เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล - 205 เจ้าเมืองอินจี๋ผู้สิ้นหวัง
Sign in Buddha’s palm 205 เจ้าเมืองอินจี๋ผู้สิ้นหวัง
นอกเมืองเมฆาปีศาจ
ทันทีที่มังกรดําขนาดมหึมาทั้งเก้าก่อตัวขึ้น พวกมันก็คํารามไปทั่วฟากฟ้า คลื่นเสียงสะท้อนไปมาราวกับมีแผ่นฟ้าให้สะท้อนไปถึงเก้าชั้น แผ่คลุมไปทั่วทั้งสนามรบในพริบตา
“นั่นมันคืออะไร?”
ด้านข้างเจ้าเมืองอินจี๋ ราชาปีศาจมากกว่าสิบตนเต็มไปด้วยความสงสัย พวกเขามองไปยังมังกรดําทั้งเก้าตัวที่อยู่เหนือฟากฟ้าแล้วจึงส่งเสียงพูดคุยกัน
“มันอาจจะเป็นฝีมือของเจ้าเมืองเมฆาปีศาจคนใหม่ก็ได้?”
มีราชาปีศาจบางตนคาดเดาขึ้นมา
ในระดับของพวกเขานั้นเป็นธรรมดาที่จะไม่หวาดกลัวต่อมังกรดําที่ก่อตัวขึ้นมาจากสายลม
แม้แต่ในส่วนลึกของโลกนี้ก็ไม่มีมังกรดําที่แท้จริงอยู่ อย่างมากสุดก็เป็นเพียงสัตว์ที่สืบเชื้อสายมาจากมังกรน้ำ
“มันกินพื้นที่ใหญ่เพียงนี้เชียวหรือ?”
เจ้าเมืองอินจี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ขนาดตัวของมังกรดําทั้งเก้านั้นใหญ่มาก เกือบจะครอบคลุมกองทัพจักรกลของเผ่าปีศาจทั้งสิบล้านตัวได้เลย
อย่างไรก็ตาม
ขณะที่เจ้าเมืองอินจี๋กําลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
มังกรดําทั้งเก้าตัวที่อยู่เหนือฟากฟ้าก็บินโฉบลงมา
ฟู่วว!!
เห็นเป็นลมสีดําพัดมาอย่างเชื่องช้า ราวกับสายลมจากฤดูใบไม้ผลิ
“นี่คือ?”
ใบหน้าของเจ้าเมืองเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน และรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าภายใต้ลมกระโชกสีดํานี้ ทั้งจิตมาร แก่นแท้ปราณปีศาจ และร่างกายเริ่มค่อยๆ สลายไปที่ละนิด
ขนาดเจ้าเมืองอินจี๋ยังรู้สึกเช่นนี้ ไม่ต้องกล่าวถึงราชาปีศาจทั้งหลายที่อยู่เคียงข้างเลย
เหล่าราชาปีศาจทั้งสิบกว่าตนต่างหวาดกลัวเมื่ออยู่ภายใต้สายลมสีดํา มันพัดทําลายกายเนื้อ แก่นแท้ปราณปีศาจและจิตมารอย่างรวดเร็ว
“สิ่งนี้มันคืออะไรกัน?”
“บ้าเอ้ย รีบหนีเร็ว!”
ราชาปีศาจต่างหวาดกลัวและโกรธจัด พวกเขาพยายามใช้ทุกวิถีทาง แต่อย่างมากที่สุดก็ทําได้เพียงชะลอความเร็วจากการถูกทําลายเท่านั้น
“ลุกขึ้นมา!”
ในเวลานี้ เจ้าเมืองอินจี๋ก็หยิบอัญมณีสีดําที่มีรูปร่างเหมือนกับหัวใจออกมา อัญมณีสีดําอันนี้เปล่งประกายเจิดจรัสขึ้นในทันที ห่อหุ้มทุกคนเอาไว้
ฉับพลัน
สายลมสีดําก็ถูกต้านไว้นอกแสงสีดํา
“มันเป็นไปได้อย่างไรกัน?”
