เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 250 พวกเขาต่างก็ร้อนตัว
บทที่ 250 พวกเขาต่างก็ร้อนตัว
เมื่อเจียงเต๋อเห็นว่ามีองค์ชายรองสองคนก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน “เหตุใดถึงมีองค์ชายรองสองคนได้?”
พิษในร่างของตัวปลอมยังไม่หายไป ร่างกายจึงยังร้อนรุ่ม ใบหน้าและใบหูแดงก่ำ เหงื่อบนหน้าผากหยดลงมา ไม่ได้ยินคำพูดของผู้ใดทั้งสิ้น
ตรงกันข้ามกับเซี่ยหยางซึ่งอยู่บนเปลหาม แม้ว่าเขาจะร้อนใจแต่กลับพูดจาฉะฉานเป็นอย่างมาก
“เสด็จพ่อ ตอนที่ลูกกลับเมืองหลวงถูกมือสังหารทำร้าย และกำลังพักฟื้นอยู่ พอดีกับที่พระองค์จะมารับไท่ซ่างหวง ลูกเลอะเลือนไปจริง ๆ จึงได้หาคนมาปลอมตัวเป็นลูกเพื่อรักษาชื่อเสียงเอาไว้ แต่ลูกมิได้เห็นแก่ตัวเลยนะพ่ะย่ะค่ะ ลูกเพียงแค่กลัวว่าคนที่ตำหนิเสด็จพ่ออย่างไม่สมเหตุสมผลเหล่านั้น จะใช้เรื่องของลูกมาทำให้คนทั้งใต้หล้าวิพากษ์วิจารณ์เสด็จพ่อเท่านั้นเองพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้เซี่ยเจินไม่ได้พูดอะไร
เซี่ยหยางจึงเอ่ยต่อ “เสด็จพ่อคงจะทรงทราบดีว่าในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ เสด็จแม่จะทำเรื่องที่เหลวไหลเช่นนี้ได้อย่างไร ต้องมีคนอาศัยโอกาสนี้คิดจะสังหารพวกเราแม่ลูกเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ”
แล้วอย่างไรเล่า เพราะกลอุบายนี้ได้ผลจริง ๆ สตรีของฮ่องเต้ไม่ว่าจะขึ้นเตียงกับลูกบุญธรรม หรือถูกองครักษ์ตัวปลอมทำให้แปดเปื้อน ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่สามารถมีชีวิตต่อไปได้อีกแล้ว
ตอนที่เซี่ยหยางยอมปรากฏตัว เขาก็ได้ตัดหานเหม่ยเหรินทิ้งไปแล้ว
อัครมหาเสนาบดีหานไม่มีทางไปเข้าร่วมกับเซี่ยเซวียนหรือเซี่ยซั่วเพียงเพราะเรื่องนี้อยู่แล้ว พวกเขาร่วมมือกันอย่างราบรื่น และเขาก็เชื่อฟังอัครมหาเสนาบดีหานเสมอมา ลูกสาวตายไปคนหนึ่ง จวนอัครมหาเสนาบดีหานก็ยังมีสตรีอีกมากมาย ขอเพียงส่งเข้าวังและเอาชนะใจฮ่องเต้เซี่ยเจินได้ ทุกอย่างก็ยังมีโอกาสเป็นไปได้ทั้งนั้น
ยิ่งไปกว่านั้นการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเซี่ยฉือในเวลานี้ ยิ่งทำให้ฮ่องเต้เซี่ยเจินต้องระวังเรื่องการแต่งตั้งองค์รัชทายาทมากเป็นพิเศษ ในภาพใหญ่เป็นเพราะการจงใจชี้นำของไท่ซ่างหวง ทำให้ตำแหน่งองค์รัชทายาทแห่งตำหนักบูรพาถูกทิ้งร้างเอาไว้ชั่วคราว
