เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 148 จวนจี้กั๋วกงซวยไม่หยุดหย่อน
- Home
- เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย
- บทที่ 148 จวนจี้กั๋วกงซวยไม่หยุดหย่อน
บทที่ 148 จวนจี้กั๋วกงซวยไม่หยุดหย่อน
หลังจากจี้หมิงซูทำความสะอาดตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงได้กลับมาคารวะฮูหยินผู้เฒ่าใหม่อีกครั้ง แต่น่าเสียดายที่เลยเวลาคารวะไปแล้ว สีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าแค่ดูก็รู้ว่าโมโหเพียงใด
“หมิงซูคารวะท่านย่าเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเงยหน้าขึ้น มองหน้านางด้วยสายตาเรียบนิ่งแล้วเอ่ยขึ้นมา “เหตุใดถึงเพิ่งจะมาเอาป่านนี้”
จี้หมิงซูเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าด้วยความอับอาย ฮูหยินผู้เฒ่าจึงอนุญาตให้นางนั่งลง ทว่าจี้หมิงซูกลับแอบก่นด่าในใจ นางแก่นี่ชอบทำเป็นวางอำนาจจริง ๆ ทว่าภายนอกกลับจำต้องแสดงความนอบน้อมออกมา
“เรื่องในจวนช่วงนี้ พวกเจ้ารู้กันแล้วใช่หรือไม่?”
สองวันมานี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ร้านค้าหลายแห่งของจวนกั๋วกงถูกตรวจสอบและถูกยึดสินค้าไปเป็นจำนวนมาก สินค้าบางส่วนยังไม่ผ่านการประทับตราจากกรมท่าเรือก็มีการนำไปขายอย่างเปิดเผย นี่จึงเป็นการจงใจทำผิดกฎหมาย
ตอนนี้ร้านที่ขายดีที่สุดก็ถูกศาลต้าหลี่ปิดไปแล้ว จวนจี้กั๋วกงจึงวุ่นวายกับการไปสืบข่าวจากตระกูลต่าง ๆ บวกกับช่วงนี้คนในเมืองหลวงมีการนำเอาเรื่องที่เป็นความลับภายในจวนไปพูดกันทั่ว
บัดนี้แค่ได้ยินคำว่าจวนจี้กั๋วกง ใครบ้างที่จะไม่พูดต่อท้ายว่าหญิงร้ายชายเลว
ไปฟ้องร้องที่จิงจ้าวฝู่*แล้ว แต่กลับไม่มีประโยชน์อันใด!
* จิงจ้าวฝู่ (京兆府) มีหน้าที่คล้ายกับสำนักงานนายกเทศมนตรีของเมืองหลวง
ฮูหยินผู้เฒ่าเมื่อคิดถึงชื่อเสียงของจวนกั๋วกงในตอนนี้ ก็กัดฟันแน่นด้วยความคับแค้นใจ อย่าให้นางรู้นะว่าเป็นใคร ไม่อย่างนั้นนางจะทำให้มันบ้านแตกสาแหรกขาดเลยคอยดู!
“ช่วงนี้พวกเจ้าก็ไปบอกตระกูลต่าง ๆ ให้คนเขาได้รู้ว่าจวนกั๋วกงของเราถูกคนใส่ร้าย”
บรรดาลูกหลานที่เป็นสตรีต่างก็มองหน้ากัน ไม่ใช่ว่าพวกนางไม่อยากไปเยี่ยมตระกูลต่าง ๆ แต่เวลานี้จะมีใครส่งเทียบเชิญให้พวกนางกัน เพราะทุกคนต่างก็กลัวว่าจะแปดเปื้อนความซวยของจวนจี้กั๋วกง หรือคบค้าสมาคมกับพวกนางแล้วจะซวยตามไปด้วย
แต่ฮูหยินผู้เฒ่าพูดถึงขนาดนี้แล้ว ใครจะกล้าโต้แย้งกัน นั่นไม่เท่ากับรนหาที่ตายหรอกหรือ
เดิมทีพูดมาถึงตรงนี้ปกติพูดคุยกันอีกเล็กน้อยก็กลับได้แล้ว แต่ใครเลยจะคิดว่าวันนี้ฮูหยินผู้เฒ่ากลับบ่นไม่หยุด ขณะที่ทุกคนกำลังเบื่อหน่ายกันอยู่นั้น หญิงรับใช้ด้านนอกก็วิ่งเข้ามาด้วยความรีบร้อน “ฮูหยินผู้เฒ่า เกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่ากำลังพูดถึงความยิ่งใหญ่ของจวนจี้กั๋วกงในอดีตอยู่ เมื่อได้ยินดังนั้นก็ตบโต๊ะทันที “ยังมีมารยาทอยู่หรือไม่ มีเรื่องอะไรถึงต้องลนลานเพียงนี้กัน!?”
