เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 214 ผู้ช่วยมาอย่างรวดเร็ว
- Home
- เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย
- บทที่ 214 ผู้ช่วยมาอย่างรวดเร็ว
บทที่ 214 ผู้ช่วยมาอย่างรวดเร็ว
เสียงของซุ่นไฉดังมาก ตะโกนจนทุกคนในค่ายที่เงียบสงบต่างก็ได้ยินกันถ้วนหน้า หลายคนที่ยังไม่ได้พักผ่อนต่างก็เดินออกมาจากกระโจม
ส่วนหมูเหยี่ยวล่าเหยื่อที่เดิมนั่งยอง ๆ อยู่บนพระคัมภีร์ก็กลอกตาไปมา ก่อนจะส่งเสียงลากยาว และบินออกไปพร้อมกับจดหมายในปาก กรงเล็บที่แหลมคมทั้งสองของมันจิกลงไปที่หัวของซุ่นไฉ ทำให้เสียงร้องของซุ่นไฉโหยหวนอย่างยิ่ง
“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย ฮองเฮารู้วิชาปีศาจ ปีศาจนกที่เรียกมาจะฆ่าคนแล้ว!”
ทุกประโยคทิ่มแทงหัวใจ และต้องการจะใส่ร้ายฮองเฮา
หลายคนเห็นแล้วก็ได้แต่มองหน้ากัน ไม่กล้าพูดอะไรได้แต่ยืนอยู่ข้าง ๆ เงียบ ๆ แต่ทุกคนต่างก็รู้สึกได้ว่าเรื่องของฮองเฮาในวันนี้ เกรงว่าคงยากจะยุติได้แล้ว
เพราะนับตั้งแต่อดีตองค์รัชทายาทตายไป ตำแหน่งฮองเฮาก็เป็นเพียงในนามเท่านั้น และพระนางก็นิ่งเงียบมาโดยตลอด หานกุ้ยเฟยไปเบ่งอำนาจแทบจะทุกวันก็ไม่เห็นนางจะมีปฏิกิริยาอะไร แต่วันนี้เกิดอะไรขึ้นกัน?
“วันนี้เป็นวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของอดีตองค์รัชทายาท หานกุ้ยเฟยจะกล้าหาญเกินไปแล้วกระมัง”
“ฮองเฮาเป็นลูกสาวของตระกูลแม่ทัพ อดทนมาตลอดแต่ไม่ได้หมายความว่าไม่โกรธ แต่หากฮ่องเต้ทรงลำเอียงเข้าข้างหานกุ้ยเฟย ฮองเฮาคงต้องลำบากแล้ว”
“ตำหนักบูรพาสูญเสียอำนาจไปแล้ว ฮองเฮาทำเช่นนี้เกรงว่าคงไม่เป็นการดี”
เดิมฮ่องเต้เซี่ยเจินกำลังจะพักผ่อนแล้ว เมื่อได้ยินเสียงคนตะโกนด้านนอก ก็เอ่ยขึ้นมาด้วยความโมโหทันที “ผู้ใดกันบังอาจถึงเพียงนี้!”
เจียงเต๋อเองก็ไม่รู้ว่าใครกินหัวใจหมีดีเสือเข้าไป ถึงได้กล้ามารบกวนการพักผ่อนของฝ่าบาท จึงรีบให้คนไปสอบถามทันที คิดไม่ถึงว่าคำตอบที่ได้จะเป็นเช่นนี้
“ฝ่าบาท คือ…คือฮองเฮาจะลงโทษหานกุ้ยเฟยพ่ะย่ะค่ะ ซุ่นไฉที่รับใช้ข้างกายของหานกุ้ยเฟยเป็นคนตะโกนขึ้นมาพ่ะย่ะค่ะ”
เซี่ยเจินปวดหัวขึ้นมาทันที “ฮองเฮาก็มาด้วยอย่างนั้นหรือ?”
