เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 100 เค้นเอาความจริง
บทที่ 100 เค้นเอาความจริง
จี้จือฮวนจ้องไปที่หัวหน้าโจรขี่ม้า จากนั้นก็เดินเข้าไปหาเผยยวน
ตอนนี้เผยยวนต่างหากที่เป็นคนที่น่ากลัวที่สุด เมื่อครู่สายตาที่เขามองนางนั้นคงคิดที่จะสังหารนางจริง ๆ จี้จือฮวนไม่แน่ใจว่าเขาจะคลุ้มคลั่งขึ้นมาอีกหรือไม่ และไม่สามารถรับความเสี่ยงนี้ได้
แต่เมื่อนางเข้าไปใกล้ ร่างของเผยยวนก็อ่อนยวบลงทันที โชคดีที่จี้จือฮวนรับเผยยวนเอาไว้ได้ทัน จึงปล่อยให้เขาพิงที่ไหล่ของตน ท่าทางเหมือนคนนอนหลับไป
จี้จือฮวนปรายตามองหัวหน้าโจรขี่ม้าที่กำลังจ้องนางเขม็ง จึงตบบ่าของเผยยวนเบา ๆ และเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริง “ข้าบอกเจ้าแล้วว่าลูกกระจ๊อกพวกนี้แค่ข้าคนเดียวก็จัดการได้แล้ว เจ้าก็ยังจะลงมาด้วยตัวเอง ง่วงแล้วก็รีบกลับไปนอนเถอะ”
พวกชาวบ้านเองก็หวาดกลัวเผยยวนเช่นกัน เพราะคน ๆ เดียวสามารถฆ่าโจรขี่ม้าได้มากมายเพียงนี้ ดาบที่กวัดแกว่งไปราวกับผ่าแตงโมอย่างไรอย่างนั้น แต่เมื่อได้ยินจี้จือฮวนพูดเช่นนี้ ทุกคนต่างก็ได้สติขึ้นมาแล้ว
นี่ก็คือสามีของจี้จือฮวนอย่างนั้นหรือ คนที่นอนเป็นผักอยู่บนเตียงไม่สามารถพูดได้ ไม่สามารถขยับได้คนนั้นน่ะหรือ!
หน้าตาหล่อเหลาจริง ๆ เหตุใดถึงไม่มีใครบอกพวกเขาว่าสามีของจี้จือฮวนฟื้นแล้ว ทั้งยังเก่งกาจเพียงนี้อีกด้วย!
พวกเขาตกอกตกใจหมดเลย ถ้ารู้ว่าลูกชายตระกูลเผยเป็นยอดฝีมือ ยังจะกลัวโจรขี่ม้าเหล่านี้อีกทำไม
“วันนี้ต้องขอบคุณท่านมากจริง ๆ”
“ใช่แล้ว วันหน้าต้องเชิญท่านมาดื่มเหล้าด้วยให้ได้อย่างแน่นอน”
คนในหมู่บ้านต่างก็แย่งกันพูด และเห็นเผยยวนเป็นคนกันเองไปแล้ว เพราะเขาเป็นถึงผู้มีพระคุณ ผู้หญิงในหมู่บ้านหลายคนจึงเปลี่ยนคำพูดที่บอกว่าจี้จือฮวนเป็นดาวนำโชค มาเป็นคำว่า ‘หากเข้าใกล้คนของครอบครัวเผยก็จะมีโชค’
จี้จือฮวนแอบจับชีพจรของเผยยวน น่าจะเป็นเพราะยาหลิงเฉวียนทะลวงประสาทสัมผัสทั้งห้าและแขนขาของเขาที่เดิมถูกพิษควบคุมเอาไว้ ดังนั้นเขาจึงคลุ้มคลั่งขึ้นมาอย่างกะทันหัน มองว่าโจรขี่ม้าเป็นทหารของศัตรูกระมัง?
