฟ้า แต่มองไปยังเกาะที่ตั้งของนิกายเทพเจ้าสายฟ้าทั้งหมด “เกาะเทพเจ้าสายฟ้ายังเล็กเกินไปหน่อย…”
ทันทีที่สิ้นเสียงของเหลยเฉียนจือ ร่างของเขาก็หายไป และเมื่อปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ก็ยืนอยู่บนท้องฟ้าแล้ว
“ผู้อาวุโส ท่านจะทําสิ่งใด?”
ความรู้สึกหวั่นกลัวก่อตัวขึ้นในใจของผู้นํานิกายเทพเจ้าสายฟ้า
ช่วงเวลาต่อมา
ท่ามกลางสายตาอันเหลือเชื่อของทุกคน
เห็นเหลยเฉียนจือยกมือขวาของเขาขึ้น ทันใดนั้นทะเลปราณอันไร้ที่สิ้นสุดก็ปรากฏ เห็นว่าเกาะเล็กๆ หลายแห่งที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบลี้ก็พุ่งข้ามระยะทางทั้งหมดเข้ามา ทันใดนั้นก็กระทบเข้ากับเกาะเทพเจ้าสายฟ้า ค่อยๆขยายขนาดของเกาะออกไป
ฉับพลัน
คนทั่วทั้งนิกายเทพเจ้าสายฟ้าก็รู้สึกได้ ศิษย์สาวกของนิกายเทพเจ้าสายฟ้าจํานวนนับไม่ถ้วน รวมถึงเหล่าบรรพชนต่างก็รู้สึกถงการสั่นไหวของ ฟ้าดิน เสมือนเผชิญหน้าอยู่กับวันสิ้นโลก
“ถมทะเลเพื่อสร้างแผ่นดิน”
“นี่คือการถมทะเลเพื่อสร้างแผ่นดิน!”
มือทั้งสองข้างผู้นํานิกายเทพเจ้าสายฟ้าสั่นรัว เมื่อมองไปที่เหลยเฉียนจือผู้เป็นราวกับเทพเจ้า เสียงของเขาเองก็สั่นเครือไปด้วย
ศิษย์สาวกนิกายเทพเจ้าสายฟ้าทีเหลือต่างก็ตกตะลึงพอๆกัน ในตอนนี้ทุกล้วนมีความคิดอยู่ในใจ
นิกายเทพเจ้าสายฟ้ากําลังจะให้กําเนิดเซียนเทพปฐพีอีกครั้งหนึ่งแล้วในตอนนี้