เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - ตอนที่ 57 วิญญาณของยอดอาชาไนย
ตอนที่ 57 วิญญาณของยอดอาชาไนย
หยวนซื่อกำลังรอช่วงเวลานี้อยู่ ทันทีที่ผู้อาวุโสของตระกูลกลับไปหมดแล้ว นางก็กำลังจะออกมาขนของ
“ของดีขนาดนี้ จากนี้หลันหลันก็สามารถหาคู่ครองดี ๆ ได้แล้ว”
เนื่องจากเฉินหลันหลันเป็นลูกสาวที่เกิดมาตอนนางอายุมากแล้ว ดังนั้นหยวนซื่อจึงรักนางมาก และทนไม่ได้ที่จะให้ลูกสาวแต่งกับพวกทำไร่ไถนาในชนบท นางตั้งใจว่ารอให้เฉินเย่าจงสอบเป็นซิ่วไฉได้แล้ว ค่อยให้นางแต่งกับครอบครัวที่ร่ำรวยจะได้สบาย
เพียงแต่ที่บ้านของพวกเขายากจน เฉินเย่าจงจนถึงตอนนี้ก็ยังเป็นได้แค่ถงเซิงอยู่ ทำให้เฉินหลันหลันที่ตอนนี้มีอายุสิบแปดปีแล้วก็ยังไม่ได้แต่งงานเสียที
ตอนนี้มีของขวัญมากมายเช่นนี้ นางก็มีความมั่นใจมากขึ้น นี่เป็นของดีทั้งนั้น นางยังกลัวว่าหนังที่ด้านบนฝ่ามือจะไปข่วนผ้าแพรนั่นให้เป็นรอยด้วยซ้ำไป
เฉินไคชุนเข้ามาถึงก็เห็นหยวนซื่อกำลังเก็บของอยู่ ก็เอ่ยออกมาด้วยสีหน้าถมึงทึง “นั่นเป็นของครอบครัวเผย อย่ายุ่ง”
หยวนซื่อจึงกลอกตามองบน “คนเขาเอาของทิ้งไว้แล้วก็ไป เจ้าไม่พูดข้าไม่พูด ใครจะรู้เล่าว่าเอาให้ใคร”
เฉินไคชุนแม้จะอยากได้ของเหล่านี้เหมือนกัน แต่ก็กลัวว่าจะมากเกินไป
“เช่นนั้นเจ้าก็เก็บเอาไว้นิดหน่อย ที่เหลือเอาไปให้ครอบครัวเผยซะ”
หยวนซื่อดวงตาเป็นประกาย ทิ้งไว้แค่ผ้าธรรมดาที่ไม่สวยเท่าไรนัก ส่วนของที่เหลือทั้งหมดนางก็ได้ย้ายเอาไปเก็บไว้ในห้องแทน
เฉินเย่าจงไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้ เขาเอาชุดเครื่องเขียนที่หลินเซวียเหวินเตรียมให้เผยจี้ฉือมาเท่านั้น ตั้งใจว่าจะเขียนบทความ แต่ก็เสียดายหากจะเปิดใช้ สุดท้ายจึงตัดสินใจว่ารอไปที่สำนักศึกษาก่อนค่อยเอามาใช้ จะได้ไม่ถูกสหายร่วมชั้นเรียนที่เป็นครอบครัวร่ำรวยเหล่านั้นดูถูก
มองดูของเหล่านี้แล้วเฉินเย่าจงก็รู้สึกปวดใจ
คิดไม่ถึงว่าอาจารย์ใหญ่ของสำนักศึกษาชิงอวิ๋นจะเป็นคนที่มีตาแต่หามีแววไม่ เขาคือต้นพันธุ์ชั้นดีที่จะได้เป็นจอหงวนแต่กลับมองข้าม แต่เลือกมาหาเผยจี้ฉือด้วยตัวเองอย่างนั้นหรือ?
