เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - ตอนที่ 40 ความน่าเกรงขามของท่านอา
- Home
- เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย
- ตอนที่ 40 ความน่าเกรงขามของท่านอา
ตอนที่ 40 ความน่าเกรงขามของท่านอา
เซียวเย่เจ๋อและจี้จือฮวนหยุดมือลงพร้อมกัน ต่างฝ่ายต่างก็พิจารณากันไปมา
เซียวเย่เจ๋อคิดในใจ นี่มันสาวชาวบ้านที่ขายของในตำบลฉาซู่มิใช่หรือ? เหตุใดนางถึงมีฝีมือดีเช่นนี้ เมื่อครู่เขาเกือบคิดว่าเป็นนักฆ่าเสียแล้ว
จี้จือฮวนเองก็กำลังคิดในใจเช่นกัน นี่มันคนโง่ที่ร่ำรวยคนนั้นมิใช่หรือ? ที่กินข้าวมื้อหนึ่ง แล้วก็ให้แผ่นทองคำมา
จี้จือฮวนก้มหน้าลง สำรวจอาชิงอย่างละเอียด “เป็นอย่างไรบ้าง บาดเจ็บหรือไม่?”
อาชิงเมื่อครู่ยังดุราวกับหมาป่าตัวน้อย แต่ตอนนี้เมื่อเห็นจี้จือฮวน ปากน้อย ๆ ของเขาก็เบะออก ก่อนจะกระโจนเข้าไปในอ้อมกอดของนางและเอ่ยออกมาอย่างเสียใจ “อาชิงเจ็บมากเลยขอรับ คนผู้นี้จับข้าไว้จนเจ็บไปหมดเลยขอรับ”
สีหน้าของจี้จือฮวนเย็นชาลงในทันที สายตาที่มองเซียวเย่เจ๋อราวกับมองของที่สกปรกก็มิปาน
“เจ้าเด็กบ้านี่ เจ้าพูดอะไรของเจ้ากัน เจ้าก็กัดมือข้าจนเลือดออกเหมือนกัน!” เซียวเย่เจ๋อพูดเสร็จก็สะบัดมือยื่นไปตรงหน้าจี้จือฮวน
“บังอาจ!” จู่ ๆ เสียงเด็กน้อยที่ดังกังวานเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา หย่งหนิงที่สูงยังไม่ถึงต้นขาของเซียวเย่เจ๋อ เท้าเอวพร้อมกับกระทืบเท้าไปมา “ยังไม่ขอโทษตามที่ข้าบอกอีก!”
อาจเพราะรู้สึกว่าแค่เงยหน้ามองยังมีอำนาจไม่เพียงพอ หย่งหนิงจึงสบตากับองครักษ์ของตัวเอง พร้อมกับกระดิกนิ้วป้อม ๆ เรียกให้องครักษ์ผู้นั้นอุ้มนางขึ้นมา คราวนี้ก็สามารถจ้องตากับเซียวเย่เจ๋อตรง ๆ ได้แล้ว
“เซียวเย่เจ๋อ!” หย่งหนิงเอ่ยออกมาอย่างช้า ๆ ก่อนจะถลึงตาโต ๆ ใส่ “รีบขอโทษสหายข้าเดี๋ยวนี้!”
เซียวเย่เจ๋อโมโหเป็นอย่างยิ่ง เขาเลียริมฝีปาก คิดอยู่ว่าจะตียังไงให้ท่านอาน้อยผู้นี้สลบและอุ้มกลับไปดี
ให้เขาขอโทษเด็กบ้านนอกคนหนึ่งเนี่ยนะ เช่นนั้นแล้วเขายังจะรักษาหน้าตาของตัวเองเอาไว้ได้อีกหรือ!