เจียงเต๋อยิ้มแห้ง ๆ ออกมา “ฝ่าบาท พระองค์รับสั่งว่าสตรีในวังหลังต้องตามมาทั้งหมด ฮองเฮาจะไม่มาได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”
คิดถึงตอนนั้นก็นับว่าเป็นคู่สามีภรรยาหนุ่มสาวคู่หนึ่ง แต่หลายปีผ่านไป ทั้งสองคนกลับเหลือเพียงความเกลียดชังเท่านั้น
ฮ่องเต้เซี่ยเจินเอ่ยด้วยความโมโห “นางเกิดบ้าอะไรขึ้น? หานกุ้ยเฟยไปทำอะไรให้นาง?”
เจียงเต๋อเอ่ยตอบ “เรื่องนี้คนด้านนอกก็ไม่ทราบเหมือนกันพ่ะย่ะค่ะ ได้ยินแค่ว่าฮองเฮาจะตบปากหานกุ้ยเฟย ตอนนี้เกรงว่าคนด้านนอกคงได้ยินกันหมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“อะไรนะ? คิดว่าตอนนี้ชื่อเสียงของราชวงศ์ดีเกินไปใช่หรือไม่?” เซี่ยเจินมีสีหน้าไม่พอใจ จึงสั่งให้เจียงเต๋อนำรองเท้ามังกรมาสวมให้ ก่อนจะสาวเท้าไปยังที่ที่มีคนรวมตัวกันอยู่
และใกล้ ๆ กับกระโจมนี้ นอกจากสตรีในวังหลังที่ได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนาแล้ว รอบนอกย่อมเป็นเชื้อพระวงศ์และพระญาติ จากนั้นจึงเป็นขุนนาง ตอนนี้แต่ละคนต่างก็ชูคออยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันเป็นแถว
กลับเป็นถังกั๋วกงที่มีป้ายคำสั่ง ไม่ว่าเวลาใดก็สามารถเข้าเฝ้าฮ่องเต้เซี่ยเจินได้ จึงไม่มีใครกล้าขัดขวาง เมื่อเห็นฮ่องเต้เซี่ยเจินเดินมาแต่ไกล จึงได้เข้ามาคารวะทันที
แต่องค์ฮ่องเต้ไหนเลยจะมีเวลามาสนใจเขา พระองค์ต้องการจะไปดูที่นั่นโดยเร็ว
จากระยะไกลก็สามารถได้ยินเสียงร้องและเสียงตะโกนของคนจากตำหนักหานกุ้ยเฟยที่ถูกทหารองครักษ์ลากออกไปได้ หานกุ้ยเฟยเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน นางถูกตบไปหลายสิบครั้งจนตอนนี้ใบหน้าของนางบวมแดงเป็นอย่างมาก และนอนหมอบอยู่บนพื้น พลางชี้ไปที่ฮองเฮาด้วยมือที่สั่นเทา
“ฝ่าบาท ฝ่าบาทช่วยด้วยเพคะ!” ซุ่นไฉยังคงกรีดร้อง หมูเหยี่ยวล่าเหยื่อกระพือปีกและเอากรงเล็บของมันควักดวงตาข้างหนึ่งของซุ่นไฉออกมา จากนั้นจึงบินขึ้นสูงไปเกาะอยู่บนกระโจมของฮองเฮา ก่อนจะใช้กรงเล็บของมันเล่นลูกตาที่เพิ่งควักออกมา เมื่อหนำใจแล้วก็ยื่นกรงเล็บข้างหนึ่งออกไปทำให้ลูกตากระเด้งตกลงไป
โยนทิ้งเสียยังดีกว่าคืนให้เจ้า!
“อ๊าก ตาของข้า ตาของข้า!” ซุ่นไฉนอนกลิ้งอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะถูกเจียงเต๋อเตะไปข้าง ๆ “ขวางทางฝ่าบาท สมควรตายเป็นหมื่นครั้ง!”
