เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 334 หนี้บุญคุณ
บทที่ 334 หนี้บุญคุณ
ตระกูลเมิ่ง
เอี๋ยนเฉานั่งไขว่ห้างฟังเสียงฝนด้านนอก บางครั้งก็มีเสียงทะเลาะวิวาทของคนในครอบครัวที่อยู่ในห้องโถงปะปนมา เขาแกะเปลือกเหอเถาเม็ดแล้วเม็ดเล่ายัดใส่ปาก
อาควนรินชาให้เขาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง คนรับใช้ของตระกูลเมิ่งเดินไปมา ดูเหมือนร้อนรนใจอย่างมาก มีเพียงสองนายบ่าวเท่านั้นที่มีท่าทางสบาย ๆ
“นายน้อย ท่านว่าเงินมากเพียงนี้ พวกเขาจะยอมจ่ายหรือไม่ขอรับ?”
“ไม่เพียงยอมจ่ายเท่านั้นนะ พวกเขายังจะจ่ายหนัก ๆ เพื่อเชิญยอดฝีมือมาคุ้มกันพวกเราออกไปอีกด้วย”
“เช่นนั้นท่านยังจะใจเย็นอีกหรือขอรับ ไม่กลัวทำเสียเรื่องหรือขอรับ?”
เอี๋ยนเฉาเบ้ปาก “ยอดฝีมือแล้วอย่างไร จะเก่งกว่าฮูหยินอย่างนั้นหรือ? ก็ต้องถูกต้อนไปเป็นเชลยอยู่ดี ถือซะว่าข้าเอาทั้งเงินเอาทั้งคนไปส่งก็แล้วกัน คิดเสียว่าข้าซื้อของขวัญปีใหม่ล่วงหน้าให้พวกเขา”
เอี๋ยนเฉาตอนนี้ไม่กังวลเลยสักนิด เขาเป็นคนที่มีประสบการณ์มาก่อน องค์ชายสามจะยอมเอาตัวเองมาเสี่ยงเพื่อลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งอย่างนั้นหรือ? ตระกูลเหล่านี้คงทำได้เพียงช่วยตัวเองแล้วกระมัง!
เขาออกจากเมืองหลวงพร้อมกับเงิน จากนั้นก็ถูกลักพาตัวไปพร้อมกับพวกเขา เช่นนั้นก็ไม่สามารถโทษตระกูลเอี๋ยนของเขาได้แล้ว
เขาก็ยังคงเป็นนายน้อยเอี๋ยนผู้อ่อนแอ น่าสงสาร และบริสุทธิ์ ทั้งยังมีน้ำใจอย่างมาก!
อาควนตกใจอย่างมาก “นายน้อย ตอนนี้ท่านแผ่…”
เอี๋ยนเฉาเลิกคิ้วขึ้น “แสงแห่งปัญญา”
“หน้าซื่อใจคด…”
“???”