สักวันเขาจะต้องตบหน้าพวกเขาให้จงได้
…
ตลาด
“ว้าว” อาชิงตาโตขึ้นมาพร้อมกับอ้าปากเล็ก ๆ ขึ้น มองของสวยงามต่าง ๆ บนถนนจนลายหูลายตาไปหมด
“ชอบก็ซื้อ!” จี้จือฮวนเอ่ยจบก็ซื้อถังหูลู่ให้เด็กทั้งสามคนละไม้ พร้อมทั้งขนมและลูกอมหลากสีสัน
ตอนนี้คนในตำบลฉาซู่จำนวนไม่น้อยต่างก็รู้จักนางแล้ว คนที่เข้ามาทักทายนางระหว่างทางจึงมีเป็นระยะ
“แม่นางจี้ วันนี้ออกมาข้างนอกแล้วหรือ ข้ารู้สึกเหมือนไม่เจอเจ้ามาสองสามวันแล้ว คราวหน้าจะมีอาหารใหม่ ๆ มาอีกหรือไม่?”
จี้จือฮวนตอบด้วยรอยยิ้ม “มีแน่นอน รับรองว่าพ่อแม่พี่น้องของเราจะได้กินเป็นคนแรกแน่นอนเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นก็ดีเลย เด็กคนนี้เป็นลูกของเจ้าใช่หรือไม่ หน้าตาน่ารักจริง ๆ!”
ความจริงแล้วเด็กทั้งสามคนล้วนแต่ดูดี เผยจี้ฉือแม้อายุยังน้อยแต่กลับมีความเป็นผู้ใหญ่ ใบหน้าก็หล่อเหลา ส่วนอาอินหน้าตาน่ารัก และมีบุคลิกคล่องแคล่วว่องไว และอาชิงก็เหมือนกับเด็กน้อยในภาพวาดปีใหม่ที่น่ารักน่าเอ็นดู
จี้จือฮวนได้ยินดังนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข จากนั้นก็ได้ซื้อของเล่นมากมายจากแผงลอย กระเช้าดอกไม้ที่ทำจากไม้ไผ่ขนาดเล็ก ดาบไม้ หนังสติ๊ก เก้าห่วงปริศนา และอื่น ๆ ให้เด็ก ๆ
เผยจี้ฉือสนใจของเล่นที่ช่วยลับสมองมาก แต่อาอินกลับถือดาบไม้ไม่ยอมวาง แต่นางก็รู้สึกว่ามันเบาไปสักหน่อย จึงบ่นให้จี้จือฮวนฟังอีกด้วย “หากมีค้อนทองแดงก็คงจะดี”
จี้จือฮวน “…”
ขอร้องล่ะ เจ้าเป็นเด็กผู้หญิงนะ อย่าทำตัวเป็นหญิงแกร่งเช่นนี้จะได้หรือไม่ ค้อนทองแดงนั่นเกรงว่าคงใหญ่กว่าตัวเจ้าอีกกระมัง!
