เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 130 บุตรของอดีตองค์รัชทายาท
- Home
- เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย
- บทที่ 130 บุตรของอดีตองค์รัชทายาท
บทที่ 130 บุตรของอดีตองค์รัชทายาท
ขณะที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่นั้น ไท่ซ่างหวงก็คร่ำครวญออกมา ก่อนจะเห็นว่าจี้จือฮวนเอาเข็มฉีดยายัดกลับเข้าไปในกล่องยาน้อย ๆ แล้ว จากนั้นก็เอายาหนึ่งกำมือกรอกใส่ปากให้กับไท่ซ่างหวงด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง และตามด้วยชาเพื่อสุขภาพ
“เสร็จแล้ว ไม่เป็นอะไรแล้ว” จี้จือฮวนปัดไม้ปัดมือแล้วลุกขึ้นยืน
จางตงไหลตกตะลึง แบบนี้ก็ได้หรือ?
จางหยวนเฉียวยิ้มอย่างภูมิใจ สมกับที่เป็นอาจารย์จริง ๆ ดูท่าทางของคนที่ไม่เคยเห็นโลกข้าง ๆ นั่นสิ!
“เมื่อครู่เจ้าทิ่มอะไรลงไปบนกายของนายท่านของเรา!”
“พอได้แล้ว ๆ เจ้าไม่ได้เห็นโลกภายนอกมานานเท่าใดแล้ว หมอเก่ง ๆ เท่านั้นถึงจะมีของพวกนี้ ข้ายังอยากจะเรียนอีกสักสองปี ให้อาจารย์ถ่ายทอดวิชาให้กับข้าด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้รับรองว่านายท่านของพวกเจ้าจะไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอน” จางหยวนเฉียวกลอกตามองบน
ใครกล้าบอกว่าฝีมือการแพทย์ของอาจารย์มีปัญหาล่ะก็! เขาจะอาละวาดใส่คนผู้นั้นเลยคอยดู!
จางตงไหลมีท่าทางอึกอักขึ้นมาทันที ก่อนจะรีบเข้าไปดูอาการของไท่ซ่างหวง พบว่าไม่นานนักอาการของไท่ซ่างหวงก็สงบลง มือเท้าก็ไม่สั่นแล้ว ริมฝีปากก็ไม่ซีดแล้ว
ทว่า…เหตุใดจนถึงตอนนี้แล้ว ในมือยังถือปีกไก่เอาไว้แน่นอยู่อีกเล่า!!!
ท่านเป็นไท่ซ่างหวงนะขอรับ!!
ไม่เคยกินหรืออย่างไรกัน!
จี้จือฮวนเอ่ย “โรคเรื้อรังของเขาจะรุนแรงตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น ต้องทำให้อารมณ์แจ่มใสอยู่เสมอ ดังนั้นการเอาแต่หมกตัวอยู่บนเขาไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหา มีเวลาก็ลงเขาไปเดินเล่นบ้าง อาการเกร็งของกล้ามเนื้อแขนขาเป็นการตอบสนองต่อความเครียด หากนวดและฝังเข็มอาการก็จะดีขึ้น ส่วนยานี่พวกเจ้าเก็บเอาไว้ให้เขากินวันละสองครั้งหลังอาหาร อย่ากินตอนท้องว่างเด็ดขาด”
จางตงไหลฟังนางพูดอย่างเป็นหลักเป็นการ ก็จ้องขวดยาขนาดเล็กสีใสในมือแล้วเอ่ยขึ้นมา “ยานี่เหตุใดหน้าตา…”
“เจ้าไม่ได้ลงจากเขานานแล้วคงไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยสินะ ล้าหลังชะมัด สิ่งไหนมีประโยชน์ก็แค่รับเอาไว้” จางหยวนเฉียวเอ่ยอย่างเย็นชา
จางตงไหลจึงหุบปากฉับทันที คงได้เวลาออกไปเดินตามท้องตลาดเพื่อดูว่าสมัยนี้ยาเม็ดมีหน้าตาเป็นเช่นไรแล้วกระมัง
“ยานี่จะกินได้แค่หนึ่งเดือน หากหมดแล้วให้ไปเอาที่บ้านข้า”
จางตงไหลเห็นไท่ซ่างหวงอาการดีขึ้นแล้ว ก็ตื่นเต้นจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ไม่นึกเลยว่าหญิงสาวคนนี้แม้อายุจะยังน้อย แต่กลับมีความสามารถถึงเพียงนี้!
