เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 212 มีคนห่วงใยเจ้า
บทที่ 212 มีคนห่วงใยเจ้า
“เขาตายแล้ว เขาตายแล้วก็ดี! คนอื่น ๆ ในตระกูลเผยก็ตายหมดแล้ว ล้วนถูกข้าส่งไปพบเขาหมดแล้ว เหลือเพียงแค่เผยยวนคนเดียว
เจ้าดูสิ สุดท้ายแล้วก็เหลือข้าเพียงคนเดียวที่คอยอยู่เฝ้าเผยเกอไม่ใช่หรืออย่างไร?”
จี้จือฮวนเข้าใจต้นสายปลายเหตุเกือบทั้งหมดแล้ว พ่อของเจ้าของร่างเดิมคือเผยเกอจริง ๆ เช่นนั้นต่อไปก็เรียกนางว่าเผยจือฮวนได้แล้ว แต่เดิมทีก่อนที่นางจะทะลุมิติมาที่นี่นางก็แซ่จี้อยู่แล้ว
แต่ว่าชาติกำเนิดของเผยจื่อ ก็ยังไม่รู้อีกอยู่ดีน่ะสิ
“เช่นนั้นเหตุใดเจ้าต้องฆ่าเผยยวนด้วย? เจ้าไม่พูด คนนอกก็รู้แค่ว่าเขาเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเจ้ากับเผยเกอ ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าไม่ใช่แม่ผู้ให้กำเนิดของเขา”
“เผยเกอรักเขา แต่เขาก็ก่อปัญหาให้กับตระกูลเผย สร้างผลงานมากจนคุกคามอำนาจของฮ่องเต้ ทำให้ฮ่องเต้หวาดกลัว เรื่องอะไรข้าต้องเป็นศัตรูกับราชวงศ์เพื่อเขาด้วย ในเมื่ออยากทำร้ายเขาเช่นนั้นข้าก็จะช่วยเอง”
เป็นความมั่นใจที่ทำให้คนถึงกับพูดไม่ออกจริง ๆ
“อยู่ดี ๆ เผยเกอก็นำเด็กคนหนึ่งกลับมา เจ้าไม่สงสัยหรือว่าเป็นลูกของเผยเกอกับสตรีคนอื่น?”
เซี่ยฉงฟางมองหน้านางราวกับจะยิ้มเยาะ “ต้องสงสัยอยู่แล้ว ช่วงเวลานั้นข้ามีความสุขอย่างมาก คิดว่าในที่สุดเขาก็ลืมเจ้าได้ ถึงยอมแตะต้องสตรีคนอื่น แต่ข้าตรวจสอบจากคนข้างกายของเขาทั้งหมดแล้ว เฮอะ เด็กคนนี้กลับเป็นเด็กที่เขาเก็บมาเลี้ยงจริง ๆ”
จี้จือฮวนรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา “เก็บมาจากที่ใด?”
เซี่ยฉงฟางล้มตัวนอนบนกองฟาง เนื่องจากพิษโลหิตที่กินลงไปเมื่อครู่เริ่มกำเริบขึ้นมาแล้ว “ไม่รู้ ข้าลืมไปแล้ว”
จี้จือฮวนจิกผมของนางขึ้นมา “เจ้าลองคิดให้ดี ๆ? เจ้าอยากให้เขาอยู่ไม่สู้ตายไม่ใช่หรือ เจ้าลืมเช่นนี้จะทรมานเขาได้อย่างไร?”
เซี่ยฉงฟางมึนงงเล็กน้อย ดวงตาทั้งสองข้างเริ่มพร่ามัว จี้จือฮวนหยิบเข็มฉีดยาออกมาอีกครั้งแล้วแทงลงไป หลังจากได้รับความเจ็บปวดในที่สุดดวงตาของนางก็กลับมามองเห็นได้ชัดเจนอีกครั้ง “ข้าลืมไปแล้วจริง ๆ ข้ารู้แค่ว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกของเผยเกอ คงไม่สามารถทำให้เจ้าเสียใจได้ และข้าก็ไม่อยากรู้เรื่องของเขาอีกด้วย”
จี้จือฮวนเหวี่ยงนางลงไปด้วยความรู้สึกโมโหไม่น้อย เรื่องที่เป็นรายละเอียดปลีกย่อยกลับจำได้อย่างชัดเจน ทว่าเรื่องของเผยยวนกลับไม่สนใจที่จะจดจำเลยสักนิด
พิษโลหิตที่เซี่ยฉงฟางได้รับเริ่มออกฤทธิ์แล้ว นี่คือยาพิษที่ไป๋จิ่นปรับปรุงมาจากพิษโลหิตของเดิม มันจะทรมานเซี่ยฉงฟางซ้ำ ๆ ทำให้นางกลายเป็นผักภายในระยะเวลาที่กำหนด ทำให้อวัยวะภายในของนางล้มเหลว กลายเป็นศพที่แห้งเหี่ยวและตายไป
