เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 255 ทหารเกราะเหล็กตัวน้อย
- Home
- เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย
- บทที่ 255 ทหารเกราะเหล็กตัวน้อย
บทที่ 255 ทหารเกราะเหล็กตัวน้อย
องค์ชายสิบทนมองเสด็จแม่หนีไปเช่นนี้ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นใครจะช่วยเขากัน!
เขาจึงยืนขึ้นและต้องการจะตามออกไป แต่เป็ดที่เดินตรวจตราในห้องเรียนกลับส่งเสียงร้องขึ้นมา องค์ชายสิบจึงเอ่ยขึ้นอย่างน่าสงสาร “ข้าปวดฉี่! เสด็จปู่ ข้าอยากไปฉี่!”
ไท่ซ่างหวงรู้สึกว่าเด็กดี ๆ กลับถูกฮ่องเต้เชี่ยเจินเลี้ยงมาเป็นคนไม่ได้เรื่อง ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป บ้านเมืองต้องพินาศเป็นแน่!
“ไปแล้วก็รีบกลับมา อย่าคิดจะหนีไปเด็ดขาด”
“ทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” ข้าเชื่อฟังท่านก็โง่แล้ว!
องค์ชายสิบใช้กำลังทั้งหมดที่มีไล่ตามซูเฟยไป “เสด็จแม่ เหตุใดท่านถึงไม่สนใจข้าเล่าพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อคืนนี้ซูเฟยกล่อมเจ้าเด็กโง่นี่ทั้งคืน ตอนเช้าตื่นมาก็ได้ยินว่าหานเหม่ยเหรินตายแล้ว จิตใจจึงไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จนกระทั่งเห็นเขานั่งฟังไท่ซ่างหวงสอนหนังสือ ภายในใจจึงได้สงบลง สุดท้ายเจ้าเด็กนี่กลับหนีออกมาจนได้
ซูเฟยโมโหอย่างมาก จึงหยิกเขาไปทันที “เจ้าเป็นคนโง่หรืออย่างไรกัน หากให้พี่ห้าของเจ้ารู้เข้าต้องตีเจ้าจนก้นลายเป็นแน่”
“เขาไม่สนใจข้าหรอก แต่ท่านจะไม่สนใจข้าไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ ท่านทิ้งข้าเอาไว้ที่นั่น พวกเขาเรียกข้าว่าเชลยน้อย อ้อ! ไม่ใช่ เป็นเชลยอ้วน บอกว่าจะให้ข้าอยู่เป็นเด็กรับใช้! ข้าไม่เอา ๆ!” พวกคนหมู่บ้านตระกูลเฉินน่ากลัวเกินไปแล้ว เขาจะไม่เข้ามาอีกแล้ว
เข้ามาแล้วก็เกือบออกไปไม่ได้อีก!
พี่ห้าน่ะหรือ พี่ห้าอายุห่างจากเขาสิบกว่าปี! ปกติแล้วพี่ห้าก็ขี้เกียจจะสนใจเขาอยู่แล้ว ไปหาเขามีประโยชน์อะไรกัน
ซูเฟยขี้เกียจจะฟังเขาพูดไร้สาระ “เจ้าอยู่ที่นี่อย่างสงบ ๆ ไปซะ ทางที่ดีก็สร้างความสนิทสนมกับเด็กพวกนั้นด้วย ไม่อย่างนั้นเจ้าก็ไม่ต้องกลับวังอีก อยู่เป็นเด็กรับใช้ที่นี่ไปก็แล้วกัน”
องค์ชายสิบคิดว่านางพูดจริง ดวงตาของเขาก็พลันเบิกกว้าง และมองดูซูเฟยหันหลังให้และจากไป
เมื่อเขากลับมาอีกครั้งก็มีท่าทางหมดอาลัยตายอยาก เขากำลังกังวลว่าคงไม่ได้อยู่เป็นเด็กรับใช้ที่นี่จริง ๆ หรอกกระมัง!
เขาไม่อยากเป็น!
แต่ไม่นานความคิดของเด็กคนนี้ก็ถูกสิ่งแปลกใหม่มากมายในโรงเรียนแห่งนี้ดึงดูดเอาไว้ การเรียนที่นี่สนุกกว่าการเรียนในวังเยอะเลย!
ยังมีวิชาพลศึกษา วิชาบังคับอย่างงานฝีมือ เหตุใดในวังถึงไม่มีกัน?
และองค์ชายสิบก็อยากเล่นกระดานลื่นด้วย
“เรื่องก่อนหน้านี้เจ้ายังไม่ได้ขอโทษพวกเราเลย เจ้าอย่าคิดนะว่าจะได้เล่น”
องค์ชายสิบจ้องมองหย่งหนิงน้อยที่อยู่ท่ามกลางเด็กคนอื่น ๆ แม้เขาจะไม่รู้ว่าเหตุใดเด็กคนนี้ถึงมาอยู่ที่นี่ด้วย แต่อย่างน้อยพวกเขาก็รู้จักกันมาก่อนไม่ใช่หรือ ตอนปีใหม่ในวังก็เคยเล่นหุ่นกระบอกด้วยกันนี่นา
“เจ้าเองก็ถูกจับมาเป็นเชลยด้วยอย่างนั้นหรือ?”
