เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล - 264.1 (1) หวาดผวา!
Sign in Buddha’s palm 264 (1) หวาดผวา!
ในขณะที่ซูฉินโจมตีวิหารหมื่นพุทธ
ที่ชายขอบของทะเลทรายตะวันตก ร่างหลายร่างก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบๆ ร่างเหล่านี้แผ่กลิ่นอายที่ทําให้อึดอัดคล้ายดั่งขุมนรก แต่ก็เผยให้เห็นถึงความเสื่อมโทรมบางอย่างพวกเขาเป็นบรรพชนที่หลับใหลด้วยวิธีลับจากนิกายใหญ่ต่างดินแดน
เมื่อซูฉินก้าวเข้าไปในทะเลทรายตะวันตก เขาก็ม้วนเกลียวคลื่นทรายสีเหลืองทองไปทั่วท้องฟ้าไอพลังสยดสยองโอบล้อมไปทั่วทุกที่ไม่ใช่แค่วิหารหมื่นพุทธเท่านั้นที่ตื่นตระหนก
ยังมีนิกายใหญ่แห่งอื่นๆ ที่ย้ายถิ่นฐานมาจากต่างดินแดนก็ได้พํานักอยู่ในสถานที่ใกล้เคียง
เพื่อแย่งชิงสิทธิ์ในแผ่นดินแห่งพลังยุทธอันยิ่งใหญ่นิกายใหญ่หลายแห่งในต่างแดนได้ปลุกบรรพชนของพวกตนให้มายังแผ่นดินแห่งพลังยุทธฯ
ส่วนวิหารหมื่นพุทธ
ก็เป็นเช่นเดียวกับนิกายใหญ่แห่งอื่นๆ
“จากความแข็งแกร่งของบุคคลนี้ เขาสามารถควบแน่นอาณาเขตได้แล้วอย่างแน่นอน และพลังชีวิตเลือดเนื้อที่แข็งแกร่งควรจะเป็นตํานานยุทธที่เพิ่งเกิดในยุคนี้”
“แปลก เมื่อไหร่กันที่ผู้ทรงพลังอํานาจเช่นนี้ปรากฏตัวขึ้นในแดนโพ้นทะเล?”
เหล่าบรรพชนนิกายใหญ่ต่างพูดคุยกันด้วยความสงสัย
“เป็นไปได้ไหมว่าบุคคลนี้จะไม่ใช่ตํานานยุทธขั้นสูงสุดจากดินแดนโพ้นทะเล?”
“มิผิด ข้าได้ยินมาว่าภายในแผ่นดินแห่งพลังยุทธฯตํานานยุทธที่ประจําการอยู่ในอาณาจักรถังก็ได้ควบแน่นอาณาเขตเรียบร้อยแล้ว เป็นไปได้ไหมว่าเขามาที่นี่?”
“ไม่น่าจะเป็นไปได้ วิหารหมื่นพุทธไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรกับ อาณาจักรถัง เป็นไปได้อย่างไรที่จะดึงดูดให้ตํานานยุทธขั้นสูง สุดมาด้วยตนเอง ข้าคิดว่าอาจจะเป็นผู้ทรงสมณศักดิ์แห่งวัดเส้าหลิน? ทั้งคู่เป็นชาวพุทธเช่นกัน ก็ไม่แปลกที่จะมาเยี่ยมเยือนวิหารหมื่นพุทธ…”
“เป็นไปได้ยังไง? วัดเส้าหลินก็มีอรหันต์ขั้นสูงสุดด้วยอย่างนั้นหรือ?”
บรรพชนหลายคนพูดคุยกันอย่างรวดเร็ว แสดงความเห็นเกี่ยวกับซูฉินด้วยน้ําเสียงสบายๆ
แม้ว่าความแข็งแกร่งของซูฉินจะน่ากลัวถึงขีดสุดแต่คนใดบ้างในที่นี้ที่ไม่ใช่ตํานานยุทธขั้นสูงสุด? อยู่มาห้าร้อยปี มุมมองของพวกเขาย่อมอยู่สูงไม่น้อยมิใช่หรือ?
แม้ว่าซูฉินจะรู้สึกได้ถึงสายตาที่แอบมองมาจากชายขอบของทะเลทรายตะวันตกมาเนิ่นนานแล้ว
แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ ในครั้งนี้เขาพุ่งเป้ามาที่วิหารหมื่นพุทธ ประการแรกคือเขาต้องการคําอธิบายจากวิหารหมื่นพุทธประการที่สองก็ต้องการจะทําให้บรรพชนต่างดินแดนเหล่านี้หวาดกลัว
ไม่เช่นนั้นจะเป็นเหมือนอย่างวันนี้ที่บรรพชนเก้ามาหาพรุ่งนี้อาจจะมีบรรพชนนิกายใหญ่คนอื่นๆ มาอีก แล้วซูฉินจะปิดด่านฝึกตนอย่างไร? จะบ่มเพาะได้หรือ?
“มิถูกต้อง”
“ลักษณะของคนผู้นี้ดูข่มขู่คุกคาม เขาต้องการสร้างปัญหาให้กับวิหารหมื่นพุทธหรือไม่?”
