เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 274 ข้าไม่ตกลง
บทที่ 274 ข้าไม่ตกลง
เซียวเซวียนจิ่นขมวดคิ้ว “ไว้ใจได้หรือไม่? เป็นคนที่ราชสำนักส่งมาหรือไม่?”
เซียวเซวียนจิ่นตอนนี้มองใครก็ล้วนเป็นคนไม่ดีไปหมด โดยเฉพาะตระกูลเซี่ยและคนในราชสำนัก เขาไม่ชอบอย่างมาก แต่คนเดียวที่เขาชอบก็คืออาฉือ
อาอินส่ายหน้า “ข้าไม่รู้ แต่มีท่านพ่อกับท่านแม่อยู่ ไม่ว่านางเป็นใคร ท่านพ่อกับท่านแม่ต้องมีวิธีจัดการอย่างแน่นอน”
ยามที่นางพูดถึงเผยยวนกับจี้จือฮวน สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ดวงตาเป็นประกาย ทำให้เซียวเซวียนจิ่นรู้สึกแปลกใจอย่างมาก เพราะเผยถังอินในความฝันมักจะเย็นชาอยู่ตลอดเวลา
เย็นชาราวกับว่าไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่สามารถกระตุ้นความรู้สึกของนางได้เลยแม้แต่น้อย
นางในตอนนี้มีชีวิตชีวาและร่าเริง จนเซียวเซวียนจิ่นอดไม่ได้ที่จะยิ้มตามไปด้วย “ใช่แล้ว พ่อแม่เจ้าร้ายกาจมาก ต่อไปน้องอาอินก็จะเป็นแม่ทัพหญิงที่ร้ายกาจด้วยใช่หรือไม่?”
อาอินรู้สึกว่าเขาพูดจาน่าฟังอย่างประหลาด จึงพยักหน้ารับอย่างเขินอายเล็กน้อย “อืม อาชิงมีอาจารย์ ข้ามีท่านพ่อกับท่านแม่ก็พอแล้ว ข้าเรียนกับพวกเขาและจะเป็นวีรสตรีที่ปกป้องบ้านเมือง”
“เช่นนั้นพี่ชายก็จะพยายาม ภายภาคหน้าจะได้อยู่กับน้องอาอิน”
อาอินเลิกคิ้วขึ้น จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ถูกกระตุ้นขึ้นมาทันที “ข้าไม่มีทางแพ้เจ้าหรอก!”
“เช่นนั้นพี่ชายจะรอดูฝีมือของเจ้า”
ชีวิตนี้เขาจะอยู่เคียงข้างนาง นางปกป้องปณิธานในใจของนาง ส่วนเขาจะปกป้องนางเอง
…
หลังจากที่เผยยวนจัดการกองทัพทหารเกราะเหล็กและครอบครัวทหารเรียบร้อยแล้ว จึงอาศัยตอนที่จี้จือฮวนกำลังพูดคุยกับพวกเขา ออกจากหมู่บ้านไปหาผู้บัญชาการของศาลต้าหลี่ที่ค่ายพักแรมของเซี่ยเจิน เพื่อสอบถามความคืบหน้าของคดีที่จวนจี้กั๋วกงและท่านหญิงซ่างหยางใส่ร้ายตระกูลเซี่ยว่าเป็นอย่างไรบ้าง
หากเผยยวนมาถามก่อนหน้านี้ พวกเขาต้องปฏิเสธอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นั้นอันตรายอย่างมาก แม้แต่ฮ่องเต้เขายังกล้าข่มขู่ เจ้าเป็นแค่ผู้บัญชาการศาลต้าหลี่ นับเป็นตัวอะไรกัน
หากพูดมากอีกสองประโยค ข้าอาจจะตัดหัวเจ้าพร้อมกับพวกตัวซวยสี่ขุนศึกให้ลงนรกไปด้วยกันก็เป็นได้
“หย่งกวานโหววางใจได้ คดีตระกูลเซี่ยได้รับการสอบสวนอย่างละเอียดแล้ว เป็นคดีที่ไม่ยุติธรรม จะมีการคืนความบริสุทธิ์ให้กับตระกูลเซี่ยในไม่ช้า ให้ฮูหยินสบายใจได้เลยขอรับ”
เผยยวนได้รับคำตอบที่น่าพอใจ จึงได้เผยรอยยิ้มออกมา ก่อนพูดขอบคุณอีกเล็กน้อย จึงได้จากไปอย่างสง่าผ่าเผย
เหงื่อบนหน้าผากของผู้บัญชาการศาลต้าหลี่แทบจะทำให้หมวกทางการที่สวมอยู่เปียกจนชุ่ม จากนั้นจึงได้ถอนหายใจออกมาเงียบ ๆ
