เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 304 ใครคือโจร
บทที่ 304 ใครคือโจร
มีฉินต๋าอยู่เมื่อเจอโจรกระจอก คงบอกได้เพียงว่าโจรพบบรรพบุรุษโจรแล้ว จี้จือฮวนจิบชาไปหนึ่งอึก พลางเอ่ยหยอกล้อขึ้นมา “เช่นนั้นเถ้าแก่เนี้ยฮวาต้องสั่งสอนพวกเขาให้ดีหน่อยแล้ว ถึงกับกล้ามากระตุกหนวดเสือเช่นนี้”
ฮวาเซียงเซียงตบโต๊ะหนึ่งที “ก็ใช่น่ะสิ ทั้ง ๆ ที่คิดจะขโมยของของข้า ยังหน้าไม่อายเป็นตายก็ไม่ยอมรับ บอกว่าตัวเองเป็นลูกชายของผู้บัญชาการทหารเอี๋ยนอะไรสักอย่าง ไม่เชื่อก็ให้พวกเราไปถามที่เมืองหลวงดู”
เผยยวนหันไป “ผู้บัญชาการทหารเอี๋ยน คนผู้นั้นคงไม่ได้ชื่อว่าเอี๋ยนเฉากระมัง?”
ฮวาเซียงเซียงกะพริบตาปริบ ๆ “อืม ท่านรู้จักหรือ?”
เผยยวนเลิกคิ้วขึ้น “นับว่าเคยรู้จัก แต่ไม่ได้สนิทสนมมากนัก”
เอี๋ยนเฉาที่กำลังถูกมัดอยู่ในคอกม้าของโรงน้ำชาจามออกมาเสียงดังลั่นถึงสองครั้ง คนรับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ จึงเอ่ยขึ้นมา “นายน้อย ครั้งนี้ข้ายืนยันได้ขอรับ จามสองครั้งต้องมีคนกำลังคิดถึงท่านอยู่เป็นแน่”
เอี๋ยนเฉาที่จมูกช้ำหน้าบวม เอ่ยด้วยความโมโห “ก่อนหน้านี้เจ้าก็บอกว่ามีโอกาสที่คนสองคนกำลังด่าข้าพร้อมกันอยู่ไม่ใช่หรือ?”
“ไม่ใช่หรอกครับ ก่อนหน้านี้นายท่านบอกว่าหากว่าวันนี้ท่านยังไม่กลับไป เขาจะไปตัดชื่อของท่านออกจากลำดับวงศ์ตระกูล ที่ท่านจามเมื่อครู่คาดว่าฮูหยินคงคิดถึงท่านอยู่เป็นแน่ขอรับ”
“อาควน”
“นายน้อยพูดมาได้เลยขอรับ”
“ลิ้นของเจ้าหากว่าไม่มีประโยชน์อะไร…”
“ไม่ใช่ขอรับนายน้อย มันยังมีประโยชน์อยู่นะขอรับ อย่างเช่นตอนนี้ข้าอยากจะบอกท่านว่าข้าเหมือนเห็นแม่ทัพเผยเลยนะขอรับ”
เอี๋ยนเฉากลอกตามองบน “หากตอนนี้ข้าไม่ได้ถูกมัดเอาไว้ล่ะก็ ข้าจะเตะเจ้าให้ตายเดี๋ยวนี้แหละ!”
“นายน้อยจะเตะข้าให้ตาย ข้าก็ยิ่งต้องพูดขอรับ! เป็นแม่ทัพเผยจริง ๆ ขอรับ ท่านดูม้าตัวนั้นสิขอรับ!” อาควนเอ่ยด้วยความตื่นเต้น
เอี๋ยนเฉาเพิ่งหันไปมอง ก็เห็นดวงตาของม้าที่คมกล้าคู่หนึ่งกำลังจ้องมองมาที่เขาอยู่
เพียงเท่านี้เอี๋ยนเฉาก็รู้แล้วว่าเผยยวนมาจริง ๆ!!!
