เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 206 แค่ท่านหญิง ไม่อยู่ในสายตาคนหมู่บ้านตระกูลเฉิน
- Home
- เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย
- บทที่ 206 แค่ท่านหญิง ไม่อยู่ในสายตาคนหมู่บ้านตระกูลเฉิน
บทที่ 206 แค่ท่านหญิง ไม่อยู่ในสายตาคนหมู่บ้านตระกูลเฉิน
เซี่ยฉงฟางได้ยินดังนั้นก็จ้องจี้จือฮวนเขม็ง นางกำลังวิเคราะห์คำพูดของจี้จือฮวน ในที่สุดก็สงบลง ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้มเย็น “เผยยวนยึดหลักความกตัญญู เจ้ากล้าทำเช่นนี้กับแม่แท้ ๆ ของเขา เจ้าคิดว่าอีกเดี๋ยวเจ้าจะมีจุดจบเช่นไร?”
เซี่ยฉงฟางรู้จักเผยยวนดี เขาอ่านหนังสือของนักปราชญ์มาตั้งแต่เด็ก เป็นคนที่โดดเด่นที่สุดในสายตาของคนอื่น รู้มารยาท มีเหตุผล สามารถทำทุกอย่างได้ดีที่สุด หลังจากเผยเกอเสีย เพื่อประคับประคองจวนโหวเอาไว้เขาจึงเข้าร่วมกองทัพ คนเช่นนี้จะยอมรับภรรยาที่หยิ่งผยองได้อย่างไรกัน?
ไม่กลัวคนทั้งใต้หล้าก่นด่าหรืออย่างไร?
จี้จือฮวนเห็นนางกลับมามีท่าทางเย็นชา ยามเมื่อเอ่ยถึงเผยยวนแสงเย็นเยียบในดวงตาก็ราวกับสัตว์เลือดเย็นที่ซ่อนตัวอยู่ในพงหญ้า หาใช่แม่คนหนึ่งไม่
“แม่แท้ ๆ? ข้าว่าไม่น่าใช่ ทั้งใต้หล้ามีแม่ที่ไหนคิดจะฆ่าลูกตัวเองกัน หากว่าเผยยวนยังรับเจ้าเป็นแม่ จะเป็นตัวแทนของพ่อหย่ากับเจ้าได้อย่างไร”
ทุกคำพูดของจี้จือฮวนทำลายความหยิ่งผยองที่เหลืออยู่ของเซี่ยฉงฟางลงไปจนหมดสิ้น คราวนี้นางจึงมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทันที
“เจ้าอย่าคิดจะใช้ไม้นี้กับข้า เผยยวนเป็นผู้ชายของข้า ใครกล้ารังแกเขา ข้าจะเอาคืนนับร้อยนับพันเท่า เซี่ยฉงฟาง วันดี ๆ ของเจ้าจบลงแล้ว” จี้จือฮวนเอ่ยจบ เซี่ยฉงฟางก็กำลังจะลุกขึ้นมาตะคอกด่าว่านางเป็นเด็กไม่มีมารยาท
ทว่าจี้จือฮวนกลับกางกรงเล็บเหล็กออกเสียก่อน กรงเล็บเหล็กวาววับนั่นสะท้อนกับแสงแดดที่ส่องเข้ามา ก็ทำให้เซี่ยฉงฟางรู้สึกกลัวขึ้นมา
จี้จือฮวนรู้ว่าสตรีเหล่านี้ยามอยู่ในเรือนหลังใช้ฝีปากเก่งเพียงใด ต่อหน้าทำเป็นปรองดอง ลับหลังกลับลอบทำร้ายกัน ใช้กลอุบายสกปรกทำลายกันไปมา
นางไม่เข้าใจการกระทำที่อ้อมค้อมของคนโบราณ นางรู้แค่ว่าคนบางคนหากไม่ตีก็ไม่รู้จักกลัว
เซี่ยฉงฟางเอนตัวไปด้านหลัง สักพักจึงได้เอ่ยขึ้นมา “สิ่งที่เจ้าทำกับข้าในวันนี้ ไม่ช้าก็เร็วเจ้าจะต้องเสียใจ”
รอนางได้พบเผยยวน นางจะให้เขาหย่ากับสตรีผู้นี้เสีย
ทำให้จี้จือฮวนไม่กล้าหัวเราะเยาะเรื่องที่นางถูกหย่าอีก!
