เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 170 เอาสินเดิมคืน กรมพระคลังออกโรง
- Home
- เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย
- บทที่ 170 เอาสินเดิมคืน กรมพระคลังออกโรง
บทที่ 170 เอาสินเดิมคืน กรมพระคลังออกโรง
จงหลางเจี้ยงตกใจเป็นอย่างมาก รีบคลานเข่าไปข้างหน้า โขกหัวไปร้องไห้ไป “ไท่ซ่างหวง กระหม่อมมีตาหามีแววไม่ เป็นความผิดของกระหม่อม ขอไท่ซ่างหวงไว้ชีวิตด้วยเถอะพ่ะย่ะค่ะ!”
ไท่ซ่างหวง!?
หินก้อนหนึ่งสร้างระลอกคลื่นเป็นพันชั้น ชาวบ้านที่อยู่โดยรอบต่างก็คุกเข่าลง และตะโกนว่าไท่ซ่างหวงทรงพระเจริญ ขอบพระทัยไท่ซ่างหวงที่ห่วงใยราษฎร ทหารชั่วที่กระทำการชั่วช้าควรลงโทษสถานหนัก
พวกท่านป้าหยางเมื่อลงมาจากรถม้าแล้วเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็ตกใจจนต้องคุกเข่าลงเช่นกัน ในหัวยุ่งเหยิงไปหมด
ไท่ซ่างหวง ใครคือไท่ซ่างหวง อยู่ที่ใดกัน?
จนกระทั่งไท่ซ่างหวงลงมาด้วยตัวเอง และเตะจงหลางเจี้ยงผู้นั้นจนหน้าคะมำ จากนั้นก็เข้าไปพูดคุยกับเผยจื่อสองสามีภรรยาพร้อมเสียงหัวเราะ พวกเขาจึงได้รู้สึกตัว!
นายท่านของครอบครัวเผยผู้นั้นคือไท่ซ่างหวง!!!
เช่นนั้นเผยจื่อก็เป็นท่านเทพสงครามจริง ๆ! ไม่ใช่แค่ชื่อเหมือนน่ะสิ!
คราวนี้กลุ่มคนของหมู่บ้านตระกูลเฉินถึงกับตกตะลึงบ้าง
ไป๋จิ่นมองไพ่ตรงหน้า แล้วมองดูท่านป้าที่มีใบหน้าเรียบเฉย
ในสมองพลันมีเสียงคำพูดที่ชั่วร้ายของเฉินฉือดังขึ้น ดีอย่างไรสุดท้ายก็ต้องมาอยู่ที่หมู่บ้านตระกูลเฉินของเราอยู่ดี…
จางตงไหลรีบออกไปพูดกับพวกท่านป้าหยางด้วยความร่าเริงทันที “โอ๊ย คุกเข่าทำไมกัน บนพื้นเย็นจะตายไป ลุกขึ้นเถอะ ไท่ซ่างหวงนาน ๆ จะกลับเมืองหลวง เดิมก็ไม่ได้อยากจะทำให้ชาวบ้านวุ่นวาย ทุกคนวางใจ กฎหมายเขียนเอาไว้อย่างไร ไท่ซ่างหวงจะตัดสินตามนั้น ยังไม่ลากตัวไปอีก”
ยอดฝีมืออุดปากของจงหลางเจี้ยงและพาตัวไปทันที
นี่ไม่ใช่ที่ที่จะพูดคุยกัน พวกเผยยวนจึงขึ้นไปบนรถม้าคันใหญ่ ไป๋จิ่นที่เตรียมจะเล่นไพ่ย่อมถูกไล่ให้ไปอยู่รถม้าอีกคัน
“เขียนจดหมายมาเร่งพวกเราให้กลับไปไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงมากันเองได้เล่า?” จี้จือฮวนเอ่ยจบ ไท่ซ่างหวงก็พลันคอตก พลางลอบมองปฏิกิริยาของจี้จือฮวน
“ที่หมู่บ้าน…น่าเบื่อ พวกเด็ก ๆ ก็คิดถึงพวกเจ้า ก็เลยมารับพวกเจ้ากันน่ะสิ”
ท่านป้าพยักหน้าหงึก ๆ อยู่ข้าง ๆ “ถูกต้อง เป็นความผิดของเขาทั้งหมด ข้าเป็นเด็กดีมาก คิดไม่ได้หรอก”
ไท่ซ่างหวง “???”
