เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - ตอนที่ 9 เกาะผู้หญิงกินอย่างหน้าไม่อาย
- Home
- เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย
- ตอนที่ 9 เกาะผู้หญิงกินอย่างหน้าไม่อาย
ตอนที่ 9 เกาะผู้หญิงกินอย่างหน้าไม่อาย
ขณะที่ทั้งสองกำลังเดินกลับไปยังหมู่บ้านก็เป็นช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์ส่องแสงแดดร้อนแรงที่สุด จี้จือฮวนจึงถอดผ้าคลุมหน้าออก ส่วนอาอินแม้อายุยังน้อยแต่กลับไม่กลัวเหนื่อย กัดฟันช่วยนางเข็นรถเข็นไปโดยไม่ปริปากบ่น
เมื่อเดินไปเรื่อย ๆ จี้จือฮวนก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
นางรู้สึกว่าเหมือนมีคนกำลังเดินตามพวกนางมาตลอด
แต่เมื่อหันกลับไปมองก็เห็นเพียงชาวบ้านเดินกันอยู่ประปราย และทุกคนต่างก็แสดงท่าทีสนใจรถเข็นของนาง
บางทีนางอาจจะคิดมากไปเอง
สองคนแม่ลูกไม่ได้หยุดพักระหว่างทางเลยสักนิด เมื่อเดินเข้าประตูมาแล้วและเพิ่งมาถึงที่ลานบ้าน อาชิงที่กำลังนั่งเล่นโคลนอยู่ที่ประตูก็กระโดดพุ่งพรวดเข้ามา
“พี่หญิง!”
อาอินเหนื่อยจนหมดแรงไปตั้งนานแล้ว ไหนเลยจะมีแรงรับเจ้าเด็กคนนี้เอาไว้ได้ ร่างเล็ก ๆ ของนางจึงถูกอาชิงที่พุ่งตัวเข้ามาชนจนโซเซ จากนั้นดวงตากลมโตของอาชิงก็เบิกกว้างพร้อมกับเดินวนไปรอบ ๆ รถเข็น
“สิ่งนี้คืออะไรขอรับ?”
อาอินเองก็ไม่รู่ว่าจะอธิบายเช่นไร จึงตอบไปส่ง ๆ ไปว่า “คนอื่นให้มา”
“คนอื่นให้มา? เป็นคนใจดีหรือขอรับ แต่ว่าสิ่งนี้กินไม่ได้นี่ขอรับ” อาชิงเลียริมฝีปากพลางทำเสียงจ๊อบแจ๊บ
ท่านแม่กับพี่หญิงออกไปตั้งแต่เช้า ตอนนี้เขารู้สึกหิวมากจริง ๆ
“รองท้องก่อน” ในตอนนี้เอง จี้จือฮวนก็หยิบขนมกุ้ยฮวาที่ห่อด้วยกระดาษทาน้ำมันออกมาจากรถเข็น
อาอินรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก นางคิดว่าขนมกุ้ยฮวานั่นจี้จือฮวนจะซื้อมากินเองเสียอีก
อาชิงหิวจนทนไม่ไหวแล้ว จึงหยิบขนมกุ้ยฮวาที่ห่ออยู่ในกระดาษออกมาแล้วกัดกินทันที “อืม! อร่อยจัง พี่หญิงท่านก็กินด้วยสิขอรับ”
อาอินได้แต่คิดในใจ เจ้าน้องชายโง่นี่ ในหัวมีแต่เรื่องกินจริง ๆ!
จี้จือฮวนเข็นรถเข้าไปในลานบ้าน ทว่าในตอนนั้นเองก็มีเสียงเรียกดังมาจากด้านหลัง
“ฮวนฮวน!”