“อ้อ~ เจ้าไม่ฟังที่ข้าพูด เช่นนั้นข้าจะกลับไปบอกท่านพี่…” หย่งหนิงตัดสินใจจดบันทึกลงบนสมุดเล่มน้อยของตัวเอง
เซียวเย่เจ๋อได้ยินดังนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที “ท่านอาน้อยของข้า ข้าผิดไปแล้ว”
หย่งหนิงส่ายหน้า ก่อนจะบุ้ยปากและลงจากอ้อมแขนขององครักษ์ แล้วจึงเดินไปข้างกายของอาชิง จับมือของเขาและเอ่ยขึ้นมา “อาชิง เจ้าอย่าโกรธหลานชายข้าเลยนะ เขารู้แล้วว่าตัวเองทำผิด ข้าจะสั่งสอนเขาเอง”
หย่งหนิงจับมือของอาชิงขึ้นมา ก่อนจะเป่าเบา ๆ ให้เขา
ตอนนั้นเอง อาอินและองครักษ์คนอื่น ๆ ก็พุ่งมาทางนี้แล้ว เผยจี้ฉือมาช้ากว่าเล็กน้อย แต่ก็ได้ยินทั้งหมดเช่นกัน
นอกจากคนที่รู้เรื่องราวแล้ว คนของครอบครัวเผยรวมทั้งเจิ้งต้าเฉียงต่างก็มองไปที่เด็กน้อยหย่งหนิง จากนั้นก็มองไปที่ ‘หลานชาย’ ก่อนที่มุมปากของพวกเขาจะกระตุกขึ้นมาพร้อม ๆ กัน
มองไม่ออกเลยว่าคนที่อายุยังน้อยเช่นนี้ แท้จริงแล้วกลับอาวุโสมากทีเดียว
สถานการณ์เช่นนี้พบได้บ่อยตามชนบท ความสัมพันธ์ในครอบครัวซับซ้อนยิ่งกว่าแหจับปลาเสียอีก
ดังนั้นทุกคนต่างก็เห็นจนชินเสียแล้ว
แม่นมเจียงหอบหายใจพลางเอ่ยออกมา “โอ๊ย ที่แท้ก็ซื่อ…” นางกลอกตาไปมา “คุณชายเหตุใดจู่ ๆ ถึงมาที่นี่ได้เล่าเจ้าคะ ผู้น้อยพาคุณหนูออกมาเที่ยว ไม่นานก็จะกลับแล้วเจ้าค่ะ”
“เข้าใจผิด ล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน นี่เป็นนายน้อยของเราเอง เขาได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของเขาให้มาคอยดูแลคุณหนูของเรา แต่คงคิดว่าอาชิงจะพาคุณหนูหนีไปไหนกระมัง” แม่นมเจียงรีบอธิบาย นี่เป็นแค่เรื่องตื่นตูมกันไปเองเท่านั้น
เจิ้งต้าเฉียงตกใจมากจริง ๆ “เช่นนั้นก็ดีแล้ว แต่คนในบ้านพวกเจ้าเยอะมากจริง ๆ เช่นนั้นหากไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ข้ากลับบ้านก่อนนะ”
“ขอบคุณมาก”
เมื่อเจิ้งต้าเฉียงจากไป เซียวเย่เจ๋อกับจี้จือฮวนต่างก็สบตากัน
“มอง ๆ ๆ มองอะไรของเจ้า ยังไม่หันหน้าเข้ากำแพงสำนึกผิดอีก” หย่งหนิงยืนกอดอก เห็นได้ชัดว่าอยากระบายความโกรธให้กับสหายของตัวเอง
เซียวเย่เจ๋อคิดว่าวันนี้ก่อนออกจากบ้านเขาคงไม่ได้ดูฤกษ์ยามมาจริง ๆ จึงทำได้เพียงตามหลังท่านอาหญิงตัวน้อยต้อย ๆ ไปที่บ้านบนเนินเขา
จากคำอธิบายของแม่นมเจียง เซียวเย่เจ๋อจึงเข้าใจแล้วว่าเหตุใดวันนี้หย่งหนิงถึงได้มาที่นี่
“คนบ้านนี้ไว้ใจได้หรือไม่?” เซียวเย่เจ๋อเอ่ยถามด้วยความสงสัย
แม่นมเจียงปัดมือไปมา “เป็นครอบครัวที่ซื่อตรงเจ้าค่ะ ฮวนฮวนเป็นคนช่วยคุณหนูเอาไว้ เป็นคนนิสัยดีมากเจ้าค่ะ”
เซียวเย่เจ๋อพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหันไปบอกกับองครักษ์คนหนึ่ง “ไปที่บ้านของคนที่ชื่อเสี่ยวเจียนอะไรนั่น เอาแม่หมาตัวนั้นมา”
จะให้ซื่อจื่อผู้สูงส่งเช่นเขาลดตัวลงไปขอนมสุนัขจากบ้านชาวนา เพื่อมาป้อนให้ลูกเสือที่เก็บมาระหว่างทางก็คงไม่ใช่เรื่องกระมัง?