“ข้าไม่ได้พูดนะขอรับ”
ในห้องโถง
เมิ่งฮูหยินร้องไห้จนจะขาดใจอยู่แล้ว นางแทบจะถอดเครื่องประดับศีรษะและกำไลของตัวเองทั้งหมดออก แล้วรีบเอาไปแลกตัวลูกชายกลับมา
ตระกูลเมิ่งยังนับว่าเป็นตระกูลใหญ่ ดังนั้นตระกูลอื่น ๆ จึงกระวนกระวายใจยิ่งกว่า
…
ขณะเดียวกันก็มีคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาในเมืองหลวงอย่างเงียบ ๆ
“คุณหนูเจ้าคะ พวกเราถึงเมืองหลวงแล้วเจ้าค่ะ เพียงแต่วันนี้ฝนตกหนัก จึงมองไม่ค่อยคึกคักเท่าที่ควรเจ้าค่ะ”
ได้ยินดังนั้น หญิงสาวก็วางตำราแพทย์ลง ปรายตามองด้านนอกเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้นมา “ผู้สูงศักดิ์ในเมืองหลวงแล้วจะอย่างไรเล่า เกิดแก่เจ็บตายก็อยู่ในมือหมออยู่ดี ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”
หญิงสาวที่มามีรูปลักษณ์โดดเด่น ใบหน้าสะอาดหมดจดปราศจากเครื่องประทินโฉม นางก็คือผู้สืบสายเลือดสายตรงของตระกูลหมอเทวดา ‘เย่จิ่งฝู’
“เป็นเพราะลู่อวิ๋นเซียงนั่น แค่ศิษย์สายนอกคนหนึ่งกลับกล้าแอบอ้างอวดตัวว่าเป็นทายาทตระกูลหมอเทวดา ทำลายชื่อเสียงพวกเรา ตอนนี้ตายไปได้ก็ดี
นางนับเป็นตัวอะไรกัน คนที่หลงเชื่อนางเห็นชัดว่าก็คงเป็นคนโง่เหมือนกัน” เย่จิ่งฝูขมวดคิ้ว
ตระกูลหมอเทวดาที่แท้จริงจะถ่ายทอดให้สายตรงเท่านั้น การแก่งแย่งภายในก็มีไม่น้อย ผู้ที่อยู่ในจุดสูงสุดเท่านั้นถึงจะสามารถเข้าถึงทรัพยากร ส่วนคนที่อยู่อันดับล่าง ๆ แม้แต่ตำราแพทย์สักเล่มก็ยังไม่เคยเห็น จะเรียกว่าหมอเทวดาได้อย่างไรกัน
ครั้งนี้หากไม่ใช่เพราะคำสั่งของอาจารย์ นางไม่มีทางมาเมืองหลวงอย่างแน่นอน
เย่จิ่งฝูเป็นคนทะนงตน ในฐานะสตรีที่โดดเด่นที่สุดในตระกูลหมอเทวดา นางอยู่ในสำนักเรียกได้ว่าอยากได้อะไรก็ต้องได้ ผู้สูงศักดิ์ในเมืองหลวงเหล่านั้นแม้มีอาการเจ็บป่วยเพียงเล็กน้อย ก็ยังต้องพึ่งพานางอยู่ดีไม่ใช่หรือ?
นางคิดว่าหากนับกันตามฐานะ แม้แต่องค์หญิงก็ยังต้องคารวะให้นาง
…
จวนถังกั๋วกง
พ่อบ้านจูอ้าปากหาว หนังตาก็พลันกระตุก “ชิ เหตุใดถึงรู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดีกันล่ะเนี่ย”
ครั้งก่อนที่มีลางสังหรณ์เช่นนี้เป็นตอนที่นางสารเลวลู่อวิ๋นเซียงนั่นปากเสีย หรือว่าวันนี้จะมีนางปีศาจมาอีกแล้ว?