โชคดีที่หลังจากปลดปล่อยพลังออกไปเมื่อครู่ ชีพจรของเขาก็ค่อย ๆ คงที่
เผยจี้ฉือสามคนพี่น้องวิ่งเข้ามารวมตัวอยู่ข้างกายท่านพ่อกับท่านแม่ตั้งนานแล้ว ก่อนจะจ้องมองเผยยวนตาปริบ ๆ จี้จือฮวนรู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดคุยกัน
ท่ามกลางสายตามากมายเช่นนี้ มีโอกาสสูงที่โจรขี่ม้าจะรู้ตัวว่าเผยยวนนั้นสลบไปแล้ว และอาจลุกฮือขึ้นมาอีกครั้ง จี้จือฮวนจ้องหน้าเผยจี้ฉือก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ได้ ๆ ๆ ข้าจะให้ลูกชายช่วยประคองเจ้ากลับไปพักผ่อนก่อน อาฉือช่วยกันกับอาอินพาพ่อเจ้ากลับไปพักก่อนเร็วเข้า”
เผยจี้ฉือสะดุ้งขึ้นมา ก่อนจะสบตากับอาอิน ทั้งสองคนต่างเข้าใจความหมายในคำพูดของจี้จือฮวนได้ทันที
“ทราบแล้วเจ้าค่ะ” อาอินตอบรับเสียงใส ก่อนจะรับร่างเผยยวนมา
เผยจี้ฉือคอยประคองเผยยวนอยู่อีกข้างหนึ่ง อาชิงเองก็วิ่งตามไปด้วย ความสนใจของชาวบ้านตอนนี้จึงมาอยู่ที่โจรขี่ม้า ไม่มีใครสนใจเผยยวนที่กลับไปพักผ่อนอีก
แต่หากพวกเขาสังเกตดี ๆ ก็จะพบว่าร่างทั้งร่างของเผยยวนแทบจะเอียงไปหาเผยจี้ฉือ แต่ถูกอาอินควบคุมเอาไว้อย่างดี แทบจะเรียกได้ว่าแบกกันเดินก็ว่าได้
จี้จือฮวนในเวลานี้รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่อาอินแรงเยอะ ไม่อย่างนั้นหากให้ผู้ชายคนใดคนหนึ่งในหมู่บ้านแบกไป พวกโจรต้องสังเกตเห็นแน่ ไม่แน่ชาวบ้านที่เป็นคนซื่อ ๆ เหล่านี้อาจจะทักท้วงท่าทางที่ผิดปกติของเผยยวนออกมาแล้ว
เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของโจรขี่ม้า จี้จือฮวนจึบหยิบดาบเล่มใหญ่ขึ้นมา ก่อนแกว่งไปตรงหน้าของผู้ชายในหมู่บ้าน “หยิบขึ้นมา และไปตรวจสอบว่าโจรขี่ม้าเหล่านั้นตายหมดแล้วจริงหรือไม่”
ตอนนี้พวกผู้ชายไม่มีใครเห็นจี้จือฮวนเป็นเพียงผู้หญิงบอบบางคนหนึ่งอีกแล้ว ได้ยินดังนั้นก็รีบหยิบดาบขึ้นมาทันที
แต่คนในหมู่บ้านทำนามาทั้งชีวิต มีใครบ้างที่เคยฆ่าคนมาก่อน เมื่อหยิบดาบมาและเห็นศพเหล่านั้นแข้งขาก็สั่นเทาขึ้นมาทันที
“กลัวอะไรกัน ไม่อยากปกป้องภรรยาและลูก ๆ ของพวกเจ้าแล้วหรือ ทำตามข้า” เมื่อจี้จือฮวนตะโกนสั่งเสร็จ ก็เตะไปที่ร่างของโจรที่ถูกเผยยวนเหยียบเอาไว้ด้านบนสุด
โจรผู้นั้นเห็นได้ชัดว่ายังมีลมหายใจอยู่ จี้จือฮวนปรายตามองเล็กน้อย จากนั้นก็แทงลงไป เสียบไปที่หัวใจของเขาพอดี
คราวนี้ตายสนิทแล้วจริง ๆ
“ไม่ว่าจะตายหรือว่ายังไม่ตาย ทำตามที่ข้าทำให้ดูเมื่อครู่ ฆ่าพวกมันซะ เข้าใจหรือไม่?” จี้จือฮวนเอ่ยจบ หัวหน้าโจรขี่ม้าก็เพิ่งจะตระหนักได้ว่าสตรีผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดา
นางไม่มีทางเป็นสาวชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่งอย่างแน่นอน สาวชาวบ้านคนหนึ่งจะรู้เรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร?
“ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องหงอ ความเมตตาที่มีต่อพวกมันจะย้อนกลับมาทำร้ายพวกเจ้า พวกมันต้องการจะฆ่าพวกเจ้า ย่ำยีผู้หญิงของพวกเจ้า เอาลูก ๆ ของพวกเจ้าไป กับคนเช่นนี้พวกเจ้าไม่หยิบดาบขึ้นมาสู้ ก็มีแต่จะถูกรังแกเท่านั้น”
ภายใต้แสงจันทร์ สีหน้าของจี้จือฮวนนั้นแน่วแน่ ภายในแววตาไม่มีร่องรอยของความกลัวเลยสักนิด แต่กลับทำให้ทุกคนสงบลงได้
ใบหน้าและร่างกายของนางเต็มไปด้วยเลือด และได้กลายเป็นผู้นำคนสำคัญของทุกคนในหมู่บ้านไปแล้ว
ผู้ชายที่กล้าหาญที่สุดในหมู่บ้านก็กลับขึ้นเนินไปแล้ว
จี้จือฮวนพูดถูก ความเมตตาที่มีต่อพวกมันจะย้อนกลับมาทำร้ายพวกเขาเสียเอง หากไม่ใช่เพราะคืนนี้สามีของนางช่วยเอาไว้ เกรงว่าคนทั้งหมู่บ้านคงล้มตายกันหมดแล้ว
หัวหน้าโจรขี่ม้าทำได้เพียงมองดูพี่น้องของตนถูกจัดการทีละคน
ยังมีโจรเหลืออยู่อีกยี่สิบกว่าคน ทั้งหมดล้วนถูกมัดไว้รวมกัน คืนนี้คนในหมู่บ้านตระกูลเฉิน ไม่ว่าใครก็อย่าคิดว่าจะได้นอน
พวกเด็ก ๆ ก็ไม่ร้องไห้ ไม่งอแงไม่หยุดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เผยจี้ฉือกับอาอินไม่นานก็กลับมา ส่วนอาชิงถูกสั่งให้เฝ้าเผยยวนอยู่ที่บ้าน
อาชิงในเวลานี้กำลังนั่งทำปากมุ่ยอยู่บนเตียง จับขนของพญาครุฑต้าเผิงเล่น พร้อมกับจ้องเผยยวน ท่านพ่อนี่จริง ๆ เลย โตจนป่านนี้แล้ว ยังต้องให้คนมาเฝ้ายามหลับอีก
อาชิงยังไม่ต้องมีคนเฝ้าแล้วเลย ทั้ง ๆ ที่ฟื้นแล้ว เหตุใดยังต้องให้คนเฝ้าด้วยเล่า ชอบทำให้คนอื่นเป็นห่วงจริง ๆ เฮ้อ~
จี้จือฮวนเห็นพวกเผยจี้ฉือกลับมา ในใจก็สงบลง
เฉินฉือถลกแขนเสื้อพร้อมกับเอ่ยขึ้นมา “อาฮวน เจ้าบอกมาว่าจะให้ทำเช่นไรต่อ พวกเราจะเชื่อฟังเจ้า”
จี้จือฮวนจ้องหัวหน้าโจรขี่ม้ายิ้ม ๆ จากนั้นก็เอ่ยถามขึ้นมา “คืนนี้ผู้ใดสั่งให้พวกเจ้ามา?”
นางไม่เชื่อหรอกว่าที่กันดารและห่างไกลเช่นนี้ จะอยู่ในสายตาของกลุ่มโจรขี่ม้าด้วย!