บรรพชนในชุดคลุมสีแดงเลือดผู้หนึ่งขมวดคิ้วเล็กน้อยยามเมื่อได้ยินประโยคของซูฉิน “พระผู้ต่ําต้อยเงินกวน มานมัสการวิหาร” คําพูดเต็มไปด้วยอาการยั่วยุอารมณ์
“ข้าไม่รู้ว่าเขาต้องการมาสร้างปัญหาให้กับวิหารหมื่นพุทธหรือไม่ แต่คนผู้นี้น่าจะเป็นผู้ทรงสมณศักดิ์จากวัดเส้าหลินจริงๆ”
บรรพชนอีกคนที่อยู่ถัดออกมาทอดถอนใจด้วยอารมณ์ความรู้สึก
ไม่ว่าจะเป็นยุทธภพต่างแดนหรือในแผ่นดินแห่งพลังยุทธฯมีเพียงพระภิกษุเท่านั้นที่สามารถอ้างตนว่าเป็นพระผู้ต่ําต้อย
“อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบุคคลนี้จะเป็นอรหันต์ขั้นสูงสุดจริงๆหากต้องการท้าทายวิหารหมื่นพุทธด้วยตําแหน่งเพียงแค่นั้นอาจจะต้องพ่ายแพ้…”
บรรพชนคนที่สามที่ดูเหมือนจะเป็นหญิงสาวส่ายศีรษะ
ไม่ว่าจะเป็นวิหารหมื่นพุทธหรือนิกายใหญ่แห่งอื่นๆในต่างแดนก็อยู่มาไม่ต่ํากว่าหลายพันปี เภทภัยใดบ้างที่ไม่เคยประสบ? หากอรหันต์ขั้นสูงสุดวางแผนที่จะสร้างความสั่นสะเทือนให้กับนิกายใหญ่ก็นับเป็นเพียงความฝันที่โง่งม
ตํานานยุทธขั้นสูงสุดนั้นแข็งแกร่งมากจริงๆ สามารถโด่งดังไปทั่วโลก แต่การที่โด่งดังไปทั่วโลกไม่ได้หมายความว่าจะกําจัดทุกอย่างได้เสียเมื่อไหร่
นอกจากเซียนเทพปฐพีที่แท้จริงแล้ว นิกายใหญ่จํานวนมากก็นับเป็นขุมกําลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด สามารถผ่านอุปสรรคต่างๆมาได้หลายพันปีในต่างแดน
“แม้ว่าวิหารแห่งนี้จะไม่ใช่วิหารหลักของวิหารหมื่นพุทธแต่อย่างน้อยบรรพชนหนึ่งในเก้าก็น่าจะอยู่ประจําการ ทั้งยังมีสมบัติพุทธคุณอีกมากมายหลายชิ้น ผู้ทรงสมณศักดิ์วัดเส้าหลินผู้นี้ไม่เพียงแต่จะเรียกร้องอะไรกลับไปไม่ได้ ยังต้องประสบความสูญเสียครั้งใหญ่ด้วย”
บรรพชนในชุดคลุมสีแดงเลือดพูดเบาๆ ราวกับเห็นจุดจบของซูฉินเรียบร้อยแล้ว
บรรพชนคนอื่นๆ ก็พยักหน้าเล็กน้อยเพื่อแสดงอาการเห็นด้วย
กลุ่มลาหัวโล้นวัดหมื่นพุทธนั้นมีชื่อเสียงขจรขจายไปทั่วโลกซูฉินที่ไม่ทราบความเป็นมาแต่รีบตรงมาเคาะประตูบ้านผู้อื่นเช่นนี้นับเป็นเรื่องที่โง่มาก
“เฮเฮ”
“ใช้โอกาสนี้ตรวจสอบวิหารหมื่นพุทธสักหน่อย ให้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วบรรพชนทั้งเก้าลําดับอยู่ที่นี่จริงๆ หรือเปล่า”
บรรพชนอีกคนหัวเราะร่า
ซูฉินที่พรวดพราดเข้าไป สามารถช่วยพวกเขาสํารวจพื้นลีกหนาบางของวิหารหมื่นพุทธได้เป็นอย่างดี
ก่อนที่กระแสปราณฉีจะฟื้นคืนอย่างสมบูรณ์ นิกายใหญ่จํานวนมากในต่างแดนจะไม่ย้ายมรดกทั้งหมดของพวกเขามาที่นี่อย่างแน่นอน
และในเวลานี้การเข้าใจตื้นลึกหนาบางของกันและกันเป็นสําคัญมาก
แม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะคาดการณ์ขอบเขตของศัตรูได้ทั้งหมด แต่อย่างอย่างน้อยในอนาคต เมื่อต้องน้ํานั่นกันเองจะได้ไม่ต้องรั้งรอเฝ้าดูจังหวะ
“รอประเดี๋ยว พวกเราควรร่วมมือกัน เมื่อผู้ทรงสมณศักดิ์แห่งวัดเส้าหลินถอยกลับมาพวกเราจะจัดการมันด้วยกัน…”
“บุคคลผู้นี้ฝึกฝนไปยังขอบเขตระดับนั้นได้ในแผ่นดินแห่งพลังยุทธฯ จะต้องมีความลับที่ยิ่งใหญ่บางอย่างเราสามารถถือโอกาสนี้ไถ่ถามมันได้…”
บรรพชนคนสุดท้ายกล่าวขึ้นมาในทันใด แววตาแห่งความโลภปรากฏออกมา
คําที่กล่าวออก
บรรพชนทั้งหลายต่างก็ตกตะลึง เห็นได้ชัดว่ามันเย้ายวนใจอย่างมาก
“ดูเร็ว”
“ทั้งสองฝ่ายจะลงมือแล้ว”
ดวงตาของบรรพชนที่ดูเหมือนหญิงสาวแสนสวยพลันเปล่ง
ประกาย
บรรพชนคนอื่นๆ ได้ยินดังนั้นก็จ้องไปที่วิหารหมื่นพุทธ
แม้ว่าวิหารหมื่นพุทธจะอยู่ห่างไกลจากพวกเขามากแต่ในฐานะที่เป็นตํานานยุทธขั้นสูงสุด บรรพชนเหล่านี้ย่อมมีวิธีการหลากหลายในการค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้นที่วิหารหมื่นพุทธเป็นธรรมดา
“นั่นคือ?”
“ตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณ?”
“วิหารหมื่นพุทธนําตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณมาที่นี่จริงๆหรือนี่?”
เหล่าบรรพชนต่างผงะไปครู่หนึ่ง มองหน้ากันด้วยความเหลือเชื่อ
แม้จะเป็นวิหารหมื่นพุทธ ตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณก็ยังนับเป็นสมบัติล้ําค่า ล้ําค่ายิ่งกว่าสมบัติพุทธคุณทั่วไปถ้าพูดตามหลักแล้วมันควรเก็บไว้ที่วิหารหลัก
“ดูเหมือนวิหารหมื่นพุทธจะชนะการต่อสู้ในครั้งนี้รพชนในชุดสีแดงเลือดกล่าว
” บร
“ด้วยที่พึ่งพิงอย่างตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณ ข้าเกรงว่าผู้ทรงสมณศักดิ์วัดเส้าหลินจะไม่สามารถแตะต้องประตูวิหารหมื่นพุทธได้ ฉะนั้นเขาคงจะต้องถูกปิดกั้นไว้ได้ตั้งแต่ภายนอกเสียแล้ว………….”
บรรพชนอีกคนถอนหายใจด้วยอารมณ์ความรู้สึกน้ําเสียงของเขาดูเสียใจ
เดิมที่เขาคิดว่าจะได้เห็นการต่อสู้กันระหว่างอรหันต์สองรูปแต่เมื่อตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณถูกจุดแล้วจะมีการต่อสู้อะไรเกิดขึ้นอีก?
แม้ผู้ทรงสมณศักดิ์แห่งวัดเส้าหลินจะไม่รู้ว่าควรเดินหน้าต่อหรือถอยกลับ แต่หากได้รู้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่แผ่ออกมาจากตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณจะต้องล่าถอยกลับไปแน่
“อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้ไร้ประโยชน์ไปเสียที่เดียว”
“ถึงจะไม่แน่ใจว่าผู้ที่ประจําการอยู่ในวิหารหมื่นพุทธเป็นหนึ่งในบรรพชนทั้งเก้าหรือไม่ แต่อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าวิหารหมื่นพุทธได้นําตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณมายังแผ่นดินแห่งพลังยุทธอันยิ่งใหญ่ ”
บรรพชนคนที่สองกล่าวออกอย่างช้าๆ
“มิผิด”
“นี่คือตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณ…”
บรรพชนที่ดูเหมือนหญิงสาวรูปงามบ่นกับตนเอง
หลายพันปีก่อน เซียนเทพปฐพีได้โจมตีวิหารหมื่นพุทธการโจมตีธรรมดาๆ ถูกขัดขวางไว้ด้วยตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณ
แม้จะปิดกั้นการโจมตีของเซียนเทพปฐพีได้ แต่ตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณก็หรี่แสงลงอย่างสมบูรณ์ แต่นั่นเป็นถึงเซียนเทพปฐพีเชียวนะ!
แม้กระทั่งในยุคปราณฉีเฟื่องฟู เซียนเทพปฐพีก็เป็นขุมพลังที่สามารถปราบผู้ใดก็ได้อย่างแน่นอน นับประสาอะไรกับยุคที่กระแสปราณฉีเงียบงันเช่นนี้
เมื่อเหล่าบรรพชนกําลังจะหันกลับไปยังนิกายของตน
“นั่นคือ?”
บรรพชนในชุดคลุมสีแดงเลือดเหลือบสายตาไปเห็นทันใดนั้นม่านตาของเขาก็หดตัวลงในทันที
เมื่อบรรพชนคนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ เขาก็มองตามบรรพชนในชุดคลุมสีเลือดไปยังวิหารหมื่นพุทธทันที
ฉับพลัน
บรรพชนทั้งหลายต่างหน้าเปลี่ยนสี