ฝีมือการแพทย์ล้ำเลิศเช่นนี้ แต่กลับมาอยู่ในป่าในเขา ช่างน่าเสียดายพรสวรรค์จริง ๆ
“ตกลง ๆ ไม่ทราบว่าแม่นางมีนามว่า?”
“จี้จือฮวน”
จางตงไหลไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เขาถึงได้รู้สึกว่าท่าทางของเด็กคนนี้ ถึงแตกต่างจากเมื่อครู่ไปโดยสิ้นเชิง
หากพูดออกไปจะไม่ฟังดูไร้สาระหรอกหรือ ก่อนหน้านี้ตอนที่จางหยวนเฉียวไม่อยู่ นางจำต้องแสร้งทำตัวเป็นสาวชาวบ้านเพื่อเข้าใกล้พวกเขา แต่หากรู้ว่าจางหยวนเฉียวอยู่ด้วยล่ะก็ นางคงใช้เขาไปนานแล้ว
ไท่ซ่างหวงยังต้องอยู่ดูอาการอีกครู่หนึ่ง เหล่ายอดฝีมือจึงหามเขาขึ้นมา และพาเขากลับไปที่เรือนหลังเล็ก ๆ อย่างระมัดระวัง
จี้จือฮวนกับจางหยวนเฉียวรออยู่ด้านนอก จางหยวนเฉียวได้ยินว่านางมาขอพรก็ทอดถอนใจออกมา ไท่ซ่างหวงช่างโชคดีจริง ๆ อยู่ไกลเพียงนี้ก็มีวาสนาได้เจอกับอาจารย์ของเขาอีก!
ผ่านไปสักพักจางตงไหลจึงได้เดินออกมาพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความนอบน้อม “เมื่อครู่เสียมารยาทกับแม่นางไป ขอแม่นางได้โปรดอย่าเก็บไปใส่ใจเลยนะ ตอนนี้นายท่านของเราอยากเชิญแม่นางเข้าไปด้านในสักหน่อย”
จี้จือฮวนพยักหน้ารับ หลังจากที่นางเข้าไป ไท่ซ่างหวงก็รู้สึกเจ็บจี๊ดที่ก้นขึ้นมา รู้สึกเหมือนนางพร้อมจะล้วงเข็มออกมาทิ่มเขาได้ตลอดเวลา
“เด็กน้อย นั่งก่อนสิ”
จี้จือฮวนนั่งลงข้าง ๆ “รู้สึกเป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ?”
“ดีขึ้นมากแล้ว ไม่ได้รู้สึกสบายเช่นนี้มาหลายปีแล้ว เดิมคิดว่าวันนี้หากปวดขึ้นมาคงต้องทนปวดเป็นครึ่งค่อนวันเสียอีก”
จี้จือฮวนมองไท่ซ่างหวงอยู่อย่างนั้น ความจริงแล้วเขาก็ดูเป็นคนแก่ที่น่าสงสารไม่น้อย หากอาการกำเริบขึ้นมาจริง ๆ นอกจากจะไม่มีลูก ๆ หรือญาติพี่น้องอยู่ข้างกายแล้ว ยังต้องอดทนต่อความเจ็บปวดอีกด้วย
“เด็กน้อย หากว่าเจ้าไม่ถือสาก็เรียกข้าว่าท่านปู่เหมือนเมื่อครู่เถอะ ปู่ชอบอาหารที่เจ้าทำ”
มีคนใหญ่คนโตให้เกาะเช่นนี้ ทางที่ดีไม่ควรปล่อยโอกาสให้หลุดมือ เพราะอย่างน้อยก็ดีกว่าไปสู้กับฮ่องเต้เองไม่ใช่หรือ?