เซียวเย่เจ๋อคิดถึงตรงนี้ ก็ก้มลงมองอาชิงที่กำลังเล่นโคลนอยู่ เจ้าเด็กบ้านี่กัดเจ็บจริง ๆ เกิดปีสุนัขหรืออย่างไร!
เวลาเดียวกันนั้น จี้จือฮวนก็เอาของป่าที่เก็บมาจัดการทำความสะอาดและนำมาตากแดด
เซียวเย่เจ๋อมองหน้านาง ก่อนจะเอียงคอมอง เหตุใดถึงรู้สึกคุ้นเคยเช่นนี้นะ?
แต่เขามาที่ตำบลฉาซู่เป็นครั้งแรก ไม่มีทางที่ก่อนหน้านี้ที่อยู่ดี ๆ จะไปรู้จักกับสาวชาวนาคนหนึ่งได้
ไม่นาน เซียวเย่เจ๋อก็สลัดความคิดนั้นทิ้งไป
องครักษ์กลับมาแล้ว แต่เขากลับเอาสุนัขของบ้านเสี่ยวเจียนมาด้วยทั้งคอก พวกลูกสุนัขที่เพิ่งเกิดก็ซื้อมาด้วย ก่อนจะหามุมหนึ่งในลานบ้าน แล้วยัดลูกเสือเข้าไป
แม่สุนัขตัวนั้นตกใจจนส่งเสียงร้องออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องให้นมลูกเสือ มันจึงตัวสั่นงันงกไม่หยุด ท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นของเด็ก ๆ หลายคน
เซียวเย่เจ๋อเองก็สังเกตเห็นลูกเสือตัวนั้นเช่นกัน ว้าว เป็นเสือขาวเสียด้วย หากถลกหนังคงขายได้เงินไม่น้อยเลย
“เจ้ามองอะไร หันหน้าเข้ากำแพงสำนึกผิดซะ!” ครู่เดียวหย่งหนิงก็พบว่าหลานชายที่ไม่เชื่อฟังผู้นี้ทำตัวหน้าไหว้หลังหลอกอีกแล้ว นางที่อาวุโสกว่าจำเป็นจะต้องสั่งสอนเขาเสียบ้าง!
เซียวเย่เจ๋อไม่อยากฟังคำพูดของนาง แต่เมื่อคิดว่า เมื่อนางกลับเมืองหลวงแล้วจะไปฟ้องท่านพ่อของเขา ฟ้องท่านปู่ของเขา ฟ้ององค์ฮ่องเต้ และอาจเอาไปฟ้องผู้อาวุโสทั้งหมด จึงได้แต่ยอมรับชะตากรรมหันหลังกลับไป สำนึกผิดอยู่ใต้ต้นไม้ในลานบ้านอย่างเชื่อฟัง
“ว้าว หย่งหนิงเจ้าร้ายกาจจริง ๆ ข้าก็อยากมีหลานชายที่เชื่อฟังเช่นนี้บ้าง” อาชิงเอ่ยด้วยความอิจฉา
เซียวเย่เจ๋อกลอกตาใส่ต้นไม้ เจ้าเนี่ยนะอยากจะมีหลานชายเช่นข้า เจ้าคู่ควรหรืออย่างไรกัน!
