เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 336 สร้างเรื่อง
บทที่ 336 สร้างเรื่อง
จวนอู่อันโหว
เซียวหรงหรงไปมาหาสู่กับบรรดาสตรีสูงศักดิ์อยู่เสมอ นับตั้งแต่จัดงานชมดอกไม้เมื่อสองวันก่อน ชาดทาแก้มที่ออกมาใหม่ก็กลายเป็นที่นิยมในทันที แถมมีคนอยากได้ครบทุกสีอีกด้วย!
“หรงหรง เจ้าบอกให้พี่ชายเจ้าทำมามากหน่อยไม่ได้หรือ? มีเท่านี้เอามอบให้พี่สาวน้องสาวของพวกเรายังไม่พอด้วยซ้ำ”
“นั่นน่ะสิ ยังมีน้ำค้างกุหลาบนั่นด้วย ใช้แค่หยดเดียววันต่อมาบนตัวข้ายังมีกลิ่นหอมติดอยู่เลย”
เซียวหรงหรงพูดจนคอแหบแห้ง จากนั้นก็รีบวิ่งไปที่ห้องหนังสือของเซียวเย่เจ๋อ ขอให้โรงงานเครื่องประทินโฉมเพิ่มการผลิต ตอนนี้ไม่มีใครที่ไม่รู้จักเครื่องประทินโฉมที่ครอบครัวของพวกเขาขายอีก
เซียวเย่เจ๋อกำลังง่วนอยู่กับการดูแบบของภัตตาคาร ได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าให้แล้วเอ่ยขึ้นมา “เจ้าให้พวกนางจ่ายเงินมัดจำมาก่อน คนที่หาลูกค้ามาได้มากที่สุดจะได้รับบัตรลูกค้าพิเศษ และจะเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับชุดทดลองใช้”
เซียวหรงหรงพยักหน้ารับ ก่อนจะเอ่ยด้วยความดีใจ “เช่นนั้นจี้จือฮวนจะมาอีกเมื่อใดอย่างนั้นหรือ? สีชาดเหล่านี้ล้วนเป็นฝีมือของนางไม่ใช่หรือ?”
หากไม่ใช่เพราะจี้จือฮวน นางก็คงไม่ออกไปทำการค้าข้างนอกทั้งวันเช่นนี้แน่
เซียวเย่เจ๋อชะงักไป “นางมีธุระ พวกเจ้าไม่ต้องเจอกันบ่อยจะดีกว่า”
เซียวหรงหรงเบ้ปาก ก่อนจะเดินออกมาจากห้องหนังสือของเซียวเย่เจ๋อเงียบ ๆ เฮ้อ ไม่รู้ว่านางอยู่ที่ตำบลฉาซู่จะเป็นเช่นไรบ้าง ที่นั่นไม่ได้สะดวกสบาย เสื้อผ้าที่ใช้เป็นแบบใหม่หรือไม่ เผยยวนดูแลนางดีหรือไม่?
ไม่ได้! เพื่อให้จี้จือฮวนอยู่ที่ตำบลฉาซู่มีชีวิตที่ดีขึ้น นางต้องตั้งใจทำการค้า! ต้องทำให้เครื่องประทินโฉมที่ตระกูลเซียวทำออกมา ขายจนหมดให้ได้!
“คุณหนู เทียบที่ธิดาหงส์บัญชาสวรรค์ส่งมา พวกเราจะไปหรือไม่เจ้าคะ?”
“ไม่ไป” เซียวหรงหรงเอ่ยอย่างดูแคลน
“พวกเราทำการค้าไม่ใช่หรือเจ้าคะ? แม่นางน้อยในเมืองหลวงจำนวนมากต่างก็ไปกัน ไม่มีผู้ใดกล้าไม่ให้เกียรตินางนะเจ้าคะ”
“เฮอะ ครั้งก่อนข้าได้ยินนางถามแม่นางน้อยของตระกูลจ้าว ว่าจี้จือฮวนอัปลักษณ์เพียงนั้นจริงหรือไม่ คนที่หยาบคายเพียงนี้ไม่ได้คบค้าสมาคมด้วยก็ไม่เป็นไร คนเช่นนี้ก็สามารถเป็นธิดาหงส์บัญชาสวรรค์ได้อย่างนั้นหรือ? ข้าว่าพี่ชายข้าพูดไม่ผิด นางก็เป็นแค่นักต้มตุ๋นคนหนึ่ง เทียบเชิญก็ดูยากจน แม้แต่ทองคำเปลวสักแผ่นก็ยังไม่มี โยนทิ้งไปซะ ต่อไปตระกูลของเราจะไม่ไปมาหาสู่กับนักต้มตุ๋น! มีเวลาว่างเช่นนี้ไม่สู้ข้าเอาไปหาเงินยังจะดีเสียกว่า”
จี้จือฮวนเป็นผู้มีพระคุณของนาง! เซียวหรงหรงไม่ใช่คนเนรคุณ
…
เอี๋ยนเฉารีบเร่งมาตลอดทาง ภายนอกยังต้องแสดงท่าทางเหมือนไม่อยากไป ระหว่างทางจึงตะโกนขอพักเป็นระยะ
แต่ฝนตกเช่นนี้จะไปพักที่ใดได้ จึงถูกยอดฝีมือเหล่านั้นบังคับให้นั่งบนหลังม้าแล้วเดินทางต่อจนเปียกปอนไปทั้งตัว ทว่าในใจของเขากลับอบอุ่น
เข้าใกล้ตำบลฉาซู่มากขึ้นเรื่อย ๆ นี่หมายความว่าอะไร? หมายความว่าลูกพี่ฮวนฮวนกำลังรออยู่ด้านหน้าแล้วอย่างไรเล่า!