แม้ว่าด้านหน้าจะมีหมาป่าด้านหลังจะมีเสือ แต่อย่างน้อยเผยยวนก็ทำให้เขารู้สึกปลอดภัย!
ม้าเลือดเหล็กตัวนี้ ตอนที่เผยยวนพากลับเมืองหลวงตอนนั้นต่างก็ทำให้คนอิจฉาตาร้อนกันเป็นจำนวนมาก ทุกคนล้วนอยากได้ม้าเช่นนี้ แต่พวกเขาหาอย่างไรก็หาไม่เจออีก ต่อให้กลายเป็นขี้เถ้าเอี๋ยนเฉาก็จำได้
ตอนนี้เขาไม่ลังเลอีกต่อไปแล้ว และเริ่มตะโกนขึ้นมาทันที!
“เผยยวน! แม่ทัพเผย!!!”
ทันทีที่เผยยวนได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ก็รู้ว่าต้องเป็นเอี๋ยนเฉาอย่างแน่นอน ไม่รู้ว่าลูกเศรษฐีผู้นี้เกิดบ้าอะไรขึ้นมา ถึงกล้าดักปล้นฮวาเซียงเซียงได้
ฉินต๋ามองสีหน้าของเผยยวนก็รู้ว่าพวกเขารู้จักกัน จึงสะบัดมือหนึ่งครั้ง ชายหนุ่มจากกองเรือที่เป็นลูกน้องก็ไปนำตัวเอี๋ยนเฉามา
ไม่พบกันไม่กี่วันเอี๋ยนเฉากลับมีสภาพสะบักสะบอมราวกับคนที่เพิ่งรอดตายมาอย่างไรอย่างนั้น เมื่อเห็นเผยยวนเขาก็พุ่งตัวเข้ามา เผยยวนขีดเส้นที่พื้นหนึ่งเส้นทันที “ยืนพูดอยู่ตรงนั้นก็พอ”
“เพราะอะไร ข้าทำทั้งหมดนี้เพื่อท่านนะ!” เอี๋ยนเฉารู้สึกน้อยใจ
ริมฝีปากบางของเผยยวนอ้าออกเล็กน้อย และเอ่ยอย่างไม่ถนอมน้ำใจ “เหม็น”
ไม่รู้ว่าเขาไม่ได้อาบน้ำมากี่วันแล้ว ทั้งเนื้อทั้งตัวถึงมีแต่กลิ่นขี้ม้าเช่นนี้
เขาดมกลิ่นนี้ในค่ายทหารจนชินแล้ว ทว่าหากกลิ่นนี้รบกวนฮวนฮวนของเขาเข้าจะทำเช่นไร?
เอี๋ยนเฉาปรายตามองเผยยวนด้วยความน้อยใจ ในดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความตัดพ้อมากมาย แต่เมื่อเขามองไปทางจี้จือฮวนก็พูดจาประจบประแจงขึ้นมา “ฮูหยิน”
และเมื่อสายตาไปหยุดที่ใบหน้าของฮวาเซียงเซียง เอี๋ยนเฉาจึงได้เอ่ยด้วยความโมโห “คราวนี้เจ้าคงเชื่อแล้วกระมัง ว่าข้าไม่ใช่โจร”
ฮวาเซียงเซียงยักไหล่ “เจ้าไม่ใช่โจร แต่เจ้าเป็นขโมย! พวกเรากำลังเดินทางอยู่ เจ้ากลับกระโจนออกมาและสั่งให้พวกเราเอาของมีค่าออกมา เจ้ายังกล้าเรียกร้องความยุติธรรมอีกอย่างนั้นหรือ!?”