มือของนางขยุ้มฟางแห้งเอาไว้แน่น ร่างกายที่เจ็บปวดเริ่มกระตุก ทนไม่ไหวจนใบหน้าบิดเบี้ยว
จี้จือฮวนไม่สนใจที่จะถามต่ออีก ดูเหมือนว่าเบาะแสของเผยยวนจะหายไปแล้ว ต้องเริ่มตรวจสอบใหม่อีกครั้ง
ตอนที่นางลุกขึ้นยืนและเปิดประตูออกไป คิดไม่ถึงว่าเผยยวนจะยืนอยู่ที่หน้าประตูมาโดยตลอด
“เจ้า”
เผยยวนเงยหน้าขึ้น ภายในดวงตาที่กระจ่างใสมีความเศร้าหมองจาง ๆ แฝงอยู่ จี้จือฮวนเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้งออกมา “เจ้าอยากจะเข้าไปคุยกับนางหรือไม่? คาดว่าอีกเดี๋ยวพิษคงออกฤทธิ์เต็มที่แล้ว”
“อืม เจ้ารอข้าอยู่ตรงนี้ก่อน แล้วค่อยกลับบ้านไปกินข้าวด้วยกัน” เผยยวนยกยิ้มให้นาง
จี้จือฮวนได้ยินน้ำเสียงของเขายังเป็นปกติ ก็รู้สึกโล่งใจ “ได้”
นางเดินผ่านข้างกายเขาไป มองดูเขาเข้าไปในห้องเล็ก ก่อนจะปิดประตูห้องลงและยืนรออยู่ที่หน้าประตูเงียบ ๆ
ไม่รู้ว่าเมื่อครู่เขาได้ยินไปมากน้อยเพียงใด จะเสียใจหรือไม่?
ภายในห้อง ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาพร้อมแสงสว่าง เซี่ยฉงฟางเคลิบเคลิ้มราวกับเห็นเผยเกอ นางยื่นมือออกไปพร้อมรอยยิ้ม “ท่านโหว…”
เผยยวนเอ่ยเสียงเรียบ “เขาไม่อยู่แล้ว”
เซี่ยฉงฟางมองเผยยวนด้วยสีหน้าประหลาดใจ “เป็นเจ้า เฮอะ เป็นเจ้านี่เอง”
เซี่ยฉงฟางต้องการที่จะลุกขึ้นจัดผมตัวเองเล็กน้อย เพราะไม่อยากให้เผยยวนเห็นสภาพน่าอนาถของตัวเอง แต่น่าเสียดายที่เผยยวนกลับเอ่ยขึ้นมาว่า “ข้าวของของท่านพ่อส่วนใหญ่ถูกเจ้านำกลับไปที่ห้อง
แต่ส่วนที่ข้าซ่อนเอาไว้ไม่ใช่ของเจ้า ข้าจะมอบให้กับเซี่ยชิงหรู”
ใช่แล้ว เมื่อครู่ตอนที่เผยยวนอยู่ด้านนอก เขาได้ยินบทสนทนาภายในห้องอย่างชัดเจน เซี่ยฉงฟางเป็นคนทำให้เกิดโศกนาฏกรรมทั้งหมดนี้ และทำให้เผยเกอต้องตาย ทว่าหลังจากตายแล้วเขาต้องการให้เผยเกอและสตรีที่เขารักได้ฝังอยู่ร่วมกัน
เซี่ยฉงฟางเข้าใจสิ่งที่เขาพูดแล้ว ดวงตาของนางเบิกกว้าง พุ่งเข้ามาหมายจะกัดเผยยวนให้ตาย “ข้าเป็นแม่ของเจ้า เป็นภรรยาของเผยเกอ แต่เจ้าจะเอานางแพศยาเซี่ยชิงหรูมาฝังกับเผยเกออย่างนั้นหรือ เจ้ามันลูกอกตัญญู! เหตุใดเจ้าไม่ตายไปซะ”
เผยยวนไม่แม้แต่จะมองหน้านาง เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่รังเกียจ “ตอนที่ท่านพ่อตายจะโล่งอกเพียงใด! ขอเพียงเป็นที่ที่ไม่มีคนอย่างเจ้าอยู่ ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟเผยเกอก็ยอมไป เจ้าบีบบังคับให้เขาอยู่ในสภาพเช่นนี้ ยังคิดจะยึดเอาตำแหน่งภรรยาของเขาอีกอย่างนั้นหรือ เจ้ามันไม่คู่ควร!”
“เช่นนั้นเจ้ายอมละทิ้งกองทัพทหารเกราะเหล็กหรือไม่! จี้จือฮวนต่างหากที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเผยเกอ เจ้าก็แค่เด็กที่เขาเก็บมาเลี้ยงก็เท่านั้น เจ้าสามารถยกกองทัพทหารเกราะเหล็กให้สตรีผู้หนึ่งได้หรือไม่?!”
“เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องมาเป็นกังวล อย่างไรซะกองทัพทหารเกราะเหล็กก็ไม่ใช่ของเจ้า ข้าดีใจแทนท่านพ่อจริง ๆ ในที่สุดเขาก็สลัดเจ้าพ้นแล้ว”
“เจ้า! เจ้า! ลูกทรพี! เจ้ากลับมานะ กลับมา…” เสียงร้องของเซี่ยฉงฟางอ่อนลงเรื่อย ๆ สีหน้าก็แดงก่ำขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายความโมโหก็ทำให้นางถึงกับกระอักเลือดออกมาและหมดสติไป
เผยยวนออกมาจากห้องเล็ก จี้จือฮวนแอบถูมือและยื่นออกไป “จะจับมือหรือไม่?”
บางทีมันอาจจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย
เผยยวนหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะโน้มตัวมาหานางเล็กน้อย พลางเอ่ยขึ้น “เช่นนั้นเปลี่ยนเป็นประทับตราแทนจะได้หรือไม่?”
ตอนแรกจี้จือฮวนคิดจะบอกเขาว่า อย่าได้คืบแล้วจะเอาศอก แต่นางรู้สึกว่าวันนี้เขาคงต้องการการปลอบโยน จึงหันหน้ามาและเขย่งปลายเท้าจูบไปที่แก้มของเขา แต่ใครจะไปคิดว่าเจ้าเด็กนี่จะหันหน้ามา และจูบลงบนริมฝีปากของนาง จากนั้นก็ถอยหลังกลับไป
“จูงมือ” เผยยวนไม่รอให้นางได้สติ ก็จูงมือของนางสาวเท้าเดินออกไปทันที
พวกซูอิ่งยืนรออยู่ที่ลานด้านนอก ไม่รู้ว่าจะเอาสายตาไปมองที่ใดแล้ว
ที่แท้ลับหลัง นายท่าน…น่าคลื่นไส้เพียงนี้เชียว! ไหนจะจูงมือ ประทับตรา ครั้งหน้าจะไม่ดื่มน้ำ ป้อนข้าวเลยหรือนี่!
แค่คิดก็! ฮ้าาา! ~~~
ตอนเย็นเมื่อคนในหมู่บ้านกำลังกินข้าวกัน ทุกคนล้วนคีบน่องไก่ชิ้นโตให้เผยยวน คำพูดคำจาก็เต็มไปด้วยความเป็นห่วง กลัวว่าเผยยวนจะถูกผู้หญิงใจดำนั่นทำให้เศร้าซึม
คนบ้านนอกพูดคำพูดที่สวยหรูไม่เป็น พวกเขาเพียงบอกให้เผยยวนรู้ว่าต่อไปคนหมู่บ้านตระกูลเฉินล้วนเป็นญาติของเขา ดังนั้นอย่าไปเสียใจให้กับคนที่ไม่คู่ควร
กลับเป็นจี้จือฮวนที่สังเกตเห็นว่าเผยจี้ฉือที่กลับมาจากสำนักศึกษา และไท่ซ่างหวงต่างก็เอาแต่เงียบ
จนกระทั่งกินข้าวเสร็จแล้ว อาอินก็มาช่วยเก็บจานชาม จี้จือฮวนจึงได้รู้ว่าวันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของอดีตองค์รัชทายาท
เวลานี้ของทุกปี เผยยวนจะพาเผยจี้ฉือไปเคารพพระศพ
“ท่านแม่ไม่ต้องกังวลหรอกเจ้าค่ะ พี่ใหญ่เขารู้ความอย่างมาก เขาแค่ต้องการอยู่คนเดียวเงียบ ๆ เท่านั้นเจ้าค่ะ”
จี้จือฮวนลูบผมของอาอิน “พวกเจ้าต่างก็รู้ความและฉลาดยิ่งนัก”
ถ้าไม่ใช่เพราะต้องประสบกับอะไรมากมายเช่นนี้ ใครจะไม่อยากให้ลูก ๆ ไร้เดียงสาและไร้กังวลกัน
อาอินจับมือของจี้จือฮวนเอาไว้แน่น “ไม่เหมือนเดิมแล้วเจ้าค่ะ เมื่อก่อนพี่ใหญ่ไม่มีท่านแม่ ท่านพ่อก็ด้วย แต่ตอนนี้เขามีท่านแม่แล้ว พ่อแม่แท้ ๆ ของพี่ใหญ่ต้องคอยมองพวกเราจากบนฟ้า และปกป้องพวกเราอยู่อย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”
ภายในห้องของเผยยวน เผยจี้ฉือนำป้ายวิญญาณของเซี่ยอวี้และเสิ่นหรงวางเคียงข้างกัน ก่อนจะก้มกราบพร้อมกับเผยยวนด้วยท่าทางจริงจัง นอกห้อง ไท่ซ่างหวงถอนหายใจออกมา พลางหันหลังเช็ดน้ำตาอย่างเงียบ ๆ
.
.
.