เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 176 สิ่งที่เรียกว่าเรือรบ อ่อนแอ
- Home
- เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย
- บทที่ 176 สิ่งที่เรียกว่าเรือรบ อ่อนแอ
บทที่ 176 สิ่งที่เรียกว่าเรือรบ อ่อนแอ
นี่เป็นงานถนัดของไป๋จิ่นเลยก็ว่าได้ ดังนั้นเขาจึงวางเมล็ดแตงโมในมือลง และสะบัดผมหยิกสลวยที่มัดด้วยเชือกมัดผมสีแดง พลางหยิบขวดยาข้างเท้าท่านป้าขวดนั้นขึ้นมาเปิดออกและดมดู “อ้อ นี่เป็นพิษประเภทเรื้อรัง หลังได้รับพิษไปแล้วสามเดือนอาการจึงจะกำเริบ หากไม่ได้รับยาถอนพิษจะเจ็บปวดเจียนตาย ปกติแล้วเอาไว้ใช้ควบคุมคนเพื่อใช้งาน”
บรรดาชาวบ้านต่างก็ตกตะลึง สวรรค์ เหตุใดถึงได้เหี้ยมโหดอำมหิตเพียงนี้? จี้หมิงซูผู้นี้ทำให้คนตกตะลึงจนอ้าปากค้างได้จริง ๆ
ไป๋จิ่นมองไปที่ยาพิษมากมายที่มีอยู่เต็มกล่อง จึงตัดสินใจอธิบายเพื่อเป็นความรู้ให้ทุกคนเล็กน้อย “นี่คือวิวัฒนาการของสารหนู มีปริมาณยามาก พิษก็จะยิ่งรุนแรง และยังมีฤทธิ์กัดกร่อนด้วย
โอ้ อันนี้โหดเหี้ยมยิ่งกว่า เพราะนี่จะทำให้คนยังมีสติอยู่ แต่ร่างกายกลับเคลื่อนไหวไม่ได้ ทำได้เพียงเฝ้ามองส่วนอื่น ๆ ของร่างกายค่อย ๆ ตายไปแต่สมองยังไม่ตาย ดูจากปริมาณแล้ว ดูเหมือนว่าสตรีที่มีความสามารถอันดับหนึ่งท่านนี้คงจะทำร้ายคนไปไม่น้อยแล้ว”
บรรดาชาวบ้านต่างกระซิบกระซาบกัน “ก่อนหน้านี้ก็ได้ยินแล้วว่า ความสามารถของจี้หมิงซูผู้นี้ล้วนแย่งของผู้อื่นมา”
“คงไม่ได้เอาไปใช้กับคนที่ถูกแย่งผลงานมาเหล่านั้นหรอกกระมัง”
“ช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก คนเขาไปทำอะไรให้กัน? เพื่อให้ได้มาซึ่งชื่อเสียงว่าเป็นสตรีที่มีความสามารถอย่างนั้นหรือ?”
เมื่อเห็นว่าทุกคนต่างตกตะลึงกับความหลากหลายของยาพิษ ไป๋จิ่นจึงเอ่ยป่าวประกาศเล็ก ๆ น้อย ๆ “สำนักพิษของเรารับสมัครศิษย์จำนวนมากทุกปี ถึงเวลาหากทุกท่านสนใจ สามารถไป…”
คำพูดของไป๋จิ่นถูกขัดด้วยคำพูดของจี้หมิงซู
“อย่าแตะนะ นี่ไม่ใช่ของที่เจ้าจะแตะต้องได้!” จี้หมิงซูพยายามดิ้นรนอยากจะพุ่งตัวเข้าไปแย่งเรือไม้กลไกที่อาอินเพิ่งหยิบขึ้นมาจากพื้น
เรือไม้ลำนี้เป็นเรือรบที่นางออกแบบเป็นพิเศษเพื่อองค์ชายรอง เขาจะใช้ของที่ถูกมือสกปรกของนางปีศาจน้อยสัมผัสส่งเดชได้ที่ใดกัน จี้จือฮวนต้องการแผนภาพกลไกอย่างนั้นหรือ หากนางได้ไปแล้วจะสามารถรู้ว่ากลไกคืออะไร ออกแบบอย่างไรได้อย่างนั้นหรือ! น่าขัน!
จี้จือฮวนรับเรือไม้มาจากมือของอาอิน หลังจากสำรวจอยู่ครู่หนึ่งก็เลิกคิ้วและเอ่ยขึ้นมา “กระสุนที่ติดตั้งในเรือรบ เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าแรงถีบกลับเช่นนี้ จะทำให้เรือลำนี้ไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็พลิกคว่ำได้แล้ว”
แน่นอนว่าจี้หมิงซูไม่มีทางใส่ใจกับคำพูดของจี้จือฮวน นางจึงเอ่ยประชดประชันขึ้นมา “เจ้าจะไปรู้อะไร? แม้แต่ตัวหนังสือเจ้าก็ยังรู้แค่ไม่กี่ตัว คิดจะมาพูดเรื่องกลไกกับข้าอย่างนั้นหรือ?”