อีกสองเดือนก็จะขึ้นปีใหม่แล้ว เหตุใดถึงไม่มีเรื่องมงคลบ้างล่ะเนี่ย! อย่างเช่นแม่นางจี้มาเป็นแขก… บราวนี่ออนไลน์
“ซวย ปีนี้มีแต่เรื่องซวย ๆ พรุ่งนี้ต้องกวาดจวนสักรอบ” พ่อบ้านจูเอ่ยเสียงจริงจัง
คนรับใช้ในจวนรีบจดลงในรายการสิ่งที่ต้องทำทันที
“พ่อบ้านจูขอรับ คนเฝ้าประตูมารายงานว่ามีคนนำเทียบเชิญมา ต้องการพบท่านกั๋วกงของเราขอรับ”
“อัครมหาเสนาบดีหานหมดอำนาจไปแล้ว คนที่ต้องการพบท่านกั๋วกงแต่ละวันเข้าแถวตั้งแต่ที่จวนยาวไปจนถึงหมู่บ้านตระกูลเฉินแล้ววนกลับมาได้อีกรอบ หากให้ทุกคนพบท่านกั๋วกงหมดคงไม่มีแม้แต่เวลาเข้าห้องน้ำแล้ว ให้คนเฝ้าประตูที่มาใหม่เรียนรู้เสียกฎบ้าง เรียงลำดับความสำคัญ หากไม่ใช่เรื่องสำคัญของราชสำนักก็ให้กลับไป”
“ขอรับ”
ทางด้านนี้ ถังหมิงที่ถูกถังกั๋วกงต่อว่าว่าไม่ได้เรื่อง ก็ถูกพ่อแม่ทอดทิ้งด้วย เพราะลูกชายคนหนึ่งที่ไม่มีทางมีอนาคตที่ดีได้ จะสอบจอหงวนก็ไม่มีความหวัง นับว่าเป็นคนไร้ค่าแล้วจริง ๆ
ตำแหน่งกั๋วกงก็ไม่ต้องไปหวังอีก เมื่อคิดว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะลู่อวิ๋นเซียงนางสารเลวผู้นั้น ถังหมิงก็โมโหจนแทบจะหายใจไม่ออก
เพิ่งจะออกมาถึงประตูจวนก็เห็นรถม้ามากมาย เอิกเกริกไม่น้อย ปกติแล้วจวนกั๋วกงจะไม่ให้คนเข้าพบเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง มาแล้วก็จะถูกไล่ออกไป ดังนั้นภาพเช่นนี้จึงพบเห็นได้น้อยมาก
ถังหมิงเรียกคนเฝ้าประตูมาสอบถาม “เป็นผู้ใดกัน?”
คนเฝ้าประตูจึงเอ่ยตอบ “บอกว่ามาจากตระกูลหมอเทวดาขอรับ มาสอบถามอาการของท่านกั๋วกงของเราว่าดีขึ้นบ้างหรือไม่ มีอาการกำเริบหรือต้องการการรักษาอีกหรือไม่ขอรับ”
ถังหมิงได้ยินดังนั้นก็โมโหขึ้นมาทันที “ใครนะ? ตระกูลหมอเทวดา!? ยังกล้ามาที่นี่อีกหรือ!?”
เอ่ยจบเขาก็สั่งการทันที “ไป ทุบรถม้าของพวกเขาซะ! ต่อไปหากมีคนจากตระกูลหมอเทวดามาที่นี่อีก ตีได้ตี ทุบได้ทุบ”
พ่อบ้านจูเดินผ่านมาพอดี ได้ยินถังหมิงสั่งให้คนไปทุบรถม้า ก็พยักหน้าหงึก ๆ ด้วยความพอใจ พลางเอ่ยขึ้นมา “นายน้อยสาม ในที่สุดก็รู้ความแล้วสินะ”
ตระกูลหมอเทวดาที่สร้างชื่อเสียงด้วยวิธีการมิชอบมีอะไรต้องต้อนรับกัน หลอกกินหลอกดื่มยังต้องเปลืองน้ำชาให้อีก
“นายน้อยสามโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว”
คนเฝ้าประตูที่มาใหม่ “!!!”
จวนถังกั๋วกง…ยโสเพียงนี้เชียวหรือ!
เย่จิ่งฝูเดิมกำลังหลับตาพักผ่อนอยู่ เพื่อรอคนของจวนถังกั๋วกงมาเชิญลงจากรถม้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีกลุ่มอันธพาลวิ่งออกมาจะมาทุบรถม้าของพวกนาง
ตระกูลหมอเทวดาล้วนเป็นหมอ ไปที่ใดล้วนได้รับความเคารพ สู้กับตระกูลอื่นแล้วไหนเลยจะน้อยหน้า?