เช่นนั้นเขาก็ยังมีโอกาสอีกมากที่จะฟื้นฟูภาพลักษณ์ ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือการสร้างความประทับใจในฐานะลูกกตัญญู ที่เต็มใจรับผิดเพื่อช่วยชีวิตเสด็จแม่ ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือต้องทำให้ฮ่องเต้เซี่ยเจินเชื่อว่าเขาคือเซี่ยหยางตัวจริง และไม่ได้ทรยศต่อเขา
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความเข้าใจของเซี่ยหยางที่มีต่อฮ่องเต้เซี่ยเจินเพียงพอให้เขาตัดสินสถานการณ์ตรงหน้าได้เป็นอย่างดี
หานเหม่ยเหรินก็ไม่กล้าพูดอะไร เพียงแค่ร้องไห้ออกมาเล็กน้อยในตอนที่เซี่ยหยางบอกว่านางก็ถูกใส่ร้ายเช่นกัน
เกิดความเงียบขึ้นเป็นเวลานาน นานจนข้อมือที่ถือดาบของเซี่ยหยางทนไม่ไหว และร่างกายจะล้มมิล้มแหล่ ฮ่องเต้เซี่ยเจินจึงได้ขยับเล็กน้อย
เจียงเต๋อก้าวไปข้างหน้าและเปิดสาบเสื้อของเซี่ยหยางออก จึงเห็นรอยแผลเป็นของเซี่ยหยางตอนที่เขายังเป็นเด็ก และเปรียบเทียบกับตัวปลอม จากนั้นจึงหันไปพยักหน้าให้ฮ่องเต้เซี่ยเจิน
เซี่ยหยางไม่กล้าเงยหน้าขึ้น จนกระทั่งหานเหม่ยเหรินและตัวปลอมนั่นถูกอุดปากแล้วลากออกไป มือที่เคลือบน้ำมันทาเล็บคู่นั้น ยังคงจับชายเสื้อของเขาเอาไว้ สตรีที่เคยสูงส่งและสง่างาม ตอนนี้เมื่ออยู่ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน เพื่อเอาชีวิตรอดถึงกับยอมขอร้องอ้อนวอนขอความเมตตาจากลูกบุญธรรมอย่างเขา
เซี่ยหยางดึงชายเสื้อของเขากลับมาอย่างช้า ๆ
มองดูมือที่ขาวราวกับหยก และได้รับการดูแลอย่างดีดิ้นรนอยู่บนพื้นพรมก่อนจะถูกลากออกไป และตกลงไปในพื้นโคลนด้านนอก จากนั้นเซี่ยหยางก็เบนสายตากลับมาอย่างเฉยเมย
เป็นเพราะนางไม่รู้จักวิธีปกป้องตัวเองในวังหลัง แล้วจะมาโทษเขาได้อย่างไร
“ตายแล้ว? เช่นนั้นเซี่ยหยางเล่า?”
“อะไรนะ? เซี่ยหยางตัวจริงไม่ใช่คนที่เป็นชู้กับหานเหม่ยเหริน?”
“เหลวไหลสิ้นดี!” เซี่ยเซวียนปาถ้วยชาลงกับพื้น
โอกาสที่สวรรค์ประทานไม่ได้มีมาง่าย ๆ แต่เซี่ยหยางกลับรอดตัวไปได้ ทว่าคนที่ตายกลับกลายเป็นสตรีที่ไม่เป็นที่โปรดปรานอีกผู้นั้น
หากตระกูลหานจะส่งสตรีอีกสองสามคนเข้ามาจะยากตรงไหนกัน?
“เหตุใดเซี่ยหยางต้องหาตัวปลอมมาด้วย? เสด็จพ่อลงโทษเขาสถานหนักหรือไม่?”
“ยังไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ”
…
ไม่ไกลจากกระโจมของฮ่องเต้เซี่ยเจิน หลี่ฮองเฮาพลิกพระคัมภีร์จนถึงหน้าสุดท้ายแล้ว นางลืมตาขึ้นจุดธูปให้กับเซี่ยอวี้
เมื่อก่อนนางไม่กล้าแม้แต่จะสวดมนต์ให้เขาอย่างเปิดเผย ตอนนี้คนชั่วเริ่มได้รับกรรมแล้ว นางย่อมต้องบอกข่าวดีนี้แก่เขา
บนป้ายวิญญาณ ควันธูปลอยฟุ้ง ชื่อเซี่ยอวี้ก็ชัดเจนขึ้น
…
เซี่ยหยางยังอยู่ในกระโจมต่อ ตอนนี้ตัวตนของเขาถูกเปิดเผยแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องแสร้งปลอมตัวเป็นองครักษ์อีกต่อไป และฮ่องเต้เซี่ยเจินก็ได้ทิ้งประโยคสุดท้ายไว้ให้ก่อนจะจากไป นั่นทำให้จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้สติ
“รักษาตัวให้ดี ข้ายังต้องการเจ้า”
เซี่ยหยางครุ่นคิดกับตัวเองว่าเขาโชคดีตั้งแต่เด็กจนโต หลายครั้งล้วนสามารถเปลี่ยนจากร้ายให้กลายเป็นดีได้ ขณะที่อยู่ในช่วงความเป็นความตายก็จะมีคนมาช่วยเขาทุกครั้ง และคิดไม่ถึงว่าครั้งนี้ฮ่องเต้เซี่ยเจินก็จะปล่อยเขาไปง่าย ๆ
เขารู้สึกว่าในความมืดมีมือคู่หนึ่งที่คอยยื่นสิ่งดี ๆ มาตรงหน้าเขา
ไม่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายเพียงใด เขาก็รอดมาได้ทุกครั้งไม่ใช่หรือ?
แต่เขารู้ดีว่ามันไม่ง่ายเช่นนั้น การที่ฮ่องเต้เซี่ยเจินยังเก็บเขาเอาไว้ก็เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องอื้อฉาวของราชวงศ์ การที่เขาและหานเหม่ยเหรินหายตัวไปพร้อมกันจะก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ได้ ดังนั้นการปรากฏตัวของเขาจึงเป็นโอกาสให้ฮ่องเต้เซี่ยเจินได้เก็บองค์ชายรองเอาไว้อย่างชอบธรรมก็เท่านั้น
เป็นไปได้สูงที่ฮ่องเต้เซี่ยเจินกำลังคิดหาวิธีตัดเขาออกจากบัลลังก์ จากนั้นก็จะตัดทางหนีทั้งหมดของเขา
นี่ก็เป็นเรื่องของราชวงศ์ ก่อนคำว่าพ่อลูก พวกเขาก็เป็นแค่ฮ่องเต้กับขุนนางเท่านั้น
เซี่ยหยางจึงไม่ได้แปลกใจอะไร
เซี่ยหยางถูกหานฉีประคองไปนั่งบนเก้าอี้ พลางมองไปที่ผ้าปูที่นอนที่ยุ่งเหยิงบนเตียง แล้วเอ่ยขึ้นมาด้วยความขยะแขยง “ให้คนนำไปเผาทิ้งซะ”
ในใจของเขากำลังใคร่ครวญ ใคร่ครวญว่าตอนนี้ฮ่องเต้เซี่ยเจินกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
ทันใดนั้นเขาก็คิดขึ้นมาได้ รอยยิ้มจึงผุดขึ้นมาบนใบหน้า ฮ่องเต้เซี่ยเจินตอนนี้ต้องจิตใจสับสนวุ่นวายไม่น้อยไปกว่าเขา และเขาต้องนึกถึงคนที่เป็นมือขวาของตัวเองก่อน
ถังกั๋วกงไม่ใช่คนของเขาจึงคอยขัดขวางทุกอย่าง อัครมหาเสนาบดีหานต่างหากที่เป็นมีดที่ดีที่สุดเล่มนั้น
จากบัณฑิตยากจนที่มาจากอำเภอเล็ก ๆ ค่อย ๆ ไต่เต้าขึ้นมาเป็นลูกเขยของขุนนางระดับสูง จากนั้นก็กลายเป็นขุนนางของฮ่องเต้ หานเหล่ยจึงเป็นคนที่เข้าใจฮ่องเต้เซี่ยเจินดีที่สุด เขาสามารถปีนขึ้นไปได้แม้ว่าจะก้มหัวอยู่ก็ตาม
ดูเหมือนว่าพรุ่งนี้ฮ่องเต้เซี่ยเจินคงจะนำตัวหานเหล่ยกลับมาเป็นแน่ เพียงแต่หานเหม่ยเหรินถูกผู้ใดใส่ร้ายกัน?
