เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - ตอนที่ 67 เก็บคนมาได้
ตอนที่ 67 เก็บคนมาได้
เสียงไก่ขันดังขึ้นมา อาอินก็ลุกขึ้นไปรดน้ำใส่ปุ๋ยที่แปลงผักด้านหลัง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ที่ดินในบ้านนางผืนนี้ช่างอัศจรรย์ยิ่งนัก เมื่อก่อนปลูกอะไรก็ไม่งาม แต่ตอนนี้ผักพวกนั้นนอกจากจะโตเร็วแล้ว ยังมันวาวอีกด้วย ดูก็รู้ว่าเติบโตได้เป็นอย่างดี
อาอินกลัวว่าคนอื่นจะดูแลได้ไม่ดี ดังนั้นทุกวันนางจึงมาดูแลแปลงผักด้วยตัวเอง
อาชิงลุกขึ้นมาล้างมือล้างหน้า จากนั้นก็ไปให้อาหารพวกเพื่อน ๆ ของเขา กินอิ่มแล้วยังต้องพาไก่ เป็ด ห่าน ลูกหมู ลูกสุนัข เดินเล่นในลานบ้านอีกด้วย
จะว่าไปก็แปลก อาชิงเข้ากับสัตว์ได้ดีมาก ๆ ขาสั้น ๆ เดินไปถึงไหน ด้านหลังก็จะมีบรรดาสัตว์ต่าง ๆ ตามเป็นขบวน เห็นได้ชัดว่าเนินเขาที่บ้านไม่พอให้เขาเดินเล่นอีกต่อไป เขาจึงเดินลงเนินพลางเดินวนเป็นวงกลม
ตอนนี้ลูกเสือยังเดินไม่เป็น โชคดีที่ท่านป้าหยางทำกระเป๋าผ้าน้อยให้อาชิง บนกระเป๋าผ้ายังปักรูปเสือน้อยตัวหนึ่งเอาไว้ด้วย
ท่านแม่เป็นคนวาดให้เขาเองกับมือเชียวนะ และบอกกับเขาว่านี่เรียกว่า ชิมะ*!
* เป็นตัวเอกในการ์ตูนอนิเมะของญี่ปุ่นเรื่อง ชิมะ ชิมะ โทระ โนะ ชิมาจิโระ
อาชิงน้อยมีความสุขมาก เขาเดินอาด ๆ อุ้มลูกเสือเมี้ยวเมี้ยวตรวจตราไปรอบหมู่บ้าน
ตอนที่จี้จือฮวนตื่นขึ้นมาและจะไปดูอาการจ้านอิ่งก็พบว่าจ้านอิ่งไม่อยู่แล้ว จึงมองหาไปรอบ ๆ เห็นดังนั้นเผยจี้ฉือจึงเอ่ยขึ้นมา “อาชิงพาไปเดินเล่นแล้ว”
จี้จือฮวนจึงเดินไปที่รั้วแล้วมองลงไป มีลูกสุนัขสองตัวอยากจะไปเล่นริมน้ำ แต่ถูกจ้านอิ่งคาบกลับมาเสียก่อน
เปรียบเสมือนผู้คุ้มกันที่คอยคุ้มกันอยู่ข้างกายนายน้อย
ช่วงนี้รายได้ลดลง ยาหลิงเฉวียนจึงไม่เพิ่มขึ้น ยิ่งทำให้จี้จือฮวนแน่ใจเรื่องที่ว่า ‘มีเพียงการหาเงินไม่หยุดเท่านั้น ยาหลิงเฉวียนจึงจะเพิ่มขึ้นไม่ขาด’
ไม่ได้ขึ้นเขามาหลายวัน จี้จือฮวนจึงตั้งใจว่าวันนี้จะไปเก็บของป่าบนเขาเสียหน่อย อาอินเองก็ต้องไปเก็บหินเกลือที่ทะเลสาบน้ำเค็มด้วย ทั้งสองคนเพิ่งจะสะพายตะกร้า เผยจี้ฉือกลับตามออกมาด้วย “ข้าไปด้วยดีกว่า”
ตอนนี้ที่บ้านมีคนอยู่เยอะ ไม่ต้องกังวลว่าเผยยวนจะไม่มีคนดูแล ทั้งสามคนจึงขึ้นเขาไปด้วยกัน
เผยจี้ฉือเห็นจี้จือฮวนเก็บอะไรได้ระหว่างทางก็โยนเข้าตะกร้า ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกอับอายจนเหงื่อตกขึ้นมา เมื่อก่อนเหตุใดเขาถึงไม่รู้เลยว่าทั่วทั้งภูเขาล้วนมีแต่ของที่ขายได้
“นี่คืออะไร?” อาอินเองก็เด็ดตามนางมาหนึ่งดอก
“นี่คือดอกสายน้ำผึ้ง มีฤทธิ์ช่วยระบายความร้อนและช่วยขับพิษ หากถูกลมร้อนจากภายนอกหรือมีไข้ขึ้นสูง ไข้แดด โรคบิดเพราะอากาศร้อน และโรคติดเชื้อต่าง ๆ” จี้จือฮวนอธิบาย
“ท่านรู้เยอะจังเลย เรื่องแบบนี้ก็รู้ด้วย แต่ถ้าพวกเราเด็ดอันนี้ไปแล้ว จะสามารถขายมันได้หรือไม่?” อาอินกำลังพยายามแยกแยะลักษณะพิเศษของดอกสายน้ำผึ้ง
“ได้ แต่นี่ทำเงินได้เพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น สมุนไพรเหล่านี้หากต้องการขายให้ได้ราคาดีต้องเอาไปแปรรูป” การเก็บสมุนไพรไม่สามารถสนองความต้องการของจี้จือฮวนในตอนนี้ได้แล้ว
“แปรรูปหรือ?”
