เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 166 แผนภาพกลไกจะให้ตระกูลจี้ไม่ได้เด็ดขาด
- Home
- เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย
- บทที่ 166 แผนภาพกลไกจะให้ตระกูลจี้ไม่ได้เด็ดขาด
บทที่ 166 แผนภาพกลไกจะให้ตระกูลจี้ไม่ได้เด็ดขาด
จี้จือฮวนจับมือของเผยยวนและกระโดดลงมาจากรถม้าอย่างระมัดระวัง “ไม่ต้องหรอก ขี่หลังตอนฝนตกยิ่งเดินลำบากเข้าไปใหญ่”
เผยยวนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย จ้านอิ่งแลบลิ้นออกมาพร้อมกับกลอกตามองบน ทนดูไม่ได้แล้ว!
ทั้งสองคนเดินเคียงข้างในร่มคันเดียวกัน มีเพียงแสงเทียนจากบ้านคนที่ส่องสว่างมาเป็นครั้งคราว เผยยวนเอียงร่มส่วนใหญ่ไปทางจี้จือฮวน ทำให้ตัวของเขาถูกฝนจนเปียกไปหมดแล้ว
ฝนไม่นับว่าเม็ดใหญ่แต่ตกเยอะ หากเขาไม่อยากเปียกฝนก็แค่ใช้กำลังภายในก็ได้แล้ว
แต่เผยยวนไม่อยากใช้ ตอนนี้หางของหมาป่าหางใหญ่*กำลังแกว่งไปมาอย่างสบายอารมณ์
* หมาป่าหางใหญ่ (大尾巴狼) ทำท่าทำทาง, เสแสร้ง
เงาของทั้งสองคนทอดยาวออกไป เผยยวนรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย รู้เช่นนี้เมื่อครู่เขาใช้มืออีกข้างถือร่มก็ดี มือข้างนี้ยังสามารถเฉียดแขนเสื้อของนางเป็นครั้งคราวได้ หาได้ยากนักที่จะได้อยู่ใกล้กันเช่นนี้
น้ำฝนหยดลงมาตามชายคา มีสองสามหยดที่ตกลงไปในคอเสื้อของเขาและไหลเข้าไปด้านใน เย็นจนเผยยวนตัวสั่นขึ้นมา
ในตอนนั้นเองก็มีมือคู่หนึ่งช่วยเขาขยับร่มให้ตรง
เผยยวนหันกลับมาด้วยความงุนงง และสบกับสายตาเย็นชาของจี้จือฮวน
เงานั้นราวกับซ้อนทับกัน เหมือนเสียงกระซิบระหว่างคู่รัก
“ตัวเจ้าเปียกไปหมดแล้ว เข้ามาใกล้หน่อยเถอะ เป็นหวัดขึ้นมาจะลำบาก” คนในยุคปัจจุบันบางคนเป็นหวัดขึ้นมาถึงกับต้องนอนให้น้ำเกลือ นับประสาอะไรกับสภาพแวดล้อมในยุคโบราณเช่นนี้
เผยยวนหน้าแดงขึ้นมาทันที ราวกับว่านางล่วงรู้ความคิดของเขาเสียแล้ว เขาอยากรีบอธิบาย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน
“ข้า…”
เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าเมื่ออ้าปากกลับเหมือนมีอะไรมาติดที่คอ จึงอึกอักอย่างมาก
“ใกล้ถึงแล้วกระมัง” จี้จือฮวนเอ่ยถาม
“อยู่ข้างหน้านี่เอง” เผยยวนถอนหายใจออกมา
