เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 348 สุมหัวกัน
บทที่ 348 สุมหัวกัน
“ว่าอย่างไรนะ? องค์ชายสามถูกขังอยู่ในตำหนัก ทั้งยังถูกทหารองครักษ์คอยเฝ้าอยู่ด้วยอย่างนั้นหรือ?” จี้หมิงซูคว้าตัวนางในผู้หนึ่งมาเค้นถาม
นางในไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางต้องตื่นตระหนกเพียงนี้ด้วย “เรียนท่านธิดาเทพ เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เจ้าค่ะ”
เมื่อครู่นางเพียงแค่กระซิบกระซาบกับคนรับใช้ในวังไม่กี่คน คิดไม่ถึงว่าจะถูกธิดาหงส์บัญชาสวรรค์ได้ยินเข้า หากถูกไต่สวนว่านางกล้าวิจารณ์เรื่องของเจ้านายล่ะก็ เกรงว่าชีวิตน้อย ๆ นี้คงไม่อาจรักษาเอาไว้ได้ ขณะกำลังจะขอร้องธิดาเทพอยู่นั้น ใครจะไปคิดว่านางจะเดินจากไปอย่างคนที่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเสียแล้ว
จี้หมิงซูคิดไม่ถึงเลยว่าเซี่ยเซวียนจะเป็นคนที่ไม่ได้เรื่องขนาดนี้ ทำเรื่องใหญ่เช่นนี้กลับไม่เหลือทางหนีทีไล่เอาไว้ ให้คนเจอหลักฐานและเอามาเปิดโปงได้
แต่นางคุยกับเขาเอาไว้แล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องไปดูเขาเสียหน่อย ถามเรื่องราวให้ชัดเจน จะได้วางแผนขั้นต่อไปถูก
เป็นเรื่องยากที่คนธรรมดาจะได้พบองค์ชายสาม แต่ฐานะของจี้หมิงซูนั้นไม่เหมือนคนอื่น นางสามารถใช้ฐานะราชครูของเจียงเช่อ บอกว่าจะเข้าไปในตำหนักขององค์ชายสามเพื่อกำจัดวิญญาณชั่วร้ายได้
คนที่รับผิดชอบและเฝ้าอยู่ย่อมไม่อยากให้จี้หมิงซูเข้าไป แต่มีเงินจะปลุกผีขึ้นมาโม่แป้งให้ก็ย่อมได้ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้นางก็เป็นแค่นักต้มตุ๋นในยุทธภพคนหนึ่ง แน่นอนว่าชายกลุ่มนี้คงไม่คิดว่านักต้มตุ๋นอย่างนางจะสามารถพาเซี่ยเซวียนหนีออกไปภายใต้จมูกของพวกเขาได้ ขอเพียงคนไม่หายไปก็พอแล้ว
หลังจากที่เซี่ยเซวียนถูกขังก็ไม่ได้พบกับผู้ใดอีกเลย จู่ ๆ ได้ยินว่าธิดาหงส์บัญชาสวรรค์มา ก็คิดว่าเป็นพระประสงค์ของฮ่องเต้เซี่ยเจิน จึงวิ่งไปต้อนรับคนที่หน้าประตูห้องอย่างรวดเร็ว
เกือบชนจี้หมิงซูล้มลง
“เป็นเสด็จพ่อให้เจ้ามาใช่หรือไม่ เสด็จพ่อเชื่อข้าแล้วใช่หรือไม่?”
จี้หมิงซูมององครักษ์ที่ยืนอยู่หน้าประตู แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบขึ้นมา “เข้าไปคุยกันเถอะ”
เซี่ยเซวียนรีบหลีกทางให้ หลังจากปิดประตูแล้วจึงได้ลากนางมา “เจ้าต้องช่วยข้านะ เรื่องนี้ต้องมีปัญหาแน่ ไม่รู้ว่ามีข่าวรั่วไหลออกไปได้อย่างไร มันไม่ควรเป็นเช่นนี้ไปได้นี่นา”
จี้หมิงซูชักแขนของตัวเองกลับ ในใจก็คิดว่าเหตุใดนางถึงได้เลือกพันธมิตรที่ไม่ได้เรื่องเช่นนี้กัน ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ยังจะมาขอร้องให้นางช่วยอีกอย่างนั้นหรือ นางสามารถควบคุมกิจการในราชสำนักได้หรืออย่างไรกัน?
