เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 151 ข้าชอบเจ้า
บทที่ 151 ข้าชอบเจ้า
เช้าวันต่อมา จี้จือฮวนเตรียมรถม้าและพาเผยยวนไปเมืองหลวงด้วยกัน
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาสองคนได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง เมื่อคืนเผยยวนตื่นเต้นมากจนนอนไม่หลับทั้งคืน เขานำหนังสือของอาจารย์หลินมาอ่านอยู่หลายครั้ง แทบไม่ได้หลับจนถึงรุ่งสาง
จ้านอิ่งวิ่งเร็วมาก จี้จือฮวนจึงไม่มีอารมณ์ที่จะชมทิวทัศน์ ดังนั้นจึงนั่งหลับตาอยู่ด้านหน้ารถม้าเพื่องีบหลับ
เดิมทีเผยยวนต้องการจะคุยกับนาง แต่เมื่อเห็นว่านางจะหลับ และกลัวว่าแสงแดดจะส่องนาง เขาจึงได้ยื่นมือไปบังแสงแดดที่กำลังแผดเผาดวงตาให้นาง
การค้างอยู่ในท่าเดิมนาน ๆ เป็นงานที่เหนื่อยมาก เผยยวนบิดตัวไปมาอยู่อย่างนั้น กลัวว่านางจะหล่นลงไปและกลัวแดดจะส่องมาโดนนาง
ความเร็วของจ้านอิ่งไม่ได้ลดลง แรงสั่นสะเทือนทำให้จี้จือฮวนล้มลงไปทางเผยยวน
เผยยวนหูตาว่องไว เขากำลังเตรียมจะรับตัวนางเอาไว้ ทว่าจี้จือฮวนไม่แม้แต่จะลืมตา แต่กลับใช้มืออีกข้างช่วยทรงตัวเอาไว้และหลับต่อ
เผยยวนเอนตัวเข้าไปหานางอย่างเงียบ ๆ พยายามเข้าไปใกล้นางให้มากขึ้น อีกนิดก็จะสามารถให้นางพิงตัวของเขาได้แล้ว
บนถนนหลวงที่มุ่งสู่เมืองหลวง ย่อมมีรถม้าสัญจรไปมาไม่น้อย แต่รถม้าคันนี้ไม่จำเป็นต้องมีคนขับ ชายที่นั่งอยู่หน้ารถม้าหน้าตาหล่อเหลา ท่าทางห้าวหาญ นั่งเฝ้าหญิงสาวที่หลับใหลข้างกายอย่างเงียบ ๆ
ระหว่างทางจึงได้รับความสนใจจากผู้คนมากมาย
เผยยวนมีสีหน้าเรียบนิ่ง ไม่ได้สนใจสายตาของคนเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย
ตอนที่จี้จือฮวนลืมตาขึ้นมา สิ่งแรกที่เห็นก็คือมือคู่นั้นของเผยยวน กำลังบังแสงอันร้อนแรงของดวงตะวันให้นางอยู่
พูดไม่ถูกว่าภายในใจรู้สึกเช่นไร จี้จือฮวนหลุบตาลงเล็กน้อย ก่อนจะยกมือขึ้นกุมข้อมือของเผยยวนไว้ “ยกมานานเพียงใดแล้ว”
ร่างกายครึ่งหนึ่งของเผยยวนรู้สึกชาไปหมดแล้ว แต่เมื่อเทียบกับมืออันอบอุ่นของนางที่จับข้อมือของเขาแล้ว อาการชาแค่นี้ไม่มีผลอะไรต่อเขาเลย
“ไม่นานหรอก”
จี้จือฮวนยื่นมือไปลูบที่หลังมือของเขาเล็กน้อย และรู้ว่าเขาคงจะบังแดดให้นางมานานแล้ว
เจ้าเด็กคนนี้เหตุใดถึงซื่อบื้อเช่นนี้กัน
“กินน้ำแกงถั่วเขียวหรือไม่?”