ท่าทีของเจ้าเมืองอินไม่ได้หวั่นไหว แต่ใจหวั่นอย่างที่สุด
เขาเข้าสู่ขอบเขตราชาปีศาจระดับสูงมานานกว่าสองร้อยปีแล้ว ไม่รู้ว่าเห็นเคล็ดวิชามามากมายเท่าใด แต่ไม่เคยเห็นเคล็ดวิชาอะไรแบบนี้มาก่อน อาศัยเพียงแค่กระแสลมสีดําก็ทําให้เกิดพลังอันยิ่งใหญ่ได้เช่นนี้
“โชคดีที่มีชิ้นส่วนหัวใจปีศาจ ไม่เช่นนั้นจะต้องลําบากอย่างแน่นอน”
เจ้าเมืองอินจี๋ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพลันสังเกตเห็นว่าอัญมณีรูปหัวใจสีดําที่อยู่ในมือปรากฏรอยร้าวขึ้นมา
เจ้าเมืองอินจี๋เห็นสิ่งนี้ใจเขาก็ฝ่อในทันที
แม้จะมีรอยร้าว แต่อัญมณีรูปหัวใจสีดําก็ยังใช้ได้อยู่ เพียงว่า หากลมสีดํายังคงพัดอยู่เช่นนี้ อย่างเร็วที่สุดก็สองถึงสามชั่วโมง หัวใจปีศาจสีดํานี้จะต้องสลายกลายเป็นผุยผงอย่างสมบูรณ์
ใบหน้าของเจ้าเมืองอินจี๋เคร่งขรึม ขณะที่ในใจกําลังคิดว่าจะสามารถซ่อมแซมอัญมณีรูปหัวใจสีดําชิ้นนี้ได้หรือไม่
เสียงของราชาปีศาจที่อยู่ด้านข้างก็สั่นสะท้าน “ท่านเจ้าเมือง จักรกลสงคราม จักรกลสงคราม..”
คําที่กล่าวออกมา
เจ้าเมืองอินจี๋ก็ตกตะลึง
หากเป็นเวลาอื่น เจ้าเมืองอินจี๋ย่อมไม่รู้สึกกังวลเกี่ยวกับจักรกลสงคราม การที่ถูกกองทัพจักรกลปีศาจล้อมเอาไว้ไม่ต้องกล่าวถึงราชาปีศาจระดับสูงเลย แม้แต่ราชาปีศาจระดับสูงสุดก็ไม่อาจจะทําอะไรได้
แต่ยามนี้ หลังจากที่ได้เห็นความแปลกประหลาดของลมสีดํา ใจของเจ้าเมืองอินจี๋ก็รู้สึกหนาวเหน็บ
ช่วงเวลาต่อมา
เจ้าเมืองอินจได้ใช้จิตมารกวาดผ่านไปทั่วบริเวณ และเห็นฉากที่จะไม่มีวันลืม
เขาเห็นว่าภายในกระแสลมสีดําอันไร้ที่สิ้นสุด กองทัพจักรกลปีศาจจํานวนนับไม่ถ้วนกําลังสลายกลายเป็นอากาศธาตุอย่างรวดเร็ว ช่างบอบบางราวกับกระดาษ
ในช่วงเวลานั้น กองทัพจักรกลปีศาจก็ระเบิดพลังแสงสีดําออกมา พยายามจะครอบคลุมกลุ่มจักรกลสงครามเพื่อสลายพลังจากลมสีดําทิ้งไป
แต่น่าเสียดาย
ลมสีดําไม่ได้ปกคลุมจักรสงครามกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เป็นกองทัพจักรกลปีศาจทั้งหมด
สุดท้ายมันก็จะกระจายไปยังจักรกลปีศาจตัวอื่นๆ อยู่ดี ซึ่งเท่ากับเป็นการกระทําที่ไร้ประโยชน์
ในที่สุด
เวลาเพียงชั่วครู่ กองทัพจักรกลปีศาจอย่างน้อยๆ ก็สองล้านตัว แปรสภาพกลายเป็นอากาศธาตุด้วยเคล็ด “เรียกสายลม”
ด้านบนเมืองเมฆาปีศาจ
ปีศาจทั้งหมดต่างตกตะลึง
รวมถึงโม๋จี ทั้งหมดมองไปยังพื้นที่เบื้องล่างด้วยท่าทางไม่อยากจะเชื่อ
พวกเขาไม่เคยคิดฝันว่ากองทัพจักรกลปีศาจนับสิบล้านตัวที่สามารถบุกถล่มเมืองเมฆาปีศาจได้อย่างง่ายดาย เมื่อมาเจอกับซูฉิน พวกมันกลับเปราะบางมาก เพียงคําพูดเพียงสองคําก็ทําให้ทั้งกองทัพต้องพ่ายแพ้
“นายท่าน………….”