เดิมจี้หมิงซูยังมีความสงสัย อยากจะถามเซี่ยเซวียนว่าจะสามารถกู้สถานการณ์กลับมาได้หรือไม่ แผนการของนางจะทำเช่นไร ทว่าตอนนี้กลับหยุดความคิดนั้นลง “ที่หม่อมฉันมาไม่ใช่พระประสงค์ของฝ่าบาท”
สีหน้าของเซี่ยเซวียนเปลี่ยนไป “เจ้ามาเพื่อขอยุติความร่วมมืออย่างนั้นหรือ? ตอนนี้เจ้าคิดจะเอาตัวรอดเพียงผู้เดียวใช่หรือไม่? เดิมทีข้าไม่ได้ให้คนซื้อสมุนไพรมากมายเพียงนี้ แต่เป็นเพราะเจ้าที่เป็นคนเสนอความคิดนี้ให้ข้า ถึงเวลาจะได้เอาไว้ใช้สร้างชื่อเสียงในฐานะธิดาหงส์บัญชาสวรรค์ของเจ้า! ยังคิดจะให้คนไปวางยาอีกไม่ใช่หรือ!?”
จี้หมิงซูหัวเราะเยาะ “นั่นมันเมื่อก่อน แต่ตอนนี้องค์ชายยังเอาตัวเองไม่รอดเลย”
เซี่ยเซวียนรู้สึกขุ่นเคือง “เจ้านับเป็นตัวอะไรกัน ก็แค่นักต้มตุ๋นในยุทธภพคนหนึ่ง! หากไม่ใช่เพราะเสด็จพ่อถูกพวกเจ้าหลอกจนหัวหมุน เจ้าดูสิว่าในเมืองหลวงมีผู้ใดสนใจเจ้าบ้าง!? เจ้าคู่ควรมาพูดคุยกับข้าที่นี่อย่างนั้นหรือ?”
แน่นอนว่าจี้หมิงซูเป็นคนที่หยิ่งยโสมาก เมื่อถูกเซี่ยเซวียนพูดจาถากถางเช่นนี้ ก็แสร้งทำเป็นบอกว่าจะกลับแล้ว แต่ไหนเลยจะรู้ว่ากลับเป็นการกระตุ้นความโกรธของเซี่ยเซวียน เขาลากนางมาไว้ใต้ร่างและกำลังจะฉีกผ้าคลุมของนาง
“ข้าจะดูสิว่าชะตาฮองเฮาเช่นเจ้า มีใบหน้าที่งามล่มเมืองสมกับเป็นแบบอย่างของสตรีทั้งใต้หล้าหรือไม่!”
อย่างไรเสียจี้หมิงซูก็ไม่มีวรยุทธ์ ไหนเลยจะใช่คู่ต่อสู้ของเซี่ยเซวียน จึงถูกเขากระชากหมวกคลุมหน้าและเลิกผ้าปิดหน้าออก
“อย่า!” จี้หมิงซูกุมใบหน้าเอาไว้และหลบไปด้านหลังทันทีบราวนี่ออนไลน์
เซี่ยเซวียนจ้องนางอยู่พักหนึ่ง ทันใดนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย “ที่แท้ก็เป็นเจ้านี่เอง! เสด็จพี่รองรู้หรือไม่ว่าที่ผ่านมาเพื่อต้องการให้ข้าช่วยเหลือเจ้า เจ้ายอมให้ข้าแตะเนื้อต้องตัวเช่นไรบ้าง?”