บ้านของจั๋วฉวินอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ เลี้ยวอีกหัวมุมหนึ่งก็ถึงแล้ว เมื่อทั้งสองคนมายืนอยู่ที่ทางเข้าลานบ้าน จั๋วฉวินก็กำลังออกมาเช็ดน้ำตา
“ท่านแม่ทัพ? ฮูหยิน?” จั๋วฉวินมองไปยังทั้งสองคนที่ยืนอยู่นอกประตูด้วยความตกตะลึง
เผยยวนจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “มัวแต่อึ้งอยู่ทำไม รีบเข้าไปสิ”
จั๋วฉวินพยักหน้ารับ จากนั้นก็เกาท้ายทอยอย่างซื่อ ๆ ก่อนจะเข้าประตูไปเก็บกวาดที่สะอาด ๆ ให้พวกเผยยวนนั่ง
บ้านไม่ใหญ่มากนัก คงจะเพิ่งย้ายมาที่นี่ได้ไม่นาน มีเสียงผู้หญิงไออยู่ในห้อง ในเรือนถูกเก็บกวาดจนสะอาด จั๋วฉวินค้นอยู่นานจึงหาม้านั่งที่มีสภาพสมบูรณ์เจอ จึงได้เชิญเผยยวนนั่งลง
เขาไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งท่านแม่ทัพจะมาหาถึงบ้านเช่นนี้ จึงเอ่ยอย่างไม่สบายใจนัก “บ้านข้าเล็ก ท่านแม่ทัพกับฮูหยินอย่าถือสาเลยนะขอรับ”
เผยยวนเอ่ยตอบ “ไม่เป็นไร ข้าเชิญฮวนฮวนมาดูอาการแม่เจ้า เจ้าไม่ต้องตื่นเต้นเช่นนั้นหรอก”
จั๋วฉวินมองไปที่เผยยวน ท่านแม่ทัพ ท่านนั่งอยู่ข้าง ๆ ฮูหยินเห็นได้ชัดว่าตื่นเต้นกว่าข้าอีกกระมังขอรับ!!!
“ข้าจะไปบอกท่านแม่ก่อน แล้วจะมาจุดกระถางไฟให้พวกท่านนะขอรับ”
ชายชุดของพวกเขานั้นล้วนเปียกโชก
เผยยวนเห็นว่ารองเท้าปักของจี้จือฮวนเลอะไปด้วยโคลน จึงนั่งยอง ๆ ใช้แขนเสื้อเช็ดโคลนบนรองเท้าให้นาง
จี้จือฮวนขนตาสั่นไหวเล็กน้อย มองดูเขาก้มหน้าลงเช็ดรองเท้าให้ตัวเองด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
สามารถได้กลิ่นหอมจากร่างกายของนางในอากาศ เผยยวนรู้สึกว่าหน้าอกของเขาทั้งเจ็บและชา ตอนที่ปลายนิ้วของเขาแตะเท้าของนางผ่านรองเท้าปัก นิ้วของเขาก็พลันสั่นเทาขึ้นมา
“รู้สึกไม่สบายมากเลยใช่หรือไม่ อีกเดี๋ยวข้าแบกเจ้าออกไปดีกว่า แล้วข้าจะไปซื้อรองเท้ากับถุงเท้าที่ตลาดมาให้เจ้าใหม่” เผยยวนรู้สึกอารมณ์ไม่ดี รู้เช่นนี้ไม่น่าถามนางเลย ควรแบกคนขึ้นหลังมาเลยดีกว่า
“รองเท้าเจ้าก็เปียกเหมือนกัน” เนิ่นนานกว่าจี้จือฮวนจะเอ่ยออกมา
เผยยวนเงยหน้าขึ้น ดวงตากระจ่างใสเช่นทุกครั้ง เวลายิ้มออกมายังสามารถมองเห็นเขี้ยวข้างหนึ่งได้อีกด้วย “ข้าเป็นผู้ชายนี่นา จะเป็นอะไรไป”
“ยื่นมือมา”
เผยยวน “???”