หญิงรับใช้คุกเข่าลงและเอ่ยขึ้นมา “คุณชายสามถูกคนทำร้ายที่หอหงซิ่ว! ขาหักทั้งสองข้างเจ้าค่ะ!”
“อะไรนะ!?” ฮูหยินผู้เฒ่าลุกขึ้นยืนทันที “ใครเป็นคนทำร้ายเขา? ใครทำ!”
บรรดาสตรีในจวนเองต่างก็ตกใจเช่นกัน
“เป็น…เป็นเพราะคุณชายสามไปฉุดกระชากสาวชาวบ้านเข้าไปในหอหงซิ่ว ทว่าหญิงสาวคนนั้นกลับเป็นสาวใช้ในจวนขององค์ชายแปดเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่ามีสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที ล่วงเกินคนของราชวงศ์เข้าอย่างนั้นหรือ เรื่องนี้ไม่ว่าจะพูดอย่างไรพวกนางก็เป็นฝ่ายผิด
“เรื่องนี้แพร่ออกไปหรือยัง?”
ตอนนี้นางไม่สนใจแล้วว่าคุณชายสามจะมีสภาพเช่นไร หรือยังจะช่วยได้หรือไม่! นางสนแค่เพียงชื่อเสียงของจวนจี้กั๋วกงเท่านั้น และไม่สามารถแบกรับเรื่องเช่นนี้ได้อีกแล้ว
กลัวอะไรก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ หญิงรับใช้คุกเข่าลงกับพื้น พลางเอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก “คุณชายสามสวมกางเกงซับในเพียงตัวเดียวถูกคนทำร้ายอยู่ข้างถนน ข่าวแพร่สะพัดออกไปนานแล้วเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกวิงเวียงศีรษะ จนเกือบจะเป็นลมไป
หลังคารั่วฝนก็ตกไม่หยุดจริง ๆ**! เกิดเรื่องหายนะไม่หยุดหย่อน
** หลังคารั่วฝนก็ตกไม่หยุด (屋漏偏逢连夜雨) สำนวนที่มีความหมายคล้ายกับคำว่า ผีซ้ำด้ำพลอย
“ฮูหยินผู้เฒ่า ฮูหยินผู้เฒ่าแย่แล้วเจ้าค่ะ ท่านกั๋วกงถูกม้าพยศตัวหนึ่งบนถนนชนจนตกจากรถม้าเจ้าค่ะ”
“ฮูหยินผู้เฒ่าแย่แล้วเจ้าค่ะ เฉียวอี๋เหนียง***ถูกคนจับตัวไปและทุบตีบนถนนเจ้าค่ะ บอกว่าโทษฐานที่เฉียวอี๋เหนียงปล่อยให้หลานชายตัวเองรังแกชาวบ้านเจ้าค่ะ”
*** อี๋เหนียง (姨娘) เป็นคำที่ใช้เรียกอนุภรรยา
ในช่วงเวลาสั้น ๆ ฮูหยินผู้เฒ่าที่เพิ่งจะกลับมาหายใจได้โล่ง ก็กลับมาหายใจติดขัดอีกครั้ง
จี้หมิงซูฟังเรื่องทั้งหมดอย่างไม่อยากจะเชื่อ นี่มันเรื่องอะไรกัน! คนทั้งจวนเสียสติไปแล้วหรืออย่างไรกัน! ถึงได้ทำลายชื่อเสียงของจวนเช่นนี้ อย่าว่าแต่แต่งกับองค์ชายรองเลย ต่อให้เป็นบัณฑิตทั่วไปหากแต่งกับนางก็คงถูกคนหัวเราะเยาะเป็นแน่
จะบีบจวนจี้กั๋วกงให้ตายหรืออย่างไรกัน!