ซุ่นไฉได้สติขึ้นมารีบคุกเข่าลงกับพื้น ใช้มือปิดตาข้างที่มีเลือดไหลและคลานไปโขกศีรษะตรงหน้าของฮ่องเต้เซี่ยเจิน “ฝ่าบาท ฝ่าบาททรงรีบไปช่วยพระนางกุ้ยเฟยเถอะเพคะ ฮองเฮาเป็นปีศาจ นางสั่งให้คนตบกุ้ยเฟย ทั้งยังให้นกปีศาจที่เลี้ยงมาเล่นงานคนด้วยเพคะ”
ฮ่องเต้เซี่ยเจินขมวดคิ้ว ข้อห้ามที่สำคัญที่สุดในวังหลังก็คือเรื่องภูตผีปีศาจ ปีศาจอะไรกัน นกปีศาจอะไรกัน?
พ่อบ้านจูประคองถังกั๋วกงขึ้นมา “นั่นมันนกเหยี่ยวล่าเหยื่อตัวอ้วนที่แม่นางจี้เลี้ยงเอาไว้ไม่ใช่หรือขอรับ ข้าไม่เคยเห็นนกที่อ้วนท้วนและบึกบึนเช่นนี้มาก่อน ไม่ผิดอย่างแน่นอน”
ถังกั๋วกงส่งสัญญาณให้เขาใจเย็น ๆ นกตัวนี้เมื่อครู่ก็เพิ่งมาส่งจดหมายถึงเขา ที่เขาตามมาไม่เพียงกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฮองเฮาเท่านั้น
แต่ไท่ซ่างหวงยังมีเรื่องที่กำชับเขาอีก เป็นเรื่องที่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำให้สำเร็จ
“หยุดเดี๋ยวนี้!” ฮ่องเต้เซี่ยเจินตะคอกออกมา ทั้งหมดจึงหยุดมือลง มีเพียงซู่ซินที่ยังคงตบหานกุ้ยเฟยอยู่ในกระโจม ไม่ได้สนใจคำสั่งขององค์ฮ่องเต้แต่อย่างใด
ฮ่องเต้เซี่ยเจินเองก็ไม่คิดจะเข้าไป เขาเกลียดฮองเฮามานานแล้ว เวลานี้จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจอย่างมากออกมา “ฮองเฮา ไม่ได้ยินที่ข้าสั่งอย่างนั้นหรือ?”
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง จึงมีคนเปิดกระโจมและเดินออกมา คนผู้นั้นคือฮองเฮาที่สวมชุดผ้าป่านและไม่ได้แต่งหน้า ที่ไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนมานานแล้ว
ถังกั๋วกงคุกเข่าลงเป็นคนแรก “ถวายบังคมฮองเฮา ขอทรงมีพระพลานามัยที่แข็งแรงพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อเห็นถังกั๋วกงทำเช่นนี้ คนที่เหลือย่อมต้องทำตาม คิดว่านี่เป็นความตั้งใจของฮ่องเต้ เพราะถังกั๋วกงเป็นคนใกล้ชิดของราชวงศ์
แต่เมื่อคนเหล่านี้คารวะฮองเฮา สีหน้าของฮ่องเต้เซี่ยเจินกลับยิ่งเคร่งขรึมลง
ฮองเฮามองหน้าฮ่องเต้เซี่ยเจินด้วยท่าทางไม่หวั่นเกรง สุดท้ายก็เอ่ยเสียงดังขึ้นมา “หม่อมฉันถือป้ายเก้ามังกรที่ไท่ซ่างหวงพระราชทานให้ จึงไม่สามารถคารวะได้ ขอฝ่าบาททรงประทานอภัยด้วยเพคะ”
แม้จะบอกว่าทรงประทานอภัยด้วย ทว่าใบหน้านั้นราวกับท่อนไม้ก็มิปาน ไม่ได้เห็นคนอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย
ฮ่องเต้เซี่ยเจินเบิกตากว้าง “เจ้าไปเอามาจากที่ใด…”
ฮองเฮาไม่รอให้เขาถามก็นำป้ายหยกออกมาแสดงทันที ก่อนหน้านี้บนจดหมายนั้นยังมีตัวหนังสือเล็ก ๆ อีกหนึ่งบรรทัด ไท่ซ่างหวงเป็นคนเขียนด้วยพระองค์เอง ฮองเฮาไม่ต้องกลัว ควรใช้เช่นไรก็ใช้เช่นนั้น
ในเมื่อไท่ซ่างหวงพูดเช่นนี้ เพื่ออาฉือ เพื่ออวี้เอ๋อร์ที่ตายไป ฮองเฮาก็จะไม่ถอยหลังอีกแม้เพียงครึ่งก้าว
ฮ่องเต้เซี่ยเจินผงะไปเล็กน้อยพร้อมกับมองไปยังป้ายเก้ามังกร ป้ายหยกนั่น เสด็จพ่อไม่เคยคิดจะพระราชทานให้ผู้ใด บอกว่าต่อไปจะเก็บไว้ให้…ไว้ให้เซี่ยฉือ เหตุใดตอนนี้ถึงมอบให้ฮองเฮาได้?