ลูกสาวของครอบครัวทั่วไปจะพบกับบุรุษเป็นการส่วนตัวได้อย่างไร มิหนำซ้ำพอเริ่มสนิทสนมกันนางยังยอมให้เขาจับมือถือแขนอีกด้วย
ตอนที่นางยังเป็นสตรีที่มีความสามารถอันดับหนึ่งของเมืองหลวงอยู่นั้น เรียกว่าไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตา เพราะในสายตานางมีเพียงเซี่ยหยางเท่านั้น ทว่าตอนนี้กลับปิดบังชื่อเสียงเรียงนามและมาคลุกคลีอยู่กับเขา หากเขาไม่เกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน คงได้สวมหมวกเขียวใบใหญ่ให้กับเซี่ยหยางไปแล้ว เขาต้องมีความสุขมากเป็นแน่
น่าเสียดายที่ตอนนี้เขาถูกกักบริเวณอยู่ สตรีผู้นี้คิดจะเอาตัวรอดอย่างนั้นหรือ? ฝันไปเถอะ
“เจ้าว่าหากข้าบอกสิ่งที่เจ้าพูดกับข้าออกไป เจ้ากับข้าใครจะตายเร็วกว่ากัน?”
แน่นอนว่าย่อมเป็นจี้หมิงซู ทั้งสองต่างก็รู้ดีว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร
เขาเป็นลูกชายของฮ่องเต้เซี่ยเจิน ส่วนจี้หมิงซูนับเป็นตัวอะไรกัน โทษฐานหลอกลวงเบื้องสูงกอปรกับยุยงองค์ชาย นางเตรียมถูกรถม้าห้าคันดึงแยกร่างจนตายได้เลย
“เจ้าจะเอาอย่างไร?” จี้หมิงซูเริ่มรู้สึกเสียใจขึ้นมา หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้นางไม่ควรมาเลย
เซี่ยเซวียนวางท่าเป็นองค์ชายผู้สูงศักดิ์อีกครั้ง “ข้าต้องการให้เจ้าช่วยข้า ราชครูผู้นั้นเชื่อฟังเจ้าไม่ใช่หรือ? เจ้าช่วยเป็นคนกลางคงไม่มีปัญหากระมัง”
เจียงเช่อพูดประโยคเดียว เหนือกว่าคนนอกพูดสิบประโยค
จี้หมิงซูทำได้เพียงพยักหน้าตกลงด้วยความเจ็บแค้นภายในใจ “เจ้ารอข่าวจากข้าก็แล้วกัน”
เซี่ยเซวียนรู้สึกดีใจขึ้นมา เขาบีบคางของนาง “จุ ๆ แม้ว่าใบหน้าของเจ้าตอนนี้จะเหลือแค่ความน่าขยะแขยง ต่อให้เปลือยกายข้าก็ไม่มีอารมณ์ใด ๆ แต่หากเจ้าสามารถช่วยข้าได้ ข้าก็สามารถช่วยเจ้ารักษาความลับนี้ได้เช่นกัน”
อย่างไรเสียผู้ที่ต้องทนต่อความรังเกียจนางก็คือเซี่ยหยาง ส่วนเขาไม่ได้เสียหายอะไรเลย
จี้หมิงซูแทบจะหนีหัวซุกหัวซุนออกมาจากตำหนักขององค์ชายสาม ก่อนจะวิ่งไปหาเจียงเช่อ
“ทำเช่นไรดี เขารู้ตัวตนของข้าแล้ว สุนัขจนตรอกเช่นเขาจะพูดออกไปหรือไม่ หากฝ่าบาทรู้ว่ายาที่เจ้าให้พระองค์เป็นยาที่มีฤทธิ์รุนแรง แม้กระทั่งหมอหลวงก็ไม่กล้าใช้…”
เจียงเช่อขมวดคิ้ว ดวงตาที่ไร้แววมองไปทางที่นางยืนอยู่ “เจ้าสงบสติลงก่อน ไม่มีใครกล้าไปพูดต่อหน้าฝ่าบาทหรอก”
“จะให้ข้าสงบสติได้อย่างไรกัน เมืองหลวงมีคนรู้จักข้ามากมายเพียงนั้น ต่อให้ข้าเสียโฉม แต่แค่พวกเขาเพียงเปิดผ้าคลุมหน้าของข้า ก็สามารถรู้ได้ทันทีว่าข้าคือจี้หมิงซู”
เจียงเช่อคิดไปคิดมา “ได้ยินว่าตระกูลหมอเทวดาสายตรงมีความสามารถช่วยคนเปลี่ยนใบหน้าได้ ไม่สู้ไปขอร้ององค์ชายรองดูดีหรือไม่?”
