เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล - ตอนที่ 319
Sign in Buddha’s palm 319 ดวงตาตะวันสีทองและการตายของเซียนเทพปฐพี
เหลยเฉียนจือแข็งแกร่งมากไม่ว่าจะเป็นกายเนื้อหรือพลังแห่งกฎเกณฑ์ล้วนได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีอย่างสมบูรณ์แล้วถือเป็นความสําเร็จอันยิ่งใหญ่ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนๆแม้ครงก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่จะเข้ามาพวกเขาก็ต้องรู้สึกเหมือนติดอยู่ในกับดักยากที่จะขยับกายหนีไปไหนได้เว้นแต่จะละทิ้งร่างได้ทันและใช้จิตวิญญาณแรกกําเนิดหนีออกไปไกลแสนไกลไม่เช่นนั้นก็คงไม่ต่างไปจากหมูในอวย
ส่วนดาบสายฟ้าในมือของเหลยเฉียนจือมันถูกสร้างขึ้นโดยผู้ทรงพลังถึงขีดสุดด้วยการหล่อหลอมจากสายฟ้าสวรรค์เก้าชั้นฟ้าแม้จะต้องเผชิญหน้ากับเซียนเทพปฐพี่คนอื่นๆดาบสายฟ้านี้ก็สามารถเป็นตัวช่วยที่ยอดเยี่ยม สร้างความได้เปรียบให้ไม่น้อย
แต่น่าเสียดายที่เหลยเฉียนจือต้องมาพบกับซูฉินซึ่งประสานเข้ากับร่างศักดิ์สิทธิ์อีกาทองคํา
ร่างศักดิ์สิทธิ์อีกาทองคําถูกสร้างขึ้นจากการที่ซูฉินสําเร็จภาพดวงตะวันฯ ระดับเล็กเป็นการจําลองพลังดั้งเดิมของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในด้านเปลวเพลิงนั่นคืออีกาทองคําสามขายิ่งกว่านั้นซูฉันยังก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีอย่างสมบูรณ์แล้วด้วย
เมื่อก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีจิตวิญญาณแรกก่าเนิดจะผสานเข้ากับทะเลปราณดึงพลังจากทะเลปราณมาขัดเกลาเนื้อหนังทําให้ร่างกายของซูฉินพัฒนาขึ้นอีกครั้ง
นี่คือเหตุผลที่ซูฉินสามารถทําร้ายเหลยเฉียนจือได้ด้วยฝ่ามือเดียว
ฝ่ามือของซูฉินไม่เพียงแต่มีพลังของเซียนเทพปฐพีแต่ยังมีพลังจากร่างศักดิ์สิทธิ์อีกาทองคําด้วยด้วยการทับซ้อนกันของพลังทั้งสองพลังมันจะไม่มากขึ้นเป็นทวีคุณหรอกหรือ?
“เป็นไปไม่ได้?!”
“ร่างกายของเจ้าแข็งแกร่งปานนี้ได้อย่างไร?”
แม้ว่าเหลยเฉียนฉือจะกระอักเลือดออกมาแต่อาการบาดเจ็บของเขาก็ค่อยๆทรงตัวนี่คือกายธรรมชาติของเซียนเทพปฐพีปราณเลือดที่มีอยู่อย่างมากมายช่วยให้อาการบาดเจ็บต่างๆสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วตราบเท่าที่ไม่ทําร้ายแก่นพลัง
แน่นอนว่าแม้จะมีกายแห่งธรรมชาติก็ยังด้อยกว่าทิพยอํานาจกายเนื้อกําเนิดใหม่ของซูฉินตัวอย่างเช่นตอนที่เหลยเฉียนจือเกือบจะตัดร่างของซูฉินออกเป็นสองส่วนด้วยดาบสายฟ้าหากเป็นเซียนเทพปฐพี่คนอื่นๆเกรงว่าร่างกายคงจะทรุดโทรมลงไปเสียนานแล้วจะฟื้นตัวกลับมาเช่นนี้ได้อย่างไร?
“มนุษย์สวรรค์อาณาจักรถังเอาเป็นว่าข้าจะหยุดมือแล้วได้หรือไม่?”
