เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 200 ภูเขาด้านหลังเป็นเหมืองทอง
- Home
- เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย
- บทที่ 200 ภูเขาด้านหลังเป็นเหมืองทอง
บทที่ 200 ภูเขาด้านหลังเป็นเหมืองทอง
“หนึ่งสองหนึ่ง! หนึ่งสองหนึ่ง!”
หลังจากพักผ่อนมาหนึ่งวัน จางหยวนเฉียวก็ยังช่วยดูแลทหารเกราะเหล็กที่บาดเจ็บให้ ส่วนจี้จือฮวนก็เริ่มพาทหารไปฝึกรอบ ๆ ภูเขากับเผยยวนแล้ว
อาอินน้อยก็เปลี่ยนมาสวมชุดที่พอดีตัววิ่งตามอยู่ทางด้านหลัง อย่ามองว่านางอายุยังน้อย แต่พลังและความเร็วไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้ใหญ่เลย
กลับเป็นอาชิงที่เกียจคร้านให้เผยยวนแบกไว้ในตะกร้าสะพายหลัง ด้านหนึ่งก็กินผลไม้และขนม ด้านหนึ่งให้กำลังใจพวกเขาไปด้วย
“เร็วเข้า! อย่าขี้เกียจนะ”
เซียวเย่เจ๋อหอบเหมือนสุนัข ก่อนจะยกหย่งหนิงที่อยู่ด้านหลังขึ้น
“เจ้าผีน้อย! เจ้าเองก็ลงมาวิ่งด้วยสิ เจ้าดูพี่สาวเจ้า แล้วดูตัวเจ้าสิ”
อาชิงทำหน้าหลอกผีใส่เขา “ข้าไม่ลงหรอก แบร่ ๆ ๆ!”
เซียวเย่เจ๋อโกรธจนแทบจะหงายหลัง ขณะที่กำลังหายใจเข้าลึก ๆ อาอินก็วิ่งผ่านข้างกายเขาไปแล้ว ตัวเล็ก ๆ นั่นไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้ชายเลย
เซียวเย่เจ๋อกัดฟันกรอด ต่อให้เขาต้องตายก็จะขายหน้าต่อหน้าเผยยวนไม่ได้เด็ดขาด
“อาหญิงน้อย ท่านนั่งให้ดีล่ะ ข้าจะเพิ่มความเร็วแล้ว”
หย่งหนิงนั่งเท้าคางในตะกร้าด้านหลังและเอ่ยขึ้น “เมื่อครึ่งชั่วยามก่อนเจ้าก็พูดเช่นนี้ ก็แค่เร็วกว่าเจ้าหวังปาเฒ่าที่ท่านพ่อเลี้ยงเอาไว้นิดหน่อยเท่านั้น”
เซียวเย่เจ๋อได้ยินดังนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก!
หนึ่งชั่วยามก่อน เป้าหมายของเขาคือการเอาชนะกองทัพทหารเกราะเหล็กทุกคน แต่ตอนนี้เขามีเพียงความคิดเดียวนั่นคือ เอาชนะอาอิน!
การแพ้ให้เด็กผู้หญิงอายุห้าขวบคนหนึ่ง เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ใดกัน!
“ย้าก!” เซียวเย่เจ๋อกัดฟันและไล่ตามไป
เซียวผิงที่ตามหลังมาถอนหายใจ องครักษ์คนอื่น ๆ ก็เอ่ยด้วยความกังวล “ซื่อจือของพวกเราคงไม่ทำให้ตัวเองเหนื่อยตายหรอกกระมัง”
เซียวผิงส่ายหน้า “ไม่ถูกตีตายที่หมู่บ้านตระกูลเฉินก็นับว่าไม่เลวแล้ว”
ทันทีที่อาอินกระโดดขึ้นไปบนหินก้อนใหญ่ เซียวเย่เจ๋อก็ตามไปติด ๆ อาอินเอ่ยเสียงเย็นออกมาด้วยความดูแคลน จากนั้นก็เร่งความเร็วและวิ่งไปข้างหน้าต่อ ไม่นานก็หายลับไป
เซียวเย่เจ๋อยืนพิงต้นไม้ใหญ่ พลางชี้ไปที่ด้านหลังของอาอิน เสียงก็ขาดเป็นช่วง ๆ
“เจ้า…เจ้าเด็กบ้านี่ ช่างน่าโมโหจริง ๆ!!”
