เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล - ตอนที่ 320
Sign in Buddha’s palm 320 ครองโลกเพียงผู้เดียว
“นะโม อมิตาพุทธ!”
ด้านนอกเมืองฉางอัน มีสงฆ์ชราคิ้วโค้งโก่งดูใจดี มองไปยังเหลยเฉียนจือที่ขณะนี้กลายเป็นความว่างเปล่าไปแล้วด้วยเปลวเพลิง อดไม่ได้ที่จะก้มศีรษะลงพร้อมกับร่ายคําออกมา
ในช่วงหมื่นปีที่ผ่านมานี้ เซียนเทพปฐพีอยู่เหนือทุกสิ่ง ไม่ต้องกล่าวถึงการตกตาย แม้จะอยู่ในยุคเฟื่องฟุกระแสปราณีฉครั้งล่าสุด เซียนเทพปฐพีก็ยังนับเป็นมหาอํานาจในระดับหนึ่ง ด้วยอายุขัยที่มีกว่าพันปี สามารถทําความเข้าใจฟ้าดินได้มากมาย
“พละกําลังของผู้เป็นใหญ่ในโลกแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ…” บรรพชนหกที่อยู่ถัดไปจากสงฆ์ชรา ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
แม้วิหารหมื่นพุทธจะสืบทอดมรดกมากว่าหมื่นปี มีภูมิหลังมากมายนับไม่ถ้วน มีแม้กระทั่ง สมบัติพุทธคุณที่เต็มไปด้วยพลังสะกดข่ม แต่ก็มันก็ปิดกั้นขอบเขตเซียนเทพปฐพีได้ในช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น ส่วนการสังหาร…..เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
เว้นไว้แต่องค์ยูไลจากวิหารหมื่นพุทธจะฟื้นคืนชีพกลับมา ในยุคที่กระแสปราณฉีเงียบงันเช่นนี้ ใครเล่าจะสามารถสังหารเซียนเทพปฐพีได้?
“บรรพชนหนึ่ง ท่านต้องการให้พวกเราไปเยี่ยมเยียนผู้เป็นใหญ่ในโลกหรือไม่?” บรรพชนเจ็ดมองไปที่สงฆ์ชราที่ดูใจดี อดไม่ได้ที่จะถามออกมา
เหลยเฉียนจือหวนคืนกลับมาและเริ่มถมทะเลด้วยแผ่นดิน สร้างเกาะเทพเจ้าสายฟ้าให้ขยายออกไป การเคลื่อนไหวนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด? บรรพชนทั้งสิบจากวิหารหมื่นพุทธย่อมรู้ตัวกันตั้งแต่ แรกๆ
สงฆ์ชราที่มีคิ้วโค้งดูใจดีเป็นบรรพชนล่าดับที่หนึ่งของวิหารหมื่นพุทธ ตามตํานานเล่าขาน เขาได้ก้าวเข้าไปยังขอบเขตยอดอรหันต์แล้ว ได้หยุดอยู่ในขอบเขตนั้นชั่วขณะหนึ่ง และสุดท้ายก็แตกพ่ายเพราะได้รับผลกระทบจากทะเลปราณ
เมื่อเทียบกับครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่คนอื่นๆ บรรพชนลําดับที่หนึ่งของวิหารหมื่นพุทธแข็งแกร่งกว่า เหล่าครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่คนอื่นๆ ก้าวเข้าสู่ขอบเขตนี้เพียงครึ่งเดียว แต่บรรพชนหนึ่งได้ก้าวเข้าไปอย่างสมบูรณ์ แต่เป็นเพราะฟันเฟืองภายในทะเลปราณจึงถูกบังคับให้ต้องแตกพ่ายกลับมา
“ไม่ต้อง
“ด้วยความสามารถของผู้เป็นใหญ่ในโลก คงสังเกตเห็นการมาถึงของพวกเราแล้ว ถึงจะต้องการไปเข้าพบ แต่พวกเราก็คงดื้อดึงเข้าไปพบไม่ได้”