“นิกายเทพเจ้าสายฟ้าของข้าสาบานว่าจะไม่ก้าวเข้ามาในเขตแดนอาณาจักรถังอีกตลอดชีวิต”
เหลยเฉียนจือสมควรแล้วกับการเป็นเซียนเทพปฐพี่ที่นานครั้งจะมีสักคนหนึ่งในรอบหนึ่งพันปีเมื่อเห็นว่าสิ่งตรงหน้ายากเกินกว่าจะหักหาญจึงเตรียมไม้อ่อนไว้รับมือในทันทีแม้ว่าเหลยเฉียนฉือจะยังคงมีกระบวนท่าแลกชีวิตแต่ก็ไม่ได้ใช้ออกไปเพราะกระบวนท่านี้ทุกครั้งที่เขาใช้ออกมันจะต้องจ่ายราคามหาศาล และสุดท้ายก็บอกไม่ได้อยู่ดีว่าจะสามารถจัดการกับซูฉินได้
ดังนั้นเหลยเฉียนจือจึงไม่ลังเลที่จะยอมลงให้หนึ่งก้าว
สําหรับเหลยเฉียนจือ เขาได้เข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีก็ตอนที่อายุได้ราวๆห้าถึงหกร้อยปีไม่จําเป็นต้องต่อสู้กับซูฉินอย่างเอาเป็นเอาตาย
“หยุดมือ?”
เมื่อซูฉินได้ยินสิ่งนี้ สีหน้าประชดประชันก็ปรากฏให้เห็น
เหลยเฉียนจือมาทุบประตูบ้านเอง ตัวเขาเคยคิดจะหยุดมือกับอาณาจักรถังหรือไม่?
ถ้าไม่ใช่เพราะร่างจําแลงของซูฉันคอยขัดขวางถ่วงเวลาเหลยเฉียนจือเอาไว้ ผลที่ตามมาคงเป็นหายนะอย่างแน่นอน
แม้ว่าซูฉินจะปิดด่านฝึกตนอยู่ภายในโถงพระราชวังอันสูงตระหง่านใต้เมืองฉางอันมีการคุ้มกันด้วยตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณและธงปูฏทําให้เหลยเฉียนจือที่เป็นเซียนเทพปฐพี่ก็ไม่อาจหาเจอไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง
แต่คนอื่นๆ เล่า?
หากเหลยเฉียนจือไม่พบซูฉิน แน่นอนจะต้องระบายความโกรธเกรี้ยวกับคนอื่นๆอย่างแน่นอนเมื่อถึงตอนนั้นทุกคนในตระกูลซูจักรพรรดิถังรวมถึงคนอื่นๆอาจจะตายกันจนหมด
ดังนั้นตั้งแต่ต้นจนจบ ซูฉันจึงไม่คิดที่จะหยุดมือต่อเหลยเฉียนจือแม้แต่น้อย
“ไม่จําเป็น
“เจ้าควรจะตายไปเสียดีกว่า”
ซูฉินเหยียดมือขวาออกไปอีกครั้ง และเห็นทะเลปราณอันกว้างใหญ่ปรากฏขึ้นราวกับภูเขาศักดิ์สิทธิ์ในยุคโบราณเข้าปราบปรามเหลยเฉียนจือ
ปีก!
เหลยเฉียนจอยกดาบสายฟ้าขึ้นอีกครั้งพยายามปิดกันฝ่ามือของซูฉิน พลังที่น่าหวาดกลัวยังคงแทรกทะลุลงมาเมื่อเทียบกับฝ่ามือก่อนหน้าของซูฉิน ฝ่ามือนี้ยิ่งใหญ่กว่าอย่างเห็นได้ชัด
“เมื่อครู่เจ้ายังออมมืออยู่งั้นหรือ”
ใบหน้าของเหลยเฉียนจือกลายเป็นสิ้นหวังอย่างยิ่ง
อัก
เหลยเฉียนลือกระอักเลือกออกมาอีกครั้ง
ตูม!!!
ก่อนที่เหลยเฉียนฉือจะฟื้นตัว เขาก็โดนฟาดใส่อีกครั้งหนึ่ง ร่างกระเด็นลอยไปด้านหลังอย่างไม่อาจควบคุม
บรรพชนนิกายใหญ่ทั้งหลายเฝ้าดูการต่อสู้จากระยะไกลด้วยความตกใจ
ในสายตาของพวกเขา เซียนเทพปฐพี่คือผู้ที่ไร้เทียมทานแต่เมื่อมาอยู่ต่อหน้าซูฉินกลับเป็นเหมือนก้อนหินที่กระเด็นกระดอนไปมา?