โม๋จีเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ซุฉินด้วยความหวั่นกลัว
ในตอนนี้ดวงตาของซูฉินสงบนิ่ง มองไปด้านนอกเมืองเมฆาปีศาจด้วยท่าที่สบายๆ
ตั้งแต่ที่ได้รับทิพยอํานาจ “เรียกลมเรียกฝน” มา ซูฉินก็ไม่ได้ใช้มันออกมาอีกเลย เพราะพลังของทิพยอํานาจนี้สร้างผลกระทบขนาดใหญ่เกินไป หากนําไปใช้บนโลกมนุษย์ จะต้องมีสิ่งมีชีวิตมากมายเดือดร้อนหรือตกตายเป็นแน่
แต่ภายในโลกถ้ำปีศาจ ซูฉินไม่สนใจเรื่องเหล่านั้น
แม้ว่าซูฉินจะมีพลังปีศาจอยู่ภายในร่างตอนนี้ ไม่ต่างไปจากปีศาจจริงๆ แต่เขาไม่เคยคิดว่าตนเป็นเผ่าปีศาจ
“ท่านเจ้าเมือง เราควรทําเช่นไรดี?”
ในตอนนี้ ราชาปีศาจนับสิบที่อยู่เคียงข้างเจ้าเมืองอินจี๋ต่างหน้าถอดสี ตัวสั่นไปทั่วทั้งตัว
แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะอยู่ภายใต้การคุ้มครองของเจ้าเมืองอินจี๋ ทําให้ปลอดภัยเป็นการชั่วคราว แต่ราชาปีศาจเหล่านี้ก็ยังคงหวาดกลัว
พวกเขากังวลว่าหลังจากพายุสีดําได้คร่าสังหารกองทัพจักรกลปีศาจทั้งสิบล้านไปแล้ว มันจะทําทุกทางเพื่อจัดการกับพวกเขาเป็นรายต่อไป
“จะทําอย่างไร?”
เจ้าเมืองอินจิ้มองกองทัพจักรกลปีศาจทั้งสิบล้านซึ่งกําลังสลายไปด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ภายในใจของเขาก็เหมือนถูกกรีดแทงจนเลือดอาบ
“ข้าต้องไปฆ่ามัน!”
เจ้าเมืองอินจี๋กล่าวเน้นคํา
“อะไรนะ?” ราชาปีศาจทั้งหลายต่างตกใจ
“โง่เขลา!”
เจ้าเมืองอินจี๋เหลือบมองราชาปีศาจและกล่าวออกมาอย่างเย็นชา “พายุสีดํานี้สามารถพัดทุกสิ่งให้สลายไปได้ แม้แต่จักรกลสงครามยังถูกทําลาย เจ้าคิดว่าเจ้าเมืองเมฆาปีศาจคนใหม่ต้องจ่ายออกไปมากเท่าไหร่เพื่อทําเช่นนั้น?”
เมื่อกล่าวเช่นนี้ เจ้าเมืองอินจี๋ก็มองดูเมืองเมฆาปีศาจจากระยะไกล “เพื่อรักษาการโจมตีนี้เอาไว้ มันจะต้องเสียพลังงานไปอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง ในเวลานี้พละกําลังของมันจะต้องร่อยหรอเป็นแน่ ถ้าข้าลงมือในตอนนี้ ข้ามั่นใจว่าจะต้องสังหารมันได้”
“ตราบใดที่เจ้าเมืองเมฆาปีศาจคนใหม่ตาย พายุสีดํานี่ก็ย่อมสลายไปตามธรรมชาติ”
เมื่อเจ้าเมืองอินจี๋พูดจบ
ราชาปีศาจมากกว่าโหลก็มองหน้ากัน ทันใดนั้นพวกมันก็รู้สึกว่าคํากล่าวนี้สมเหตุสมผลมาก
“ท่านเจ้าเมือง ท่านจะให้พวกเราทําอะไรบ้าง?”