“เจ้านี่มันลูกอกตัญญูจริง ๆ คำพูดเช่นนี้เจ้ายังกล้าพูดออกมาอีกอย่างนั้นหรือ?”
เมื่อเห็นว่าจะตีกันอีกแล้ว
เผยจี้ฉือจึงเอ่ยถามขึ้นมา “ท่านแม่ การเดินทางครั้งนี้ราบรื่นดีหรือไม่ขอรับ?”
“ราบรื่นดี มีหมอบางคนในหย่งอันถังที่ไม่รักษาคนจน คนเหล่านั้นตอนนี้ถูกไล่ออกไปหมดแล้ว และมีเรื่องน่ารำคาญของจวนจี้กั๋วกงอีกนิดหน่อยก็เท่านั้น”
ไท่ซ่างหวงรู้สึกสนใจขึ้นมา นี่เป็นโอกาสดีที่เขาจะได้กอบกู้หน้าตาคืนมา “เรื่องอะไรหรือ มีข้าอยู่เจ้าแค่บอกมาเท่านั้น ข้าจะรื้อบ้านพวกเขาให้เอง”
ขณะที่จี้จือฮวนกำลังเรียบเรียงคำพูดอยู่ เผยยวนก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นตลอดสองวันมานี้ออกมา
“หย่าเสียได้ก็ดี ให้เซี่ยฉงฟางผู้นั้นรีบไสหัวไปซะ” ไท่ซ่างหวงตบโต๊ะจนไพ่นกกระจอกสั่นเล็กน้อย
เขารู้สึกคึกคักขึ้นมา จึงสั่งการกับคนที่อยู่ด้านนอก “ไปจวนจี้กั๋วกง!”
ไท่ซ่างหวงตะโกนเสร็จก็เอ่ยกับจี้จือฮวนด้วยรอยยิ้ม “ไปเอาสินเดิมคืน เจ้าดูสิ พวกเราคนเยอะเพียงนี้ หากคนไม่พอก็ให้เผยยวนเรียกกองทัพทหารเกราะเหล็กมาสมทบด้วย พวกเรารื้อของพวกเขาให้หมดก่อนแล้วค่อยกลับ”
ท่านป้าพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ ให้เขาชดใช้คืนมาทีละรายกายให้ชัดเจนที่หน้าประตู ไปตอนนี้เลย อาศัยตอนที่พวกเขาไม่ทันตั้งตัวนี่แหละ”
สองพ่อลูกสบสายตากัน แล้วก็อดไม่ได้ที่จะคิดในใจ
สมกับที่เป็นพ่อ/ลูกสาวของข้า มีท่าทางเหมือนข้าไม่มีผิด
…
จวนจี้กั๋วกง
คนรับใช้ที่เฝ้าประตูเพิ่งไปเข้าห้องน้ำมา ช่วงนี้ประตูจวนถูกปิดเอาไว้ ไม่มีใครมาหา เขาจึงสบายเป็นอย่างมาก เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู ยังไม่ทันรัดสายรัดกางเกงให้ดีก็พุ่งตัวออกไปทันที
“มาแล้ว ๆ เลิกเร่งได้แล้ว!” คนรับใช้คิดดูแล้วก็ไม่น่าจะเป็นคนใหญ่คนโตอะไร จึงแสดงท่าทีไม่ได้ดีเท่าไรนัก
ทว่าเมื่อโผล่หัวออกไป ประตูใหญ่ก็ถูกเปิดออกจากทั้งสองด้าน เหล่ายอดฝีมือก็พากันเดินตรงเข้าไปด้านใน ย้ายโต๊ะ เก้าอี้ และม้านั่งจากในห้องโถง มาให้พวกไท่ซ่างหวงนั่ง
“พวกเจ้าเป็นใครกัน คิดว่าจวนกั๋วกงของเราเป็นเล้าไก่ที่ไม่มีประตูหรืออย่างไร? อยากจะเข้าก็เข้ามาได้ง่าย ๆ อย่างนั้นหรือ!” คนรับใช้เท้าเอวและเอ่ยออกมา ก่อนจะถูกยอดฝีมือซัดจนกระเด็นไปด้านหนึ่ง