แต่น่าเสียดายที่นางเพิ่งจะเริ่มโมโหก็มีคนพุ่งเข้ามาอีก คราวนี้จี้หมิงซูไม่รอให้ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยถาม นางก็เป็นคนตะคอกออกไปทันที “มีอะไรอีก!”
แต่คนที่เข้ามากลับไม่ได้มีสีหน้ายุ่งยากใจ พลางเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มออกมา “เรียนคุณหนูหมิงซู ไท่ซ่างหวงมีราชโองการมาเจ้าค่ะ”
ไท่ซ่างหวง?
หัวใจที่สับสนเมื่อครู่ของจี้หมิงซูเมื่อได้รับข่าวนี้ก็สงบลงทันที
หรือว่าสองวันมานี้ร่างกายของไท่ซ่างหวงแย่ลง จึงนึกถึงนางขึ้นมา?
เช่นนั้นดูท่าคงไม่ได้ไปที่เขาชิงหลิงเสียเที่ยวแล้วสินะ
ฮูหยินผู้เฒ่าเองก็กลับมาหายใจได้ดีขึ้น “เร็วเข้า ให้คนไปเตรียมโต๊ะบูชา รับราชโองการที่ประตูจวน”
ขอเพียงไท่ซ่างหวงให้เกียรติหมิงซูสักนิด เช่นนั้นข่าวลือเหล่านี้ของจวนจี้กั๋วกงก็จะไม่มีใครสนใจอีก มีใครบ้างที่กล้าไม่ไว้หน้าไท่ซ่างหวง
จวนจี้กั๋วกงไม่ได้มีเรื่องที่ต้องเกี่ยวข้องกับราชวงศ์มานานแล้ว หลังจากรีบให้คนไปเตรียมโต๊ะบูชาแล้ว คนทั้งหมดก็พากันไปที่หน้าประตูใหญ่ ระหว่างทางฮูหยินผู้เฒ่าจูงมือจี้หมิงซูอย่างรักใคร่ พลางเอ่ยขึ้นมา “หมิงซู เจ้าใส่ใจตระกูลมากที่สุด พี่น้องคนอื่นของเจ้าไม่อาจเทียบกับเจ้าได้เลย”
บรรดาพี่น้องที่เหลือเมื่อได้ยินดังนั้นต่างก็สบตากัน แม้จะไม่พอใจแต่ก็ไม่อาจพูดอะไรได้
เมื่อไปถึงด้านหน้า เนื่องจากไท่ซ่างหวงพักผ่อนอยู่ด้านนอกจึงให้คนนำราชโองการมาส่ง บวกกับช่วงนี้ใคร ๆ ต่างก็พูดถึงจวนจี้กั๋วกง ดังนั้นทุกคนจึงล้อมวงเข้ามาด้วยความอยากรู้
แม้จะอิจฉาที่จี้หมิงซูได้รับความโปรดปราน แต่หากเป็นคำชม เช่นนั้นก็จะช่วยกอบกู้ชื่อเสียงของจวนจี้กั๋วกงขึ้นมาได้อีกครั้ง และเหตุผลที่ว่า หนึ่งคนล่มจมที่เหลือล่มจม หนึ่งคนรุ่งเรืองที่เหลือรุ่งเรือง คนที่อยู่ในตระกูลใหญ่เช่นพวกเขาต่างเข้าใจเรื่องนี้ดีมาตั้งแต่เด็กแล้ว
ฮูหยินผู้เฒ่าจูงจี้หมิงซูไปคุกเข่าที่ด้านหน้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “หม่อมฉันจี้คังซื่อพร้อมกับคนในครอบครัว น้อมรับราชโองการของไท่ซ่างหวงเพคะ”
จี้หมิงซูเมื่อครู่ไม่ได้ดูให้ชัด ๆ จึงกำลังครุ่นคิดว่าคนที่มาใช่จางตงไหลหรือไม่
แต่นอกจากเขาแล้ว ไท่ซ่างหวงก็คงไม่ให้คนอื่นมากระมัง
เมื่อคิดว่าไท่ซ่างหวงถึงกับมีราชโองการมาช่วยนาง ใบหน้าของจี้หมิงซูก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา ดูท่าคนที่นางส่งไปคงจะสังหารจี้จือฮวนไปแล้ว ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติได้เสียที
น่าเสียดายที่รอยยิ้มบนใบหน้าของจี้หมิงซูกลับยกขึ้นได้ไม่นาน เมื่อคนที่มาเอ่ยถามขึ้น “เจ้าก็คือจี้หมิงซูอย่างนั้นหรือ?”