ราชาปีศาจตนหนึ่งถามอย่างระมัดระวัง
“งานง่ายๆ” เจ้าเมืองอินจี๋กล่าวด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น “ข้าจะพยายามบุกเข้าไปภายในเมืองเมฆาปีศาจ พวกเจ้าเมืองแค่ต้องขัดขวางค่ายกลภายในเมืองเมฆาปีศาจก็เท่านั้น”
“ไม่ต้องกังวล มันจะใช้เวลาเพียงไม่นาน แค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น”
เจ้าเมืองอินจี๋เปิดปากพูดออกมา
เขาต้องใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสังหารซูฉิน และไม่สามารถเบี่ยงความสนใจไปกับสิ่งอื่นได้ ดังนั้นเขาจึงปล่อยให้ราชาปีศาจกว่าสิบตนคอยต่อต้านค่ายกลที่ปกป้องเมืองเมฆาปีศาจเอาไว้
“ได้”
ราชาปีศาจกัดฟันพูด
แม้ว่าค่ายกลที่ปกปักเมืองเมฆาปีศาจจะน่ากลัว แต่หากร่วมมือกันคงพอจะถ่วงเวลาได้สักพัก
“เมื่อเป็นเช่นนั้น”
เจ้าเมืองอินจี๋ก็เหลือบมองอัญมณีรูปหัวใจสีดําในมือ
ในตอนนี้ อัญมณีสีดําได้สลายไปกว่าครึ่งแล้ว และเห็นได้ชัดว่าคงทนได้อีกไม่นาน
ในเวลาต่อมา
เจ้าเมืองอินจี๋และกลุ่มราชาปีศาจในอาณัติ จู่ๆ ก็กลายเป็นลําแสง พุ่งเข้าหาเมืองเมฆาปิศาจด้วยความเร็วที่น่าสะพรึงกลัว ฝ่าพายุสีดําไป
“ข้านั้นมา…”
“เพื่อฆ่าเจ้า!!”
เจ้าเมืองอินจี๋แผ่พุ่งจิตสังหารเข้ามาที่เมืองเมฆาปีศาจ บรรยากาศพลันตึงเครียด ให้ความรู้สึกกดดันอย่างไม่อาจหาสิ่งใดมาเทียบ
“แย่แล้ว!”
ใบหน้าของโม๋จีเปลี่ยนสี แม้จะมีค่ายกลมากมายที่คอยป้องกันเมืองเมฆาปีศาจอยู่ แต่นางก็ยังรู้สึกกดดันอยู่ดี
ต่อหน้าเจ้าเมืองอินจี๋ นางที่ไม่ได้แม้แต่จะอยู่ในขอบเขตราชาปีศาจ ไม่มีคุณสมบัติใดที่จะต่อต้าน
“นายท่าน……”
โม๋จีหันไปพูดกับซูฉิน
ซูฉินมองไปยังเจ้าเมืองอินจี๋ที่ส่งจิตสังหารเข้ามา ไม่ได้รู้สึกกลัวแม้แต่น้อย ท่าทีก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพียงพูดออกมาสองคําเบาๆ
“เรียกฝน!”
ในชั่วพริบตา
ในชั้นบรรยากาศ รัศมีหนึ่งร้อยลี้ หยาดฝนที่ดูเหมือนกับอัญมณีเม็ดใสก็ปรากฏขึ้น
หยาดฝนเหล่านี้เป็นสีแดงดุจเลือด เต็มไปจิตสังหารอันคละคลุ้ง
ซ่า!!!
หยาดฝนร่วงหล่นมิรู้จบ ซัดสาดเข้าใส่กองทัพจักรกลที่เหลือ ฝนแต่ละหยดเข้าหลอมละลายคู่ต่อสู้อย่างสมบูรณ์
หยาดฝนตกลงมาห่าใหญ่ ท่วมท้นบดบังลานสายตาไปหมด ราวกับเป็นฤดูฝนที่ฝนตกทั้งวัน
แกร๊ก
แกร๊ก
อัญมณีหัวใจปีศาจสีดําที่อยู่ด้านหน้าของเจ้าเมืองอินจี๋พลันแตกออกไปสองส่วน มีเพียงส่วนที่เล็กกว่าเท่านั้นที่ยังพอเปล่งแสงออกมาบ้าง ราวกับแสงเทียนริบหรี่
พื้นที่ที่อัญมณีสีดําคอยคุ้มกันก็ลดลงไปอย่างมาก ครอบคลุมเฉพาะเจ้าเมืองอินจี๋ สําหรับราชาปีศาจมากกว่าสิบตนพวกเขาถูก “หยาดฝน” ซัดสาดเข้าอย่างจัง
“อ้า!”