เขาเช็ดมือกับเสื้อผ้าก่อนจะยื่นมือออกไป
จี้จือฮวนหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากแขนเสื้อ แล้วคว้าฝ่ามือของเขามา ก่อนจะใช้ผ้าเช็ดหน้าเนื้อนุ่มผืนนั้นเช็ดโคลนบนมือของเขาทีละน้อย
สีผิวของเขาเข้มกว่าของนาง ฝ่ามือก็ใหญ่กว่านางมากเช่นกัน แต่เมื่อผสานกันกลับละมุนละไมเป็นอย่างมาก
หลังจากนางเช็ดมือให้เขาจนสะอาดแล้ว เผยยวนก็อดไม่ได้ที่จะโน้มตัวไปข้างหน้า อยากจะถามนางว่าเหตุใดถึงใจดีกับเขาเพียงนี้
ทว่าจั๋วฉวินก็เข้ามาพอดี “ท่านแม่ทัพขอรับ ท่านแม่ข้าบอกว่าลำบากพวกท่านแล้ว…ขอโทษขอรับ”
จั๋วฉวินเมื่อเห็นสถานการณ์ในบ้าน ก็เตรียมจะชักเท้าข้างหนึ่งกลับไป
เผยยวน “…”
จี้จือฮวนหยิบกล่องยาน้อยขึ้นมา “รอข้าอยู่ที่นี่สักครู่นะ”
เผยยวนก้มหน้าลง หางของเขาเกือบจะตกลงพื้นด้วยความหดหู่ “อืม”
จี้จือฮวนรับรู้ถึงความห่อเหี่ยวในน้ำเสียงของเขาได้ จึงหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเดินออกไป
ความจริงแล้วหากนับตามอายุจริง นางจะแก่กว่าเขาเล็กน้อย เผยยวนอย่างมากก็คงเป็นนักศึกษามหา’ลัยอยู่กระมัง
น้องชาย…ช่างน่ารักจริง ๆ
ระหว่างทางที่เดินไปยังห้องด้านใน แม่ของจั๋วฉวินก็ไออยู่ตลอดเวลา เมื่อเข้าไปในห้อง แม้จี้จือฮวนจะเตรียมใจพร้อมแล้ว ก็ไม่คิดว่าแม่ของจั๋วฉวินจะจ้องหน้าของตนตลอดเวลาเช่นนี้
จี้จือฮวนเปิดกล่องยาน้อยขึ้นมา พบยาแก้ไออยู่ด้านในนั้น ก็พอจะทราบอาการป่วยของแม่จั๋วฉวินแล้ว
“ท่านแม่ นี่คือฮูหยินของท่านแม่ทัพของเรา ฝีมือการแพทย์ของนางเก่งมากเลยขอรับ ท่านให้นางตรวจดูหน่อยนะขอรับ”
“แค่ก แค่ก แค่ก…ฮูหยินอย่าได้ถือสาเลยนะเจ้าคะ เมื่อครู่ข้าคิดว่าเป็นสหายเก่ามาเยี่ยม”
จี้จือฮวนหยิบหูฟังออกมา เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เงยหน้าขึ้น “สหายเก่า?”
จิ่นเหนียงพยักหน้าให้ “จะว่าไปแล้ว…แค่ก แค่ก…หากไม่กลัวว่าท่านจะหัวเราะเยาะ ท่านหน้าตาเหมือนอดีตนายของข้ามากเจ้าค่ะ”
จี้จือฮวนนึกสนใจขึ้นมา “นายของท่านป้าคงไม่ได้ชื่อเซี่ยชิงหรูหรอกกระมัง”
จิ่นเหนียงดวงตาเบิกโพลง จ้องจี้จือฮวนเขม็ง จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก “ท่าน…ท่านรู้ได้อย่างไร แค่ก แค่ก แค่ก แค่ก”
จี้จือฮวนเอื้อมมือไปลูบหลังให้นาง พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าเป็นลูกสาวของนาง”
ในโลกนี้เว้นแต่จะเป็นเรื่องบังเอิญแล้ว โดยพื้นฐานส่วนใหญ่คนที่หน้าตาคล้ายกันมักมีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด ตามหลักของนิยายแล้ว จี้จือฮวนคิดว่าตอนนี้นางคงได้พบกับคนรับใช้เก่าของท่านแม่ของเจ้าของร่างเดิมเข้าแล้ว