“ห่างชั้นกันเกินไปแล้ว”
ซูฉินฟาดฝ่ามือออกไปหลายสิบครั้งอย่างต่อเนื่องและพลังของแต่ละฝ่ามือก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากฝ่ามือที่ยี่สิบเป็นต้นไปพลังก็ระเบิดออกมาจนฟ้าถล่มดินทลาย
โชคดีที่เหลยเฉียนจือเป็นเซียนเทพปฐพีที่มีกายแห่งธรรมชาติควบคู่ไปกับการปกป้องจากอาณาเขตขนาดใหญ่รวมถึงมีไพ่ลับมากมายกันตายไม่เช่นนั้นแม้จะเป็นภูเขาใหญ่ ภายใต้ฝ่ามือนับสิบของซูฉันมันก็คงต้องถูกพัดลอยปลิวไปไกลแล้ว
“ควรจะจบได้แล้ว”
ซูฉินเหลือบมองเหลยเฉียนจือ
ในขณะนี้เหลยเฉียนจืออยู่ในสภาพที่อนาถยิ่งเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งภายใต้พลังอันน่าสยดสยองใบหน้ากลายเป็นสีเทาราวกับคนตายไม่มีร่องรอยของเลือดฝาดเหลืออยู่แม้แต่ร่างกายก็มีบาดแผลอยู่ทั่วไปหมดแม้ว่าเขาจะปิดกั้นฝ่ามือของซูฉินหลายสิบฝ่ามือไว้ได้แต่เหลยเฉียนจือก็ถูกโจมตีอย่างหนักหน่วงเช่นกัน
ในความเป็นจริง การที่เหลยเฉียนจือสามารถต่อต้านได้เป็นเวลานานขนาดนี้ก็เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายของซูฉันแล้ว
รู้หรือไม่ว่าพลังในทุกๆฝ่ามือของซูฉันคือการซ้อนทับกันของพลังจากขอบเขตเซียนเทพปฐพี่และร่างศักดิ์สิทธิ์อีกาทองคํามันเพียงพอที่จะทําลายภูเขาและผืนน้ํา
ด้วยการโจมตีที่รุนแรงเช่นนี้เหลยเฉียนจือยังสามารถรอดชีวิตอยู่ได้ ก็นับว่าเป็นตัวตนที่สูงล่าแล้วในสายตาของซุฉิน
“ตายเสียเถอะ”
ในที่สุดซูฉินก็เลือกจะลงมือขั้นเด็ดขาดเสียที ควบคุมอากาศในรัศมีร้อยลี้โดยรอบจนอาณาเขตของเหลยเฉียนจือถูกระงับไปและแม้แต่ดาบสายฟ้าในมือของเหลยเฉียนจือยังส่งเสียงร้องคร่ําครวญออกมา
“ไม่! แม้แต่ดินแดนต้องห้ามหุบเขาสายฟ้าสัมบูรณ์ก็ไม่สามารถสังหารข้าได้มนุษย์สวรรค์อาณาจักรถังจะสังหารข้าได้อย่างไร?!”
สายฟ้าสีม่วงปรากฏขึ้นระหว่างคิ้วของเหลยเฉียนจือ กลิ่นอายที่น่าสยดสยองก็พวยพุ่งออกมาจนทําให้หลุดออกจากการควบคุมของซูฉิน
“คมดาบคุกสายฟ้าสัมบูรณ์!!!”
เหลยเฉียนจือยกดาบสายฟ้าขึ้นอีกครั้ง และด้วยพลังสายฟ้าที่น่าสะพรึงกลัวพวยพุ่ง เขาก็ฟาดมันออกไปทางซูฉินอย่างรุนแรง
คมดาบนี้เผาผลาญพลังและจิตวิญญาณแรกกําเนิดของเหลยเฉียนจือ แม้แต่สายฟ้าสวรรค์เก้าชั้นฟ้าที่อยู่ภายในดาบสายฟ้าก็ยังลุกไหม้
รัศมีพลังเกินขอบเขตที่โลกจะรับได้ เกือบจะบุกทะลวงความว่างเปล่าอยู่รอมร่อ
คมดาบคุกสายฟ้าเป็นครึ่งกระบวนท่าที่เหลยเฉียนจอได้ตระหนักรู้มา หลังจากอยู่ภายในหุบเขาสายฟ้าสัมบูรณ์เป็นเวลาสามร้อยปี
ตามการคาดเดาของเหลยเฉียนจือ กระบวนท่าสังหารนี้ควรจะเป็นมรดกชิ้นหนึ่งที่ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดทิ้งเอาไว้ภายในหุบเขาสายฟ้าสัมบูรณ์อย่างไรก็ตามเหลยเฉียนจือสามารถเข้าใจมันได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
ยิ่งกว่านั้น นี่คือกระบวนท่าสุดท้ายที่เมื่อใช้แล้วพลังของเหลยเฉียนจือจะเริ่มลุกไหม้รวมไปถึงพลังชีวิตและจิตวิญญาณแรกกําเนิดด้วย
นี่เป็นกระบวนท่าสังหารยามเมื่อเหลยเฉียนจือสิ้นหวัง เขาไม่เต็มใจจะใช้กระบวนท่านี้แม้จะเป็นในช่วงเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายด้วยซ้ำเว้นแต่จะเป็นทางเลือกสุดท้าย
ท้ายที่สุดแล้ว พลังชีวิตนั้นคือสัญลักษณ์ของอายุขัยเมื่อเผาไหมไปแล้วมันนํากลับคืนมาไม่ได้ด้วยอาการบาดเจ็บนี้เหลยเฉียนจือจะต้องเสียอายุขัยไปอย่างน้อยหนึ่งร้อยปีการสูญเสียเช่นนี้คงไม่ต้องให้กล่าวถึงว่ามากเพียงใด
ครั้น!