เมื่อมองไปที่เหล่าทหารเกราะเหล็กที่หายเข้าไปในป่าทึบ เซียวเย่เจ๋อก็นั่งลงไปกับพื้น รังแกกันเกินไปแล้ว! วิ่งเร็วเช่นนี้ไปทำไมกัน!
หย่งหนิงปีนออกมาจากตะกร้า พลางยื่นมือออกไปให้เซียวผิงอุ้ม
“แบบนี้ยังคิดจะเข้าร่วมกองทัพทหารเกราะเหล็กอีกอย่างนั้นหรือ โรงเรียนอนุบาลหมู่บ้านตระกูลเฉินยังมีที่ว่างอยู่ เดี๋ยวกลับไปข้าจะสมัครให้เจ้าเอง”
ตาทั้งสองข้างของเซียวเย่เจ๋อถึงกับเหลือกขึ้นมา ก่อนจะโมโหจนสลบไปจริง ๆ
“ซื่อจือ!”
…
จี้จือฮวนและเผยยวนวิ่งครบตามระยะทางที่กำหนดเป็นคนแรก ๆ และกำลังนั่งอยู่บนยอดเขาด้านหลังเพื่อรอเหล่าทหารที่ตามมา อาชิงน้อยวิ่งไปรอบ ๆ ยอดเขา “ว้าว~ ที่นี่กว้างมากเลย!”
นี่เป็นครั้งแรกที่อาอินขึ้นมาบนยอดเขา นางสูดลมหายใจเข้าและเอ่ยออกมา “ต่อไปที่ทั้งหมดนี้ก็เป็นของครอบครัวเราแล้วหรือเจ้าคะ?”
“ใช่”
อาอินเหงื่อโชกไปทั้งตัว จี้จือฮวนจึงเช็ดเหงื่อให้นางแล้วเอ่ยถามขึ้นมา “ยังมีแรงอีกหรือไม่?”
“มีเจ้าค่ะ!”
สาวน้อยรับคำเสียงดังฟังชัด ก่อนจะหมุนกายไปไล่จับอาชิง
จี้จือฮวนมองอาอินแล้วเอ่ยขึ้นมา “นางมีแรงเยอะเช่นนี้ตั้งแต่เด็กแล้วอย่างนั้นหรือ?”
“อืม หยิบจับสิ่งของก็จะไม่ยอมปล่อย มีอยู่ครั้งหนึ่งเกือบจะทำให้อาชิงหัวโล้นไปแล้ว กำลังวังชาก็มีมากกว่าอาชิง ตอนกลางคืนต้องใช้พี่เลี้ยงหลายคนเพื่อกล่อมนอน” เผยยวนคิดถึงตอนที่พวกเขาเด็ก ๆ ก็อยากจะหัวเราะออกมา
“ตอนนั้นที่เก็บพวกเขามา เด็กทารกสองคนถูกวางเอาไว้ด้วยกัน มีวันเดือนปีเกิดเขียนอยู่บนนั้น จึงได้รู้ว่าพวกเขาเป็นฝาแฝดกัน ตอนนั้นอากาศหนาวจัด หากช้าอีกสักหน่อย พวกเขาคงไม่รอดเป็นแน่”
“เช่นนั้นพ่อแม่ของพวกเขาต่างก็ไม่อยู่แล้วหรือ?”