จี้จือฮวนไม่ได้โกรธเพราะคำพูดของนางแต่อย่างใด เพียงสั่งให้คนนำอ่างใส่น้ำมา และนำแบบจำลองเรือรบที่เป็นผลงานที่จี้หมิงซูภาคภูมิใจ ซึ่งองค์ชายรองเตรียมจะเอาไปแสดงในงานของกรมโยธาปล่อยลงในอ่าง
เรือลำเล็กถูกสร้างขึ้นอย่างประณีต ออกตัวได้เร็วจริง ๆ แต่ในไม่ช้าเนื่องจากปัญหาเรื่องแรงถีบกลับ ความเร็วของเรือรบจึงค่อย ๆ ช้าลง และสุดท้ายเรือก็เริ่มจมลง
สีหน้าของจี้หมิงซูย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ
จี้จือฮวนจึงหยิบเรือจำลองลำนั้นขึ้นมา แกะแล้วประกอบเข้าด้วยกันใหม่อีกครั้ง พลางเอ่ยขึ้น “เช่นนี้นอกจากจะสามารถลดแรงถีบกลับได้แล้ว ยังสามารถรักษาความเร็วและความแข็งแรงได้อีกด้วย”
จี้หมิงซูจ้องไปที่เรือจำลองในอ่างอย่างตั้งใจ มันเริ่มเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยความเร็วคงที่ โดยไม่แกว่งไปมา
นางกัดฟัน ส่ายหน้าแล้วเอ่ยอย่างไม่อยากเชื่อ “ไม่มีทาง เจ้าทำได้อย่างไร เจ้าทำได้อย่างไร?”
จี้จือฮวนทำเช่นนี้ได้อย่างไร จี้จือฮวนไม่มีทางรู้เรื่องเหล่านี้ได้
บรรดาชาวบ้านส่งเสียงฮือฮาขึ้นมา เช่นนี้จี้หมิงซูที่ถูกเรียกว่าเป็นผู้สืบทอดวิชาของบรรพบุรุษและสืบทอดวิชากลไกของจวนจี้กั๋วกง ยังสู้บุตรภรรยาเอกที่พวกเขารังเกียจไม่ได้เลย?
สรุปว่าในจวนแห่งนี้มีเรื่องที่พวกเขาคุยโม้ไปกี่เรื่องกันแน่?
ขุนนางของกรมพระคลังมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที เมื่อปลายปีที่แล้วจี้หมิงซูประโคมข่าวว่าตนเองได้ออกแบบเรือรบลำใหม่ ที่สามารถใช้ต่อสู้แบบสิบต่อหนึ่งได้ องค์ชายรองจึงรายงานต่อฮ่องเต้ด้วยความตื่นเต้น ทั้งยังให้พวกเขาจัดสรรเงินเพื่อการนี้เป็นกรณีพิเศษ และสั่งว่าต้องให้ความสำคัญกับการทำเรือรบของกรมโยธาเป็นอันดับแรก
เงินจำนวนมหาศาลถูกโยนออกไป กรมพระคลังได้แต่มองดูด้วยความรู้สึกปวดใจ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรเลย มิหนำซ้ำยังถูกบุตรภรรยาเอกที่พวกเขาดูถูกคนหนึ่งรื้อออกได้อย่างง่ายดายอีกด้วย
จี้หมิงซูผู้นี้กำลังล้อพวกเขาเล่นอยู่อย่างนั้นหรือ?
องค์หญิงใหญ่มองไปทางไท่ซ่างหวง ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา “คนลวงโลกและแอบอ้างชื่อคนอื่นเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง และทำร้ายผู้อื่นไปทั่วเช่นนี้ ควรถูกตัดสินโทษสูงสุดกระมัง”
“ส่งเรื่องนี้ไปให้กรมอาญา หลังจากตรวจสอบความผิดของจี้หมิงซูและแม่ของนางอย่างละเอียดแล้ว ให้ลงโทษด้วยการประหารชีวิต คนของจวนจี้กั๋วกงที่เหลือให้ยึดทรัพย์สินทั้งหมดและส่งไปเป็นทาส เพื่อชดใช้ความผิดตลอดชีวิต” ไท่ซ่างหวงจิบชาเล็กน้อย และบอกถึงจุดจบของคนเหล่านี้อย่างชัดเจน
องค์หญิงใหญ่รีบส่งสายตาให้กับเหล่ายอดฝีมือ
จี้หมิงซูและไป๋อี๋เหนียงได้ยินประโยคนี้ ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรก็ถูกยอดฝีมืออุดปาก หักแขนหักขาทั้งสองข้างและลากตัวออกไปทันที นับแต่นี้พวกนางจะต้องอยู่ในคุกและถูกลงโทษนับครั้งไม่ถ้วนทุกวัน จนกว่าจะถูกประหารชีวิต
คนอื่น ๆ ในจวนจี้กั๋วกงเมื่อเห็นภาพนั้น ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาขวาง เพราะแค่คิดว่าตนเองต้องถูกยึดทรัพย์สิน อารมณ์ของทุกคนก็ยากจะบรรยายแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าไท่ซ่างหวงถึงกับสั่งประหารจี้หมิงซู เมื่อเทียบกันแล้วอย่างน้อยพวกเขาก็ยังสามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้ไม่ใช่หรือ?
