เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 345 อย่าดูถูกอันธพาล
บทที่ 345 อย่าดูถูกอันธพาล
นับตั้งแต่ที่เขาขนเงินมาพร้อมยอดฝีมือก็เป็นเวลาสี่ถึงห้าวันแล้ว คิดว่าคนในเมืองหลวงพวกนั้นคงนั่งไม่ติดกันนานแล้ว
ได้เวลาทำงานแล้ว เอี๋ยนเฉาวางตีนเป็ดลง รวบรวมความกล้าแล้วกัดฟันเตรียมกลิ้งลงมาจากบนเนิน
“เจ้าจะทำอะไร?” จี้จือฮวนเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นเขาทำหน้าตาราวกับกลัวตาย จึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา
เอี๋ยนเฉาเอ่ยพลางร้องห่มร้องไห้ออกมา “แสดงละครก็ต้องแสดงให้สมจริง ข้ากินจนอ้วนเช่นนี้ มันไม่ถูกต้องนะขอรับ!”
ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง จี้จือฮวนกลอกตามองบนด้วยความระอา “นั่งลงเถอะ ข้าจะแต่งหน้าให้เจ้าเอง”
การแต่งหน้าแบบพิเศษเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสายลับ รับรองว่าน่าสงสารแน่นอน!
เมื่อเอี๋ยนเฉาออกมาจากกระโจมเล็ก ๆ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเลือด ทั่วร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล เสื้อผ้าชุดเดิมของเขาขาดวิ่น มองไม่ออกเลยว่าเมื่อครู่เขากินดีอยู่ดีมา บอกว่าเป็นคนจรจัดก็คงจะมีคนเชื่อ
เอี๋ยนเฉามองตัวเองในกระจก แทบอยากจะคุกเข่าขอเป็นศิษย์ของจี้จือฮวนเสียเดี๋ยวนี้ มีฝีมือเช่นนี้วันหน้าหากใช้เรียกความสงสารจากท่านย่าเพื่อขอเงิน จะราบรื่นเพียงใดกัน!
น่าเสียดายที่จี้จือฮวนให้คนพาเขาไปยังที่มั่นบนภูเขาทันที ไม่อยากฟังเขาพูดจาไร้สาระอีกแม้เพียงหนึ่งเค่อ
นางเพิ่งได้เคล็ดวิชากำลังภายในมาจากเจียงจือหวย นางยังต้องไปหาเผยยวนเพื่อศึกษาว่าจะต้องฝึกฝนอย่างไรอีก
เอี๋ยนเฉาคุ้นเคยกับการทำเรื่องแบบนี้มากขึ้น แม้ว่าสองวันมานี้จะกิน ๆ นอน ๆ อยู่ที่ตำบลฉาซู่ แต่เขารู้ตัวดีว่ายังมีไม่คุณสมบัติจะเข้าร่วมในงานสำคัญของฮูหยิน เขายังต้องสร้างผลงานใหญ่อีกสองสามเรื่องถึงจะได้
ในเมื่อเสนอชื่อไปแล้ว เขาก็ต้องทำให้ดี
ชีวิตนี้เอี๋ยนเฉายังไม่เคยมีปณิธานที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกว่าการทำตัวเป็นลูกผู้ดีไปวัน ๆ ของเขานับว่ามาถึงจุดที่อิ่มตัวแล้ว แต่หากว่าในบันทึกประวัติศาสตร์ในภายภาคหน้า สามารถจดจำวีรกรรมในครั้งนี้ของเขาเอาไว้ได้ในมุมใดมุมหนึ่งเล่า
…
ส่วนพวกเมิ่งเยี่ยนทั้งสามคนในเวลานี้ ถูกทรมานมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว
ตั้งแต่เริ่มจากไม่ชำนาญตอนนี้เรียกได้ว่าเชี่ยวชาญในการคัดแยกสมุนไพรแล้วและไม่พูดมากอีก เพราะกลัวว่าอีกเดี๋ยวจะไม่มีน้ำกิน เพราะหากทำงานได้ดีก็จะได้กินกับข้าวมากมาย บวกกับเนื้อเสียบไม้ย่างมื้อดึกอีกหนึ่งมื้อ รสชาติดีกว่าภัตตาคารใหญ่ ๆ ในเมืองหลวงเสียอีก ทำให้คนอยากจะกินทั้งวันทั้งคืน
หลี่หัวจัดการสมุนไพรตะกร้าสุดท้ายเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ไม่มีอะไรทำอีก ในใจจึงรู้สึกว่างเปล่าเล็กน้อย
จ้าวเหนียนกลืนน้ำลายลงคอ “ไม่รู้ว่าเย็นนี้จะมีอะไรกินบ้าง”
เมิ่งเยี่ยนเอ่ยอย่างหงุดหงิด “พวกเจ้าไม่กังวลเลยหรือ? นี่มันกี่วันแล้ว ตามหลักแล้วเอี๋ยนเฉาก็ควรจะเอาเงินกลับมาได้แล้ว หรือเขาไม่ได้กลับเมืองหลวง?”