จี้จือฮวนหันไปมองตามสัญชาตญาณ ก่อนจะเห็นบุรุษผู้หนึ่งเดินมาทางพวกเขา
สวมเสื้อคลุมยาวกลางเก่ากลางใหม่ที่กำลังเดินตัวลอย ๆ เข้ามาชุดนี้…เมื่อครู่ตอนที่นางหันกลับไปมองระหว่างทางก็เห็นเช่นกัน เพียงแต่บุรุษผู้นี้เดินตามมาเงียบ ๆ ตลอดทางและไม่ได้เข้ามาทักทาย ที่แท้ก็ไม่ใช่แค่คนที่ผ่านไปผ่านมาเท่านั้น แต่เขาตามพวกนางมาจริง ๆ
อาอินก็เห็นเช่นกัน ทันใดนั้นสีหน้าของนางก็เปลี่ยนไป ก่อนจะมองค้อนไปยังจี้จือฮวน
จี้จือฮวนเลิกคิ้วด้วยความสงสัย “???”
แต่ไม่นานนางก็รู้ได้ทันทีว่าที่อาอินโกรธนางนั้นเป็นเพราะเหตุใด
คนที่มาก็คือฉีเทียนชาง ในนิยายเขาคือบัณฑิตผู้ยากจนที่หลอกเจ้าของร่างเดิมว่าจะพาหนีตามกันไปเพราะอยากได้สินเดิมของนาง แต่ความจริงเงินเหล่านั้นเขาจะเอาไปเล่นการพนันทั้งหมด แต่เจ้าของร่างเดิมกับโง่เขลาคิดว่าบุรุษผู้นี้จะสามารถช่วยให้ตัวเองหลุดพ้นจากห้วงทะเลแห่งความทุกข์นี้ได้
จนกระทั่งนางถูกขายไป ฉีเทียนชางก็ยังคงอยู่ในบ่อน ไฉนเลยจะมามีเวลาคิดถึงนาง?
ฉีเทียนชางเดินเข้ามาใกล้ พลางถูมือไปมา แล้วเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มว่า “ฮวนฮวน เจ้าเพิ่งกลับมาหรือ?”
จี้จือฮวนหรี่ตาลงไม่ได้ตอบรับอะไร
รอยยิ้มของฉีเทียนชางแข็งค้างอยู่บนใบหน้าทันที “เจ้าเป็นอะไรไป หรือเป็นเพราะหลายวันก่อนข้าไม่ไปหาเจ้า เจ้าเลยโกรธข้าใช่หรือไม่?”
“ก็ข้ายุ่งนี่นา ช่วงนี้เจ้าพอจะมีเงินเหลือบ้างหรือไม่ อาจารย์ที่สำนึกศึกษาบอกว่าจะรับข้าเป็นศิษย์คนสุดท้าย ข้ากำลังกังวลเรื่องของที่จะมอบให้อาจารย์อยู่พอดี”
“ไม่มีเงิน ไสหัวไป” จี้จือฮวนเอ่ยเพียงเท่านั้นและเตรียมจะเข็นรถเข็นเข้าบ้าน
ทว่าดวงตาของฉีเทียนชางกลับเบิกกว้างขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นข้าวสาร แป้ง และจานชามในรถเข็นเหล่านั้น พร้อมกันนั้นยังมีเจ้าลูกติดที่กำลังเคี้ยวขนมกุ้ยฮวาตุ้ย ๆ อยู่ข้าง ๆ นั่นอีกด้วย
ไม่มีเงินกับผีนะสิ วันนี้ไม่มีก็ต้องมีแล้ว!
“จี้จือฮวน หากเจ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปข้าจะไม่มาหาเจ้าอีก เจ้ารู้หรือไม่ว่าในหมู่บ้านนี้มีสตรีที่อยากจะแต่งกับข้ายาวเป็นแถว…โอ๊ย!” ฉีเทียนชางยังพูดไม่ทันจบ จี้จือฮวนก็หมุนกายเตะเขาจนกระเด็นลอยออกไป
ร่างของฉีเทียนชางร่วงลงสู่พื้นราวกับว่าวที่สายป่านขาด และยังกลิ้งไปกับพื้นอีกสองตลบ ก่อนที่เขาจะทันรู้ตัวจี้จือฮวนก็เดินเข้ามาเตะซ้ำอีกครั้ง
“บอกว่าไสหัวไปเจ้าก็ไม่ยอมไป ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็มาคิดบัญชีเก่ากันเลยก็แล้วกัน เจ้าเอาเงินจากข้าไปทั้งหมดยี่สิบตำลึง ดังนั้นเอาคืนมาซะ!”