สงฆ์ชราขมวดคิ้วมุ่นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งส่ายศีรษะน้อยๆ ในที่สุดก็แสดงท่าทางหวั่นเกรงผสมกับความชื่นชมในน้ําเสียงที่เปล่งออกมาว่า “ชาตินี้ได้เห็นผู้เป็นใหญ่ในโลกลงมือ แม้จะเป็นเพียงร่างอวตารเท่านั้น ก็คุ้มค่าเกินบรรยายแล้ว”
บรรพชนนิกายใหญ่คนอื่นๆ ที่รับชมอยู่ก็หัวสมองว่างโล่งไปหมด ไม่สามารถกล่าวอะไรออ กมาได้สักค่า
ทุกคนจ้องไปยังชายผู้มีดวงตาอันร้อนแรง เหลยเฉียนจือก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่แล้ว ควรจะยิ่งใหญ่คับฟ้า ครองโลกไปได้อีกห้าร้อยปี แต่ผลลัพธ์กลับต้องมาตกตายอยู่ในที่แห่งนี้
ใครเล่าจะคาดคิดผลลัพธ์เช่นนี้ออกมาได้? ใครเล่าจะกล้าคาดคิด?
“ไร้เทียมทาน ไร้เทียมทานในใต้หล้าโดยแท้!”
บรรพชนสํานักเทพโอสถมือสั่นเทา มองไปที่ซุฉินด้วยความประหลาดใจ มีทั้งความกลัวและความตื่นเต้นที่มากมายไม่รู้จบยามเมื่อมองไปยังซูฉิน
นับตั้งแต่สิ้นสุดยุคกระแสปราณฉีครั้งล่าสุด มรดกได้ตกทอดอยู่ในต่างดินแดนมานับหมื่นปี เป็นหมื่นปีที่เซียนเทพปฐพี่ได้รับการขนานนามว่าอยู่ยงคงกระพัน
แต่ความอยู่ยงคงกระพันของเซียนเทพปฐพีเหล่านั้นล้วนมาจากขอบเขตพลังอันยิ่งใหญ่ ตัวอย่างเช่น เซียนเทพปฐพี่สามารถทําลายล้างตํานานยุทธขั้นสูงสุดนับร้อยนับพันได้เพียงการขยับ ตัว
แต่กับซูฉิน การสังหารเซียนเทพปฐพีในขอบเขตเดียวกัน นับเป็นความสามารถที่ไร้เทียมทานในใต้หล้าโดยแท้
บรรพชนที่เหลือต่างก็หน้าซีด โดยเฉพาะบรรพชนนิกายเทพเจ้าสายฟ้า ที่มีท่าทีหวาดกลัวสุดขีด
เหลยเฉียนจือได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี มันควรจะเป็นนิกายเทพเจ้าสายฟ้าที่ก้าวเข้าสู่ยุครุ่งเรือง ครอบงําใต้หล้า แต่ตอนนี้เหลยเฉียนจือกลับตกตายไปแล้ว ความห่างชั้นระดับนี้เพียงพอที่จะทําให้บรรพชนนิกายเทพเจ้าสายฟ้าต้องล้มหายตายจาก
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่ทําให้บรรพชนนิกายเทพเจ้าสายฟ้าหวาดกลัวคือซูฉินจะจัดการนิกายของพวกตนอย่างไร? รู้หรือไม่ว่าการที่เหลยเฉียนจือมาโจมตีเมืองฉางอันด้วยตัวเองเทียบเท่ากับการฉีกหน้าของซฉินอย่างสมบูรณ์ ตอนนี้ซูฉินได้สังหารเหลยเฉียนจือจนสิ้น เกรงว่าขั้นต่อไปคงจะไม่พ้นนิกายเทพเจ้าสายฟ้า
แม้ว่าเซียนเทพปฐพี่จะมองข้ามมนุษย์ปุถุชนและไม่ได้สนใจความคิดเห็นของหมู่มด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะยอมให้ถูกคนอื่นรังแก
นิกายเทพเจ้าสายฟ้าได้ลงมือกับซูฉินสามถึงสี่ครั้งแล้ว แม้แต่เซียนเทพปฐพีก็ยังถูกส่งมาก่อความวุ่นวายให้ซูฉิน ซูฉินจะปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ ได้อย่างไร?