จี้จือฮวนเงยหน้าขึ้นแทบไม่ต้องคิด พร้อมกับเอ่ยเรียก “ท่านปู่”
นางเรียกออกมาด้วยความจริงใจ ไท่ซ่างหวงไม่ได้ยินคำเรียกเช่นนี้มานานมากแล้ว
เหมือนกับชาวบ้านทั่วไป
“ดี ๆ” ดวงตาของไท่ซ่างหวงมีน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมา
เรื่องเกี่ยวกับความรักในครอบครัวนั้นจี้จือฮวนมีอยู่น้อยมาก เพราะนางไม่มีครอบครัว
ดังนั้นเมื่อเห็นไท่ซ่างหวงขดตัวอยู่บนเตียงเช่นนี้ นางจึงเป็นฝ่ายเข้าหาและเอ่ยขึ้นมา “ท่านปู่ ข้าอยู่ที่หมู่บ้านตระกูลเฉิน หากท่านคิดถึงข้าก็ไปที่หมู่บ้านของเราได้ ที่นั่นมีคนมากมายสามารถคุยเป็นเพื่อนท่านได้ ข้าจะพาท่านไปดูท้องนา ดูสวนดอกไม้ของบ้านเรา ยังมีสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยที่เลี้ยงเอาไว้มากมายด้วยเจ้าค่ะ”
ที่สำคัญที่สุดก็คือ ไปดูเผยยวนเถอะ เขาไม่ควรมาอยู่ในป่าในเขาเช่นนี้ เพราะยังมีฟ้าดินที่กว้างใหญ่กว่ารอเขาอยู่
ไท่ซ่างหวงรู้สึกขมขื่นยิ่งนัก จากนั้นชายชราจึงเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย “เช่นนั้นหากข้าไปแล้วเจ้าอย่ารังเกียจข้านะ เพราะข้าเป็นคนที่จู้จี้จุกจิกมาก”
คนที่ดูแลเขาพวกนั้นต่างก็กลัวเขากันหมด
“ไม่หรอกเจ้าค่ะ ท่านต้องชอบที่นั่นแน่ ข้าจะรอท่านที่หมู่บ้านตระกูลเฉิน หรือว่าเดือนหน้าให้ข้ามาเยี่ยมท่านก็ได้นะเจ้าคะ” จี้จือฮวนยื่นมือออกไป “ข้าขอเกี่ยวก้อยสัญญากับท่าน”
ครั้งนี้ไม่ได้พูดเพื่ออยากเอาชนะจี้หมิงซูอีกแล้ว แต่ออกมาจากใจของนางเองจริง ๆ
ไท่ซ่างหวงเป็นคนที่เกลี้ยกล่อมได้ง่ายมาก เมื่อจี้จือฮวนรับปากว่าจะมาเยี่ยมเขา ก็รีบเกี่ยวก้อยกับนางทันที
แม้แต่ตอนที่จี้จือฮวนจะลงจากเขา ไท่ซ่างหวงก็ยังเดินออกมาที่ระเบียงและมองตามหลังของนางไปจนลับตา
แต่จางหยวนเฉียวไม่สามารถกลับไปได้ เขาจึงนำของเสียบไม้ย่างที่จี้จือฮวนทิ้งเอาไว้ไปอุ่น
ส่วนจี้จือฮวนก็กลับมาได้ทันเวลาพอดี เผยจี้ฉือเพิ่งออกมาจากห้องโถงหลังฟังพระสวดเสร็จ “ท่านแม่ ท่านไปที่ใดมาหรือขอรับ เหตุใดถึงเพิ่งกลับมาป่านนี้?”
จี้จือฮวนเอ่ย “ข้าปวดท้องเลยไปห้องน้ำมา ขอยันต์มาแล้วใช่หรือไม่?”
“ขอรับ ท่านดูสิ!” เผยจี้ฉือส่งยันต์ให้กับจี้จือฮวน
จากนั้นสองคนแม่ลูกก็จูงมือกันเดินลงจากเขาไป
จางตงไหลที่กำลังสวมเสื้อคลุมให้กับไท่ซ่างหวง ก็เห็นขอบตาของเขาแดงเรื่อขึ้นมาอีกครั้ง “นายท่าน เหตุใดท่านถึงจะร้องไห้อีกเล่าขอรับ?”
ไท่ซ่างหวงถอนหายใจออกมา “เจ้ารู้สึกว่าลูกชายของเด็กคนนั้นเหมือนอาฉือลูกชายของอวี้เอ๋อร์หรือไม่?”