ฉีเทียนชางจะเอาเงินมาจากที่ใดกัน เงินเหล่านั้นเขาเอาไปเล่นการพนันหมดแล้ว
“นางผู้หญิงสารเลว เจ้ากล้าทำร้ายข้าอย่างนั้นหรือ ข้าเป็นบัณฑิตของหมู่บ้านเชียวนะ ถ้าหัวหน้าหมู่บ้านรู้เข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่!” ฉีเทียนชางเจ็บจนแทบจะทนไม่ไหว แต่ก็ยังไม่สนใจท่าทีของจี้จือฮวน
แค่เขายกคนที่มีหน้ามีตาในหมู่บ้านมาอ้าง คนอย่างจี้จือฮวนจะต้องตกใจกลัวและโขกหัวขอโทษขอโพยเขาอย่างแน่นอน!
ทว่าจี้จือฮวนหาได้สนใจไม่ นางเอื้อมมือไปจับแขนทั้งสองข้างของฉีเทียนชางและบิดมันอย่างง่ายดาย จากนั้นเสียงกระดูกหักก็ดังลั่นขึ้นมาทันที
อาชิงอ้าปากค้าง แม้แต่อาอินเองก็กะพริบตาปริบ ๆ จ้องมองจี้จือฮวนด้วยความเหลือเชื่อ
แม้ว่าพวกเขาจะยังเด็กแต่ก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ก่อนหน้านี้ที่นางตีครอบครัวของหลี่ต้าจ้วงก็ทำให้พวกเขาตกใจมากพอแล้ว ทว่าตอนนี้คนที่นางตีคือคนที่นางห่วงใยมากมาโดยตลอดอย่างฉีเทียนชาง!
แม่เลี้ยงคนนี้เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนที่พวกเขาไม่รู้จัก!
“จะคืนเงินมาหรือว่าจะไสหัวไป ไม่อย่างนั้นคราวหน้าข้าจะหักคอเจ้าซะ!” จี้จือฮวนกดศีรษะของฉีเทียนชางลงกับพื้นอย่างแรง
“ข้าจะไป แม่นางเจ้าเลิกตีข้าได้แล้ว!” ฉีเทียนชางผู้นี้ไหลลื่นอย่างกับปลาไหล เมื่อเห็นจี้จือฮวนไม่ได้ล้อเล่นไหนเลยจะกล้าสู้ด้วย เขารีบขอร้องทันที
จี้จือฮวนถุยน้ำลายหนึ่งที แล้วเตะฉีเทียนชางอย่างแรง ก่อนจะมองดูเขาวิ่งหกล้มหกลุกไปทางหมู่บ้าน
ไม่ใช่ว่าฆ่าเขาไม่ได้ แต่เพราะมีเด็กอยู่ด้วยจึงไม่เหมาะที่จะลงมือเท่าไรนัก ไม่เช่นนั้น นางมีเป็นร้อยวิธีที่จะทำให้เขาตายโดยไม่มีใครรู้ นับว่าวันนี้เขาโชคดีนัก
เมื่อหันกลับมาก็สบเข้ากับสายตาเหลือเชื่อของอาอิน แต่จี้จือฮวนทำเพียงเดินผ่านไปด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง “มาช่วยข้าเร็วเข้า”
นางคนเดียวไม่สามารถขนของเหล่านี้ได้หมด ร่างกายนี้ช่างอ่อนแอจริง ๆ
ดวงตาของอาชิงเต็มไปด้วยความเลื่อมใส หากเขาเก่งเหมือนแม่เลี้ยง ต่อไปก็จะไม่มีใครในหมู่บ้านกล้ามารังแกพวกเขาอีกใช่หรือไม่!?