ทว่าสุดท้ายก็ขาดการสนับสนุนจากวังหลังอยู่ดี ต่อให้ตระกูลหานจะส่งสตรีมาอีก ก็ไม่มีทางที่จะปีนขึ้นไปสู่ตำแหน่งกุ้ยเฟยได้
ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ดี ๆ เซี่ยหยางก็คิดถึงหญิงชาวบ้านที่เจอในป่าผู้นั้น
เหมือนกับว่าตั้งแต่ได้พบนาง เรื่องต่าง ๆ ก็กลับตาลปัตรไม่สามารถควบคุมได้อีก เมี่ยป้า…เจ้าอยู่ที่ใดกันแน่?
ทันทีที่เซี่ยหยางคิดถึงเรื่องนี้ ก็เอ่ยกับหานฉีที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “ก่อนหน้านี้ข้าให้เจ้าไปตามหายอดฝีมือในยุทธภพ เจ้าต้องเร่งมือหน่อยล่ะ”
เขาต้องการสร้างปราการโอบล้อมรอบกายเขาให้แน่นหนา ไม่ให้ใครสามารถแทรกแซงเข้ามาได้ จนกว่าร่างกายของเขาจะฟื้นตัว ดังนั้นจะเกิดข้อผิดพลาดใด ๆ ขึ้นไม่ได้เด็ดขาด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุกคืนเมื่อเขานึกถึงภาพที่เส้นเอ็นข้อมือและข้อเท้าของเขาถูกตัด เขาก็ไม่สามารถนอนหลับอย่างสงบได้
“ไม่ว่าต้องใช้เงินเท่าใด ข้าต้องการคนที่มีฝีมือดีที่สุด”
ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ราชนิกุลและขุนนางเหล่านี้จะเลี้ยงคนในบู๊ลิ้มเอาไว้ โดยเฉพาะคนชั่วที่ถูกราชสำนักตามล่า ล้วนมีความสามารถในการเอาตัวรอดทั้งนั้น
หานฉีพยักหน้ารับคำ “กระหม่อมจะไปจัดการให้พ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากสั่งการเสร็จ เซี่ยหยางก็รู้สึกหมดแรง ความรู้สึกที่ไม่สามารถควบคุมอะไรได้ทำให้เขาไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
เพราะตามวิถีเดิม การที่เขาจะได้เป็นองค์รัชทายาทแห่งตำหนักบูรพาจึงได้รับความไว้วางใจจากทุกคน แต่หลังจากวันนี้ตำแหน่งนั้นกลับห่างไกลจากเขามากขึ้นเรื่อย ๆ
เจ้าสาม เจ้าห้า ก็เก็บเอาไว้ไม่ได้แม้แต่คนเดียว
ช่วงนี้ฮ่องเต้เซี่ยเจินจะต้องไม่ยอมพบหน้าเขาเป็นแน่ เขาต้องหาทางประนีประนอมเพื่อให้ฮ่องเต้เซี่ยเจินเข้าใจว่าเขาเป็นลูกชายที่มีความสามารถและมีประโยชน์มากที่สุด
ค่ายพักแรมในคืนนี้เงียบสงบอย่างมาก ผู้คนที่ไม่รู้เรื่องอะไรต่างก็กลัวว่าจะมีผีมาหลอกอีก จึงได้แต่สวดมนต์พึมพำ ทหารราชองครักษ์ที่ลาดตะเวนอยู่ด้านนอกก็เพิ่มกำลังขึ้นอีกเป็นสองเท่า
ส่วนฮ่องเต้เซี่ยเจินเมื่อหลับตาลงก็เห็นแต่ใบหน้าที่ไหม้เกรียมของเซี่ยอวี้ ตอนนี้ยังมีหานเหม่ยเหรินเพิ่มขึ้นมาอีกคน คนที่เขารักมาเกือบยี่สิบปี ให้นางอยู่เหนือกว่าฮองเฮา วันนี้เกิดเรื่องอัปยศอดสูเช่นนี้ เขาไม่สามารถปล่อยนางเอาไว้ได้จริง ๆ
“เจ้าอย่าโทษข้าเลย ข้าก็ไม่อยากทำเช่นกัน เป็นเจ้าที่ควบคุมตัวเองไม่ได้”
ฮ่องเต้ไม่มีความผิด คนที่สมควรตายเหล่านี้ต่างหากที่ผิด เขาจะมีชีวิตยืนยาว เขาไม่ต้องการองค์รัชทายาท บ้านเมืองนี้ใครก็เอาไปไม่ได้
.
.