“อาฉือซื้อกระดาษสักหน่อยดีหรือไม่?” จี้จือฮวนเห็นว่าเขาเอาแต่อ่านหนังสือ เพื่อประหยัดกระดาษจึงไม่ยอมฝึกเขียน
เผยจี้ฉือคิดไปคิดมา “ช่างเถอะ”
เพราะกระดาษแพงเกินไป
จี้จือฮวนบุ้ยปากให้กับอาอิน “แม่บ้านน้อย ไปซื้อกระดาษกันเถอะ”
“ไม่ต้อง” เผยจี้ฉือเพิ่งจะเอ่ยออกมา อาอินก็มุดเข้าไปในร้านขายหนังสือและภาพวาดเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะอุ้มกระดาษหนึ่งปึกออกมา
จี้จือฮวนจึงให้อาอินเอาใส่ไว้ในตะกร้าของตัวเอง “เอาล่ะ ซื้อของเกือบครบแล้ว พวกเราไปซื้อม้ากันต่อเถอะ”
ตำบลฉาซู่แม้ว่าจะเล็ก แต่ของที่ควรมีก็ยังมีครบครัน นับว่าเป็นตำบลที่ดีที่สุดในละแวกนี้ จี้จือฮวนแบกของหนึ่งตะกร้า หลังจากเอาส่วนผสมของอาหารไปส่งให้ฮวาเซียงเซียงแล้ว จากนั้นก็เอาเนื้อตุ๋นไปให้จางต้าเปียวที่กำลังตั้งหน้าตั้งตารออยู่
จางต้าเปียวเมื่อได้ยินว่าวันนี้จี้จือฮวนจะมาซื้อรถม้า ก็รีบให้คำแนะนำกับนางทันที “ไปถึงตลาดม้าให้ไปหาเสี่ยวเฉวียน เขามีนิสัยจริงใจที่สุด”
“ได้ ขอบใจมาก อีกอย่างข้าอยากจะซื้อแม่แกะและแม่วัวที่เพิ่งคลอดลูก หากท่านช่วยข้าหาได้แล้ว ให้ส่งไปที่บ้านข้าได้เลยนะ” บัดนี้เมื่อเป็นคู่ค้ากันแล้ว จี้จือฮวนก็วางใจที่จะไหว้วานจางต้าเปียวให้เขาช่วยเหลือ
เพราะเขาเป็นคนที่รู้เรื่องการค้าดีกว่าใคร
จางต้าเปียวจึงตกปากรับคำทันที เพราะเนื้อตุ๋นของนางนั้นทำเงินได้มากจริง ๆ อีกทั้งยังอร่อยมากด้วย ไม่ต้องกลัวว่าเวลาที่ไม่มีหนังสัตว์ขาย การค้าจะซบเซาเลยแม้แต่น้อย
ตอนที่ทั้งครอบครัวเผยมาถึงตลาดม้า ก็ได้เข้าไปถามว่าเสี่ยวเฉวียนอยู่หรือไม่ คิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มที่เข้ามาต้อนรับพวกเขาก็คือเสี่ยวเฉวียน
จี้จือฮวนพิจารณารูปร่างของเขาเล็กน้อย ไม่สามารถเรียกว่าเสี่ยวที่แปลว่าตัวเล็กได้เลย
“ซื้อรถม้าหรือ ได้เลย ตลาดม้าของเรามีรถหลากหลายรูปแบบ ท่านเลือกดูก่อนได้เลยว่าท่านต้องการแบบไหน สามารถขึ้นไปลองนั่งก่อนก็ได้ วางใจเถอะ จางต้าเปียวเป็นเพื่อนข้า ข้าไม่หลอกท่านแน่นอน”
จี้จือฮวนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แข็งแรง ทนทาน ลดแรงกระแทกได้ดี ล้อรถต้องแข็งแรง พื้นที่เก็บของกว้าง ครบตามเงื่อนไขเหล่านี้ก็พอ”
เสี่ยวเฉวียนเห็นจี้จือฮวนไม่ได้ขี้อายเหมือนสตรีทั่วไป เวลาพูดก็เป็นหลักเป็นการ เขาจึงพยักหน้าให้และตอบกลับทันที “ได้ ข้าเข้าใจแล้ว”
ความจริงตัวรถม้านั้นจะมีราคาไม่แพง แต่สิ่งที่แพงที่สุดก็คือม้า ม้าที่ดีนั้นหาได้ยาก แค่ม้าธรรมดาก็มีราคาห้าสิบหรือหกสิบตำลึงแล้ว ม้าแก่ที่แย่ที่สุดก็ไม่ต่ำกว่าสามสิบตำลึง