ขบวนรถดี ๆ ถูกทุบจนกระจัดกระจายในพริบตา คนขับรถม้าทำอะไรไม่ได้จึงรีบออกจากจวนถังกั๋วกงไป แม้แต่ของตกแต่งในรถม้าก็กระจัดกระจายไปหมด
เย่จิ่งฝูมองความยุ่งเหยิงรอบกาย ก็สะบัดแขนเสื้อด้วยความโมโห “พวกไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้เทียบของจวนถังกั๋วกง ตระกูลหมอเทวดาก็จะไม่สนใจอีกต่อไป”
“คุณหนูอย่าโมโหไปเลยเจ้าค่ะ ตอนนี้พวกเราไปที่จวนจี้กั๋วกงก่อนดีกว่าเจ้าค่ะ”
เย่จิ่งฝูพยักหน้ารับ มาเมืองหลวงครั้งนี้นางยังมีจุดประสงค์อีกอย่าง อาจารย์เคยบอกว่าติดค้างหนี้บุญคุณตระกูลเซี่ย และได้ยินว่าตระกูลเซี่ยยังมีทายาทเหลืออีกคนชื่อว่า จี้จือฮวน ถูกพิษมาตั้งแต่อยู่ในครรภ์ หากนางพบคนผู้นี้ต้องช่วยรักษาอย่างเต็มที่ ทำให้นางหายดีก็นับว่าทำตามคำสั่งของอาจารย์สำเร็จแล้ว
“ไปเถอะ”
ถังหมิงเห็นคนพวกนั้นจากไปหมดแล้ว จึงได้กลับเข้าจวนด้วยความโมโห “ปิดประตู! เอาใบทับทิมมาล้างประตูให้สะอาดด้วย”
…
เอี๋ยนเฉามองดูเงินหีบแล้วหีบเล่าพลันรู้สึกว่าเรียกสามแสนตำลึงนั้นน้อยเกินไปแล้ว คนพวกนี้ร่ำรวยมากจริง ๆ!
“หลานชาย ครั้งนี้คงต้องให้เจ้าไปด้วยตัวเองแล้วล่ะนะ”
เอี๋ยนเฉาหัวเราะเยาะอยู่ในใจ เฮอะ ลูกชายตัวเองแท้ ๆ ยังไม่สนใจ กลับให้เขาไปเสี่ยงอันตราย หน้าไม่อายจริง ๆ!
“ท่านลุง ข้าทำไม่ได้จริง ๆ ขอรับ ท่านปล่อยข้ากลับบ้านเถอะนะขอรับ”
“หลายชาย แม่ทัพทหารเอี๋ยนคงอยู่ในตำแหน่งนี้มาก็หลายปีแล้วกระมัง คงหมดหวังที่จะได้เลื่อนตำแหน่งแล้ว แต่หากเรื่องนี้สำเร็จ ตระกูลของเราจะทดแทนบุญคุณตระกูลเอี๋ยนอย่างแน่นอน”
เฮอะ วางใจเถอะ ต้องสำเร็จแน่
เอี๋ยนเฉาเกือบจะเผลอกลอกตามองบน “ท่านลุง ข้ามีความสามารถอะไรกันเล่าขอรับ แต่ช่างเถอะ ในเมื่อท่านเอ่ยถึงเพียงนี้ ข้าจะไปให้สักครั้งก็ได้ แต่ข้าขอพูดให้ชัดเจนก่อนนะขอรับ หากข้ารู้สึกว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี ตระกูลเอี๋ยนมีข้าเป็นลูกชายเพียงคนเดียว ข้าคงต้องเอาตัวรอดก่อน ที่ข้าไปก็เพราะเห็นแก่พี่เมิ่งเท่านั้นนะขอรับ”
ได้ยินดังนั้น นายท่านเมิ่งก็หยิบตั๋วเงินยัดใส่อกเสื้อของเอี๋ยนเฉา “เช่นนั้นต้องรบกวนหลานชายแล้ว”