เมื่อครู่มีสาวใช้ยกผลไม้และขนมเดินผ่านมา ก็ถูกพวกเขาแย่งไป ก่อนเอาไปวางไว้ตรงหน้าของไท่ซ่างหวง
ทุกอย่างพร้อมแล้ว การแสดงก็ควรเริ่มได้แล้ว
ไท่ซ่างหวงนั่งอยู่ตรงนั้น แล้วเอ่ยกับพวกท่านป้าหยาง “ไม่ต้องเกรงใจ คิดซะว่าเป็นหมู่บ้านของตัวเอง พวกเจ้าจำเอาไว้ให้ดี นี่เป็นบ้านของฮวนฮวน พ่อของนางปล่อยให้คนในจวนเหล่านี้รังแกฮวนฮวน อาศัยตอนที่เผยจื่อถูกคนทำร้าย จึงได้จับฮวนฮวนยัดใส่เกี้ยวเพื่อแต่งกับเผยจื่อ แต่นี่ก็นับว่าเป็นคู่แต่งงานที่เหมาะสมแล้ว แต่ความดีความชอบนี้พวกเราจะยกให้คนสารเลวเหล่านี้ไม่ได้ ที่พวกเรามากันในวันนี้ก็เพื่อเอาของที่แม่ของฮวนฮวนทิ้งเอาไว้คืนมาให้หมด”
แม้ว่าคนบ้านนอกจะไม่เข้าใจเรื่องราวซับซ้อนในจวนแห่งนี้
แต่พวกเขาก็รู้ว่า พ่อที่ปล่อยให้คนนอกรังแกลูกสาวตัวเอง เช่นนั้นต้องไม่ใช่คนดีอะไรอย่างแน่นอน
โดยเฉพาะคนที่ถูกรังแกยังเป็นฮวนฮวนอีกด้วย
บรรดาท่านป้าในหมู่บ้านจึงพับแขนเสื้อขึ้นทันที ไม่มีท่าทางกระวนกระวายใจอย่างเมื่อครู่อีกต่อไป
มีไท่ซ่างหวงคอยหนุนหลังพวกนางอยู่ พวกนางต่างหากที่เป็นคนในครอบครัว จะกลัวจี้กั๋วกงอะไรนั่นไปทำไมกัน!
เสียงวุ่นวายที่ดังมาจากด้านใน ไม่นานก็ดังไปถึงเรือนด้านหลัง
จี้เม่าซวินระเบิดอารมณ์อย่างแรง “เลี้ยงเสียข้าวสุกหรืออย่างไรกัน? คนบุกเข้ามาในจวนแล้วยังไม่รู้อีก! ยังไม่รีบไล่ออกไปอีก!!!”
จี้เม่าซวินเพิ่งจะตะโกนเสร็จ จางตงไหลก็เดินนำเหล่ายอดฝีมือเข้ามา พลางเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มเยาะ “โอ๊ะ จี้กั๋วกงจะไล่ผู้ใดออกไปอย่างนั้นหรือ?”
น้ำเสียงที่ไม่บ่งบอกอารมณ์นี้ ทำให้จี้เม่าซวินชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่อมองคนที่มาชัดเจนแล้ว ก็ลุกขึ้นจากเตียงด้วยความหวาดกลัวและอับอายในทันที ก่อนจะคว้าชุดคลุมมาสวมใส่และยิ้มสู้ “จางกงกง วันนี้เหตุใดถึงมาที่นี่ได้หรือขอรับ”
แม้แต่ฮ่องเต้เมื่อพบจางตงไหลก็ยังต้องคอยเอาใจ นับประสาอะไรกับจี้กั๋วกงอย่างเขากัน
จางตงไหลพิจารณาเขาเล็กน้อย “ก็ไม่มีอะไร แค่มาคิดบัญชีเท่านั้น รบกวนท่านกั๋วกงเรียกคนในจวนทั้งหมดไปที่ประตูด้วย อย่าให้ไท่ซ่างหวงต้องรอนาน”
จี้กั๋วกงตกตะลึงทันที “ฮะ? ไท่…ไท่ซ่างหวงก็มาด้วยหรือขอรับ?”