ก่อนออกเดินทางนางเก็บเอาไว้ในช่องว่างมิติ ดังนั้นหากนำออกมาก็คงจะเย็นแล้ว
เผยยวนจะปฏิเสธนางได้อย่างไร ไม่ว่านางพูดอะไรก็ล้วนดีไปหมด
จี้จือฮวนลุกขึ้นและเข้าไปในตัวรถม้า เทน้ำแกงถั่วเขียวให้เขาและตัวเอง จากนั้นก็หยิบขนมที่ทำมาจากบ้านออกมาด้วย และทั้งสองคนก็แบ่งกันกิน
ในสายตาของเผยยวน น้ำแกงถั่วเขียวเย็น ๆ นี่ก็กลายเป็นน้ำหวานชั้นดี
แต่ไม่นานจี้จือฮวนก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เนื่องจากเจ้าของร่างเดิมมีอาการขาดสารอาหารอย่างรุนแรง ร่างกายนี้ก็ไม่ได้รับการดูแลอย่างดี ระดูจึงมาไม่สม่ำเสมอซึ่งนางได้ใช้ยาหลิงเฉวียนบำรุงมาสักระยะหนึ่งแล้ว และบังเอิญว่ามีระดูมาวันนี้พอดี
“ข้าขอเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในรถม้าก่อน ให้จ้านอิ่งเร่งความเร็วหน่อย ไปแวะตำบลข้างหน้าเพื่อพักผ่อนกันก่อน พรุ่งนี้พวกเราค่อยเข้าเมืองหลวง”
เผยยวนรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงดึงแขนเสื้อของนางเอาไว้โดยไม่รู้ตัวและพูดขึ้นมา “เจ้ารู้สึกไม่สบายหรือ? กินน้ำแกงถั่วเขียวแล้วปวดท้องอย่างนั้นหรือ?”
เป็นเพราะกินน้ำแข็งเข้าไปจริง ๆ แต่จี้จือฮวนกลับส่ายหน้า “รีบเดินทางต่อเถอะ”
นางก้มตัวลงและมุดเข้าไปในรถม้า เผยยวนเห็นเลือดซึมออกมาเลอะกระโปรงของนาง
ใบหน้าของเขาก็แดงก่ำขึ้นมาทันที มือไม้ไม่รู้จะเอาไปเก็บไว้ที่ใดแล้ว
“จ้านอิ่ง เร่งฝีเท้าอีก”
จี้จือฮวนปิดม่านเพราะต้องการดูว่ามีของจำเป็นในกล่องยาน้อยหรือไม่ โชคดีที่เจ้าสิ่งนี้รู้ความเป็นอย่างมาก มีอยู่จริง ๆ ด้วย
นางทำความสะอาดตัวเองก่อน จากนั้นก็ยัดเสื้อผ้าสกปรกกลับเข้าไปในห่อผ้า แล้วจึงได้นั่งพิงรถม้าเพื่อหลับตาพักผ่อน
มิน่าเล่าวันนี้ตื่นขึ้นมาถึงได้รู้สึกเหนื่อยล้าเป็นพิเศษ ร่างกายของเจ้าของร่างเดิมไม่แข็งแรงเท่าไรนัก จึงทำให้นางพลอยลำบากไปด้วย
โชคดีที่จ้านอิ่งทำความเร็วได้ดี พวกเขาจึงได้พักค้างคืนในตำบลที่อยู่ใกล้กับเมืองหลวง