เดิมทีเซี่ยหยางถูกคนรับใช้เข็นออกมาอาบแดด เมื่อเห็นเผยยวนพูดคุยกับผู้บัญชาการศาลต้าหลี่จากที่ไกล ๆ เนื่องจากยังอยู่ในช่วงสำนึกผิด จึงไม่สามารถไปไหนไกลได้ ดังนั้นเขาจึงให้คนไปเรียกผู้บัญชาการศาลต้าหลี่มาหาแทน
เมื่อรู้ว่าเป็นเรื่องของตระกูลเซี่ย เซี่ยหยางก็นึกสงสัยขึ้นมา จี้จือฮวนผู้นั้นเป็นคนเช่นไรกันแน่ เหตุใดนับตั้งแต่ที่นางปรากฏตัว ทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนผิดแผนไปหมด
มีโอกาสคงต้องพบหน้าสักครั้ง
เผยยวนต้องการบอกข่าวดีที่ตระกูลเซี่ยได้รับการกลับคำพิพากษากับจี้จือฮวนเป็นคนแรก แต่ทันทีที่เข้าไปในหมู่บ้านเขาก็เห็นเซียวเซวียนจิ่นกับอาอินนั่งล้างจานอยู่ด้วยกัน จี้จือฮวนเองก็ไม่ได้ห้าม
เผยยวนจ้องเซียวเซวียนจิ่น เมื่อก่อนรู้สึกว่าเจ้าเด็กคนนี้มองตรงไหนก็ถูกใจไปเสียหมด แต่ตอนนี้คงต้องพิจารณาใหม่แล้ว
ชิ เด็กผู้ชายหน้าตาสวยกว่าเด็กผู้หญิงได้อย่างไรกัน ไม่แน่ต่อไปอาจจะล่อผึ้งเรียกผีเสื้อมาก็เป็นได้!
เผยยวนรู้สึกไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก ทว่าเพียงพริบตาเซียวเซวียนจิ่นกลับวิ่งมาทางเขา ก่อนจะเกาศีรษะเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้นมา “ท่านอาเผย เซวียนจิ่นมีเรื่องอยากจะพูดด้วยขอรับ”
เผยยวนรับคำด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “มาเถอะ”
ทั้งสองคนหาที่นั่งว่าง ๆ จากนั้นเซียวเซวียนจิ่นก็รวบรวมความกล้าเอ่ยสู่ขอขึ้นมา
“ท่านอาเผย นี่เป็นเจตนาเดิมของท่านพ่อข้า ท่านอายังจำได้ใช่หรือไม่ขอรับ?”
เรื่องนี้ต้องย้อนไปในอดีต อ๋องเจิ้นเป่ยตอนนั้นนับถือเขาเป็นพี่น้อง ทั้งสองคนต่างก็คุยกันถูกคอ และพระชายาอ๋องเจิ้นเป่ยก็ได้กล่าวว่าให้ลูก ๆ หมั้นหมายกันเอาไว้เป็นการดีที่สุด และไม่รังเกียจที่อาอินไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเผยยวน บอกเพียงว่าแค่เห็นเด็กสองคนนี้ก็มีความสุขแล้ว
แต่ตอนนั้นยังไม่ได้พูดคุยรายละเอียดกัน ใครจะไปคิดว่าเจ้าเด็กคนนี้จะเป็นคนมาถามเสียเอง
หากถามว่าแต่งกับใครเขาถึงจะสามารถวางใจได้ เช่นนั้นหากเป็นจวนอ๋องเจิ้นเป่ยเขาก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก
สองสามีภรรยาไม่ใช่คนที่จะรังแกลูกสะใภ้ ยิ่งไปกว่านั้นภายในจวนสะอาดสะอ้าน ไม่มีอนุคอยสร้างปัญหา และตอนนี้เขากับเซี่ยเจินก็นับว่าแตกหักกันแล้ว
หากเขาร่วมมือกับอ๋องเจิ้นเป่ย ครึ่งหนึ่งของต้าจิ้นก็จะตกเป็นของเขาแล้ว อาฉือก็จะมีโอกาสประสบความสำเร็จโดยไม่ต้องพินอบพิเทาเซี่ยเจินอีก
“ข้าไม่ตกลง”
เซียวเซวียนจิ่นใจหล่นวูบ เมื่อหันกลับไปมองกลับเป็นจี้จือฮวน เขาจึงได้แต่อ้าปากพะงาบ ๆ รู้สึกเสียใจเล็กน้อย เมื่อถามตัวเองดูก็คิดว่าไม่มีจุดไหนที่ทำให้ท่านอาสะใภ้ไม่ชอบเขานี่นา เหตุใดนางถึงปฏิเสธกันเล่า?