โลกมืดดําไปในทันที ประกายดาบก็ปรากฏขึ้นในสายตาของทุกคน ราวกับมันแตกแยกออก เป็นคมดาบนับแสนตัดผ่านฝ่ามือที่ซูฉินใช้ออกครั้งสุดท้ายไปจนสิ้น
“น่ากลัวเกินไปแล้ว”
“นี่คือเซียนเทพปฐพีอย่างนั้นหรือ?”
บรรพชนทั้งหลายที่ดูการต่อสู้อยู่พลันขนหัวลุก แม้ว่าประกายดาบจะไม่ได้เล็งมาทางพวกเขาแต่ทุกคนในที่แห่งนี้ก็ยังรู้สึกว่าร่างของพวกเขาแทบจะถูกตัดผ่าจิตวิญญาณแทบจะหยุดนิ่ง
แค่มองจากระยะไกลยังรู้สึกเช่นนี้ นับประสาอะไรกับซูฉินที่เผชิญหน้ากับกระบวนท่านี้อยู่?
“มนุษย์สวรรค์อาณาจักรถังจะหยุดมันได้หรือไม่?”
ผู้คนนับไม่ถ้วนคิดออกมาเช่นนี้อย่างรวดเร็ว
แม้ว่าความแข็งแกร่งของซูฉินที่แสดงให้เห็นเมื่อครู่จะระงับยังยั้งเหลยเฉียนจืออย่างสมบูรณ์แต่ประกายดาบคมดาบที่เหลยเฉียนจ่อฟันออกมานี้ก็เห็นได้ชัดว่ามันเป็นอีกระดับหนึ่งมันเป็นไฟตายที่เก็บซ่อนเอาไว้ซูฉินจะสามารถหยุดยั้งมันได้หรือไม่?
“ค่อนข้างน่าสนใจ?”
“มันเป็นกระบวนท่าที่ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดทิ้งเอาไว้หรือเปล่านะ?”
ซูฉันเห็นประกายดาบที่กรีดเฉือนทุกสิ่ง ใบหน้าของเขาก็ดูครุ่นคิด
จอมยุทธคนอื่นอาจจะคิดว่ากระบวนท่านทรงพลัง แต่ในสายตาของซูฉิน ไอพลังของมันยังไม่ ถึงขนาดทําลายชั้นบรรยากาศของโลกจะฉีกความว่างเปล่าจริงๆได้อย่างไร?
แน่นอนว่าไอพลังของประกายดาบนี้ไม่ใช่พลังที่จะตัดผ่านความว่างเปล่าได้ มันเป็นเพียงกลิ่นอายบางๆไม่รู้ว่ามันห่างไกลจากการทําลายความว่างเปล่าได้จริงไปมากแค่ไหน แต่ไอพลังในกระบวนท่านี้มันหมายความว่ากระบวนท่าไม้ตายนี้เกี่ยวข้องกับผู้ทรงพลังถึงขีดสุดหรืออาจจะเป็นสิ่งที่ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดทิ้งเอาไว้
“น่าเสียดายจริงๆ”
“ที่มันเป็นเพียงครึ่งกระบวนท่า…”
“ถ้าเจ้าสามารถออกกระบวนท่าได้ทั้งหมด ก็คงจะทําร้ายข้าได้ แต่ครึ่งกระบวนท่า….”