จี้จือฮวนไม่ได้สนใจนางอีก เข้าหมู่บ้านตระกูลเฉินแล้วยังคิดจะออกไปได้อีกอย่างนั้นหรือ? ถึงเวลาแค่ไม่ร้องไห้ขอร้องอ้อนวอนก็บุญแล้ว
ด้านนอก ซูอิ่งกำลังฟังเสียงด้านในอยู่ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าแล้วเอ่ยออกมา “ท่านหญิงคงไม่ถูกฮูหยินตีจนตายหรอกกระมัง”
“อย่างไรซะก็เป็นแม่สามี หรือไม่ บอกให้ฮูหยินเบามือหน่อยดีหรือไม่?”
“เป็นแม่สามีอะไรกัน อย่าลืมว่าใครเป็นต้นเหตุทำให้ตอนนี้พวกเราต้องหนีออกจากเมืองหลวง ฮูหยินสงสารท่านแม่ทัพจึงได้ระบายความโกรธแค้นแทนท่านแม่ทัพ เจ้าอย่าสับสนกับสถานการณ์ปัจจุบันเด็ดขาด”
หลังจากมีคนพูดเช่นนี้หลายคนก็เงียบไป พวกเขาทุกคนล้วนโกรธแค้นเซี่ยฉงฟาง เพียงแต่ด้วยฐานะพวกเขาจึงไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ ทว่าใครจะไปคิดว่าฮูหยินเข้ามาก็ตบเอาตบเอา…สมกับที่เป็นสตรีที่แม้แต่ไท่ซ่างหวงก็ยังกลัว วันหน้าท่านแม่ทัพต้องเป็นเด็กดีเชื่อฟังนางแล้ว มิฉะนั้นองครักษ์อย่างพวกเขาก็คงไม่สามารถช่วยนายท่านได้เช่นกัน
จี้จือฮวนยังไม่รู้ว่าคนด้านนอกกำลังคิดอะไรกันอยู่ นางจ้องเซี่ยฉงฟางอยู่เช่นนั้น ไม่มีทีท่าจะหลบเลี่ยงแต่อย่างใด
เห็นได้ชัดว่าเซี่ยฉงฟางคาดหวังว่าเมื่อได้พบเผยยวนก็จะหลุดพ้นจากสถานการณ์ในตอนนี้ และจะได้วางท่าของนางต่อ
…
หมู่บ้านตระกูลเฉิน
องค์หญิงใหญ่มองไพ่โป๊กเกอร์ในมืออย่างครุ่นคิด
นี่เป็นของที่ฮวนฮวนตั้งใจทำให้นางเป็นพิเศษ นางเพิ่งเรียนรู้วิธีการเล่นโต้วตี้จู่*เป็น และกำลังตื่นเต้นที่จะได้สอนวิธีการจำไพ่ให้แก่ผู้คน แต่น่าเสียดายที่ท่านพ่อของนางจะต้องออกไปต้อนเป็ด บอกว่าเมื่อคืนพวกเป็ดเหล่านี้กินข้าวไปน้อย วันนี้เลยจะพาพวกมันไปอาบแดด นางก็เลยขาดขาไพ่เก่ง ๆ ไป
* โต้วตี้จู่ (斗地主) เป็นหนึ่งในเกมไพ่ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศจีน
และเมื่อมองไปที่คนของจวนจี้กั๋วกงเหล่านั้น ช่างเถอะ เล่นไพ่กับพวกเขา ไม่สู้ซ้อมพวกเขายังจะดีเสียกว่า น่าเบื่อจริง ๆ เลย
ขณะที่องค์หญิงใหญ่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น รถม้าก็มาถึงทางเข้าหมู่บ้าน
“เอ๊ะ เหตุใดถึงกลับมาเร็วเพียงนี้กัน?” รู้สึกเหมือนไปได้ไม่นานนี่นา
องค์หญิงใหญ่ออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง
พวกซูอิ่งเช็ดเหงื่อไม่กล้าบอกว่าฮูหยินไปเอาเชลยมาด้วย ทั้งยังลากกลับมากว่ายี่สิบคน
พลพรรคตัวเลขมองวิธีการลากคนที่คุ้นเคยนั้นก็เข้าใจได้ทันที
พวกเขาจึงเข้ามารับช่วงต่อ “บุรุษกับสตรีแบ่งเป็นสองแถว ยืนให้ดี จากนั้นก็นับจำนวนต่อ ๆ กันไปทางด้านหลัง”
องค์หญิงใหญ่กวาดตามองเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยอย่างเข้าใจ “มีคนมาก่อเรื่องที่ตำบลฉาซู่อีกแล้วหรือ?”