จี้หมิงซูเอ่ยด้วยความนอบน้อม “ผู้น้อยจี้หมิงซูเจ้าค่ะ”
“เด็ก ๆ ตบปากนางสามสิบที”
จี้หมิงซูเงยหน้าขึ้นด้วยความตื่นตระหนก “อะไรนะ?”
ทุกคนในจวนกั๋วกงต่างก็นิ่งงัน ตบปากสามสิบที? จี้หมิงซู?
คนที่มาเป็นคนรับใช้ในวังที่ไม่คุ้นหน้า และเป็นลูกบุญธรรมของจางตงไหล หลังจากที่เขาได้รับข่าวก็ควบม้ามายังจวนจี้กั๋วกงโดยไม่หยุดพัก เพื่อถ่ายทอดราชโองการของไท่ซ่างหวง
“ยังไม่ตบอีก! ไท่ซ่างหวงมีราชโองการ จี้หมิงซูแห่งจวนจี้กั๋วกงกระทำการบุ่มบ่าม ไร้ระเบียบ ทำตัววางอำนาจ เจ้าเล่ห์เพทุบาย ใช้วิธีการไม่ชอบเพื่อให้ได้มาซึ่งชื่อเสียงเกียรติยศว่าเป็นสตรีที่มีความสามารถ คุณธรรมไม่คู่ควรกับความทะเยอทะยาน ให้ตบปากสามสิบทีและนับตั้งแต่วันนี้ไป ขอสั่งให้จี้หมิงซูไปกวาดถนนจูเชวี่ยเป็นเวลาสามเดือน เพื่อให้เป็นไปตามที่ชาวบ้านเรียกร้อง”
เพียะ เพียะ เพียะ!
เสียงตบดังก้องไปทั้งถนนที่ว่างเปล่า ทำลายความภาคภูมิใจในตัวเองของจี้หมิงซูไปจนหมดสิ้น
เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้!
ทุกคนในจวนจี้กั๋วกงต่างก็ตกตะลึง
“จวนจี้กั๋วกง เกียรติยศเสื่อมเสีย คุณธรรมด่างพร้อย นับแต่นี้ไปให้ทุกคนในจวนปิดประตูสำนึกผิด หากกระทำผิดอีกจะถูกยึดตำแหน่งกั๋วกง”
นี่นับเป็นบทลงโทษที่ร้ายแรงอย่างยิ่ง เพราะหมายความว่า นับจากวันนี้เป็นต้นไป จวนจี้กั๋วกงจะถูกผู้คนในเมืองหลวงและแม้แต่คนทั่วทั้งใต้หล้าเยาะเย้ยถากถาง และจะไม่มีใครสนใจจวนจี้กั๋วกงอีกต่อไป
“ยังคิดว่าจะมีเรื่องดีอะไรเสียอีก ที่แท้ก็ไปล่วงเกินใครเข้ากันแน่!”
“บุตรอนุคนหนึ่งอวดตัวว่าเป็นคุณหนูใหญ่ของจวนจี้กั๋วกง ตอนนี้กลับก่อเรื่องเสียแล้ว ข้าก็นึกว่าลูกของสาวใช้ที่ปีนขึ้นเตียงเจ้านายจะฉลาดสักเพียงใดกัน”
จี้หมิงซูแค้นใจอย่างมากที่ต้องมาทนฟังคนเหล่านั้นดูถูกเหยียดหยามตัวเอง ต้องทนทุกข์ทรมานทั้งทางร่างกายและจิตใจ นางจะต้องเอาคืนให้กับความอัปยศในวันนี้อย่างแน่นอน!