“พละกําลังของมนุษย์สวรรค์แห่งอาณาจักรถังช่างน่าย่าเกรงจริงๆ……”
บรรพชนตําหนักเทพเจ้าหิมะอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกอย่างช้าๆ ด้วยน้ําเสียงที่แสดงความตกใจและอธิบายไม่ถูก
ทันทีที่ค่ากล่าวนี้ดังขึ้น บรรพชนคนอื่นๆก็ตัวสั่นทันที
คําว่า ‘น่าย่าเกรง” มักจะเอาไว้กล่าวถึงตัวตนในตํานาน เทพเซียน และองค์ยูไล สําหรับผู้ที่แข็งแกร่งในระดับธรรมดา แม้แต่เซียนเทพปฐพีอย่างมากก็ควรจะกล่าวถึงว่าน่ากลัวแค่เท่านั้น
วันนี้บรรพชนตําหนักเทพเจ้าหิมะกลับบรรยายลักษณะของซูฉินว่า น่ายําเกรง” เป็นไปได้ว่าในใจของนาง ซูฉินมีความสําคัญเพิ่มมากขึ้นจนถึงระดับเทพเซียนหรือองค์ยูไล
การที่อยู่ในยุคกระแสปราณจี้เงียบงัน กฏเกณฑ์ต่างๆ ก็เสื่อมถอย ไม่เพียงแต่เข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ได้ ยังสังหารเซียนเทพปฐพี่ด้วยเพียงการออกกระบวนท่า ความสามารถดังกล่าว ถ้าไม่ใช่เทพเซียนหรือองค์ยูไลแล้วจะให้เรียกว่าอะไร?
“มนุษย์สวรรค์อาณาจักรถัง……”
มีบรรพชนกระซิบค่าสี่คํานี้ออกมา เป็นคําที่ดูเหมือนจะครอบงําโลกได้ทั้งใบ
เมื่อเทียบกับบรรพชนนิกายเทพเจ้าสายฟ้าที่ตื่นตระหนก บรรพชนนิกายใหญ่แห่งอื่นๆ ดูสงบกว่ามาก ท้ายที่สุดเหลยเฉียนจือก็เป็นสมาชิกนิกายเทพเจ้าสายฟ้า และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดกับบรรพชนคนอื่นๆ พวกเขาไม่ได้เป็นคนขอให้เหลยเฉียนจือมาโจมตีเมืองฉางอัน
แต่กระนั้น บรรพชนคนอื่นๆ ก็ยังตกตะลึงไม่หาย
เหลยเฉียนจือต่อสู้กับซูฉินได้อย่างเต็มที่ที่สุดแล้ว อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ระหว่างเซียนเทพปฐพี แม้ว่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพ่ายแพ้ไป แต่อย่างมากก็ควรจะถอยกลับไปได้
แต่ยามนี้เหลยเฉียนจือตกตายลงโดยสมบูรณ์ มนุษย์สวรรค์แห่งอาณาจักรถังเก่งกาจไร้เทียมทานเช่นนี้ เป็นเรื่องที่เหนือจินตนาการของทุกผู้ทุกคน
“พี่สามชนะ…
ในที่สุดรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจักรพรรดิถังได้สักที
ซูเยวหยุนและสมาชิกตระกูลซูก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก การต่อสู้ครั้งนี้มันรุนแรงเกินไปสําหรับพวกเขา
โดยเฉพาะตอนที่ร่างจริงของซูฉันยังไม่ออกมา ใช้เพียงร่างจําแลงเพื่อเผชิญหน้ากับศัตรูอย่างเหลยเฉียนจือ มันยิ่งดูอันตรายเข้าไปใหญ่ ในช่วงสุดท้าย ดาบสายฟ้าของเหลยเฉียนจือเกือบจะตัดร่างของซูฉินขาดออกเป็นสองส่วน ทําให้ตระกูลซูทุกคนรู้สึกหัวใจแทบแตกสลาย