ซูฉินสายศีรษะเล็กน้อยดวงตะวันขนาดมหึมาลุกไหม้อยู่ในดวงตาของเขาและแผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็วในที่สุดมันก็ท่วมไปทั้งเบ้าตา
มองจากระยะไกลจะเห็นดวงตาของซูฉันลุกไหม้อย่างดุเดือด เหมือนกับเทพอัคคีเสด็จมาบนพื้นโลกเข้าควบคุมไฟทั้งหมดเผาผลาญทุกสิ่ง
ดวงตาตะวันสีทอง
หลังจากประความสําเร็จระดับเล็กในภาพดวงตะวันขนาดมหึมาซูฉันก็เริ่มเชี่ยวชาญทิพยอํานาจที่เกี่ยวข้องกับอีกาทองคําสามขาและในที่สุดมันก็ได้เฉิดฉายในยามนี้
หวิ่ง!!!
เหนือน่านฟ้า ราวกับมีดวงอาทิตย์อีกสองดวงโผล่ขึ้นมาเปลวเพลิงอันน่าสะพรึงกลัวค่อยๆกลายเป็นเสาเพลิงสองต้นพุ่งตรงออกไป เมื่อซูฉินกวาดสายตาอากาศก็เริ่มบิดเบี้ยวในทุกทิศทางที่เสาเพลิงพาดผ่านประกายคมดาบที่ฟันมาทางซูฉินก็ต้านรับได้เพียงครู่เดียวก่อนจะพังทลายลงกลายเป็นเชื้อเพลิงให้กับเปลวไฟ
“นี่นี่นี่….”
เมื่อเห็นฉากนี้ มือเท้าของเหลยเฉียนจือก็เย็นเยียบไม่อยากจะเชื่อสายตา
นี่เป็นกระบวนท่าระดับสูงที่เขาเรียนรู้มาจากหุบเขาสายฟ้าสัมบูรณ์ซึ่งเป็นไปได้ว่าถูกทิ้งไว้โดยผู้ทรงพลังถึงขีดสุดแม้ว่าเหลยเฉียนจือจะเข้าใจมันได้เพียงครึ่งทางแต่ก็ไม่ควรจะถูกปิดกั้นโดยง่ายด้วยฝีมือของเซียนเทพปฐพี่ธรรมดาๆ
เหลยเฉียนจือฟันคมดาบนี้ออกไปโดยยอมแลกกับทุกสิ่งทุกอย่าง อาจจะไม่ต้องถึงขั้นที่สั่งหารซูฉินได้แต่อย่างน้อยก็ควรได้รับบาดเจ็บสาหัสและเมื่อถึงตอนนั้นเหลยเฉียนฉือจะสามารถถอยกลับได้โดยสงบ
แต่ความจริงที่เกิดขึ้นเล่า?
กระบวนท่าไม้ตายกลับถูกเผาจนหมดสิ้นด้วยเปลวเพลิงจากดวงตาของซุฉิน
เพียงเท่านั้น
ไม่ทันที่เหลยเฉียนฉือจะตอบสนองสิ่งใดได้
เปลวเพลิงที่พุ่งออกมาจากดวงตาของซูฉันก็เข้าห่อหุ้มร่างของเหลยเฉียนลือ
หลังจากนั้นเพียงชั่วครู่
เหลยเฉียนจือก็กรีดร้องโหยหวนอย่างน่าสังเวช ร่างกายของเขาถูกเผาจนเหลือแต่ความว่างเปล่า
ในที่สุดจิตวิญญาณแรกกําเนิดของเหลยเฉียนจอก็หลบหนีออกไป พยายามกําจัดเปลวเพลิงที่น่าสะพรึงกลัวนี้
แต่ดวงตาตะวันสีทองเป็นทิพยอํานาจจากสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ธาตุไฟที่แข็งแกร่งที่สุด นั่นคืออีกาทองคําสามขาแม้จะอ่อนแอกว่าทิพยอํานาจธาตุไฟประเภทอื่นๆอย่างเปลวเพลิงที่แท้จริงหรือร่างอมตะจิตวิญญาณเพลิงแต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เหลยเฉียนฉือจะหลบหนีได้
เมื่อเปลวเพลิงลุกลามไป จิตวิญญาณแรกกําเนิดของเหลยเฉียนจือก็ถูกเผาไหม้จนกลายเป็นอากาศธาตุ
ด้วยทิพยอํานาจของซูฉินขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ที่ยากจะเจอสักหนึ่งคนในรอบพันปีได้ตกตายโดยสมบูรณ์ไม่เหลือแม้แต่จิตวิญญาณแรกกาเนิด
ผู้ชมเงียบกริบ
จอมยุทธที่ได้เห็นฉากดังกล่าวด้วยตาของตนเองล้วนหน้าตาหมองคล่าราวกับได้พบเห็นปาฏิหาริย์