จิ่นเหนียงได้ยินดังนั้น ก็จับมือของจั๋วฉวินด้วยความตื่นเต้น ต้องการจะคุกเข่าให้กับจี้จือฮวน
จี้จือฮวนกดนางกลับไป “การรักษาสำคัญกว่า เรื่องอื่นอีกเดี๋ยวค่อยว่ากันเถอะ”
โรคของจิ่นเหนียงคืออาการไอเรื้อรัง ซึ่งรักษาได้ยากและกำเริบได้ง่าย ต้องการการดูแลอย่างระมัดระวังช่วงระยะเวลาหนึ่ง หลังจี้จือฮวนให้นางกินยาของกล่องยาน้อยเสร็จแล้วจึงได้นั่งลงเพื่อฟังจิ่นเหนียงเล่าถึงเรื่องเก่า
ในนิยายมีบันทึกเกี่ยวกับเซี่ยชิงหรูไม่มากนัก เดิมทีเป็นบุตรสาวคนเดียวของตระกูลเซี่ยตระกูลแห่งการทำกลไก หลังจากแต่งกับจี้เม่าซวินก็ตายเพราะคลอดลูก ส่วนตระกูลเซี่ยเนื่องจากมีคดีกลไกของอาวุธยุทโธปกรณ์รั่วไหลคดีหนึ่ง ทำให้ถูกฆ่าล้างตระกูล สุดท้ายจึงเหลือเพียงจี้จือฮวนคนเดียวเท่านั้นที่รอดมา เห็นแก่ที่เมื่อก่อนจวนจี้กั๋วกงยังมีผลงานอยู่บ้างจึงไม่ติดร่างแห่ไปด้วย ดังนั้นจี้จือฮวนจึงถูกมองว่าเป็นตัวอัปมงคล
สิ่งที่จิ่นเหนียงพูดเติมเต็มสิ่งที่จี้จือฮวนรู้มา
ตอนนั้นจี้เม่าซวินสู่ขอเซี่ยชิงหรูเพราะต้องการวิชากลไกของตระกูลเซี่ย แต่เซี่ยชิงหรูตอนนั้นมีคนรักอยู่แล้ว เป็นเพราะจี้เม่าซวินใช้กลอุบายจึงทำให้เกิดโศกนาฏกรรมกับเซี่ยชิงหรู
หลังแต่งงานชีวิตของเซี่ยชิงหรูในตระกูลจี้ก็ไม่ดีเท่าไรนัก ตอนที่ตั้งครรภ์ก็ยิ่งลำบาก ตอนที่นางคลอดจิ่นเหนียงถูกคนของจวนจี้กั๋วกงโยนออกมาพร้อมกับสัมภาระ จิ่นเหนียงตากฝนอยู่ที่หน้าประตูทั้งคืน เมื่อรุ่งสางก็ได้ยินว่าเซี่ยชิงหรูคลอดลูกสาว ส่วนคนก็ต้องมาตายเพราะคลอดลูก
ต่อมามีคนฟ้องร้องตระกูลเซี่ยว่าร่วมมือกับศัตรู ทำให้แบบร่างของอาวุธยุทโธปกรณ์รั่วไหล ตระกูลเซี่ยจึงถูกฆ่าล้างตระกูล จิ่นเหนียงเนื่องจากถูกจวนจี้กั๋วกงไล่ออกมาแล้ว จึงไม่ได้กลับไปตระกูลเซี่ยอีก ดังนั้นจึงรอดมาได้
“น่าเสียดายสินเดิมของคุณหนูชิงหรู ทั้งหมดถูกคนของจวนจี้กั๋วกงยึดเอาไว้” จิ่นเหนียงพูดถึงตรงนี้ก็ไอออกมาอย่างหนัก
“คุณหนูน้อยเจ้าคะ บัดนี้ท่านเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ทั้งยังหน้าตางดงามเพียงนี้ หากคุณหนูชิงหรูบนสวรรค์ได้เห็นคงดีใจมากเป็นแน่ บัดนี้สมบัติอะไรของตระกูลเซี่ยล้วนไม่สำคัญ แต่แผนภาพกลไกนั่น หลังจากตระกูลเซี่ยถูกกวาดล้างก็ถูกตระกูลจี้เอาไป จะให้จวนจี้กั๋วกงได้มันไปไม่ได้เด็ดขาด พวกเขาทำไม่ดีต่อคุณหนูชิงหรูและทำไม่ดีกับท่านด้วยนะเจ้าคะ”