“ลุงสามน่าทึ่งจริงๆ” หลีหว่านกําดาบยาวในมือของตนแน่น กะพริบตาปริบๆ โดยไม่รู้ว่านางกําลังคิดสิ่งใดอยู่
“ด้วยความแข็งแกร่งของนายท่าน ถ้าประตูเซียนไม่ได้ออกมา ใครในโลกหล้านี้จะเป็นคู่ต่อสู้ของนายท่านได้กัน?” ชายชราเฟยยกลืนน้ําลาย และรู้ว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่ยอมจํานนอย่างเต็มที่ตอนอยู่บนเกาะหมั่นดาบ มอบความลับเพื่อแลกกับการคุ้มกันจากซูฉิน
“ทิพยอานาจดวงตาตะวันสีทอง คู่ควรกับการเป็นทิพยอํานาจประเภทโจมตีจริงๆ……”
เหนือความสูงหลายพันเมตร ซูฉันยังไม่ได้จากไปในทันที ใช้จิตวิญญาณแรกกําเนิดและอาณาเขตขนาดใหญ่กวาดไปทั่วบริเวณเพื่อยืนยันว่าเหลยเฉียนจือตกตายอย่างสมบูรณ์แล้วหรือ
ท้ายที่สุด เมื่อเทียบกับขอบเขตตํานานยุทธ ความสามารถในการเอาตัวรอดของเซียนเทพปฐพีนั้นแข็งแกร่งกว่ามาก ไม่ใช่แค่เรื่องร่างกาย แต่จิตวิญญาณแรกกําเนิดก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทําลาย
ตํานานยุทธขั้นสูงสุดยังกําเนิดใหม่ได้ แล้วเซียนเทพปฐพีจะทําไม่ได้หรือ? ตราบใดที่ร่องรอย จิตวิญญาณแรกกําเนิดหลบหนีไปได้ ก็สามารถฟื้นคืนความแข็งแกร่งได้หลังจากผ่านไปหลายสิบ
นี่ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทําให้เซียนเทพปฐพีไม่ตกตายง่ายๆ แม้แต่ในยุคเฟื่องฟูกระแสปราณฉี
แม้จะเป็นเซียนเทพปฐพี่ขั้นสูงสุดอย่างจ้าวทะเลบูรพาก็จะไม่โจมตีเซียนเทพปฐพี่ตา มอําเภอใจ ไม่เช่นนั้น หากคู่ต่อสู้รอดไปได้ด้วยจิตวิญญาณแรกกําเนิด ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดเพื่อแก้แค้นในอีกร้อยปีต่อมา มันจะไม่น่าปวดหัวหรอกหรือ?
แน่นอนด้วยความแข็งแกร่งของซูฉิน เขาไม่สนใจว่าเหลยเฉียนฉือจะเกิดใหม่อีกกี่ครั้ง สุดท้ายปัญหาก็ยังเป็นปัญหา
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ซูฉินไม่คาดคิดคือด้วยทิพยอํานาจดวงตาตะวันสีทองที่ตื่นขึ้นหลังจากเสร็จภาพดวงตะวันฯระดับเล็ก เหลยเฉียนจือได้ตกตายลงอย่างสมบูรณ์
นี่เป็นเพราะซูฉินประเมินดวงตาตะวันสีทองต่าเกินไป
แม้ว่าดวงตาตะวันสีทองจะไม่ใช่ทิพยอํานาจที่แข็งแกร่งที่สุดของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างอีกา ทองคําสามขา แต่ก็ไม่ควรมองข้าม เหลยเฉียนจือที่เพิ่งกลายมาเป็นเซียนเทพปฐพี่ทั้งยังได้รับบาดเจ็บจากซูฉิน จะหยุดยั้งพลังของดวงตาตะวันสีทองได้อย่างไร?
แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นดวงตาตะวันสีทองหรือทิพยอํานาจอื่นๆ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของซูฉินเอง หากซฉันมีความสามารถในระดับของอีกาทองคําสามขาตัวเต็มวัย ด้วยรังสีพลังของดวงตาตะวันสีทอง เกรงว่าแผ่นดินคงจะโดนเผาจนเหลือแต่ความว่างเปล่า
หลังจากยืนยันได้ว่าเหลยเฉียนจือตกตายลงอย่างสมบูรณ์ และไม่มีเศษเสี้ยวพลังอะไรเหลืออีกต่อไป ซูฉินก็ค่อยๆรับรู้ความแข็งแกร่งของตนเองโดยละเอียด
ต้องบอกว่าความแข็งแกร่งของเหลยเฉียนจือนั้นดีมากแม้จะเพิ่งเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี และด้วยดาบสายฟ้าในมือบวกกับคมดาบคุกสายฟ้าสัมบูรณ์ที่ใช้ออกเป็นครั้งสุดท้ายก็เทียบเท่าได้กับตัวตนทรงอํานาจที่อยู่ในขอบเขตเซียนเทพปฐพี่มานมนาน
แต่ถึงเหลยเฉียนฉือจะแข็งแกร่ง ซูฉันก็แข็งแกร่งกว่าอยู่ดี
เวลาต่อมา ซูฉินได้ก้าวเท้าหายตัวไปจากระดับความสูงหลายพันเมตร และมาปรากฏตัวต่อหน้าบรรพชนนิกายใหญ่ที่กําลังเฝ้าดูการต่อสู้อยู่
“คารวะมนุษย์สวรรค์”
บรรพชนทุกคนต่างตกใจ รีบโค้งค่านับลงอย่างรวดเร็ว
ในตอนนี้ซูฉินไม่ต่างไปจากเทพเซียนหรือองค์ยูไลในหัวใจของบรรพชนทั้งหลาย พวกเขาจะกล้าทําตัวไม่เคารพได้อย่างไร?
“มนุษย์สวรรค์ ข้า ข้า ข้า……” มีเพียงบรรพชนนิกายเทพเจ้าสายฟ้าเท่านั้นที่เต็มไปด้วยความขมขื่น เมื่อซูฉินมาปรากฏตัวตรงหน้า พวกเขาก็พลันรู้สึกได้ถึงบางอย่าง
“นิกายเทพเจ้าสายฟ้าของพวกเจ้ายั่วยุข้ามาหลายต่อหลายครั้ง รู้จุดจบของตนเองหรือไม่?” ซูฉันพูดเบาๆ ขณะที่ก้มมองลงไปยังบรรพชนนิกายเทพเจ้าสายฟ้าด้วยท่าทางน่าเกรงขาม เอามือไพล่ไว้ด้านหลัง
“มนุษย์สวรรค์ ข้ารู้ว่านิกายเทพเจ้าสายฟ้าของข้านั้นผิด หวังว่ามนุษย์สวรรค์จะให้อภัย…” บรรพชนนิกายเทพเจ้าสายฟ้ากล่าวออกอย่างเร่งรีบ
“ไม่จําเป็นแล้วล่ะ”
ซูฉินส่ายศีรษะ เพียงความคิดแค่วูบเดียว อาณาเขตขนาดใหญ่ก็ได้แพร่กระจายออกไป มองไปก็เห็นทะเลปราณอันไร้ที่สิ้นสุดปรากฏขึ้นจางๆบดขยี้บรรพชนนิกายเทพเจ้าสายฟ้าโดยตรง
“ในอีกสามวัน ข้าจะไปเยี่ยมนิกายเทพเจ้าสายฟ้าด้วยตัวเอง”
ซูฉินเหลือบมองบรรพชนคนอื่นๆ และหลังจากสิ้นประโยคนี้ ร่างของเขาก็หายไปอีกครั้ง
อีกสามวัน…
ข้าจะไปเยี่ยมนิกายเทพเจ้าสายฟ้าด้วยตัวเอง…..