เผยยวนขมวดคิ้ว ตอนนี้เอี๋ยนเฉาเมื่อเห็นสายตาของเผยยวนก็หวาดกลัวเป็นอย่างมาก เขารีบเอ่ยอย่างอึกอักออกมาทันที “แม่ทัพเผย ท่านฟังข้าพูดก่อน”
นิ้วของเผยยวนเคาะลงบนโต๊ะ “พูดมา ข้ากำลังฟังอยู่”
เอี๋ยนเฉาคิดจะหาข้อแก้ตัว อาควนจึงเอ่ยขึ้นมา “นายน้อย ช่างเถอะขอรับ ท่านก็พูดไปตามตรงเถอะขอรับ พวกเราไม่มีเงินก็ไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไรนะขอรับ”
ที่แท้เอี๋ยนเฉาถูกเผยยวนยึดทรัพย์สินไปจนหมด ระหว่างทางจึงเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นมา คิดจะปล้นคาราวานพ่อค้าที่ผ่านทาง สุดท้ายกลับปล้นไม่สำเร็จ แถมยังถูกคนจับมาเป็นเชลยอีกด้วย
เผยยวนหัวเราะออกมาด้วยความโมโห เขายังไม่ลืมฐานะลูกผู้ดีมีเงินของตัวเองอีกสินะ
แม้แต่เรื่องเช่นนี้ก็ยังทำได้!
“พูดมา! ปล้นไปกี่คนแล้ว!?” เผยยวนตะคอกออกมาด้วยความโมโห ทำให้เอี๋ยนเฉานั่งลงกับพื้นด้วยความตกใจ
อาควนเห็นดังนั้นก็คุกเข่าตาม “เรียนท่านแม่ทัพเผย เพิ่งเปิดกิจการเจ้าแรกขอรับ ทว่ากลับถูกจับได้เสียแล้ว ท่านวางใจ ยังไม่ได้สร้างความเสียหายอะไรมากมายขอรับ แต่นายน้อยของเราต้องจ่ายค่าหมอแทนขอรับ”
เผยยวนมองดูท่าทางของเอี๋ยนเฉาที่ทำตัวเป็นเต่าหัวหดแล้วก็อดคิดไม่ได้ มิน่าเล่าผู้บัญชาการทหารเอี๋ยนถึงได้โมโหจนต้องนำเทียบไปหาหมอหลวงเกือบทุกวัน
จนถึงป่านนี้ยังไม่ขี่กระเรียนขึ้นสวรรค์ก็นับว่ามีบุญมากแล้ว
เอี๋ยนเฉาถลึงตาใส่อาควนเล็กน้อย แต่ก็ได้สติขึ้นมาทันที จึงหันไปเอ่ยกับเผยยวน “ทำความดีชดเชยความผิดได้หรือไม่ขอรับ?”
เผยยวนพ่นเสียงหัวเราะออกมา พลางมองหน้าเขาราวกับจะตำหนิว่าช่างเหลวไหลจริง ๆ “เจ้ามีความดีด้วยอย่างนั้นหรือ!?”
เอี๋ยนเฉาไม่ยอมแพ้ “ท่านอย่าดูถูกข้านะขอรับ ครั้งนี้ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติจริง ๆ จึงตั้งใจจะดักปล้นหาค่าเดินทางเพื่อกลับไปรายงานท่านนะขอรับ”
“พูดมา” เผยยวนไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะพูดอะไรที่มีประโยชน์ออกมา
เอี๋ยนเฉาขยับไปข้างหน้าเล็กน้อย “ก่อนหน้านี้ท่านให้ข้าไปเอาเงินจากตระกูลเหล่านั้นไม่ใช่หรือขอรับ และข้าก็พบว่าตอนนี้มีหลายตระกูลในเมืองหลวงได้นำเงินไปซื้อข้าวสารมากักตุน พวกเขาได้ข่าวมาว่าต่อไปข้าวจะราคาสูงขึ้น อีกทั้งเรื่องนี้ยังไม่ประกาศอย่างเอิกเกริก แต่แอบไปซื้อกันเงียบ ๆ ไม่แน่อาจมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็ได้นะขอรับ”
เดิมทียังคิดว่าเผยยวนจะก่อกบฏ แต่เขาก็ไม่ได้มีการเคลื่อนใด ๆ วัน ๆ เอาแต่เดินเตร็ดเตร่อยู่ในหมู่บ้าน ไม่เห็นว่าเขาจะทำอะไร ทุกคนก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา
เขารู้จักเผยยวนดีพอ และเขาก็ดูไม่เหมือนคนที่อยากจะขึ้นเป็นฮ่องเต้เลย
ก็แค่ฮ่องเต้เฒ่าไม่ชอบขี้หน้าเขาก็เท่านั้น พูดตรง ๆ ก็คือตั้งแต่อดีตมาก็เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด ขุนนางบุ๋นและบู๊ไม่ถูกกันถึงจะเป็นเรื่องดี เพราะหากลับหลังพวกเขาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เช่นนั้นฮ่องเต้จะสามารถนั่งนิ่ง ๆ อย่างสบายใจได้อีกหรือ?