ปฏิกิริยาของพวกซูอิ่งได้อธิบายทุกอย่างหมดแล้ว องค์หญิงใหญ่หรี่ตาลง เมื่อเห็นคนรับใช้กลุ่มใหญ่นี้ก็ขมวดคิ้วและเอ่ยขึ้นมา “แถมครั้งนี้ยังเป็นแกะตัวอ้วนอีกด้วย”
ซูอิ่ง “…”
ท่านอย่าพูดเหมือนเป็นหัวหน้าโจรที่กำลังตรวจสอบสินค้าสิพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงใหญ่!
“ให้ข้าดูหน่อย เป็นแกะอะไร” องค์หญิงใหญ่เตรียมที่จะเปิดม่านดู ทว่าจี้จือฮวนกลับหิ้วเซี่ยฉงฟางลงมาเสียก่อน
เซี่ยฉงฟางในเวลานี้มีคราบเลือดเปรอะเปื้อนใบหน้าทั้งสองข้างเนื่องจากถูกกรงเล็บเหล็กข่วน จึงมีสภาพสะบักสะบอม มวยผมที่มวยไว้บนศีรษะก็ยุ่งเหยิงตกลงมาที่ไหล่ เวลาที่เซี่ยฉงฟางปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน ไม่มีครั้งไหนที่ไม่สวมเครื่องประดับเต็มตัว ท่าทางสูงส่งสง่างาม ไม่มีเรื่องให้ตำหนิได้แม้แต่นิดเดียว
พวกซูอิ่งเห็นนางเป็นเช่นนี้ก็รู้สึกสะใจยิ่งนัก!
อย่างไรเสียเรื่องที่อุกอาจมากกว่านี้พวกเขาต่างก็เคยทำมาแล้ว ยังจะต้องกลัวท่านหญิงของจวนยงอ๋องที่ตกต่ำผู้หนึ่งอีกอย่างนั้นหรือ?
องค์หญิงใหญ่รีบดึงผ้าเช็ดหน้าออกมา ปัดตามร่างกายของจี้จือฮวน “เหตุใดถึงลงมือเองเล่า เปื้อนมือตัวเองหมด นี่ใครอีกล่ะเนี่ย?”
จี้จือฮวนถูจมูกไปมา ก่อนจะเอ่ยอย่างนอบน้อม “แม่ใจดำของเผยยวนเจ้าค่ะ”
“หา ท่านหญิงซ่างหยางนั่นน่ะหรือ?” องค์หญิงใหญ่กำลังนึกโมโหนางอยู่พอดี คิดไม่ถึงว่าจะมาหาเองถึงที่!
เซี่ยฉงฟางได้ยินคำพูดของจี้จือฮวน ก็เดือดเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นทันที “บังอาจ! เจ้ามีฐานะอะไรถึงกล้าดูถูกเหยียดหยามข้าเช่นนี้”
องค์หญิงใหญ่ถลึงตาใส่ “แค่ท่านหญิงคนหนึ่ง คิดว่ากำลังตะคอกใส่ใครอยู่ฮะ?”
บรรดาสตรีในหมู่บ้านตระกูลเฉินได้ยินเสียงต่างก็ออกมาดู สองวันมานี้พวกนางล้วนช่วยกันทำเสื้อผ้าให้เหล่าทหาร และยังได้รับค่าจ้างอีกด้วย ได้เงินมากกว่าทำไร่ทำนาเมื่อก่อนเสียอีก
“องค์หญิงใหญ่ มีอะไรกันหรือ?”
“ฮวนฮวนไปรื้อบ้านใครมาอีกล่ะ? ครั้งนี้ตำแหน่งใหญ่โตหรือไม่?”
ตอนนี้คนในหมู่บ้านตระกูลเฉินต่างก็เคยเห็นโลกมาแล้ว หากว่ามีฐานะต่ำกว่ากั๋วกง ย่อมไม่อยู่ในสายตาของพวกเขาอีกแล้ว!