อาควนอาศัยจังหวะที่ไปปัสสาวะรีบส่งสัญญาณขึ้นบนท้องฟ้า แล้วแอบย่องกลับมา เสียงฝนผสมกับเสียงเกือกม้ากลบเสียงสัญญาณไปจนหมด จึงไม่มีใครสังเกตเห็น
“ฮูหยิน เอี๋ยนเฉากลับมาแล้วขอรับ”
จี้จือฮวนปิดเคล็ดวิชากำลังภายในเล่มนั้น ก่อนจะโยนเข้าไปในช่องว่างมิติ จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน “ไปแจ้งทางไป๋จิ่นหน่อย ว่าไปเจอกันที่ทางแยกข้างหน้า
ให้คนในที่มั่นบนภูเขาเตรียมตัวให้พร้อม”
“ขอรับ!”
ปฏิบัติการครั้งนี้จี้จือฮวนไม่ได้ให้เผยยวนตามมาด้วย ทั้งหมดจึงเป็นทหารของกองทัพทหารเกราะเหล็กที่นางฝึกขึ้นมาเพื่อปฏิบัติภารกิจนี้โดยเฉพาะ
ความจริงแล้วในใจของเอี๋ยนเฉารู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาทำเรื่องใหญ่เพียงนี้ หากว่าความลับถูกเปิดเผย ตระกูลเอี๋ยนของเขาคงได้เจอปัญหาแน่ แต่หากว่าทำสำเร็จ เช่นนั้นต่อไปก็จะมีแต่โชคดีไหลมาเทมา
ไปบ่อนทั้งวัน ก็ควรให้เขาได้เปิดบ่อนใหญ่สักบ่อนถึงจะถูก
ฝนเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับฟ้ารั่วอย่างไรอย่างนั้น เอี๋ยนเฉารู้สึกว่าการมองเห็นเริ่มพร่ามัว จนกระทั่งเสียงกระดิ่งเงินค่อย ๆ ดังขึ้น หัวใจของเอี๋ยนเฉาก็เต้นรัวขึ้นมาทันที มาแล้ว!
เหล่ายอดฝีมือล้วนเป็นตระกูลต่าง ๆ ช่วยกันหามา และบอกว่าเป็นระดับแถวหน้าทั้งนั้น
แต่พูดตามตรงว่าไม่มีใครเชื่อฟังใครเลย ต่อให้จะเป็นคนของตระกูลใหญ่ แต่ลับหลังก็ยังคงมีความเหลื่อมล้ำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินรายเดือน วรยุทธ์ใครสูงส่งกว่ากัน ใครมีฉายาในยุทธภพว่าอะไร
ตลอดทางที่เดินมาด้วยกัน เอี๋ยนเฉานั้นทั้งพูดจาหลอกล่อ เดี๋ยวก็ชวนดื่มเหล้า จึงทำให้เขาเข้าใจคนเหล่านี้อย่างชัดเจน เรื่องสร้างความขัดแย้งภายในเขาถนัดยิ่งนัก
ทั้ง ๆ ที่ผู้ชายข้างกายมีท่าทางเหมือนจะเป็นหัวหน้า แต่เอี๋ยนเฉากลับหันหน้าไปตะโกนด้วยความกลัว “โอ๊ย พี่เจียง เหตุใดท่านถึงอยู่ห่างจากข้าเพียงนั้นเล่าขอรับ ฝนตกหนักเพียงนี้กลับมีเสียงกระดิ่งดังขึ้นมา ต้องมีโจรมาปล้นของเป็นแน่!”
แน่นอนว่าชายหน้าดำที่อยู่ข้าง ๆ ก็ถลึงตามองมาทันที เอี๋ยนเฉาหัวเราะเยาะในใจ เจ้าไม่พอใจแล้วเกี่ยวอะไรกับข้าด้วย ไม้กวนอึ*อย่างข้า วันนี้จะกวนอึอย่างพวกเจ้าให้เละเลย!
