เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 141 ไท่ซ่างหวงมาแล้ว
บทที่ 141 ไท่ซ่างหวงมาแล้ว
เผยจี้ฉือปรายตามองซูหงเจิ้นที่นอนเลือดกำเดาไหลอยู่บนพื้นเล็กน้อย พลันนั้นสีหน้าของเขาก็กลับมาไร้เดียงสาและไม่มีพิษมีภัยอีกครั้ง
ก่อนจะส่งยิ้มให้กับพวกจี้จือฮวน “ท่านแม่ ท่านพ่อ”
จี้จือฮวนจึงถามด้วยความเป็นห่วงออกมา “ในสำนักศึกษามีคนรังแกเจ้าหรือไม่?”
เผยจี้ฉือส่ายหน้า “ไม่มีขอรับ”
แค่พวกที่โตแต่ตัวแต่ไม่มีสมอง ไม่สามารถรังแกเขาได้หรอก
จี้จือฮวนยังไม่วางใจ ความรุนแรงในสถานศึกษาที่ไหนก็มี แถมเผยจี้ฉือยังอายุน้อยที่สุดอีกด้วย การจะถูกคนรังแกจึงก็เป็นเรื่องปกติ
“ข้าทำเค้กมาให้เจ้า อีกเดี๋ยวเลิกเรียนแล้วพวกเราค่อยกลับบ้านพร้อมกัน เจ้าเอาไปกินกับสหายร่วมชั้นเถอะ”
เผยจี้ฉือไม่อยากให้คนพวกนั้นได้กิน แต่เขาก็ยังรับเอามาอย่างเชื่อฟัง “ขอรับ เช่นนั้นข้าจะรีบออกมานะขอรับ”
“เข้าไปเถอะ” เผยยวนพยักหน้าให้ เมื่อเห็นร่างของเผยจี้ฉือหายลับสายตาไปแล้ว ทั้งครอบครัวต่างก็จ้องไปยังซูหงเจิ้นที่เพิ่งลุกขึ้นมา
ซูหงเจิ้นจู่ ๆ ก็ตัวสั่นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ทั้ง ๆ ที่เป็นพวกบ้านนอกคอกนาแท้ ๆ เหตุใดเขาต้องกลัวถึงเพียงนี้ด้วย?!
จี้จือฮวนบิดคอไปมา “เจ้าพาเด็ก ๆ ไปเค่ออวิ๋นไหลก่อน เดี๋ยวข้าตามไป”
เผยยวนไม่กล้าไม่เชื่อฟังจี้จือฮวน หลังจากพวกเขาขึ้นรถม้าไปแล้ว จี้จือฮวนก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที ก่อนเดินไปคว้าคอเสื้อของซูหงเจิ้นและลากเข้าไปในตรอก
“เจ้าจะทำอะไร เจ้าเป็นใครกัน? เจ้า…เจ้าตีคนได้อย่างนั้นหรือ! นี่!
ลูกพี่ลูกน้องข้าคือคุณหนูของจวนจี้กั๋วกงเชียวนะ จี้หมิงซูเป็นพี่สาวข้า!
จอมยุทธ์หญิง! จอมยุทธ์หญิงไว้ชีวิตด้วย ข้ากลัวแล้ว…
โอ๊ย ๆ ๆ เหตุใดยิ่งตียิ่งแรงขึ้นเล่า!!!!”
ผ่านไปพักใหญ่จี้จือฮวนก็ค่อย ๆ เดินออกมาจากตรอก และปัดฝุ่นที่แทบจะไม่มีออกจากกระโปรง
เดิมนางคิดจะสั่งสอนอย่างเบามือ ทว่าสุดท้ายเมื่อเขาบอกว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกับจี้หมิงซู เช่นนั้นทำไมถึงไม่ตีให้หนักขึ้นอีกหน่อยเล่า หึ! คิดจะรังแกลูกชายของนาง ฝันไปเถอะ
ภายในตรอก ซูหงเจิ้นที่ถูกตีจนใบหน้าบวมช้ำยืนขึ้นมาด้วยท่าทางโงนเงน เขาเอามือเท้ากำแพงและเพิ่งจะเดินไปได้สองก้าวก็คิดขึ้นมาได้ว่า เขาจะต้องไปแจ้งทางการ! เขาจะไปฟ้องคนครอบครัวนั้นกับทางการ!