องค์หญิงใหญ่สะบัดผ้าเช็ดหน้าไปมา ก่อนจะเอ่ยด้วยความรังเกียจ “แม่ของเผยจื่อ ท่านหญิงที่ไร้คุณธรรม ฆ่าลูกชายแท้ ๆ ของตัวเอง”
บรรดาท่านป้าในหมู่บ้านต่างก็โมโหขึ้นมาทันที หลังจากที่พวกเขารู้ต้นสายปลายเหตุแล้ว คนที่ถูกพวกเขาด่ามากที่สุดก็คือเซี่ยฉงฟาง!
สุดท้ายยังมาให้ด่าด้วยตัวเองอีกด้วย!
“ช้าก่อน ก่อนจะเริ่มด่าข้าต้องถามก่อน ท่านหญิงใหญ่กว่าหรือว่าองค์หญิงใหญ่กว่าเจ้าคะ?”
ท่านป้าถลึงตาใส่ ยังไม่ทันจะได้โมโห อีและเอ้อร์ก็เดินผ่านมาพอดี ไม่มีใครเข้าใจองค์หญิงใหญ่ไปมากกว่าพวกเขาอีกแล้ว! เพราะชีวิตของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่ได้รับงานให้มาลอบสังหารองค์หญิงใหญ่!
“ต้องเป็นองค์หญิงใหญ่ของเราอยู่แล้ว องค์หญิงใหญ่อู๋ซวงได้รับการแต่งตั้งจากไท่ซ่างหวงของพวกเราในตอนนั้น ซึ่งหมายความว่านางเป็นองค์หญิงที่มีเกียรติที่สุดของราชวงศ์ต้าจิ้น บรรดาองค์หญิงและองค์ชายของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันก็ไม่ได้มีตำแหน่งที่สูงส่งเช่นนี้ ท่านหญิงอย่างนั้นหรือ จะเปรียบเทียบกันได้อย่างไร” อีและเอ้อร์เอ่ยจบก็รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก!
พวกเขาเป็นมือสังหารที่เคยลอบสังหารองค์หญิงใหญ่มาก่อน ดังนั้นจึงไม่เหมือนกับคนทั่วไป
หากรู้เช่นนี้ติดตามพวกอัครมหาเสนาบดีหานจะมีอนาคตอะไรกัน ติดตามองค์หญิงใหญ่ต่างหากถึงจะเรียกว่าดีจริง
ท่านป้าได้ยินเช่นนี้ก็คลายความโมโหลง ก็ใช่น่ะสิ เอานางไปเปรียบเทียบกับเซี่ยฉงฟางเนี่ยนะ!?
บรรดาท่านป้าหลังจากทำการบ้านเสร็จก็รู้ว่าควรวางตัวเช่นไร ท่านหญิงนับเป็นตัวอะไรกัน พวกนางเป็นขาไพ่ขององค์หญิงใหญ่เชียวนะ!
“ฮวนฮวน เรื่องนี้เจ้าไม่เหมาะจะลงมือเอง ให้พวกเราจัดการเถอะ ข้าจะถามสตรีต่ำช้าผู้นี้ว่าเหตุใดถึงได้โหดร้ายเพียงนี้”
“ไม่แน่นางอาจจะไปแย่งเผยจื่อมาจากคนอื่นก็ได้ คนใจดำแบบนี้หาได้ที่ไหนกัน”
“พาตัวไปจัดการที่ศาลบรรพชน! เรียกเสี่ยวไป๋มาด้วย ข้าเห็นในบ้านเขามีแมลงมากมาย และบอกให้เขาเลิกแอบกินมันอบแห้งได้แล้ว!”
ไม่ต้องรอให้จี้จือฮวนพูดอะไร ท่านป้าองค์หญิงใหญ่ก็นำพวกท่านป้าในหมู่บ้านจากไปด้วยความภาคภูมิใจ ก่อนจะลากเซี่ยฉงฟางเข้าไปในห้องเล็กของศาลบรรพชน
ส่วนเซี่ยฉงฟางตื่นตระหนกเพียงใดที่เห็นองค์หญิงใหญ่มาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ นั่นก็เป็นเรื่องของตอนต่อไปแล้ว