* ไม้กวนอึ (搅屎棍) หมายความว่า ตัวป่วน ตัวปัญหา
ตอนที่เยว่พั่วหลัวเดินถือร่มมา เมื่อเห็นคนกลุ่มนี้ยืนกันกระจัดกระจาย แถวก็เรียงกันไม่เป็นระเบียบ คิ้วของนางก็กระตุกขึ้นทันที จากนั้นจึงพูดออกมาอย่างคนหมดความอดทน “ทิ้งของเอาไว้ ส่วนคนหากไม่อยากตายก็ไสหัวไปซะ”
ตอนที่นางพูดนั้นก็มีแมลงสีทองบินอยู่รอบ ๆ กายของนางด้วย ช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก
มีคนที่รู้จักสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่แล้วกล่าวว่า “หรือจะเป็นคนของสำนักกู่”
ริมฝีปากสีแดงของเยว่พั่วหลัวยกขึ้น “นับว่าพวกเจ้ายังฉลาดอยู่บ้าง”
“ไม่ต้องพูดมาก ของนี่พวกเราไม่มีทางทิ้งเอาไว้แน่ แต่ตัวเจ้า พวกเราพี่น้องจะขอเก็บเอาไว้ใช้งานเอง” ชายหน้าดำหยิบทวนยาวออกมา และพุ่งเข้าสังหารเยว่พั่วหลัวทันที
และในตอนนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีชายหนุ่มท่าทางแข็งแรงสิบกว่าคนกระโดดออกมาจากทางด้านหลังของเยว่พั่วหลัว ไม่เพียงเท่านั้น ริมถนนยังมีชายในชุดขาวลอยอยู่ในอากาศ ทั้งสองมองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนจะพุ่งเข้าไปหาคนกลุ่มใหญ่
“เจ้าหน้าขาว คนพวกนี้เป็นของข้า!”
“พวกเขารูปร่างไม่เท่ากัน ยกให้ข้าดีกว่า”
ค่าข้าวของเดือนหน้า เป็นตายก็ไม่สามารถแพ้ให้อีกฝ่ายได้!!!
นี่เป็นการชิงเงินกันอย่างนั้นหรือ! ไม่ใช่ นี่เป็นการเดิมพันศักดิ์ศรีของสำนักกู่กับสำนักพิษ! ศึกชิงเงินค่าอาหาร!
เอี๋ยนเฉาไม่รู้ว่าถูกใครโยนลงไปในแอ่งน้ำ อาควนจึงรีบลากเขาไปที่ใต้ร่มไม้ เขาเช็ดหน้าไปหนึ่งทีจึงเห็นจี้จือฮวนยืนอยู่ข้าง ๆ
“ฮูหยิน! ท่านก็มาด้วยหรือขอรับ?!”
จี้จือฮวนชำเลืองมองเขาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่รังเกียจ “เจ้าตกไปในอึม้าหรืออย่างไร?”
เอี๋ยนเฉาตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวกลายเป็นมนุษย์โคลนไปแล้ว
“นี่เป็นกลุ่มสุดท้ายแล้วใช่หรือไม่ เจ้ามาได้อย่างไรกัน ฝนตกหนักเพียงนี้”
“เป็นกลุ่มสุดท้ายแล้วขอรับ ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมา ของก็เอามาครบแล้วขอรับ”
เอี๋ยนเฉาลูบที่หน้าอก ก่อนจะหยิบจดหมายที่ห่อด้วยกระดาษทาน้ำมันออกมา “อยู่ในนี้หมดแล้ว ทุกตระกูลร่วมกันลงชื่อบอกว่าต้องการไถ่เอาข้าวสารและสมุนไพรเหล่านั้นกลับคืน นี่คือหลักฐานขอรับ”
จี้จือฮวนรับมา “ทำได้ไม่เลว”
เอี๋ยนเฉาหัวเราะแหะ ๆ จากนั้นจี้จือฮวนก็ส่งเสียงชิชะออกมา “ข้ารู้สึกว่าเจ้าทำงานไม่สมกับความสามารถเลย เคยคิดจะทำเรื่องที่ใหญ่กว่านี้หรือไม่?”
เอี๋ยนเฉาคิดไปคิดมา ก็รู้สึกดีใจเล็กน้อย “ใหญ่เพียงใด ทำกับใคร หากยากเกินไป คนเขาจะไม่เชื่อเอานะขอรับ”
“ราชครู เจ้าจะทำหรือไม่?”
“ราชครู? นักต้มตุ๋นที่มาใหม่นั่นน่ะหรือขอรับ ทำอย่างไรขอรับ?”
“เจ้าคงรู้จักคนในเมืองหลวงไม่น้อยกระมัง?”
“อืม”
การต่อสู้ข้างนอกกำลังจะสิ้นสุด เยว่พั่วหลัวกับไป๋จิ่นก็สู้กันพอแล้ว จี้จือฮวนจึงถือร่มและย่อตัวลงมองเอี๋ยนเฉา พร้อมกับเอ่ยขึ้นมา “ข้าต้องการให้เจ้าใช้เส้นสายของเจ้าที่มีในเมืองหลวง เพื่อบอกให้โลกรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของราชครูเจียงเช่อ ยังมีธิดาหงส์บัญชาสวรรค์นั่นด้วย”
เอี๋ยนเฉาสูดลมหายใจเข้า “ตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาเป็นคนที่ชั่วช้ามากหรือขอรับ? ต้องการให้ข้าไปป่าวประกาศเมื่อใดขอรับ?”
“เมื่อเกิดเรื่องที่หลูโจว”
.