“ไม่น่าใช่นะ ก่อนหน้านี้พี่ลิ่วบอกให้พวกเราอยู่สงบ ๆ ไปก่อน บอกว่าเอี๋ยนเฉากลับเมืองหลวงแล้วไม่ใช่หรือ?”
เมิ่งเยี่ยนเอ่ยด้วยความโมโห “เขาบอกว่ากลับก็เชื่อว่ากลับไปจริง ๆ อย่างนั้นหรือ? เหตุใดพวกเจ้าถึงเชื่อเขาง่าย ๆ เช่นนี้กัน”
หลี่หัวรู้สึกกลัวขึ้นมา “เอี๋ยนเฉาคงไม่ได้ตายระหว่างทางหรอกกระมัง? เช่นนั้นก็ไม่มีคนมาช่วยพวกเราแล้วน่ะสิ สมุนไพรนี่ก็คัดแยกจนหมดแล้ว พวกเขาจะเอาไปหมดใช่หรือไม่?”
ยังจะถามว่าใช่หรือไม่อีก นี่มันเห็นอยู่ชัด ๆ นะ!
เมิ่งเยี่ยนร้อนใจจนอยากจะมีปีกบินออกไป แต่ในตอนนั้นเองประตูห้องขังก็เปิดออก ชายขาพิการคนหนึ่งเดินเข้ามาหาพวกเขาพลางร้องห่มร้องไห้ไปด้วย
จ้าวเหนียนอยู่ใกล้ลูกกรงที่สุด เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็ตกใจเป็นอย่างมาก “พวกเราตั้งใจทำงานนะ!”บราวนี่ออนไลน์
“พี่เมิ่ง พี่จ้าว พวกเจ้าทำข้าเอาไว้เจ็บแสบมาก!” เอี๋ยนเฉาร้องไห้ออกมา ทำให้คนที่ถูกขังอยู่ในห้องอื่นชะโงกหัวออกมาดูด้วยความตกใจ คนพวกนี้ต่างก็เป็นเหล่าเชลยที่จี้จือฮวนทยอยจับกลับมา
พวกเขาก็ต้องทำงาน เพียงแต่งานที่ทำล้วนเป็นงานหยาบ เช่นการคัดถั่วอะไรพวกนั้น จ้องจนเจ็บตาไปหมด แต่เมื่อเห็นพวกเมิ่งเยี่ยนที่ฐานะสูงกว่าพวกเขายังทำตามอย่างสงบเสงี่ยม จึงไม่คิดที่จะโวยวายอีก แค่รอให้คนมาช่วยเท่านั้น
ผ่านมาหลายวันล้วนมีอาหารให้กินหลังทำงานเสร็จ ทุกคนจึงค่อย ๆ ผ่อนคลายลง
ทว่าเมื่อเห็นคนที่โชกไปด้วยเลือด แต่ละคนต่างก็หน้าซีดด้วยความตกใจ
“เอี๋ยนเฉา!? เหตุใดเจ้าถึงมีสภาพเช่นนี้ได้”
เอี๋ยนเฉาเอ่ยพร้อมกับร้องไห้ขึ้นมา “อย่าพูดเลย ข้าจะพาพวกเจ้าออกไป”
เมิ่งเยี่ยนเอ่ยด้วยความดีใจ “พวกเราไปได้แล้วหรือ? ทำไมล่ะ? ที่บ้านให้เงินมาแล้วหรือ? ให้มาเท่าไร?”