เผยยวนเลือกโรงเตี๊ยมที่ดีที่สุดในตำบล หลังจากพาจี้จือฮวนเข้าไปในห้อง เขาก็ไปที่ห้องครัวด้วยตัวเอง เพื่อให้แม่ครัวที่ดูแลเตาไฟต้มชาขิงน้ำตาลทรายแดงให้
จี้จือฮวนเพิ่งล้มตัวลงนอน เผยยวนก็เคาะประตูขึ้นมา
“เข้ามาเถอะ” นางฟังเสียงฝีเท้าก็รู้ว่าเป็นเขา
เผยยวนหิ้วกาน้ำชาร้อน ๆ เข้ามา ก่อนจะหยิบชามที่ล้างน้ำเปล่าแล้วสองสามครั้งออกมา เทชาขิงให้จี้จือฮวนหนึ่งชาม จากนั้นก็หยิบโถน้ำร้อนที่เขาเพิ่งไปซื้อมายัดไว้ใต้ผ้าห่มให้นาง
“คลุมไว้แบบนี้ดีขึ้นหรือไม่? หากร้อนไปข้าจะช่วยพัดให้” เผยยวนกล่าวด้วยความเป็นห่วง
จี้จือฮวนพิงลงบนหมอน มองดูเขายุ่งวุ่นวายกับการทำสิ่งต่าง ๆ ให้นาง ความรู้สึกแปลก ๆ ที่ได้รับการดูแลค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นทีละน้อย
“ไม่ร้อนเกินไปหรอก” โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเอาโถน้ำร้อนวางไว้ที่หน้าท้อง ทำให้นางรู้สึกสบายขึ้นมากจริง ๆ
เผยยวนเป่าน้ำขิงเล็กน้อย “ร้อนนิดหน่อย เจ้าค่อย ๆ ดื่มนะ”
จี้จือฮวนจิบไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อร่อยมาก”
ใบหูของเผยยวนแดงเรื่อขึ้นมา “เจ้าไม่รังเกียจก็ดีแล้ว คืนนี้ข้าจะเฝ้าอยู่ที่นอกประตู หากเจ้ามีเรื่องอะไรก็เรียกข้าได้เลย”
แววตาของจี้จือฮวนสั่นไหวเล็กน้อย “เจ้าทำเพื่อตอบแทนข้าอย่างนั้นหรือ?”
เผยยวนมองหน้านาง ก่อนจะส่ายหน้า
แต่ตอนที่จี้จือฮวนคิดว่าเขาคงจะไม่พูดอะไรออกมานั้น จู่ ๆ เผยยวนก็เอ่ยขึ้นมา “การตอบแทนมีหลากหลายวิธี แต่ข้าคิดว่า…ข้าคงจะชอบเจ้าเข้าเสียแล้ว”
สายตาของเขาจดจ่อและชัดเจนเสมอ ตอนที่เขาพูดคำเหล่านี้ออกมา เขาไม่ได้คิดถึงสถานการณ์ที่จะตามมาแต่อย่างใด ในเมื่อคำพูดหลุดออกจากปากแล้ว หากคืนคำก็จะดูไม่น่าเชื่อถือ
ยิ่งไปกว่านั้นการที่ชายชาตรีชอบสตรีผู้หนึ่ง หากไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะพูดออกมา แล้วจะมีความสามารถอันใดทำให้อีกฝ่ายมีความสุขได้เล่า?