“แต่เขาหน้าตาขี้เหร่แล้วก็ดุด้วย อย่าดีกว่า” อาชิงเมื่อคิดไปคิดมาแล้ว ก็วิจารณ์ออกมาตามที่คิด
ขี้เหร่หรือ เขาหน้าตาขี้เหร่อย่างนั้นหรือ!
เซียวเย่เจ๋ออยากจะสำลักน้ำลายตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด!
“ใช่ ข้าก็รู้สึกว่าเขารูปไม่งามเอาเสียเลย” หย่งหนิงพยักหน้าหงึก ๆ เห็นด้วยกับเขา
เซียวเย่เจ๋อได้แต่คิดในใจ ให้ข้าตายไปเลยยังจะดีเสียกว่า
เผยจี้ฉือยืนอยู่ที่ประตูห้องครัวและมองพวกเขาด้วยสายตาเย็นชา ตั้งแต่ที่หย่งหนิงมาบ้านครั้งแรก จนกระทั่งเซียวเย่เจ๋อปรากฎตัวขึ้น ในใจของเขาก็พอคาดเดาบางอย่างได้ราง ๆ แล้ว
แต่เขาก็ไม่ได้พูดออกมา อย่างน้อยก็ตอนนี้ เพราะไม่จำเป็นต้องเปิดเผยฐานะของกันและกัน
ก่อนที่ท่านพ่อจะเกิดเรื่องก็คอยปกป้องพวกเขาสามคนอย่างดีมาโดยตลอด ดังนั้นเมื่อคนเหล่านี้จู่ ๆ ก็โผล่มา ก่อนที่สถานการณ์จะชัดเจน เขาจะต้องไม่เปิดเผยฐานะของท่านพ่อออกไป
“มาเติมฟืน” จี้จือฮวนเอ่ยขึ้น
“มาแล้ว” เผยจี้ฉือเก็บความคิดนั้นลง ก่อนจะนั่งลงช่วยเติมฟืน
ครั้งนี้จี้จือฮวนต้องการทำกุนเชียงให้มากสักหน่อย เช่นนี้ก็จะสามารถแบ่งเอาไปขายได้ด้วย ที่เหลือก็จะเอาไปทำข้าวอบหม้อดินที่ภัตตาคารเค่ออวิ๋นไหลได้ด้วย
ในหม้อที่ตั้งอยู่บนเตาอีกด้านหนึ่งก็กำลังตุ๋นเนื้ออยู่ กลิ่นหอมของน้ำแกงค่อย ๆ โชยออกมา องครักษ์ที่อยู่ในลานบ้านก็เริ่มเลียริมฝีปากกันแล้ว
เซียวเย่เจ๋อเองก็เคยชิมฝีมือของสาวชาวบ้านผู้นี้มาแล้ว ในใจก็คิดเอาไว้ว่า อีกประเดี๋ยวหากกับข้าวถูกปาก เขาจะยอมยกโทษให้นาง
ครั้งนี้จี้จือฮวนไม่หวงยาหลิงเฉวียนอีก จึงใส่มันลงในน้ำแกงกระดูกด้วย อีกสักครู่ หลังจากอุ่นแล้วจะได้เอาไปป้อนให้เผยยวน ส่วนเนื้อตุ๋นที่เหลือจะหั่นเป็นชิ้น ๆ คลุกกับน้ำส้มสายชูแล้วนำออกไปให้องครักษ์ได้ชิม ว่ามีส่วนไหนต้องปรับปรุงบ้าง
“แม่นางจี้ วันนี้ทำกับข้าวอะไรหรือขอรับ?” เหล่าองครักษ์ที่เคยกินจนหยุดไม่ได้ พวกเขาลืมเซียวเย่เจ๋อไปเสียสนิท
“เย็นนี้จะทำแกงสมุนไพรให้หย่งหนิง พวกเจ้ายังอยากกินเนื้อเสียบไม้อยู่หรือไม่?”