นางอำเภอเจียงกำลังเล่นกับนกฮั่วเหมยที่เพิ่งซื้อมาใหม่อยู่ในสวน ก็ได้ยินคนมารายงานว่ามีคนมาฟ้องร้อง
“ฟ้องใครกัน มีคนตายหรือไม่?”
ท่าทางของเจ้าหน้าที่ดูสับสนเล็กน้อย “เขาบอกว่าจะฟ้องศิษย์ของสำนักศึกษาชิงอวิ๋น เผยจี้ฉือ…”
นายอำเภอเจียงมือสั่นขึ้นมา “เจ้าโง่ เผยจี้ฉือผู้นั้นเจ้าไม่รู้หรือว่าเขาเป็นใคร? นั่นเป็นลูกชายของแม่นางจี้เชียวนะ ให้เขารีบไสหัวไปซะ”
ซูหงเจิ้นที่รออยู่หน้าประตูของที่ว่าการคิดคำพูดเอาไว้หมดแล้ว เขาต้องยกจวนจี้กั๋วกงมากดดัน ในหัวร่างสำนวนเอาไว้หมดเรียบร้อยแล้ว สุดท้ายเมื่อเจ้าหน้าที่ออกมากลับขับไล่เขาให้ออกไป
“ไสหัวไป เผยจี้ฉือใช่คนที่เจ้าจะฟ้องร้องได้อย่างนั้นหรือ หลีกไปซะ”
“ลูกพี่ลูกน้องข้าเป็นคุณหนูของจวนจี้กั๋วกง…”
“ใหญ่มากอย่างนั้นหรือ?” แม่นางจี้ของพวกเขาเป็นผู้มีพระคุณของถังกั๋วกงเชียวนะ
ถังกั๋วกง! กฎหมายของต้าจิ้นล้วนถูกกำหนดโดยถังกั๋วกง จี้กั๋วกงเป็นตำแหน่งใดกัน? เป็นกั๋วกงเหมือนกัน เช่นนั้นมีอำนาจเท่ากันหรือไม่ นี่มันต่างกันราวฟ้ากับเหว ไปหลอกผีเถอะ
ซูหงเจิ้นโมโหจนน้ำตาไหล คนตำบลฉาซู่ล้วนแต่ประสาท เขาจะกลับบ้านไปหาแม่! ข้าจะให้สำนักศึกษาชิงอวิ๋นต้องชดใช้!
…
อีกด้านหนึ่ง รถม้าของไท่ซ่างหวงในที่สุดก็มาถึงหมู่บ้านตระกูลเฉิน
หลังจากจางตงไหลลงมาจากรถม้า ก็เข้าไปถามชาวบ้านคนหนึ่งด้วยตัวเอง สุดท้ายเมื่อชาวบ้านได้ยินว่าเขามาหาจี้จือฮวน ก็กระตือรือร้นต้อนรับเป็นอย่างมาก
หลังจากผ่านไปหนึ่งเค่อ จางตงไหลและไท่ซ่างหวงก็มานั่งอยู่บนม้านั่งตัวเล็ก ๆ และห้อมล้อมไปด้วยชาวบ้านกลุ่มหนึ่ง
ทุกคนต่างมองพวกเขาด้วยสีหน้าสงสัย มีคนคว้าเมล็ดแตงโมมาหนึ่งกำมือและยัดใส่มือของไท่ซ่างหวงอีกด้วย “กินสิ ที่บ้านข้าคั่วเอง หอมมากเลยนะ”
ไท่ซ่างหวงเบียดเข้าหาจางตงไหลด้วยความรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
“เจ้ามาหาฮวนฮวนมีเรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ? ข้าว่าเจ้าหน้าคุ้น ๆ นะ”
“นั่นสิ เจ้าเป็นอะไรกับฮวนฮวนหรือ?”
