เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 107 ความแค้นต้องชำระ
บทที่ 107 ความแค้นต้องชำระ
อีกด้านหนึ่ง เฉินฉือที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านก็ได้นำผู้ชายในหมู่บ้านจับตัวพวกโจรขี่ม้าเข้าไปในตำบลฉาซู่
ระหว่างทางยังได้ให้คนมาตีฆ้องร้องป่าว เพื่อให้ทุกคนมาดูโจรขี่ม้าอีกด้วย
ม้าและอาวุธที่ยึดมาได้มีจำนวนหลายสิบ เสียงที่ดังขึ้นตลอดทางดึงดูดผู้คนที่สัญจรผ่านไปมาและชาวบ้านให้มามุงดูเป็นจำนวนมาก
หัวหน้าโจรขี่ม้าไม่เคยอับอายเช่นนี้มาก่อนในชีวิต แต่ใครใช้ให้พวกเขาถูกหลอกกันเล่า ไม่มีใครบอกพวกเขาเลยว่าหมู่บ้านตระกูลเฉินยังมีพยัคฆ์หมอบมังกรซ่อน* เช่นนี้อยู่ในหมู่บ้านถึงสองคน
* พยัคฆ์หมอบมังกรซ่อน แปลว่า ผู้ที่มีความสามารถแต่ซ่อนตัวอยู่
นายอำเภอเจียงกำลังกังวลเรื่องเอกสารที่ส่งไปยังกรมขุนนาง ว่าจะกระทบต่อการเลื่อนตำแหน่งของตนหรือไม่ สุดท้ายกลับได้ข่าวว่ามีชาวบ้านจับกุมโจรขี่ม้าได้หลายสิบคน!
การปราบปรามโจรถือเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของเส้นทางขุนนางเชียวนะ!
ดังนั้นนายอำเภอเจียงจึงรีบให้พวกเขาเข้ามา หลังจากตรวจสอบตัวตนของหัวหน้าโจรขี่ม้าแล้ว นายอำเภอเจียงจึงได้มองไปที่เฉินฉือที่มีรูปร่างผอมแห้งและตัวเล็ก ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมาว่า “พวกเจ้าเป็นคนจับโจรพวกนี้อย่างนั้นหรือ?”
โจรขี่ม้าเหล่านี้เที่ยวทำร้ายประชาชนในมณฑลและอำเภอใกล้เคียงมาหลายปีแล้ว พวกทหารไปปราบก็ยังไม่สามารถจับพวกโจรได้ ทว่าอาศัยแค่ชาวบ้านกลุ่มเดียวก็สามารถจับได้แล้วอย่างนั้นหรือ?
เฉินฉือเป็นคนซื่อสัตย์ จึงไม่คิดจะเอาความดีความชอบเสียเอง
“ข้าไหนเลยจะจับได้ คนที่จับได้เป็นคนในหมู่บ้านของเราแต่มาจากต่างที่ มีแซ่ว่าเผย เขาเป็นคนลงมือเยอะสุด ที่เหลือภรรยาของเขาก็เป็นคนจัดการ”
นายอำเภอเจียงก็ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อพูดถึงสตรีที่มีความสามารถและแต่งงานแล้ว เขาจึงได้ถามหยั่งเชิงออกไป “คงไม่ใช่แซ่จี้ จี้จือฮวนหรอกกระมัง?”
เฉินฉือกะพริบตาปริบ ๆ “แปลกจริง ท่านทราบได้อย่างไรขอรับ?”