จี้จือฮวนตบบ่าของเขาเบา ๆ “ไม่ใช่ว่าอาสะใภ้ไม่ชอบเจ้า และไม่ใช่เพราะสาเหตุอื่น แต่ว่าตอนนี้พวกเจ้าอายุยังน้อย”
เซียวเซวียนจิ่นเองก็ไม่รู้ว่าควรพูดเช่นไร เขาอยากที่จะปกป้องอาอิน มันไม่ใช่ความคิดชั่วประเดี๋ยวประด๋าว และเขาจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน
แต่คำพูดเหล่านี้ไม่สามารถพูดออกมาได้ หากพูดออกมาพวกเขาก็จะคิดว่าตนนั้นเป็นโรคจิตเสียเปล่า ๆ
ยิ่งไปกว่านั้นอาอินยังเด็กอยู่จริง ๆ นางยังไม่รู้เรื่องอะไร
“ข้าจะไม่ขัดขวางหากเจ้าต้องการสานสัมพันธ์กับอาอิน เจ้าอยากมาเยี่ยมนางก็มาได้ทุกเมื่อ อยากมอบของขวัญให้นาง เขียนจดหมายให้นางก็สามารถทำได้ทั้งนั้น ข้าสนับสนุนการตัดสินใจของพวกเจ้า ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อโลกทัศน์กว้างขึ้นและได้พบผู้คนหลากหลายประเภท ก็จะได้รู้ว่าอะไรที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะได้อยู่ด้วยกัน ไม่ใช่เพราะพวกเราคิดว่าพวกเจ้าเหมาะสมกัน แต่เป็นเพราะพวกเจ้ารักและขาดกันและกันไม่ได้”
เซียวเซวียนจิ่นเงยหน้าขึ้น จี้จือฮวนจึงเอ่ยต่อ “อีกอย่าง เจ้าต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่อาอินจะเป็นผู้ใหญ่ ข้าจะไม่กำหนดเรื่องการแต่งงานใด ๆ ให้กับนาง ลูกสาวบ้านอื่นข้าไม่สน แต่ลูกสาวข้าไม่ควรถูกขังอยู่ในบ้าน นางต้องมีประสบการณ์ มีความคิด มีโลกทัศน์ และมีความสามารถที่จะยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง และรู้ว่าตัวเองควรเลือกผู้ชายเช่นไรมาใช้ชีวิตด้วย จะแต่งงานก็ดีหรือไม่แต่งงานก็ช่าง เจ้ายินดีที่จะรอหรือไม่?”
เซียวเซวียนจิ่นเอ่ยอย่างหนักแน่น “ข้ายินดีขอรับ เซวียนจิ่นรู้ว่าที่ท่านทำไปก็เพื่อน้องอาอิน เซวียนจิ่นเองก็จะพยายามเช่นกันขอรับ”
จี้จือฮวนลูบศีรษะของเขาหนึ่งที “เช่นนั้นข้าจะรอวันที่เจ้ามาสู่ขออีกครั้ง”
หวังว่าเมื่อถึงเวลานั้นเจ้าจะมาพร้อมกับอาอิน
เซียวเซวียนจิ่นพยักหน้ารับคำอย่างหนักแน่น ก่อนจะประสานมือคารวะ แล้วหมุนกายจากไป
เผยยวนมีท่าทีอึกอัก จี้จือฮวนก็เอ่ยอย่างเข้าใจทันที “ใจอ่อนแล้วใช่หรือไม่? กำลังรู้สึกว่าลูกเขยที่ดีเช่นนี้หนีไปแล้ว และเกิดความขัดแย้งภายในใจอยู่ใช่หรือไม่?”
เผยยวนกระแอมเล็กน้อย ก่อนจะไปนั่งข้าง ๆ นาง “ใช่และก็ไม่ใช่ รู้สึกว่าตัวเองคิดไม่รอบคอบเท่าเจ้า การดูแลลูกก็มีหลายจุดที่ยังไม่รอบคอบ”
จี้จือฮวนรู้สึกขัน “เจ้าเพิ่งจะเคยเป็นพ่อคนครั้งแรก ข้าเองก็เพิ่งเคยเป็นแม่คนครั้งแรกเช่นกัน ทุกอย่างล้วนต้องลองผิดลองถูกกันทั้งนั้น ยิ่งไปกว่านั้นการตัดสินใจเช่นนี้ของข้า เมื่ออาอินโตก็ไม่แน่ว่านางจะยอมฟัง แต่อย่างไรซะข้าก็หวังว่าพวกเขาจะเติบโตอย่างอิสระและมีความสุข อาฉือแบกรับภาระมากมาย สิ่งที่พวกเราช่วยเขาได้มีน้อยมาก แต่จิตใจของเราตรงกันนั่นก็คืออยากให้พวกเขามีชีวิตที่ดี อยากให้พวกเขามีความสุข”
เผยยวนอดไม่ได้ที่จะโอบไหล่ของนางเอาไว้ แล้วกดหน้าผากแนบกับศีรษะของนาง “ขอบคุณ ฮวนฮวน”
จากนั้นเผยยวนก็ได้บอกเรื่องตระกูลเซี่ยกับนาง
จี้จือฮวนพูดอย่างใจเย็น “ในเมื่อตระกูลเซี่ยได้รับความบริสุทธิ์แล้ว ข้าก็อยากนำสุสานของจี้จือฮวนย้ายไปที่ตระกูลเซี่ยด้วย ตั้งป้ายวิญญาณให้พวกเขา จะได้ให้พวกเขาพักผ่อนอย่างสงบเสียที ให้ครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง”
“ตามใจเจ้า”
.
.
.