“ข้าก็จะช่วยด้วย!” เด็กน้อยวิ่งตามเข้าไป
จี้จือฮวนไม่ได้ปฏิเสธ
ทั้งสามคนร่วมแรงกันเพื่อขนของในรถเข็นเข้าไปไว้ในครัว บ้านหลังนี้สกปรกมากจริง ๆ จึงต้องเริ่มทำความสะอาดครัวใหม่ และเมื่อมีอุปกรณ์ใหม่พร้อมแล้วทุกอย่างก็สะดวกสบายขึ้น
รอจนกระทั่งทำทุกอย่างเสร็จและถอนหญ้าในลานบ้านจนสะอาดแล้ว จี้จือฮวนก็รู้สึกหิวขึ้นมา นางมองร่างเล็ก ๆ ของอาอินครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินตรงไปที่ห้องครัวและเริ่มทำอาหาร
จี้จือฮวนจึงคิดที่จะทำบะหมี่เตาเซียวอย่างง่าย ๆ ตอนนี้นางมีวิธีหาเงินแล้วจึงไม่หวงของกินอีกต่อไป นางนำแป้งมานวดเป็นก้อนแล้วคลุมด้วยผ้าชุบน้ำหมาด ๆ หมักไว้สักพักเพื่อให้แป้งฟูขึ้นมา
อีกด้านหนึ่งนางก็เอากระดูกซี่โครงที่ซื้อมาจากในตำบล เตรียมทำน้ำแกงกระดูกเพื่อบำรุงร่างกายให้เผยยวน
อาชิงไม่ไปไหนทั้งนั้น เขาเฝ้ามองจี้จือฮวนขณะทำอาหารพร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอเล็ก ๆ นั้นไม่ยอมหยุด
ส่วนอาอินที่รับผิดชอบในการก่อไฟ เมื่อมองดูท่าทางของจี้จือฮวน จู่ ๆ นางก็รู้สึกว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปก็คงจะดี
อาอินส่ายหน้าไปมาพลางบอกตัวเองว่า เผยถังอิน คนเขาก็แค่ทำดีด้วยนิด ๆ หน่อย ๆ เจ้าก็ลืมเรื่องที่นางทำก่อนหน้านี้ไปแล้วอย่างนั้นหรือ พี่ใหญ่ยังไม่กลับมา เจ้าจะลดการป้องกันลงไม่ได้เด็ดขาด!
บะหมี่เตาเซียวนั้นต้องใช้มีดในการตัด เดิมทีในบ้านก็ไม่เคยมีของเช่นนี้อยู่ แต่คิดไม่ถึงว่าในรถเข็นไม้คันนี้จะมีลิ้นชักอยู่ถึงสองช่อง ในนั้นมีมีดอยู่หลายเล่มที่ถูกลับให้คมแล้ว จี้จือฮวนจึงนำมันมาใช้งาน
นางถือแป้งที่ปั้นเป็นก้อนด้วยมือซ้าย และตัดแป้งด้วยมือขวา ตัดแป้งไปเส้นแล้วเส้นเล่าพร้อมกับโยนลงในหม้อ รวดเร็วจนเกิดเป็นเส้นโค้งกลางอากาศ จากนั้นนางก็เทน้ำแกงกระดูกหมูลงไป ใส่เครื่องเคียงที่เตรียมไว้ จากนั้นก็โรยหน้าด้วยผักสดตามฤดูกาล ปิดท้ายด้วยผักชีและน้ำส้มสายชูหมัก
อย่าว่าแต่อาชิงที่ตะกละจนน้ำลายไหลย้อยลงมาเลย แม้แต่อาอินเองก็ยังอดใจไม่ไหวจนต้องยื่นหน้าเข้าไปดูในหม้อ
ทั้ง ๆ ที่ก็เป็นของธรรมดา ๆ แต่เหตุใดนางทำแล้วถึงได้หอมและน่ากินขนาดนี้นะ?