เย่จิ่งฝูอยู่ที่ตำหนักของเขาไม่ใช่หรือ?
จี้หมิงซูดวงตาเป็นประกาย แต่จากนั้นก็เอ่ยด้วยความร้อนใจขึ้นมา “แต่การเปลี่ยนใบหน้าไม่ใช่วันสองวันก็สามารถเปลี่ยนได้ องค์ชายสามจะสามารถรอได้อย่างนั้นหรือ?”
ขณะที่จี้หมิงซูกังวลว่าคนขององค์ชายสามจะวางยาพิษในน้ำที่ผู้คนในเมืองหลวงใช้และดื่มกินทุกวันก่อนกำหนด ก็มีข่าวใหม่แพร่ออกมา เกรงว่าเมืองหลวงตอนนี้เริ่มเกิดโรคระบาดขึ้นแล้ว เพราะมีชาวบ้านจำนวนมากอาเจียนและท้องร่วง จึงทำการปิดล้อมโรงยาเพื่อขอยา
“จบกัน คนขององค์ชายสามทำตามแผนเดิมและวางยาพิษไปแล้ว แต่ว่ายังไม่ใช่เวลานี้นี่นา”
แผนการนี้เดิมควรจะหยุดลง เพราะก่อนหน้านี้ตกลงกันแล้ว ว่าให้ผู้ลี้ภัยในหลูโจวไม่สามารถผ่านแดนมาได้ ขอเพียงกล้าข้ามเส้นแบ่งแดนมาก็จะถูกฆ่าและเผาให้หมด ส่วนทางด้านเมืองหลวงนั้นทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกัน โดยวางยาให้ชาวบ้านอาเจียนและท้องร่วง จากนั้นค่อยบริจาคยาเพื่อสร้างชื่อเสียง
แต่องค์ชายสามทำเช่นนี้ในเวลานี้ มีแต่จะทำให้คนสงสัยมากกว่าเดิม!
พูดได้อย่างเดียวว่าข้างกายเซี่ยเซวียนมีไส้ศึกแฝงตัวอยู่นานแล้ว จึงช่วยสงเคราะห์ให้เขาตายเร็วขึ้น
“ตอนนี้รอไม่ได้อีกแล้ว พรุ่งนี้เจ้าต้องใช้ฐานะของธิดาหงส์บัญชาสวรรค์ไปปลอบโยนประชาชนและแจกจ่ายยันต์ บอกว่าใช้น้ำจากยันต์เทพของเรา จะสามารถรอดพ้นจากภัยพิบัติได้”
อย่างไรเสียเรื่องพวกนี้จี้หมิงซูก็ไม่เชี่ยวชาญเท่าเจียงเช่อ “แต่สมุนไพรไม่มีแล้ว ดังนั้นคงไม่พอแน่”
“มีเท่าใดก็ใช้เท่านั้น! ให้พวกเขาจ่ายเงินซื้อ! ผู้ที่ให้ราคาสูงก็จะได้ไป”
…
หมู่บ้านตระกูลเฉิน
จางตงไหลได้รับข่าวใหม่ล่าสุดจากเมืองหลวง ก็รีบมารายงานให้ไท่ซ่างหวงทรงทราบ ไท่ซ่างหวงโมโหจนตบโต๊ะไปหนึ่งที “พวกสารเลว! เก็บของ กลับเมืองหลวง!”
จี้จือฮวนเพิ่งทำอาหารกลางวันเสร็จ ได้ยินไท่ซ่างหวงโมโหเพียงนี้ก็รีบมาลูบหลังให้เขา “มีอะไรหรือเจ้าคะ?”
“เจ้าลองดูเอาเอง เจ้าพวกไม่ใช่คนเหล่านี้จะส่งข้าไปพบพญายมน่ะสิ”
จี้จือฮวนหลังจากอ่านจบก็มีสีหน้าเคร่งขรึม “ดูท่าฝ่ายขององค์ชายสามเองก็คงมีไส้ศึกเช่นกัน พวกเราออกเดินทางเดี๋ยวนี้เลยเถอะเจ้าค่ะ”
.