“หลังจากแปรรูปเป็นยาแล้ว ไม่เพียงแต่จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของยา ลดผลข้างเคียงของยาได้ แต่ยังสะดวกในการจัดเก็บ ซึ่งเป็นกระบวนการที่จำเป็นอีกด้วย” จี้จือฮวนอธิบาย
เด็กทั้งสองเข้าใจแล้ว ที่แท้การทำยายังมีความพิถีพิถันอีกมาก
“ดังนั้นภายภาคหน้าพวกเจ้าต้องตั้งใจเรียน ขอเพียงในหัวมีความรู้ ไม่ว่าจะไปที่ใดก็ไม่มีทางอดตาย”
นางเป็นสายลับ เคยปลอมตัวเป็นแพทย์แผนจีนคนหนึ่งเพื่อทำภารกิจ แม้ว่าทักษะทางการแพทย์ในช่วงสองถึงสามเดือนนั้นจะเป็นของปลอม แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องรู้เกี่ยวกับหลักการรักษาบ้าง นางจึงใช้เวลาว่างเกือบทั้งหมดไปกับการท่องเนื้อหาในตำรา
อย่างที่เขาว่าความรู้ไม่มีที่สิ้นสุด หากตอนนั้นนางไม่พยายามอย่างหนักล่ะก็ ต่อให้สมุนไพรนี้มีชื่อเขียนเอาไว้ นางก็คงไม่สนใจราวกับว่ามันเป็นเพียงวัชพืชเท่านั้น
ใกล้ถึงทะเลสาบน้ำเค็ม จี้จือฮวนจึงเตรียมที่จะไปล่าสัตว์ ครั้งนี้นางจะใช้ยาหลิงเฉวียนอย่างเต็มที่ รอพวกเด็ก ๆ ไปเก็บหินเกลือ นางจะไปฟันไม้ไผ่สักสองสามลำ จากนั้นก็เสียบเอาไว้ในหลุมดักสัตว์ โดยทายาหลิงเฉวียนเอาไว้บนไม้ไผ่
ตอนฝึกพิเศษที่แอมะซอน นางก็ใช้การโกงด้วยวิธีนี้มาก่อน
พวกสัตว์ป่าจะไม่สามารถทนต่อแรงดึงดูดของยาหลิงเฉวียนได้
จี้จือฮวนรอจนกระทั่งลูกหมูป่าและจิ้งจอกมาติดกับดัก
นางจึงตะโกนไปบอกอีกด้านหนึ่งของป่าไผ่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่นานอาอินก็วิ่งมาหา เด็กน้อยถลกแขนเสื้อพร้อมกับเอ่ยถามขึ้นมา “วันนี้ล่าได้อะไรหรือ?”
จี้จือฮวนบุ้ยปากไป “ลูกหมูป่า ยกให้เจ้า”
อาอินมองเข้าไปในหลุม แม้หมูป่าตัวนั้นจะไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็ยังใหญ่กว่าที่พรานในหมู่บ้านจับได้อยู่ดี
อาอินไต่ลงไปตามเชือก ก่อนจะยกหมูป่าขึ้นด้วยมือข้างเดียวแล้วปีนกลับขึ้นมา
เผยจี้ฉือมองจี้จือฮวนด้วยท่าทางสับสน นางคงไม่ได้ใช้วิชาของปีศาจหรอกกระมัง?