เอี๋ยนเฉาหัวเราะเยาะในใจ เป็นสุนัขที่ไร้มโนธรรมจริง ๆ หากเขายอมลำบากเพื่อคนเช่นนี้จริง ไม่สู้ชดใช้หนี้ให้เผยยวนตลอดชีวิตเสียยังดีกว่า!
เมื่อเห็นเมิ่งเยี่ยนเอ่ยเช่นนี้ หาได้สนใจความเป็นความตายของเขาไม่ ความเห็นอกเห็นใจสุดท้ายที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดของเอี๋ยนเฉาก็หมดลง
“ยังจะถามหาเงินอะไรอีกหรือ! ได้ออกไปก็ดีมากแล้ว ยอดฝีมือที่บ้านของพวกเจ้าส่งมาไม่รอดแม้แต่คนเดียว หากไม่ใช่เพราะข้ายังมีประโยชน์อยู่บ้าง พูดจาน่าฟังจนพวกเขาไว้ใจ พวกเจ้าก็รอความตายไปเถอะ”
หลี่หัวไม่อยากอยู่ที่นี่ตั้งนานแล้ว เหาแทบจะขึ้นหัวเขาอยู่แล้ว เมื่อได้ยินว่าสามารถออกไปได้ก็ไม่สนใจอะไรอีก!
“ยังจะถามให้มากความไปทำไมกัน พวกเราจะออกไปได้อย่างไร ขนาดเจ้ายังมีสภาพเช่นนี้ พวกเราจะสามารถออกไปจากที่นี่อย่างปลอดภัยหรือไม่?”
เอี๋ยนเฉาจ้องหน้าพวกเขา จากนั้นก็อ้าปากพูดด้วยความเสียใจออกมา “ข้าเองก็พยายามอย่างเต็มที่แล้ว เพราะข้ารับปากคนในครอบครัวของพวกเจ้าว่าจะพาพวกเจ้ากลับไปให้ได้ แต่พวกเขาบอกว่าพวกเจ้าสามคนจะออกไปได้แค่สองคนเท่านั้น”
ทันทีที่เอ่ยจบก็ทำให้พวกเมิ่งเยี่ยนเงียบลงทันที
“เช่นนั้นพวกเราเล่า! พวกเราเล่า!” คนที่อยู่ในห้องขังอื่นก็ตะโกนขึ้นมา
“พวกเขาก็ให้พวกเราเขียนจดหมายเหมือนกัน คนในครอบครัวพวกเราต้องรวบรวมเงินให้แน่นอน ตอนนี้เงินมาถึงแล้ว แต่กลับไม่ปล่อยตัวพวกเราออกไปหมายความว่าอย่างไรกัน?”
น่าแปลกจริง ๆ เมืองหลวงกลับไม่มีใครแจ้งทางการเลย!
เอี๋ยนเฉาตะคอกออกมา “หุบปาก เรื่องของพวกเจ้าข้าสอดมือเข้าไปยุ่งไม่ได้ ข้าสนใจแค่พี่น้องของตัวเองเท่านั้น”
เมิ่งเยี่ยนเอ่ยขึ้นเป็นคนแรก “ข้าต้องได้ออกไป ข้าเป็นคนของตระกูลเมิ่ง ตระกูลเราคงออกเงินมากสุดกระมัง”
หลี่หัวหวาดกลัวขึ้นมา ในบรรดาพวกเขาสามคนตระกูลเขาอ่อนแอที่สุด หากเป็นไปตามที่เมิ่งเยี่ยนพูด เขาก็ต้องอยู่รอความตายต่อไปอย่างนั้นหรือ? หากเอี๋ยนเฉาไปแล้วไหนเลยยังจะกลับมาอีก
หลี่หัวไม่เชื่อ! เขาพุ่งเข้าไปดึงจ้าวเหนียนเอาไว้ “ตระกูลของเจ้ากับข้าไม่ต่างกันมากนัก เจ้ามีสิทธิ์อะไรได้ออกไปก่อน”
เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนกำลังจะทะเลาะกัน เมิ่งเยี่ยนก็ตบลูกกรงของห้องขัง “พาข้าออกไป เอี๋ยนเฉาเร็วเข้า!”