“อ๊ากกกกกก!”
“นี่มันอะไรกัน?”
ราชาปีศาจทั้งหลายต่างคร่ำครวญโหยหวน
แม้ว่าฝนที่ตกลงมาจากเคล็ด เรียกฝน” จะสามารถสังหารได้แค่ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่ง ส่วนราชาปีศาจทําได้เพียงคุกคามเท่านั้น
แต่ในยามนี้ เม็ดฝน” ที่ตกลงมาใส่เหล่าราชาปีศาจนั้นมีมากเท่าไรกัน มากกว่าสิบล้านหยด?
การเพิ่มปริมาณทําให้เกิดคุณภาพที่มากขึ้น ประกอบกับเคล็ด “เรียกสายลม” อย่างต่อเนื่อง ราชาปีศาจเหล่านี้คงจะทนอยู่ได้ชั่วขณะหนึ่งก่อนที่พวกมันจะสลายหายไปอย่างสิ้นเชิง
“ไม่ดีแล้ว!”
ขนหัวของเจ้าเมืองอินจี๋ลุกชัน มองดูอัญมณีสีดําที่เพิ่งแตกออกเป็นสองชิ้นตรงหน้า
แม้ว่าเจ้าเมืองอินจี๋จะเป็นราชาปีศาจระดับสูง เขาก็ไม่คิดว่าจะอยู่ได้นานภายใต้ “หยาดฝน” เหล่านี้
“หนี!”
“หนีเร็ว!”
ในตอนนี้ เจ้าเมืองอินไม่มีความคิดที่จะสังหารซูฉินเหลืออยู่ในหัวสมองแล้ว เขาเพียงต้องการจะหลบหนีจาก “หยาดฝน” ห่าใหญ่นี่ก่อนที่หัวใจปีศาจสีดําในมือจะแตกสลายไปอย่างสมบูรณ์
ร่างของเจ้าเมืองอินจี๋กลายเป็นเงา กระโจนหนีออกไปอย่างรีบร้อน
“เจ้าเมืองอินจี๋หลบหนี?”
ปีศาจจํานวนมากเบิกตากว้าง
โม๋จีเองก็ทิ้ง นางไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เห็นเลย
“อยากจะหนี?”
มือขวาของซูฉินยืดออก คว้ามีดยาวรูปร่างแปลกๆ ออกมา เป็นมีดที่คล้ายเคียว ใบมีดโค้งเป็นวงดั่งดวงจันทร์
เห็นเป็นคมมีดสีดําสนิทราวกับหมึกพุ่งหายออกไป
“จะถึงแล้ว”
“อีกนิดเดียวก็จะถึงแล้ว”
เจ้าเมืองอินจี๋มองดูหัวใจปีศาจสีดําครึ่งชิ้นที่อยู่ตรงหน้าหัวใจของเขาก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
ด้วยความเร็วของเขา จะใช้เวลาเพียงครู่เดียวในการหลบหนีออกห่างจากที่นี่ไปได้หลายร้อยลี้ และเจ้าเมืองอินจี๋ก็จะหลุดพ้นจากรัศมีของ “หยาดฝน” ห่าใหญ่นี้ในไม่ช้า
อย่างไรก็ตาม
ขณะที่รอยยิ้มของเจ้าเมืองอินจี๋กําลังเผยอออกมา
แกรัก
คมมีดสีดําก็สว่างวาบขึ้นมา
คมมีดสีดํานี้ทะลุผ่านม่านแสงคุ้มกันของหัวใจปีศาจได้อย่างง่ายดาย และทะลุผ่านร่างเจ้าเมืองอินจีไป
เพล้ง!
หัวใจปีศาจสีดําที่อยู่ตรงหน้าของเจ้าเมืองอินจี๋แตกสลายไปหมด
“เจ้าคือ ราชาปีศาจขั้นสูงสุด?”
ร่างของเจ้าเมืองอินจี๋หยุดลง หันมองย้อนกลับมาที่เมืองเมฆาปีศาจด้วยใบหน้าที่แสดงถึงความสิ้นหวัง ทันใดนั้น ร่างทั้งร่างก็ค่อยๆ แตกสลายหายไปอย่างเงียบๆ ท่ามกลาง “หยาดฝน” ที่ยังคงโปรยปรายลงมาไม่หยุดหย่อน