หย่งหนิงคิดว่าตนเองไม่ใช่เชลยเสียหน่อย แต่นางไม่อยากตอบเขา ใครใช้ให้เขารังแกสหายที่ดีที่สุดของนางกันเล่า
“ช่วยข้าพูดหน่อยสิ” องค์ชายสิบตอนนี้หัวเดียวกระเทียมลีบ ดังนั้นเขาต้องพึ่งหย่งหนิงแล้ว
หย่งหนิงไม่เข้าใจ “แค่เจ้าขอโทษก็จบแล้วไม่ใช่หรือ ขอโทษแล้วยังมีลูกอมให้กินด้วย เหตุใดเจ้าถึงไม่รู้ความเพียงนี้กัน”
องค์ชายสิบเอ่ยเสียงดังขึ้นมา “ข้าเป็นองค์ชาย!”
“ข้าก็เป็นท่านหญิงเหมือนกัน พวกเขาล้วนเป็นสหายที่ดีของข้า เจ้าไม่สามารถอุ้มเสือน้อยของอาชิงไปเพียงเพราะเจ้าชอบมันได้ แถมเจ้ายังขโมยของเล่นพวกเขาอีก” หย่งหนิงไม่ไว้หน้าเขาหรอก
องค์ชายสิบหันหน้าไป “เจ้าช่วยพูดกับพวกเขาให้ข้าที”
“ข้าไม่ทำ”
…
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกันอยู่นั้น ในอีกมุมหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลนัก
“เหตุใดองค์ชายสิบถึงอยู่นั่นกัน?”
“เจ้าจะสนใจอะไรมากมายกัน คนของตระกูลเยี่ยนอยู่ระหว่างทางแล้ว เผยยวนวางยานายน้อยตระกูลเยี่ยนเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ไม่เอาคืนพวกเขา ตระกูลเยี่ยนจะทนได้อย่างไรกัน”
ขุนศึกหลักทั้งสี่ มีตระกูลใดบ้างที่ยอมรับตระกูลเผยด้วยใจจริง? บัดนี้ในเมื่อเผยยวนกล้าตาต่อตาฟันต่อฟัน เช่นนั้นพวกเขาย่อมไม่มีทางนั่งดูอยู่เฉย ๆ เป็นแน่
“เช่นนั้นหากพวกเราใส่สิ่งนี้ลงไป จะทำให้องค์ชายสิบพลอยลำบากไปด้วยหรือไม่?”
“เช่นนั้นก็เอาใส่ในน้ำที่พวกทหารเกราะเหล็กใช้ทำอาหาร ต้องให้บทเรียนพวกเขาเสียบ้าง”
คนรับใช้ทั้งสองกำลังแอบเอายาออกมาจากแขนเสื้ออย่างลับ ๆ ล่อ ๆ ทันใดนั้นด้านหลังก็มีคนถามขึ้นมา “เจ้าจะเอาอะไรใส่ในน้ำที่ทหารเกราะเหล็กใช้ทำอาหารกัน?”
“เฮอะ ก็ต้อง…” ทว่าพูดได้เพียงครึ่งเดียว ก็เกือบจะกัดลิ้นตัวเองเสียแล้ว
เมื่อหันไปมองก็พบว่าตรงหน้าไม่มีคน แต่เมื่อก้มลงมองกลับมีเด็กน้อยกลุ่มหนึ่งยืนอยู่
“พวกเขากำลังทำอะไร?”
“นี่ไม่ใช่ขันทีที่บ้านข้าง ๆ พามาหรอกหรือ?”
“แค่นี้พวกเจ้ายังมองไม่ออกอีกหรือ พวกเขาก็จะวางยาน่ะสิ”
“เช่นนั้นพวกเราต้องตะโกนหรือไม่ เจ้ารอข้าก่อน ข้าจะกลับไปเอาเคียวที่บ้านก่อน”
“นี่ ช่วยเอาขวานมาให้ข้าด้วย”
เด็กทั้งกลุ่มหันไปพูดกัน หาได้เห็นคนตรงหน้าอยู่ในสายตาไม่
ชายสองคนที่แต่งตัวเหมือนคนรับใช้มองหน้ากัน ก่อนจะรีบเอ่ยด้วยรอยยิ้มทันที “เด็ก ๆ พวกเจ้าฟังผิดแล้ว พวกเราแค่เข้ามาขอน้ำดื่มเท่านั้น”
อาฝูหันหน้าไป “เขาเห็นพวกเราโง่อย่างนั้นหรือ?”