เอี๋ยนเฉายกยิ้มมุมปากโดยที่เขาไม่เห็น “เจ้าเป็นคนเลือกเองนะ”
เมิ่งเยี่ยนไม่เข้าใจความหมายในคำพูดนี้ของเขา จนกระทั่งเอี๋ยนเฉาให้คนมาเปิดห้องขัง หลี่หัวกับจ้าวเหนียนก็สู้กันอย่างไม่มีใครยอมใคร สุดท้ายเป็นหลี่หัวที่บีบคอจนจ้าวเหนียนเกือบหมดลมหายใจแล้วจึงพุ่งตัวออกมา
เมิ่งเยี่ยนไม่สนใจว่าคนใดจะได้กลับเมืองหลวงกับเขา ต่อให้คนเหล่านี้จะตายจนหมด เขาก็จะต้องกลับไปที่เมืองหลวงให้ได้อยู่ดี
หลี่หัวเพิ่งจะสู้เสร็จก็ตามเมิ่งเยี่ยนออกมาจากห้องขังทันที ก่อนจะตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ นี่มันราบรื่นเกินไป เมื่อเขาเห็นโจรภูเขาทางด้านนอก เขาก็รีบหลบอยู่ด้านหลังของเมิ่งเยี่ยนตามสัญชาตญาณ
เสี่ยวลิ่วจื่อกัดผิงกั่วไปหนึ่งคำ ก่อนจะเอ่ยพร้อมหัวเราะออกมา “หากอยากออกไป ที่มั่นของข้ามีกฎอยู่หนึ่งข้อ”
เมิ่งเยี่ยนขมวดคิ้ว “ให้เงินไปแล้วไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงมีกฎบ้าบออีกเล่า”
เสี่ยวลิ่วจื่อเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เป่ยป้าเทียนทำอะไรต้องให้เจ้าสอนด้วยหรือ? เจ้าจะไสหัวกลับเข้าไปในห้องขังก็ได้ อยู่ในที่ของข้าก็ต้องเชื่อฟังข้า”
เมิ่งเยี่ยนสะกดความโมโหเอาไว้ “กฎอะไร?”
“อยากลงจากเขา แขนขาต้องถูกหักทั้งหมด!” เสี่ยวลิ่วจื่อเอ่ยจบก็โยนผิงกั่วทิ้ง คนที่พามาจากกองเรือก็กดเมิ่งเยี่ยนและหลี่หัวเอาไว้ และไม่รอให้พวกเขาได้ตอบโต้อะไร กระบองเหล็กก็เหวี่ยงลงมาทันที ก่อนเสียงร้องโหยหวนจะดังตามมา ทำให้ทุกคนในห้องขังตกใจจนตัวสั่นและดวงตาเผยความสิ้นหวังออกมา
เอี๋ยนเฉามองด้วยสายตาเย็นชา และพยักหน้าให้เสี่ยวลิ่วจื่อ
…
ในเวลานี้อันธพาลอันดับหนึ่งแห่งตำบลฉาซู่ จางปาเหลี่ยงก็มาถึงเมืองหลวงแล้วเช่นกัน จากนั้นเขาก็ไปยังสถานที่ที่ขอทานรวมตัวกันอย่างคุ้นเคยเพราะเคยมาหลายครั้งแล้ว ก่อนจะโยนเงินให้พวกเขาหนึ่งกำมือและพูดอะไรบางอย่าง หลังจากนั้นก็จากไปอย่างเงียบ ๆ…
.
.