ไป๋จิ่นบังเอิญเดินผ่านมาพอดีจึงมองไปยังไท่ซ่างหวง พลันนั้นก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจเขาขึ้นมา
ดูเอาเถอะ ทุกคนที่มาหมู่บ้านตระกูลเฉิน ต่างก็ต้องเจอขั้นตอนนี้เหมือนกัน
ไม่ใช่ทุกคนจะสามารถปรับตัวเข้ากับชีวิตในหมู่บ้านตระกูลเฉินได้เหมือนเขา เขาไป๋จิ่น อย่างไรซะก็เป็นคนที่พิเศษกว่าใคร ๆ
“เสี่ยวไป๋เอ๊ย ปลาเค็มนี่ต้องกลับด้านด้วย ตากให้แห้งเสมอกันหน่อย”
“ได้เลยขอรับ ข้าจะจัดการเดี๋ยวนี้” ไป๋จิ่นวิ่งไปช่วยตากปลาเค็มแล้ว
“อีกอย่างสองคนนั้นที่เจ้าพามา เหตุใดถึงไม่คล่องแคล่วเลยเล่า”
ไป๋จิ่นเตะมือสังหารทั้งสองคนไปคนละหนึ่งที “เร็วเข้า ผักดำนั่นก็ต้องกลับด้านด้วยนะ”
พวกมือสังหารเบะปากราวกับจะร้องไห้ออกมา ขณะเดินไปกลับผัก นี่มันจะรังแกกันเกินไปแล้ว!
ตอนที่ครอบครัวจี้จือฮวนกลับมาก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว และเห็นว่าในหมู่บ้านมีคนล้อมวงกันอยู่ จึงเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น
สุดท้ายกลับเห็นไท่ซ่างหวงนั่งแทะเมล็ดแตงโมอยู่ท่ามกลางฝูงชน
“โอ๊ะ ฮวนฮวนกลับมาแล้ว”
ไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูดขึ้นมา สายตาของไท่ซ่างหวงก็หันมามอง จากนั้นรอยยิ้มก็แข็งค้างอยู่บนใบหน้าของเขา
ไม่ใช่แค่รอยยิ้มที่แข็งค้าง ทว่าร่างทั้งร่างก็สั่นเทาด้วยความตื่นเต้น
รวมถึงจางตงไหลที่อยู่ข้าง ๆ ด้วย
“นะ…นายท่าน…ข้าไม่ได้กำลังฝันอยู่ใช่หรือไม่ขอรับ”
ไท่ซ่างหวงอย่างไรเสียก็เป็นคนที่ผ่านความลำบากต่าง ๆ นานามาทั้งชีวิต ไม่นานเขาก็สามารถปรับลมหายใจให้สงบลงได้ ก่อนจะชี้ไปที่ด้านหลังของจี้จือฮวน “พวกเจ้าลงมาเดี๋ยวนี้!”
ชาวบ้านที่ได้ยินดังนั้น ไอ้หยา นี่ไม่ได้มาตามหาญาติหรอกหรือ?
จี้จือฮวนคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าเขาหมายถึงเผยยวน เพียงแต่ไท่ซ่างหวงกับเผยยวนมีความแค้นต่อกันอย่างนั้นหรือ? เหตุใดถึงมีท่าทีเช่นนี้กัน?