นายอำเภอเจียงเองก็คิดไม่ถึงว่าท่านหมอเทวดาจะเป็นสมบัติล้ำค่าถึงเพียงนี้
“ข้ารู้จักนาง อ้อ ไม่ใช่ ข้าไม่คู่ควรที่จะรู้จักนาง แต่พวกเจ้าวางใจเถอะ ในเมื่อแม่นางจี้เป็นคนจัดการ ข้าจะรายงานต่อราชสำนักอย่างแน่นอน ถึงเวลามีรางวัลลงมา ข้าจะให้คนเอาไปมอบให้นางด้วยตัวเอง ส่วนหมู่บ้านตระกูลอวี๋ที่พวกเจ้าบอกว่าสมรู้ร่วมคิดกับโจรขี่ม้านั้น ข้าจะไปตรวจสอบดูอีกที”
หากสามารถอาศัยโอกาสนี้ สร้างความประทับใจให้กับถังกั๋วกงได้สักนิดก็คงจะดี
“วันหน้าหมู่บ้านของพวกเจ้ามีเรื่องอะไรก็มาหาข้าได้เลย เวลาใดข้าก็ว่าง”
เฉินฉือได้แต่เกาหัว ในใจก็นึกสงสัย คิดว่าข้าว่างมาก ไม่มีธุระอะไรก็จะมาที่ที่ว่าการอย่างนั้นหรือ ซวยจะตายไป
นายอำเภอเจียงนอกจากจะชื่นชมหมู่บ้านตระกูลเฉินแล้ว ยังให้คนทำป้ายให้พวกเขาอีกด้วย บอกว่าอีกสองวันจะส่งไปให้ เพื่อตั้งเอาไว้ที่ทางเข้าหมู่บ้าน
นี่นับว่าเป็นเรื่องมงคลของคนทั้งหมู่บ้าน ทุกคนจึงคุยกันว่าเมื่อกลับไปแล้วจะไปเยี่ยมบ้านครอบครัวเผย เพื่อขอบคุณที่ช่วยชีวิตพวกเขาด้วยตัวเอง
“เมื่อคืนที่เมียข้าบอกว่าสะใภ้ตระกูลเผยเป็นดาวนำโชค ข้ายังคิดอยู่ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ดูแล้วเป็นข้าเองที่มองไม่ออก”
“ใช่แล้ว สะใภ้ตระกูลเผยเก่งกาจจะตายไป สามีนางก็มีฝีมือไม่เลว”
ทุกคนจึงกลับหมู่บ้านด้วยความดีใจ ก่อนจะให้คนที่บ้านเตรียมไก่ เป็ด ปลา จากนั้นก็ขึ้นเนินเขาไป
…
จี้จือฮวนขึ้นไปตัดต้นไผ่บนภูเขาเป็นจำนวนมาก จากนั้นก็สาดน้ำหลิงเฉวียนลงบนกอไผ่ เพื่อให้ต้นไผ่เติบโตได้สูงและเร็วขึ้น
เมื่อกลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว ในตะกร้าใบเล็กมีของใส่อยู่จนเต็ม อีกทั้งวันนี้ยังเก็บของป่ามาได้มากมายหลายชนิด และที่สำคัญนางยังขุดเจอโสมอีกด้วย!
ขณะที่จี้จือฮวนกลับมาบ้านอย่างอารมณ์ดี ก็พบว่าคนเกือบทั้งหมู่บ้านต่างก็มารวมตัวกันอยู่ในลานบ้านของนาง
คนที่ไม่มีที่นั่งต่างก็ยืนอยู่ และมองไปทางเผยยวนพร้อมรอยยิ้ม
เกิดเรื่องอะไรขึ้น?
“ฮวนฮวนกลับมาแล้วหรือ!” ท่านป้าหยางเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นนาง สายตาของเผยยวนก็มองมาทันที ทว่าแววตานั้นทำให้จี้จือฮวนรู้ว่าเขาต้องการความช่วยเหลือ
น้องชาย อย่างไรซะเจ้าก็เป็นถึงเทพสงคราม เหตุใดถึงได้ตกใจเพียงนี้กัน
“เหตุใดทุกคนถึงมาอยู่ที่นี่กันหมดเล่าเจ้าคะ กำลังคุยอะไรกันอยู่หรือเจ้าคะ?”
ฟางจวิ่นเหมยที่แทะเมล็ดแตงโมอยู่ก็เอ่ยขึ้นมา “ฟังอาชิงของพวกเจ้าเล่านิทานอยู่ เขาเล่าสนุกทีเดียวนะ”
อ้อ ที่แท้ไม่ได้มองเผยยวน แต่มองอาชิงที่อยู่ข้าง ๆ หรอกหรือ
แม้แต่ท่านป้าเองก็ย้ายม้านั่งตัวหนึ่งมา พลางเล่นไพ่นกกระจอกและฟังนิทานไปด้วย
เห็นอาชิงน้อยยืนอยู่บนโต๊ะ ในมือถือป๋องแป๋งที่นางซื้อให้เขา และสวมหมวกเสือที่ท่านป้าหยางทำให้ ยืนอยู่ตรงนั้นนิ่ง ๆ ก่อนจะตะเบ็งเสียงเล็กเสียงน้อยเลียนแบบจี้จือฮวน “คิดว่าเด็กอย่างพวกเจ้ามีความสามารถอะไรกันจึงกล้าพูดจาเหลวไหลเช่นนี้ อย่าเพิ่งไป กินกระบองของข้าซะเถอะ!”