“น่าจะใช่ พวกเจ้าเอายาไว้ไหน? รีบเอาออกมา ไม่อย่างนั้นโดนดีแน่”
เหล่าทหารเกราะเหล็กตัวน้อยแต่ละคนต่างก็ยืดอกขึ้น แม้แต่หย่งหนิงที่ยืนอยู่ท้ายสุดและรีบวิ่งมา ก่อนจะกระทืบเท้าแยกเขี้ยวใส่ชายทั้งสอง
องค์ชายสิบก็ขมวดคิ้ว “พวกเจ้าอยู่ตำหนักใด เหตุใดข้าถึงไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน?”
เสด็จแม่บอกว่าต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนพวกนี้ และนี่เป็นตัวป่วนมาจากที่ใดกัน
“จะพูดกับเด็กพวกนี้ไปทำไมกัน” เดิมพวกเขาก็ไม่ใช่คนรับใช้จริง ๆ อยู่แล้ว เมื่อเห็นว่าความจริงถูกเปิดโปง เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาเรียกคนมา ทั้งสองจึงมองหน้ากัน ก่อนที่คนหนึ่งจะรีบไปขวางเด็กพวกนั้นไว้ ส่วนอีกคนหันกลับไปเขย่าผงยา และเตรียมจะโรยลงในโอ่งน้ำ ถึงเวลาก็ค่อยจากไปอย่างเงียบ ๆ
แต่ใครจะไปคิดว่าจะมีเด็กคนหนึ่งกระโดดออกมาจากด้านข้าง เขาหยิบพัดอันใหญ่มาจากที่ไหนไม่รู้ พัดผงยานั่นกลับไปโดนใบหน้าของคนรับใช้ผู้นั้นเต็ม ๆ
“เจ้า!” ยาพิษที่ตระกูลเยี่ยนให้มาจะเป็นพิษธรรมดาได้อย่างไร ทันใดนั้นสีหน้าของคนผู้นั้นก็ดำคล้ำ ก่อนจะล้มลงไปนอนลงบนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
อาชิงโยนพัดอันใหญ่ลงบนพื้น แล้วนั่งยอง ๆ พลางตบหน้าชายผู้นั้นเบา ๆ จากนั้นก็ปาดผงยาพิษบนร่างของเขาด้วยปลายนิ้ว ก่อนแลบลิ้นเลียเล็กน้อย
“อืม~ แค่พิษธรรมดา”
อาชิงน้อยตอนนี้ไม่ใช่อาชิงในเมื่อก่อนแล้ว พิษดี ๆ ของอาจารย์มีตัวไหนบ้างที่เขาไม่เคยชิม ยาพิษชนิดนี้ก็แค่พิษธรรมดาเท่านั้น งูหนึ่งงูสองยังไม่กินเลย
เดิมนี่เป็นช่วงเวลาที่เหมาะแก่การวางยา แต่กลับถูกเด็กกลุ่มหนึ่งขัดขวางไว้ได้ ทั้งยังต้องเสียคนไปคนหนึ่ง ส่วนอีกคนก็ไม่สนใจเรื่องวางยาอีก เพราะการหนีเอาตัวรอดสำคัญกว่า แต่น่าเสียดายที่เข้ามาในหมู่บ้านตระกูลเฉินแล้ว หาใช่ที่ที่เจ้าอยากออกก็จะออกไปได้
เขาเพิ่งจะเตรียมหนีก็ถูกทหารเกราะเหล็กที่ลาดตระเวนอยู่จับได้แล้ว อาชิงล้วงบางอย่างออกมาจากในกระเป๋า ก่อนจะเลือกยาพิษที่คิดว่าตัวเองทำได้ดีที่สุดยัดใส่ปากเขา “อ๊ะ ครั้งหน้าไม่ต้องเอายาพิษห่วยแตกเช่นนี้มาอีกนะ สุนัขยังไม่กินเลย เจ้าลองชิมของข้าดู หวานอร่อยติดลิ้นดีหรือไม่!”
ไม่เลวจริง ๆ แต่ยังไม่ทันจะได้โต้เถียงใด ๆ พิษก็ออกฤทธิ์ทันที เจ็บจนคนผู้นั้นต้องกลิ้งไปมาบนพื้น เกือบจะกดเขาเอาไว้ไม่อยู่
“ว้าว อาชิงเจ้าเก่งจังเลย นี่คืออะไรหรือ?” อาฝูตาโตขึ้นมา
อาชิงส่ายหน้า “ไม่รู้เหมือนกัน ข้าผสมส่งเดช”
อาจารย์บอกว่าพิษที่ร้ายกาจที่สุดบนโลกนี้ก็คือเขา ดังนั้นในเมื่อเขาสามารถสร้างพิษได้ ก็สามารถถอนพิษได้
ทำยาพิษช่างสนุกจริง ๆ เขาสามารถปกป้องคนอื่นได้แล้ว! ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกคนรังแกอีกต่อไปแล้ว
องค์ชายสิบลอบกลืนน้ำลายลงคอ ยังดีที่เขายังไม่ได้ทำอะไรเจ้าเด็กนี่ หากว่าคนที่ดิ้นอยู่ที่พื้นเป็นเขาล่ะก็ เขาจะไม่เจ็บจนตายหรอกหรือ?
.
.
.