จี้จือฮวนดูแผนภาพกลไกที่รวบรวมมาเรียบร้อยแล้ว การออกแบบของคนสมัยก่อนค่อนข้างซับซ้อน แต่จะเห็นได้ว่าแนวคิดของหลักการกลไกนั้นล้ำหน้าไปมากและพอใช้เป็นแนวทางได้อยู่บ้าง ทว่าก็ไม่ได้มีประโยชน์ต่อจี้จือฮวนมากนัก
นางเก็บแผนภาพเรียบร้อยแล้ว ก็ให้อาฉือเขียนจดหมายหย่า ก่อนจะปาใส่ร่างของจี้เม่าซวิน
จี้เม่าซวินถูกคนทุบตีจนแทบจะหายใจรวยรินอยู่แล้ว ตอนนี้ยังถูกจี้จือฮวนเหยียดหยามเช่นนี้อีก เขาจึงโมโหอย่างมากจนหอบหนัก ๆ อยู่ตรงนั้น
นางเป็นตัวแทนท่านแม่ในการหย่ากับผู้เป็นพ่อ เผยยวนเป็นตัวแทนท่านพ่อในการหย่ากับผู้เป็นแม่ ก็นับว่าเป็นคู่ที่เหมาะกันแล้ว
จี้จือฮวนจับมือของเขาขึ้นมาและประทับลายนิ้วมือลงไปบนนั้น นับแต่นี้ไปเซี่ยชิงหรูกับจี้เม่าซวินไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีก และจี้จือฮวนก็ไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับจวนจี้กั๋วกงด้วยเช่นกัน
อีและเอ้อร์ไปที่โถงบรรพชนของตระกูลจี้ ตอนที่กลับมาสีหน้าก็ไม่สู้ดีนัก
“ที่โถงบรรพชนไม่มีป้ายวิญญาณของเซี่ยฮูหยินขอรับ”
ฮูหยินของครอบครัวรองจึงเอ่ยขึ้นทันที “ป้ายวิญญาณของเซี่ยชิงหรู…ของเซี่ยฮูหยินเดิมนั้นเคยมีอยู่ แต่จี้เม่าซวินบอกว่านางไม่คู่ควรจะเข้าไปอยู่ในนั้น เพราะนางเป็นลูกสาวของขุนนางที่ทำความผิด จึงให้ย้ายไปวางที่เรือนรับรอง คาดว่าคงไม่มีคนสนใจแล้ว”
จี้จือฮวนก้มลงมองจี้เม่าซวิน “ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็เผาโถงบรรพชนของตระกูลจี้ไปซะเถอะ”
จี้เม่าซวินได้ยินดังนั้นแววตาก็วาวโรจน์ขึ้นมา เขาจ้องจี้จือฮวนเขม็ง “เจ้า…นางลูกอกตัญญู…”
ฮูหยินของครอบครัวรองเองก็คิดไม่ถึงว่าจี้จือฮวนจะโหดเหี้ยมเพียงนี้ นางไม่คิดถึงชื่อเสียงของตัวเองสักนิดเลยหรือ?
ไม่กลัวคนนอกจะเอาไปพูดว่านางใจดำอำมหิต ไร้เมตตา ไร้คุณธรรมเลยอย่างนั้นหรือ!?
ไม่กลัวเผยยวนรังเกียจที่นางไม่ใช่ผู้หญิงที่อ่อนน้อม และมีเมตตาหรืออย่างไร?
จี้เม่าซวินกระอักเลือดออกมา “เจ้า…เจ้ามันลูกทรพี…ตอนนั้นข้าควรจะบีบคอเจ้าให้ตาย…”
จี้จือฮวนพ่นเสียงหัวเราะออกมา ก่อนจะนั่งยอง ๆ มองดูเขา “จะว่าไปแล้วเหตุใดเจ้าต้องเก็บจี้จือฮวนเอาไว้ด้วย?”
จี้เม่าซวินเดาความหมายแฝงในคำพูดของนางไม่ออก แต่กลับจ้องนางเขม็ง
จี้จือฮวนจึงยกยิ้มออกมา ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “ข้าขอเดาว่าเพราะเจ้ารู้ว่าจี้จือฮวนไม่ใช่ลูกของเจ้า ดังนั้นจึงตั้งใจเก็บนางเอาไว้ ทรมานนาง ทำร้ายนาง เพื่อระบายความแค้นที่มีต่อเซี่ยชิงหรู?”
จี้เม่าซวินชะงักงัน จี้จือฮวนจึงรู้ได้ในทันที “อืม ดูเหมือนว่าความจริงของเรื่องจะเป็นเช่นนี้เองสินะ”
สีหน้าของเขาบ่งบอกทุกอย่างหมดแล้ว