คงไม่ใช่เพราะนางทำเรื่องให้แย่ลงหรอกกระมัง
โชคดีที่ไม่นานนางก็ไล่ชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่องอะไรกลับไปได้ ทั้งครอบครัวจึงตรงกลับบ้านพร้อมความเงียบ
ระหว่างทาง ไท่ซ่างหวงจ้องคนครอบครัวเผยเขม็ง ท่านป้าจึงรู้สึกหมดความอดทนขึ้นมา พลางเท้าเอวแล้วเอ่ยขึ้น “ตาแก่ เจ้ามองอะไรของเจ้ากัน อย่าคิดว่าข้าหน้าตาสะสวยแล้วข้าจะชอบเจ้านะ”
ไท่ซ่างหวงเกือบจะกระอักเลือดออกมา
“โอ้ นายท่าน อย่าได้โมโหไปเลยนะขอรับ นางไม่ได้ตั้งใจหรอกขอรับ!” จางตงไหลแทบจะหัวใจวายตาย องค์หญิงใหญ่เหตุใดตอนนี้ถึงได้ไร้มารยาทเพียงนี้! คำพูดเช่นนี้สามารถพูดส่งเดชได้อย่างนั้นหรือ?
อีกอย่างเหตุใดนางถึงไม่ได้อยู่ที่ถู่เจียเล่า กลับมาไม่เท่าไร แต่เหตุใดถึงมาอยู่กับเผยยวนได้!
อีกอย่าง…ยังมีพระราชนัดดาด้วย เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่กันเล่า
เห็นได้ชัดว่าไท่ซ่างหวงไม่มีกะจิตกะใจจะกินข้าวแล้ว ตอนนี้เขากำลังโมโห เขาต้องถามให้กระจ่างว่าเจ้าเด็กพวกนี้คิดจะทำสิ่งใดกัน
จี้จือฮวนเปิดรั้วออก “ข้าต้องจัดห้องเล็ก ๆ ให้พวกท่านนั่งคุยกันเงียบ ๆ หรือไม่?”
“ไปจัดการเถิด!” ไท่ซ่างหวงสะบัดแขนเสื้อหนึ่งที แค่คุยกันที่ไหนเล่า เพราะเขาจะเคาะกะโหลกเจ้าพวกนี้ดูด้วยว่าข้างในนั้นมีอะไรอยู่!
จี้จือฮวนให้พวกเขาไปที่ห้องโถง เดิมคิดว่ามีเผยยวนคนเดียวที่ต้องเข้าไป สุดท้ายหลังจากที่ไท่ซ่างหวงเข้าไปแล้ว แม้แต่อาฉือก็ต้องเข้าไปด้วย
ท่านป้ากำลังคิดจะไปที่ห้องครัวเพื่อดูว่ามีของอร่อยอะไรบ้าง ทว่าไท่ซ่างหวงกลับส่งเสียงกระแอมออกมา “เข้ามา! จะไปไหน?”
“ฮึ ตาแก่นี่ คิดว่าที่นี่เป็นบ้านตัวเองหรืออย่างไร?” ท่านป้าพับแขนเสื้อขึ้นแล้วพุ่งตัวเข้าไป ประตูห้องโถงพลันถูกยอดฝีมือปิดเอาไว้
เผยยวนกับเผยจี้ฉือเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน เหตุใดต้องเรียกท่านป้าเข้ามาด้วย ทั้งสองคนต่างก็มองไปยังไท่ซ่างหวง
กลับเป็นจางตงไหลที่เอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้น “องค์หญิงใหญ่พ่ะย่ะค่ะ ท่านกลับมาเมื่อใดหรือพ่ะย่ะค่ะ ต่อให้จะไม่พอใจสิ่งใด แต่นี่ก็ผ่านไปหลายสิบปีแล้ว ท่านเองก็ชราภาพแล้ว ฝ่าบาทก็ยิ่งชราภาพเข้าไปใหญ่ มีอะไรพ่อลูกค่อย ๆ คุยกันได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“องค์หญิงใหญ่?” เผยยวนกับเผยจี้ฉือหันไปมองท่านป้าด้วยความประหลาดใจ