“ไม่รู้สิ ตอนที่พวกเราไปถึงที่นั่นมีซากศพเกลื่อนกลาด เหลือเพียงพวกเขาสองคนที่ซ่อนตัวอยู่ในหิมะไม่ไกลนัก กำลังร้องไห้อย่างอ่อนแรง พวกเขาหนาวสั่นจนร่างกายเริ่มเป็นสีเขียวคล้ำแล้ว ข้าเห็นว่าพวกเขาน่าสงสารจึงนำกลับมาเลี้ยง ตอนแรกก็ไม่ได้คิดที่จะรับเลี้ยงเอาไว้เอง แต่หลังจากเลี้ยงไปได้สักระยะ เมื่อเห็นหน้าข้าพวกเขากลับเรียกข้าว่าท่านพ่อ ดังนั้นข้าจึงรับพวกเขาเอาไว้”
จี้จือฮวนพยักหน้ารับรู้ “มิน่าเล่าพวกเขาถึงยอมตายเพื่อเจ้า เพราะเจ้าทำให้พวกเขาได้เกิดใหม่อีกครั้ง”
“ใคร ทำให้ใครเกิดใหม่?” เซียวเย่เจ๋อจู่ ๆ ก็โผล่มาแทรกกลางระหว่างคนทั้งสอง
เผยยวนจึงชกหน้าเขาไปด้วยความโมโห เจ้าตัวป่วนนี่ ไปที่ใดก็ต้องมีเขาไปด้วยตลอด! มาทำตัวขี้เกียจอยู่ที่นี่นานเพียงใดแล้ว ยังไม่ยอมกลับเมืองหลวงอีก? คิดจะอยู่ที่หมู่บ้านตระกูลเฉินตลอดไปหรืออย่างไร?
หย่งหนิงมองเซียวเย่เจ๋อที่ล้มอยู่บนพื้น ก่อนจะก้าวข้ามตัวเขาไปอย่างเงียบ ๆ เพื่อไปหาอาชิงและเล่นโคลนด้วยกัน
เหล่ากองทัพทหารเกราะเหล็กฝึกในช่วงเช้าเสร็จเรียบร้อยก็ตั้งใจจะไปทำงานต่อ แต่ละพื้นที่ถูกแบ่งโดยจี้จือฮวน ดังนั้นพวกเขาต้องทำทางเดินเชื่อมสถานที่เหล่านี้ให้เสร็จ
ก่อนหน้านี้ขุดมาได้สองสามวันแล้ว และวันนี้ก็ยังต้องทำต่อ
จี้จือฮวนจึงต้องการไปดูว่าพวกเขาทำไปถึงไหนแล้ว จึงทิ้งคนไร้ประโยชน์อย่างเซียวเย่เจ๋อให้รับหน้าที่ดูแลเด็ก ๆ
อาอินล้วงกระเป๋าใบเล็กที่พกติดตัวออกมา ตั้งใจว่าจะเก็บของจากภูเขากลับไป โดยเฉพาะเกาลัดที่เวลานี้มีขนาดใหญ่ที่สุด เอากลับไปย่างต้องหอมมากเป็นแน่ ยังสามารถตุ๋นกับไก่และย่างกินพร้อมไก่ได้อีกด้วย
อาชิงเองก็หยิบกระเป๋าเล็ก ๆ มาช่วยเก็บด้วย เขาปล่อยงูหนึ่งงูสองให้ลงไปเลื้อยเล่น หลังจากนั้นไม่นานหนึ่งในสองตัวนั้นก็เลื้อยกลับมา ก่อนจะคายสิ่งที่อยู่ในปากที่เป็นขุมทรัพย์ให้อาชิง
อาชิงหยิบขึ้นมาดู ก่อนจะเอ่ยด้วยความประหลาดใจ “ว้าว หินก้อนนี้สวยจังเลย!”