ในเมื่อเขาเลือกนางแล้ว ก็ควรจะบอกให้นางรู้ว่าหัวใจของเขาคิดเช่นไร
ความจริงแล้วเมื่อครู่ในหัวของเขาคิดฟุ้งซ่านมากมายเต็มไปหมด บทกลอนที่เขียนอยู่ในหนังสือของอาจารย์ใหญ่หลินนั่นเขาก็นึกถึงเช่นกัน ทว่าสุดท้ายก็คิดได้ว่านั่นไม่ใช่วิธีการที่คนอย่างเผยยวนผู้นี้จะทำ
เขาควรจะบอกนางไปตรง ๆ ว่าเขาคิดเช่นไร
จี้จือฮวนรู้สึกว่าคำสารภาพนี้คงจะพิเศษมากสำหรับเขา เผยยวนสบตากับนาง แสงที่กระจ่างชัดในดวงตาของเขา และแม้แต่ลมหายใจของเขา จี้จือฮวนก็สามารถรับรู้ได้
เทียนสีเหลืองนวลสลัว ๆ บนโต๊ะ จู่ ๆ ก็วูบไหวขึ้นมา ดวงตาของทั้งสองคนฉาบไปด้วยแสงที่มองเห็นได้ราง ๆ
“เจ้าอย่าเพิ่งรีบปฏิเสธข้า” เผยยวนรีบเอ่ยขึ้นก่อนที่นางจะเอ่ยปาก
เขาเตรียมคำพูดด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน และวางชาขิงไว้ข้าง ๆ พลางถูฝ่ามือไปมาอย่างประหม่า ก่อนจะพูดขึ้น “อืม นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าพูดคำที่มุทะลุเช่นนี้กับสตรี แต่สิ่งที่ข้าพูดล้วนเป็นความจริงจากใจ”
ดวงตาของเขาราวกับมีแสงดาวส่องประกาย น้ำเสียงก็หนักแน่นเป็นอย่างมาก “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่คนที่นี่ แต่หากว่า…ข้าหมายถึงว่า” เผยยวนเลียริมฝีปาก “หากวันหนึ่งเจ้าต้องการอยู่ต่อ ข้าหวังว่ายามที่เจ้ามองย้อนกลับไป คนแรกที่เจ้าจะมองหาจะเป็นข้า ก่อนหน้านั้นข้าจะพยายามทำหน้าที่สามีให้ดีที่สุด”
เผยยวนราวกับคิดถึงเรื่องที่ต้องเสียใจอะไรบางอย่าง จึงเอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก “แต่หากเจ้าคิดว่าข้าไม่คู่ควรกับเจ้า วันหน้า เมื่อเจ้าพบชายที่ชอบ ข้าก็จะขอเป็นพี่ชายให้เจ้า ส่งเจ้าแต่งงานอย่างสมเกียรติ…”
จี้จือฮวนฟังเขาอย่างเงียบ ๆ จนกระทั่งได้ยินประโยคนี้ ทันใดนั้นก็หัวเราะออกมาทันที เผยยวนเงยหน้าขึ้นมองนางด้วยความตื่นตระหนก และรอคำตัดสินสุดท้ายของนางอย่างใจจดใจจ่อ
จี้จือฮวนโน้มตัวเข้าไปใกล้เขาเล็กน้อยและเอ่ยขึ้น “ตกลง หากว่าวันหน้าข้าอยากจะอยู่ต่อ ข้าก็หวังว่าเมื่อหันกลับไปคนที่อยู่ตรงนั้นจะเป็นเจ้า”
หากไม่สามารถกลับไปได้จริง ๆ จี้จือฮวนก็จะขอสนุกกับชีวิต เดิมนางก็เป็นคนเห็นแก่ตัวอยู่แล้ว จึงอยากทำในสิ่งที่ตัวเองคิดว่ามีความสุขเท่านั้น
หากไม่สามารถออกไปจากนิยายเล่มนี้ได้จริง ๆ ก็ต้องเลือกผู้ชายที่ตัวเองชอบที่สุดไม่ใช่หรือ
ในที่นี้ ผู้ชายที่จี้จือฮวนชื่นชมมากที่สุดก็คือผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ ดังนั้นนางจึงยอมรับข้อเสนอของเขา เพราะชีวิตของคนเรามักเต็มไปด้วยเรื่องที่เป็นไปได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ยกตัวอย่างเช่น นับตั้งแต่นางมาโผล่ในโลกใบนี้ เนื้อเรื่องเดิมที่เคยดำเนินอยู่ก็เปลี่ยนไป ดังนั้นอย่าพูดอะไรที่เด็ดขาดเกินไปนัก
รอยยิ้มของเผยยวนค่อย ๆ กว้างขึ้นเมื่อได้ฟังคำพูดของนาง