หมู่บ้านตระกูลเฉินนั้นยากจน เพราะนอกจากจะมีทำเลที่ตั้งไม่ดีแล้ว เรื่องทรัพยากรยิ่งไม่ต้องพูดถึง นั่นเป็นสาเหตุที่เมื่อมีเฉินเย่าจง เขาจึงได้รับการเทิดทูนราวกับเป็นสมบัติล้ำค่า ดังนั้นทุกคนต่างก็คิดว่าบนภูเขาไม่มีหมูป่าตัวใหญ่ ทว่าสุดท้ายแม่เลี้ยงของเขากลับล่าสัตว์ที่คนอื่นลำบากรอเป็นวัน ๆ ได้ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่ใช่สิ่งที่คนปกติทั่วไปทำได้ที่ไหนกัน
ไม่ได้ เขาต้องช่วยนางปิดบังตัวตนให้ดี มิฉะนั้นหากผู้คนรู้ว่าจี้จือฮวนเป็นปีศาจ พวกเขาต้องไม่ปล่อยนางไปอย่างแน่นอน
แต่เขายังไม่แข็งแกร่งถึงขนาดปกป้องคนในครอบครัวได้
จี้จือฮวนยังไม่รู้ว่าเผยจี้ฉือที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กำลังคิดอะไรอยู่ นางช่วยอาอินลากหมูป่าออกมา จากนั้นก็เอ่ยกับเผยจี้ฉือ “ในป่าไผ่นั่นมีไม้ไผ่ที่ข้าฟันและมัดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เจ้าช่วยไปเอามาที”
“อืม”
เผยจี้ฉือเดินเข้าไปในป่า ไม่นานก็วิ่งกลับออกมา “ในป่ามีคนสลบอยู่ บนตัวยังมีเลือดด้วย”
จี้จือฮวนได้ยินดังนั้น ก็หยิบกล่องยาออกมาจากตะกร้าทันที แล้วตามเผยจี้ฉือเข้าป่าไป
คนที่นอนอยู่ในป่าไผ่เป็นหญิงสูงวัยคนหนึ่ง จี้จือฮวนรีบตรวจร่างกายให้นางทันที และพบว่าที่ศีรษะของนางได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง แต่มีร่องรอยของผ้าพันแผล สัญญาณชีพของนางก็ยังปกติดีอยู่ ดูท่าคงจะแค่เป็นลมไปเพราะความเหนื่อยล้าเท่านั้น
“พาคนกลับไปก่อน”
จี้จือฮวนแบกหญิงสูงวัยเอาไว้ ตอนที่พาเด็กทั้งสองและสัตว์ที่ล่าได้กลับมา พวกเหล่าเติ้งยังไม่ได้กลับไป
พวกเขาเห็นดังนั้นก็รีบเข้ามาช่วยทันที “โอ๊ะ นี่เป็นหญิงชรามาจากที่ใดกัน?”
“สลบอยู่ในป่าไผ่บนเขา พวกท่านรู้จักนางหรือไม่?”
เหล่าเติ้งมักจะพบปะผู้คนมากมาย เขาจึงคุ้นเคยกับคนหลายหมู่บ้าน แต่หลังจากที่เขามองหญิงสูงวัยอย่างละเอียดแล้ว ก็ส่ายหน้าพลางเอ่ยขึ้นมา “ไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย”
จี้จือฮวนเองก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ก่อนจะบอกให้คนไปต้มยามา และป้อนให้กับหญิงสูงวัย
“ข้าว่าแจ้งทางการเถอะ เผื่อพลัดหลงกับญาติ”
จี้จือฮวนเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน แต่หากไปแจ้งทางการตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาตอนไหน คิดไปคิดมารอคนฟื้นก่อนค่อยว่ากันดีกว่า
จี้จือฮวนใช้ผ้าขาวทำความสะอาดบาดแผลบนศีรษะให้นาง จากนั้นก็ป้อนยาหลิงเฉวียน แล้วจึงให้ท่านป้าหยางช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้
ในบ้านจู่ ๆ มีคนเพิ่มขึ้นมา และไม่ใช่คนในหมู่บ้าน ครานี้ยากที่จะจัดการได้จริง ๆ
ท่านป้าหยางคอยดูแลอยู่ข้าง ๆ ตลอด กลัวว่าเมื่อคนตื่นมาแล้วจะไม่เจอใคร
เหล่าเติ้งเองก็ได้จัดเตรียมตำแหน่งที่จะทำคอกม้าและเล้าไก่เสร็จเรียบร้อยแล้ว จี้จือฮวนตรวจสอบดูคร่าว ๆ ก็รู้สึกว่าฝีมือของเหล่าเติ้งนั้นดีมาก
ดูเหมือนว่า ‘บ้านหรู’ ของนางจะเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
“หรือไม่พรุ่งนี้ข้าจะมาดูอีกที หากว่ายังไม่ฟื้นพวกเราต้องไปแจ้งทางการนะ” เหล่าเติ้งยังคงกังวลเรื่องหญิงสูงวัยที่ไม่รู้ที่มาที่ไปผู้นี้
“เจ้าค่ะ” จี้จือฮวนไม่ได้คัดค้าน พรุ่งนี้ถ้ายังไม่ฟื้น เกรงว่าคงเป็นเรื่องแน่
.
.
.