อาอินหันไปมอง “เลิกมัวแต่เก็บก้อนหินได้แล้ว รีบช่วยกันเร็วเข้า”
อาชิงจึงวิ่งดุกดิกมาตรงหน้านาง พลางยื่นมือเล็ก ๆ ออกมา “สวยมากจริง ๆ พี่หญิง ท่านดูสิ”
หย่งหนิงเองก็ชะโงกหน้ามาดูด้วย “ว้าว จริงด้วย! แต่เหตุใดถึงดูคุ้น ๆ นะ”
นางคิดไปคิดมา “พวกเจ้ารอเดี๋ยวนะ ข้าจะไปเรียกหลานโง่ของข้ามาดู”
หย่งหนิงถือเกาลัดที่มีหนามหุ้มอยู่สองเม็ด พลางยกชายกระโปรงขึ้นและวิ่งไปตรงหน้าเซียวเย่เจ๋อซึ่งนอนอยู่ตรงนั้น ก่อนจะคว้าคอเสื้อของเซียวเย่เจ๋อแล้วเอ่ยขึ้นมา “รีบลุกเร็วเข้า”
เซียวเย่เจ๋อนอนมองท้องฟ้าอย่างเหม่อลอย “ทำอะไร ข้าอยากพักสักหน่อย”
“เจ้ารีบไปดูที อาชิงเก็บหินสีทองที่สวยมากมาได้ก้อนหนึ่ง”
“เหลวไหล ในป่าในเขาเช่นนี้จะมีทองคำได้อย่างไร?” เซียวเย่เจ๋อจึงลุกขึ้น และเดินไปทางเจ้าตัวเล็กทั้งสอง
“เอาของมาให้ข้าดูสิ”
ดวงตากลมโตของอาชิงมองเซียวเย่เจ๋อครู่หนึ่ง ก่อนจะยื่นก้อนหินไปให้เซียวเย่เจ๋ออย่างระมัดระวัง
เซียวเย่เจ๋อนำหินก้อนนั้นถูกับมือรอบหนึ่ง จากนั้นก็เลิกคิ้วขึ้นแล้วถามขึ้นมา “ไปเก็บมาจากที่ใด? นี่เป็นแร่ทองคำ ที่นี่อาจมีเหมืองทอง”
อาอินได้ยินดังนั้นก็ตาโตขึ้นมา “เหมืองทอง แปลว่าเป็นภูเขาที่มีทองคำมากมายใช่หรือไม่?”
เซียวเย่เจ๋อเองก็มีเหมืองทอง ย่อมเคยเห็นแร่ทองคำมาก่อน “หากโชคดี ใกล้ ๆ กับบริเวณที่มีแร่ทองคำอาจเจอแร่เหล็กด้วยก็ได้ แต่มีให้เห็นไม่มากนัก”
อาอินก็ไม่เก็บเกาลัดต่อแล้ว พลางดึงเซียวเย่เจ๋อแล้วเอ่ยถามขึ้นมา “แล้วที่นี่มีแร่ทองคำหรือไม่?”
เซียวเย่เจ๋อพยักหน้ารับ “แน่นอน ว่าแต่พวกเจ้าไปเก็บมาจากที่ใด?”
ทุกคนต่างมองไปที่อาชิงโดยพร้อมเพรียง อาชิงเองก็มองไปทางงูที่เลื้อยไปเลื้อยมาอยู่ตรงนั้น “งูหนึ่งงูสองเป็นคนเอามาให้”
เขารีบผิวปากอย่างรวดเร็ว งูสองตัวก็เลื้อยวนรอบเท้าของเขาอย่างมีความสุข อาอินนำทองคำมาวางไว้ในมือและปล่อยให้พวกมันนำทางไป
งูทั้งสองตัวเลื้อยวนอยู่รอบหนึ่ง ก่อนจะเลื้อยลงไปตามพงหญ้า
“ไป รีบไปตามพ่อกับแม่เจ้ามา หากเจอเหมืองทองจริง ๆ พวกเจ้าก็จะรวยแล้ว!”
หากจำไม่ผิดภูเขาลูกนี้เป็นชื่อของจี้จือฮวนแล้ว ต่อให้ราชสำนักรู้เข้า ก็ยังมีไท่ซ่างหวงหนุนหลังอยู่ มีเหมืองทองใหญ่ขนาดนี้อยู่ การเลี้ยงดูกองทัพทหารเกราะเหล็กยังจะต้องกลัวอะไรอีก! มีกองทัพอีกนับล้านก็เลี้ยงไหว!