พวกโจรขี่ม้าต่างก็ปิดปากเงียบ
ท่านป้าหรี่ตาลง ก่อนจะเดินออกมาจากกลุ่มชาวบ้านและเอ่ยขึ้น “ให้ข้าถามเองเถอะ พวกเจ้าเอาคนเข้าไปในห้องให้ข้าที ครึ่งชั่วยาม ข้ารับรองว่าจะทำให้พวกเขายอมเปิดปากพูดให้ได้”
ชายฉกรรจ์ในหมู่บ้านทำตามคำสั่งอย่างเชื่อฟัง โดยนำตัวโจรสามสี่คนหิ้วเข้าไปในห้อง
จี้จือฮวนเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะนั่งรอเงียบ ๆ
หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงร้องโหยหวนของโจรดังขึ้นในห้อง พวกชาวบ้านต่างก็รู้สึกเย็นวาบที่ลำคอขึ้นมาทันที ดูท่านอกจากครอบครัวเผยที่ไม่ควรล่วงเกินแล้ว แม้แต่ท่านป้าที่คอรบครัวเผยเก็บมา ก็เป็นคนโหดร้ายเช่นกัน
ไม่นานท่านป้าก็เปิดประตูออกมา ก่อนจะเดินมาตรงหน้าทุกคนอย่างสง่างาม “เป็นคนของหมู่บ้านตระกูลอวี๋ที่บอกพวกเขาว่าหมู่บ้านของเรามีเงิน ใต้พื้นดินมีทองคำฝังเอาไว้”
พวกชาวบ้านต่างก็ตกตะลึง!
ต่อให้ตายพวกเขาก็คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคนของหมู่บ้านตระกูลอวี๋ ที่ปล่อยข่าวลืออยู่เบื้องหลัง หาเรื่องมาให้หมู่บ้านของพวกเขา
เหตุใดจึงมีคนที่ใจคอโหดเหี้ยมเช่นนี้ได้?
“ต้องเป็นเพราะหมู่บ้านของพวกเราจับอวี๋ซิ่วเหลียนหย่าเป็นแน่ สตรีที่ไม่รักษาศีลธรรมของสตรีคนนั้น พวกเรายังจะเก็บนางเอาไว้ได้อีกอย่างนั้นหรือ นี่มันรังแกกันเกินไปแล้ว!”
เฉินไคชุนร้อนตัวขึ้นมา จึงแสร้งตะโกนตามไปด้วย “ใช่ พวกเราไม่จับเข้ากรงหมูแล้วถ่วงน้ำ และไม่ได้ไปแจ้งทางการก็ดีขนาดไหนแล้ว แต่เป็นนางเองที่ทนความเหงาไม่ได้ ยังจะมาโทษพวกเราอีกอย่างนั้นหรือ?”
พวกชาวบ้านต่างก็โมโหเป็นอย่างมาก มีเพียงจี้จือฮวนที่สังเกตเห็นว่าโจรที่ออกมาจากห้องเหล่านั้น ต่างก็มีท่าทางขวัญหนีดีฝ่อ เสื้อผ้ากระเซอะกระเซิงราวกับถูกฟ้าผ่ามาก็มิปาน บ้างก็นอนอยู่บนพื้นโดยมีน้ำลายฟูมปาก ทั้งยังกระตุกเป็นครั้งคราว
“…”
โดนอะไรมากันแน่
ท่านป้ามองดูมือของตัวเอง ดึงจมูกเล็บชิ้นหนึ่งที่เกิดจากการทำงานหนักในช่วงสองวันที่ผ่านมาออก
ทันใดนั้นสายตาของนางก็มองมา ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างช้า ๆ “เรื่องมันง่ายขนาดนั้นที่ไหนกัน คนของหมู่บ้านตระกูลอวี๋ยังบอกกับโจรขี่ม้าด้วยว่า คนของหมู่บ้านเราป่าวประกาศไปทั่วว่าสตรีของหมู่บ้านตระกูลอวี๋ห้ามใครแต่งงานด้วยเด็ดขาด เพราะเป็นสตรีที่ไม่ปฏิบัติตามศีลธรรมของสตรี คำพูดนี้ข้าอยากจะรู้นักว่าใครเป็นคนพูดออกไป”