เผยยวนมีความอ่อนโยนเฉกเช่นขุนนางบุ๋น ทว่าก็มีความดุดันของขุนนางบู๊ ทั้งยังไม่ชอบการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจ แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์กับผู้ใดมาก่อน ดังนั้นผู้คนที่วิพากษ์วิจารณ์เขาจึงมีน้อยมาก
ดังนั้นจึงทำให้ฮ่องเต้เกิดความกลัวขึ้นมา หากบอกว่าเผยยวนก่อกบฏตั้งตนเป็นฮ่องเต้ เช่นนั้นอย่าว่าแต่ราษฎรเลย แม้แต่ลูกคนรวยอย่างเอี๋ยนเฉาก็ยังไม่อยากจะเชื่อ
ต้องบอกว่าในด้านลักไก่คลำสุนัข* นับว่าเจ้าเด็กนี่ฉลาดไม่เบา
* ลักไก่คลำสุนัข (偷鸡摸狗) หมายถึง การทำเรื่องที่ผิดศีลธรรม
จู่ ๆ ก็ไปซื้อข้าวสารมากักตุน ต้องมีคนปล่อยข่าวอย่างแน่นอน ส่วนที่ใดกำลังจะเกิดเรื่องนั้น ที่แรกที่เผยยวนและจี้จือฮวนคิดออกก็คือ หลูโจว
“มีตระกูลใดบ้าง พูดมาสิ”
เอี๋ยนเฉารายงานไปหลายตระกูล เผยยวนขมวดคิ้วมุ่น ล้วนเป็นตระกูลที่มีความสัมพันธ์อันดีกับครอบครัวของเต๋อเฟย
คิดว่าองค์ชายสามคงหาทางหนีทีไล่เอาไว้แล้ว หากว่าหลูโจวเกิดเรื่องขึ้นคงจะลากตัวผู้ว่าการนั่นออกมารับผิดชอบ ถึงเวลาเขากักตุนข้าวสารไว้จำนวนมาก ทางหนึ่งแสร้งบอกว่าใช้บรรเทาภัยพิบัติ อีกทางหนึ่งก็ขึ้นราคาข้าวสาร สร้างชื่อเสียงและยังทำเงินได้อีกด้วย
เป็นปี่เซียะที่โลภมากจริง ๆ
ฮวาเซียงเซียงกับฉินต๋าไม่รู้เรื่องหลูโจว จึงทำเป็นไม่ได้ยิน
กลับเป็นเผยยวนที่เอ่ยกับเอี๋ยนเฉา “ตอนนี้ข้าจะให้โอกาสเจ้าสักครั้ง แต่เจ้าจะคว้าเอาไว้ได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว”
เอี๋ยนเฉากลอกตาไปมา “ท่านอยากให้ข้าไปจับตามองพวกเขาใช่หรือไม่? เรื่องนี้ข้าทำได้แน่นอน”
ก็ใช่น่ะสิ ใครจะคิดว่าคนอย่างเจ้าจะสามารถเป็นไส้ศึกได้?
.
.
.