จางตงไหลกลอกตามองบน และออกไปก่อนแล้ว
พ่อบ้านรอจนกระทั่งจางตงไหลลับตาไปแล้ว จึงได้เข้ามาเอ่ยที่ข้างกาย “ท่านกั๋วกง เช่นนั้นต้องไปแจ้งคนอื่นหรือไม่ขอรับ?”
จี้เม่าซวินเอ่ยพร้อมสีหน้าเคร่งขรึมในทันที “ไม่เช่นนั้นเจ้าจะทำเช่นไร? รีบไปเรียกคนมาให้หมด”
รอจนกระทั่งคนของจวนจี้กั๋วกงทราบเรื่องหมดแล้ว แต่ก็ยังมีคนไม่เชื่อ ไท่ซ่างหวงอยู่ดี ๆ จะมาที่จวนของพวกเขาทำไม เร่งกันไปเร่งกันมา ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ในจวน นอกจากจี้หมิงซูที่ได้รับบาดเจ็บต้องอยู่รักษาแผล และไป๋อี๋เหนียงที่เป็นคนดูแลแล้ว แม้แต่คุณชายสามที่ขาหักอยู่ก็ยังถูกหามออกมา
สุดท้ายเมื่อมาถึงหน้าประตูกลับไม่เห็นไท่ซ่างหวงแต่อย่างใด มีเพียงหญิงชาวบ้านที่มีท่าทางดุดันยืนอยู่เต็มหน้าประตู พวกเขาไม่ได้มองไปตรงมุมห้องก็พลันโมโหขึ้นมาเสียก่อน
“พวกเจ้าตาบอดหรืออย่างไร มีไท่ซ่างหวงที่ใดกัน ยังไม่ไล่ชาวบ้านชั้นต่ำเหล่านี้ออกไปอีก!”
“แปลกคนจริง ๆ กลางวันแสก ๆ ก็กล้ามารังแกคนอื่นถึงบ้าน คิดว่าพวกเราไม่มีคนแล้วใช่หรือไม่”
ฟางจวิ่นเหมยโมโหอย่างมาก เมื่อได้ยินดังนั้นก็ตบประตูแล้วเอ่ยขึ้นมา “ข้าว่าจวนพวกเจ้าคงใกล้จะไม่มีคนแล้วจริง ๆ ทั้งจวนล้วนไม่ใช่คนดี พวกไร้คุณธรรม บอกว่าพวกเราเป็นชาวบ้านชั้นต่ำ เช่นนั้นวันนี้ข้าจะเป็นชาวบ้านชั้นต่ำให้พวกเจ้าดู!”
ฟางจวิ่นเหมยกำลังคิดจะหยิบของมาทุบประตูใหญ่ แต่ท่านป้าหยางดึงนางเอาไว้เสียก่อน “อย่าทุบนะ หากว่าสินเดิมไม่พอ พวกเราค่อยรื้อบานประตูนี้ออก ยังสามารถเอาไปแลกเป็นเงินได้ ของพวกนี้ล้วนเป็นของฮวนฮวน”
ฟางจวิ่นเหมยคิดไปคิดมาที่ท่านป้าหยางพูดมาก็ฟังดูมีเหตุผล ตอนนี้ไม่สามารถแตะของในจวนจี้กั๋วกงได้ เพราะยังไม่ได้เริ่มคิดบัญชีเลย!
ไท่ซ่างหวงนั่งอยู่ที่มุมห้องมองดูพวกเขาด้วยสายตาเย็นชา ในที่สุดจางตงไหลก็เอ่ยขึ้น “มากันครบแล้วใช่หรือไม่ มาแล้วก็เริ่มงานได้”
เมื่อครู่นี้จางตงไหลได้ส่งคนไปเชิญเสมียนกรมพระคลังมา โต๊ะสีแดงขนาดใหญ่ถูกวางลง โดยมีลูกคิดเล็ก ๆ วางอยู่บนนั้นด้วย เงินในท้องพระคลังยังสามารถคำนวณได้อย่างชัดเจน ดังนั้นแค่จวนจี้กั๋วกงเล็ก ๆ แม้แต่กระโถนฉี่ก็ต้องคำนวณให้หมด