จางตงไหลตกใจขึ้นมาทันที อดีตองค์รัชทายาทที่ถูกปลด เซี่ยอวี้ผู้นั้น ไท่ซ่างหวงไม่ได้เอ่ยถึงมานานมากแล้ว หลังจากตำหนักบูรพาเข้าไปพัวพันกับคดีทุจริตเกลือของเจียงหนาน ทุกคนในตำหนักบูรพาก็ถูกปลดให้เป็นสามัญชน แม้แต่เด็กอัจฉริยะในเวลานั้นอย่างเซี่ยฉือบุตรชายของอดีตองค์รัชทายาทก็ดับสูญจากโลกไปด้วย
ตอนนั้นไท่ซ่างหวงรักเหลนคนนี้มาก เพราะเซี่ยฉือเหมือนไท่ซ่างหวงมากที่สุด
หลังจากเกิดเรื่องกับอดีตองค์รัชทายาท ไท่ซ่างหวงก็ไม่เคยเอ่ยถึงอาฉืออีกเลย เมื่อได้ยินชื่อนี้อีกครั้ง จางตงไหลก็อดที่จะใจสั่นสะท้านขึ้นมาไม่ได้
“นายท่านขอรับ” จางตงไหลมีสีหน้าเป็นกังวล
ไท่ซ่างหวงปัดมือไปมา “ช่างเถอะ ข้ารู้ว่าเจ้าจะพูดอะไร อย่างไรซะจากไปแล้วก็คือจากไป ต่อให้ข้าอยากจะรั้งเอาไว้ก็คงไม่สามารถรั้งเอาไว้ได้อยู่ดี”
จางตงไหลไม่รู้ว่าควรพูดเช่นไรดี จึงทำได้เพียงยืนอยู่ข้าง ๆ ไท่ซ่างหวงเงียบ ๆ
อาฉือเดินไปได้ครึ่งทาง ก็หันหน้ากลับไปมองด้วยท่าทางประหลาดใจ
น่าเสียดายที่ด้านหลังของเขาเต็มไปด้วยป่าทึบ จึงมองอะไรได้ไม่ชัดเจนนัก
“มีอะไรหรือ?”
จี้จือฮวนเอ่ยถาม
อาฉือส่ายหน้า “ไม่มีอะไรขอรับ ข้าน่าจะรู้สึกไปเอง”
จี้จือฮวนหันมองตามสายตาของเขา คงจะเป็นพวกไท่ซ่างหวงกระมัง
นางตบบ่าของอาฉือเบา ๆ “วันนี้กลับไปข้าจะทำขนมจอหงวนให้เจ้ากิน ข้าได้ยินพวกท่านย่าหวังบอกว่า ขนมจอหงวนเป็นขนมที่พวกบัณฑิตต้องกินกัน”
อาฉือฉีกยิ้มที่มีความสุขออกมา “ขอรับ”
“ท่านแม่ขอรับ ที่ข้ายังมีวันนี้ได้ ความสุขนี้ท่านเป็นคนมอบให้ข้า ข้าขอบคุณท่านมากนะขอรับ”
ในอดีตเขาถูกคนผลักลงจากจุดที่สูงที่สุด จากนั้นความมืดมิดก็เข้าครอบงำชีวิตเขา แต่ได้ท่านพ่อรับเขามาเลี้ยงดู และจุดประกายความหวังให้เขาลุกขึ้นยืนอีกครั้ง แต่แล้วก็ถูกคนทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี ทว่าจากนี้ไป เขาเชื่อว่าไม่มีอะไรจะทำให้เขาล้มได้อีกแล้ว เพราะเขามีคนมากมายให้ปกป้อง
ท่านแม่ชอบเด็กที่จิตใจดีและกล้าหาญ เช่นนั้นเขาก็จะเป็นคนที่มีจิตใจดีและกล้าหาญ เป็นเผยจี้ฉือที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ สามารถกลมกลืนไปกับความมืดมิด และสามารถเปิดรับแสงสว่างได้เช่นกัน ขอเพียงทำเพื่อคนที่เขารัก ไม่มีอะไรที่เขาทำไม่ได้
จี้จือฮวนไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่ชวนซาบซึ้งใจเช่นนี้ได้ นางจึงแสร้งหัวเราะออกมาและปล่อยผ่านไป “เรียกข้าว่าแม่แล้วยังจะมาขอบคุณอะไรกันอีก ข้าไม่ชอบฟังหรอกนะ ไป พวกเรารีบกลับบ้านกันเถอะ”