ทุกคนต่างก็ปรบมือให้โดยพร้อมเพรียงกัน “เยี่ยม!”
มุมปากของจี้จือฮวนถึงกับกระตุก เหตุใดถึงเอาเรื่องไซอิ๋วมาเล่าได้ ไม่ใช่ว่าความจำของเจ้าเด็กคนนี้จะดีเกินไปแล้วกระมัง นางเพิ่งจะเล่าให้ฟังไปแค่รอบเดียว อีกทั้งยังลืมเนื้อหาบางส่วนจนต้องกลับไปท่องเงียบ ๆ ในช่องว่างมิติถึงเอามาเล่าได้ แต่เขากลับจำได้แม่นยำเลยอย่างนั้นหรือ?
สมกับที่เป็นหัวสมองของตัวโกงจริง ๆ
ใช่แล้ว พวกไม่มีสมองจะทำงานใหญ่ได้อย่างไร น่าจะถูกคนเล่นงานก่อนมากกว่า
อาอินกับอาฉือต่างก็เคยฟังแล้ว จึงรับหน้าที่เติมน้ำชาให้ทุกคนแทน
ไม่มีใครน่าสงสารเท่าเผยยวนอีกแล้ว คาดว่าคงไม่เคยมีประสบการณ์ถูกท่านป้าและท่านยายสิบกว่าคนล้อมหน้าล้อมหลัง ถามนู่นถามนี่เช่นนี้มาก่อน
และคาดว่าพวกนางเองก็คงคิดไม่ถึงเช่นกันว่าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าจะเป็นเทพสงครามของต้าจิ้น แม่ทัพหนุ่มที่ไม่เคยพ่ายแพ้ในสนามรบมาก่อน
จี้จือฮวนเพิ่งจะส่งสายตาเชิงเห็นใจไปให้ ก็ได้ยินพวกท่านป้าเอ่ยขึ้นมา “ยวนจื่อ วันหน้าเจ้าก็ใช้ชีวิตคู่กับฮวนฮวนให้ดี ภรรยาที่ดีเช่นนี้หมู่บ้านแถวนี้ล้วนหาได้ยาก”
“ใช่แล้ว หากเจ้าทำผิดต่อนาง หมู่บ้านตระกูลเฉินของพวกเราไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่”
ยวนจื่อ!?
ยวนจื่อหมายความว่าอะไรกัน เผยยวนเจ้าไม่เห็นต้องยิ้มรับนี่นา
“อืม ข้าจะทำให้ดีแน่นอนขอรับ” ข้าจะทำให้นางชอบข้าให้ได้
เจ้าตอบตกลงทำไมกัน!
จี้จือฮวนกลอกตามองบน ก่อนจะเข้าครัวไป
มื้อเย็นจึงได้กินข้าวมื้อใหญ่ที่แต่ละครอบครัวนำมา นี่เป็นครั้งแรกที่คนของหมู่บ้านตระกูลเฉินมารวมตัวกัน และนำเสบียงของตัวเองมาทำอาหารร่วมกันอีกด้วย
“เฮ้อ ครอบครัวของเฉินไคชุนยังไม่ยอมไปเลย”
“โยนของออกไปหมดแล้วไม่ใช่หรือ”
“พวกเขาจะให้ผู้อาวุโสของตระกูลเอาเงินที่สร้างบ้านคืนให้พวกเขาก่อนถึงจะยอมไป”
พูดถึงเรื่องนี้ บ้านเดิมของครอบครัวเฉินไคชุน ก่อนหน้านี้ได้พังลงเนื่องจากแผ่นดินไหว ต่อมาพวกเขาก็สร้างบ้านใหม่ด้วยเงินของพวกเขาเอง แม้จะผ่านไปหลายปีแล้ว แต่เงินจำนวนนั้นก็ไม่ได้รับการแบ่งจากเงินส่วนกลางของหมู่บ้าน
ดังนั้นการจะไล่ให้พวกเขาไปเช่นนี้ พวกเขาจึงไม่พอใจเท่าไรนัก
“วันนี้ก็ยังเห็นวนเวียนอยู่ในหมู่บ้าน พวกเจ้าระวังตัวกันด้วยเล่า ไม่แน่เจ้าเฒ่านั่นอาจมีแผนชั่วอยู่ก็เป็นได้”
“โอ๊ย เจอเขาเมื่อไรข้าจะตีเขาเมื่อนั้น ดูสิว่าเขาจะเลวได้ถึงขนาดไหน”
“ใช่ เหมือนกับซุนหงอคง!”