ฮองเฮาติดต่อกับไท่ซ่างหวงตั้งแต่เมื่อใด
ตอนนี้นอกจากฮ่องเต้กับฮองเฮาแล้ว คนที่เหลือต่างคุกเข่าลงกับพื้นไม่กล้าส่งเสียงใด ๆ มีเพียงเสียงซู่ซินตบหานกุ้ยเฟยดังมาจากในกระโจมเป็นระยะ ๆ
“หม่อมฉันเป็นผู้ปกครองของวังหลัง เป็นมารดาของแคว้นต้าจิ้น สนมทำผิดหม่อมฉันย่อมมีหน้าที่สั่งสอนและตักเตือน ฝ่าบาทจะเข้ามาแทรกแซงอย่างนั้นหรือเพคะ?”
ฮ่องเต้เซี่ยเจินยังไม่ทันเอ่ยปาก ถังกั๋วกงก็เอ่ยขึ้นทันที “วังหลังห้ามแทรกแซงเรื่องในราชสำนัก ฝ่าบาทเองก็ไม่ควรแทรกแซงการที่ฮองเฮาดูแลวังหลังเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อครู่คนรับใช้ข้างกายของหานกุ้ยเฟยยังตะโกนใส่ฮองเฮาเรียกพระนางว่าปีศาจ ต่อให้ประหารเก้าชั่วโคตรก็ไม่เกินไปสักนิด ฮองเฮาเพียงแค่ลงโทษหานกุ้ยเฟย ถือเป็นแบบอย่างคุณธรรมอันดีของสตรีทั้งใต้หล้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้เซี่ยเจินฟังแล้วก็แทบจะกระอักเลือดออกมา หากเป็นเมื่อก่อนเขาย่อมตำหนิฮองเฮาโดยไม่ถามผิดถูก ทว่าท่าทางของนางเมื่อครู่นั่นมันอะไรกัน คิดจะเอาไท่ซ่างหวงมาขู่เขา แล้วเขาจะไม่กล้าทำอะไรนางอย่างนั้นหรือ?
แต่ตอนนี้มีถังกั๋วกงอยู่ด้วย หากว่าเขาเป็นฝ่ายมีเหตุผลก็สามารถทำให้คนเถียงไม่ออกได้ เขาใช่คนที่คุยด้วยง่าย ๆ ที่ใดกัน?
“ถังกั๋วกง นี่ไม่ใช่…”
ถังกั๋วกงเงยหน้าขึ้นและเอ่ยออกมา “ชื่อเสียงของฝ่าบาทยังเสื่อมเสียไม่พออีกหรือพ่ะย่ะค่ะ? อยากให้พวกเสิ่นฉางซานมาร้องว่าฝ่าบาทหลงใหลอนุจนละเลยภรรยาอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?” เช่นนั้นราชโองการยอมรับผิด เกรงว่าคงจะไม่พอให้เขียนแล้ว
ฮ่องเต้เซี่ยเจินถึงกับพูดไม่ออก แต่ละคนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย
.
.
.