เหล่าบรรพชนต่างตกตะลึง คําพูดของซูฉันยังคงก้องอยู่ในหูของพวกเขาตลอดเวลา ความรู้สึกฝาดขมอวลอยู่ในปาก ไม่สามารถจะนึกสิ่งใดออกได้
ด้วยตัวตนขอบเขตเซียนเทพปฐพีอย่างซูฉิน การไปนิกายเทพเจ้าสายฟ้าในครั้งนี้ไม่ใช่การไปเยือนเฉยๆ เป็นแน่
ตามที่บรรพชนทั้งหลายคาดเดา การเดินทางไปยังนิกายเทพเจ้าสายฟ้าของซูฉินในอีกสามวันข้างหน้า คงจะเป็นเหมือนกับตอนที่จัดการกับพรรคหมื่นดาบ ทําลายล้างนิกายเทพเจ้าสายฟ้า ซึ่งเป็นนิกายใหญ่ที่สืบทอดมรดกมานับหมื่นปี
“มนุษย์สวรรค์แห่งอาณาจักรถังจะทําลายทุกสิ่งและสร้างโลกขึ้นใหม่…” มีบรรพชนบางคนกระซิบกระซาบคําออกมา
เมื่อบรรพชนคนอื่นๆ ได้ยินดังนั้นก็เหมือนมีคลื่นก่อตัวอยู่ในใจ
เมื่อยามที่ซูฉินทําลายพรรคหมื่นดาบ แม้ว่ามันจะสร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วดินแดน แต่ในสายตาของบรรพชนนิกายใหญ่ มันก็แทบจะไม่ได้เป็นที่ยอมรับอะไรนัก
ท้ายที่สุด แม้ว่าพรรคหมื่นดาบจะเป็นมรดกที่เซียนเทพปฐพี่ทิ้งเอาไว้ แต่มันก็ยาวนานมาก แล้วตั้งแต่ที่มีผู้แข็งแกร่งกําเนิดขึ้น ในยามนี้ไม่มีแม้แต่ครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี ถึงแม้ซูฉินจะไม่ได้ลงมือ บางทีอีกหลายพันปีต่อจากนี้ มันก็คงล่มสลายไปเอง
แต่นิกายเทพเจ้าสายฟ้าต่างออกไป
นิกายเทพเจ้าสายฟ้าได้สืบทอดมรดกต่อมาเป็นหมื่นปีตั้งแต่ยุคเฟื่องฟูกระแสปราณฉีครั้งล่าสุด ยืนอยู่บนจุดสูงสุดในต่างดินแดน นิกายที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ยังจะถูกทําลายลงได้อีกหรือ?
เพียงแต่ว่า เมื่อซฉินกล่าวว่าพูดเช่นนี้ออกมา บรรพชนภายในที่แห่งนี้กลับรู้สึกจริงๆ ว่านิกายเทพเจ้าสายฟ้ากาลังจะจบสิ้น
ถ้าการที่ซูฉินเพียงผู้เดียว นําพานิกายใหญ่อย่างนิกายเทพเจ้าสายฟ้าไปสู่ความพินาศได้ แล้วยังไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับการทําลายโลกแล้วสร้างขึ้นใหม่ จะมีอะไรเหมาะสมไปกว่านี้อีก เล่า?
“หลังจากวันนี้ไป มนุษย์สวรรค์แห่งอาณาจักรถังจะไร้เทียมทานในใต้หล้าอย่างแท้จริง” มีบรรพชนถอนหายใจเหม่อมองท้องฟ้า กล่าวออกด้วยรอยยิ้มที่แข็งขึ้น