จี้จือฮวนเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะมีม้าดี ๆ ในสถานที่เล็ก ๆ เช่นนี้ ขอเพียงเป็นม้าหนุ่มและแข็งแรงเท่านั้นก็พอ
เสี่ยวเฉวียนเห็นท่าทางจี้จือฮวนไม่ใช่คนไม่มีเงิน จึงนำพวกเขาไปที่โรงม้า
“นี่เป็นลูก ๆ ของเจ้าหรือ ช่างกล้าหาญกันจริง ๆ เด็กทั่วไปเวลาเห็นม้าเหล่านี้ แม้แต่ขยับยังไม่กล้าเลย”
เสี่ยวเฉวียนไหนเลยจะรู้ว่า เด็กทั้งสามคนเติบโตมากับเผยยวนที่ชายแดนซีเป่ย* แม้แต่อาชิงเองก็เคยถูกเผยยวนอุ้มขึ้นขี่ม้าและพาไปฝึกที่ค่ายทหารมาก่อน
* ซีเป่ย (西北) หมายถึงด้านตะวันตกเฉียงเหนือ
“ม้าพวกนี้ล้วนเป็นไปตามที่ท่านต้องการ พวกมันมีนิสัยอ่อนโยนและยังเชื่องมากอีกด้วย” เสี่ยวเฉวียนกำลังแนะนำม้าในตลาด ทันใดนั้นก็มีเสียงม้าร้องดังขึ้นมา มีคนจำนวนไม่น้อยที่มุ่งหน้าไปทางคอกม้าอีกด้าน
จี้จือฮวนมองตามไปด้วยความสงสัย เสี่ยวเฉวียนจึงเอ่ยขึ้นมา “เฮ้อ ก่อนหน้านี้จับม้าป่ามาได้ตัวหนึ่ง เป็นแผลไปทั้งตัว ดูจากร่างกายแล้วยังคิดว่าเป็นม้าศึก แต่สุดท้ายมันกลับไม่กินไม่ดื่ม ทั้งยังร้องโวยวายเป็นระยะ จึงไม่มีใครกล้าซื้อม้าบ้าตัวนั้นไป เถ้าแก่ของเราเลยเตรียมเชือดแล้วเอาเนื้อไปขายแทน”
จี้จือฮวนได้ยินดังนั้น จู่ ๆ ก็เกิดความรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมาในใจ “ข้าขอไปดูหน่อยได้หรือไม่?”
“เอ่อ เกรงว่าพวกท่านจะตกใจเอาน่ะสิ”
“ไม่เป็นไร” จี้จือฮวนตัดสินใจแล้วว่าจะไป เสี่ยวเฉวียนเองก็พูดอะไรไม่ได้อีก จึงนำพวกนางไป
ทันทีที่เข้าไปในคอกม้า ก็ได้กลิ่นเน่าเหม็นลอยเข้ามาเตะจมูก แตกต่างจากลานหญ้าแห้ง ๆ ด้านนอกที่มีสภาพแวดล้อมสว่างและกว้างขวางอย่างสิ้นเชิง
ชายร่างกำยำพร้อมอาวุธในมือหลายคนกำลังล้อมม้าป่าสีดำตัวหนึ่งอยู่ ม้าตัวนั้นมีดวงตาสีแดง และมีลวดลายคล้ายสายฟ้าอยู่ที่ระหว่างคิ้ว ร่างกายของมันผอมบาง แต่กลับมีพลังแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
“จ้านอิ่ง นั่นจ้านอิ่ง!” อาอิงเอ่ยขึ้นมาเบา ๆ
เผยจี้ฉือดวงตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น จี้จือฮวนได้ยินดังนั้นก็รู้สึกแปลกใจ ในนิยายม้าศึกของเผยยวนเป็นยอดอาชาไนยที่ม้าทั้งหลายต่างก็หวาดกลัว หลังจากที่เผยยวนตายมันก็หายไป คิดไม่ถึงว่าจะตกต่ำลงถึงเพียงนี้!
ม้ามีจิตวิญญาณที่ภักดีและสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเจ้านายของมัน ดังนั้นมันจึงเดินทางข้ามภูเขาเพื่อมาตามหาเผยยวนถึงที่นี่ แม้ว่าจะต่อสู้จนถึงช่วงเวลาสุดท้าย วิญญาณอาชาไนยของทหารเกราะเหล็กก็ไม่อาจยอมแพ้ได้