นิทานเรื่องนี้สนุกจริง ๆ อย่าว่าแต่เด็กในหมู่บ้านฟังแล้วติดเลย แม้แต่ผู้ใหญ่ก็เช่นกัน กลางคืนจึงขอฟังอีกรอบถึงได้ยอมกลับบ้านไปอย่างอาลัยอาวรณ์
แต่ทุกคนต่างก็อิจฉายิ่งนัก หากว่าพวกเขามีความสามารถเช่นนั้น ลูก ๆ ของพวกเขาก็คงพูดได้เก่งอย่างอาชิง
ขณะที่อาอินต้มน้ำสำหรับอาบ คนในครอบครัวก็เตรียมตัวพักผ่อนกันแล้ว ตอนที่เผยยวนถูกจี้จือฮวนประคองกลับห้อง ก็เอ่ยขึ้นมาด้วยความเก้อเขิน “ข้าไปนอนกับพวกอาฉือดีกว่า”
จี้จือฮวนมองหน้าเขา “แน่นอน”
ไม่อย่างนั้นคิดจะนอนกับนางหรืออย่างไร ฝันไปเถอะ
“ห้องข้าใกล้ทำเสร็จแล้ว ถึงเวลาด้านในจะแบ่งเป็นสองห้อง ท่านป้าพักอยู่ด้านหน้า เช่นนี้ก็กำลังดี คนอื่นก็จะมองไม่ออก”
เผยยวนเห็นนางจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็พยักหน้าให้
เผยจี้ฉือที่อาบน้ำเสร็จกลับมาเห็นเผยยวนนอนอยู่บนเตียงตัวเองก็เอ่ยด้วยความกังวล “ท่านถูกท่านแม่ไล่ออกมาหรือ?”
เผยยวนเลิกคิ้วขึ้น “คนเขาแต่งกับข้าเพราะถูกบังคับ แม้แต่งานแต่งที่เป็นทางการก็ไม่มี ข้าจะมีหน้าไปนอนห้องเดียวกับนางได้อย่างไร?”
เผยจี้ฉือพยักหน้ารับรู้ “เช่นนั้นต่อไปท่านก็จัดงานแต่งที่ยิ่งใหญ่ให้ท่านแม่ สิ่งที่เจ้าสาวคนอื่นมีนางก็จะขาดไม่ได้ ต้องมีมากกว่าและดีกว่าด้วย”
เผยยวนเป็นอัจฉริยะตั้งแต่เด็ก เขายอมให้ตัวเองลำบากที่ใดกัน ยิ่งไม่มีทางให้ผู้หญิงของตัวเองต้องลำบากด้วยอย่างแน่นอน
“วางใจเถอะ”
ตกกลางคืน หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่เงียบสงบ ทุกคนต่างหลับสนิท เผยยวนลืมตาขึ้นมา เมื่อห่มผ้าห่มให้อาฉือและอาชิงเรียบร้อยแล้ว ก็ลุกขึ้นและออกจากห้องไป
จ้านอิ่งกำลังนอนอยู่ ตอนที่เผยยวนเดินมาตรงหน้า มันก็ลืมตาขึ้นมาทันที
“เบาเสียงหน่อย พวกเราจะออกจากหมู่บ้านเงียบ ๆ”
บางความแค้นเขาก็อดทนจนข้ามคืนไม่ได้อีกแล้ว