เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 352 กลอุบายที่ใหญ่ที่สุด
- Home
- เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย
- บทที่ 352 กลอุบายที่ใหญ่ที่สุด
บทที่ 352 กลอุบายที่ใหญ่ที่สุด
“อย่าพูดถึงเลย เรือนด้านหลังนั่นแทบจะถูกเขากับเยว่พั่วหลัวพังหมดแล้ว”
ฝีเท้าของจี้จือฮวนชะงักลงเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “พาข้าไปดูที”
ฮวาเซียงเซียงกำลังรอคนมาจัดการพวกเขาอยู่พอดี จึงรีบนำจี้จือฮวนไปยังเรือนด้านหลังทันที
ทั้งสองคนที่เพิ่งออกจากหมู่บ้านตระกูลเฉินไม่ได้คิดจะเก็บความโอหังของตัวเองเลยแม้แต่น้อย พวกเขาอยู่กันคนละฝั่งเตรียมจะสู้กันอีกสามร้อยรอบ
เผยเสี่ยวเตายังหาเวลาไปที่ห้องครัวและขอถั่วลิสงมาหนึ่งจาน แบ่งให้เว่ยเจ๋อเซิงที่นั่งหน้าซีดอยู่ข้าง ๆ “เอาหน่อย”
เว่ยเจ๋อเซิงปัดมือไปมา “ขอบคุณแม่นางเสี่ยวเตา ไม่ต้องหรอกขอรับ”
เผยเสี่ยวเตาเองก็ไม่ได้สนใจเขา นางตะโกนใส่พวกไป๋จิ่นด้วยความลิงโลด “ตี! ตีกันเลย!”
ไป๋จิ่นกางพัดออก มองไปทางเยว่พั่วหลัว “หากเจ้ายอมแพ้เสียตั้งแต่ตอนนี้ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”
กระดิ่งเงินของเยว่พั่วหลัวดังขึ้น หนอนกู่ก็เตรียมพร้อมแล้ว “คำพูดนี้เก็บเอาไว้ให้ตัวเจ้าเองเถอะ!”
ฮวาเซียงเซียงเพิ่งก้าวเข้ามาก็ต้องชักขากลับอย่างเงียบ ๆ จากนั้นก็กระแอมในลำคอให้พวกเขารู้ตัว “อะแฮ่ม!!!”
ทว่าวันนี้ฮวาเซียงเซียงเกลี้ยกล่อมมาครึ่งค่อนวันจนหูของพวกเขาชาไปหมดแล้ว จึงไม่มีใครสนใจนางอีกแม้แต่คนเดียว จนกระทั่งสัมผัสได้ถึงไอสังหาร ไป๋จิ่นจึงได้กวาดสายตามองไปทางประตูวงพระจันทร์
แค่มองเพียงแวบเดียว ไป๋จิ่นที่เดิมมีไอสังหารพวยพุ่งขึ้นมาก็หยุดการเคลื่อนไหวในทันที ไม่สนใจว่ากำลังภายในจะย้อนกลับเข้าตัวหรือไม่ เขารีบหยุดการเคลื่อนไหวและกลิ้งไปกับพื้นหนึ่งตลบ ก่อนที่จะพยายามพยุงตัวเองเอาไว้
เยว่พั่วหลัวย่อมไม่ใช่คนโง่ รีบเหาะกลับไปอยู่บนชายคาทันที และแสร้งทำเป็นเช็ดขลุ่ยกระดูกของตัวเอง
ส่วนเผยเสี่ยวเตาที่กำลังอ้าปากเตรียมโบกธงตะโกนอยู่นั้น ก็แบกเว่ยเจ๋อเซิงที่ต้องการจะทักทายมุดกลับเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว
ก่อนจะปิดประตูห้องดัง ‘ปัง!’
ฮวาเซียงเซียงมุมปากกระตุก จี้จือฮวนเพิ่งปรากฏตัวแค่เพียงชายเสื้อเท่านั้น เจ้าพวกหูไวตาไวเหล่านี้นี่มันจริง ๆ เลย
ด้านนอกประตู จี้จือฮวนก้าวเข้ามาด้านใน หลังจากเอามือไพล่หลังและมองไปรอบ ๆ หนึ่งรอบแล้วจึงเอ่ยขึ้นมาช้า ๆ “ความเสียหายของกลุ่มกองเรือ จะหักจากเงินเดือนของพวกเจ้าสองคนต่อ”
!!!
ไป๋จิ่นกระอักเลือดออกมา “อย่านะ! มีอะไรพูดกันดี ๆ สิ”
เพราะต้องกินผักมาถึงครึ่งเดือนแล้ว เนื้อสับสักนิดก็ไม่ได้กิน
“ข้าสามารถใช้ผลงานหักล้างความผิดได้!” ไป๋จิ่นวิ่งไปที่ด้านหลังของจี้จือฮวน รีบนวดไหล่ให้นาง
“ยาถอนพิษของเมืองหลวง ข้าให้ถังซุ่นไปเตรียมเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้ก็สามารถแจกจ่ายได้แล้ว ปัญหาไม่ได้ใหญ่โตอะไร!”
ไป๋จิ่นเห็นจี้จือฮวนไม่มีปฏิกิริยาใด จึงเอ่ยต่ออีกว่า “ให้ข้าไปวางยาพิษฆ่าองค์ชายสามเลยดีหรือไม่?”
“…”
“เขาสมควรตายแต่ไม่ใช่เพราะถูกคนวางยา เช่นนั้นมิเท่ากับเป็นการช่วยเขาหรอกหรือ อีกอย่างจะทำให้คนอาศัยเรื่องนี้พิสูจน์ว่าองค์ชายบริสุทธิ์ เบื้องหลังมีคนร้ายตัวจริงอีกคน” จี้จือฮวนเอ่ยด้วยความโมโหบราวนี่ออนไลน์
ไป๋จิ่นไม่ได้พูดอะไรอีก เยว่พั่วหลัวกระโดดลงมาจากชายคา “เช่นนั้นก็เอาหนอนกู่ไปใส่เขา”
จี้จือฮวนใช้นิ้วเคาะโต๊ะ “ช่วงนี้พวกเจ้าสองคนอย่าเพิ่งทะเลาะกัน อย่างไรเสียก็ไม่รู้แพ้รู้ชนะอยู่แล้ว จัดการพิษในเมืองหลวงให้ได้เสียก่อน แหล่งที่มาของพิษที่เหลืออย่าลืมเก็บเอาไว้ด้วย”
ไป๋จิ่นสงสัย “เก็บไว้ทำไมกัน?”
“ก็ต้องเอาไว้ให้คนที่ต้องการดื่มน่ะสิ”
ให้คนที่วางยาได้ลิ้มรสชาตินี้บ้าง
“พรุ่งนี้น่าจะยุ่งมาก คืนนี้ไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ”
ตอนที่จี้จือฮวนล้างหน้าล้างตาเสร็จและกลับมาที่ห้อง เผยยวนกำลังเล่านิทานให้เด็กทั้งสองคนฟังอยู่ อาชิงง่วงงุนเป็นอย่างมาก จับนิ้วของจี้จือฮวนได้ก็เข้าสู่ห้วงนิทราไปทันที
เผยยวนห่มผ้าให้อาอินเรียบร้อยแล้ว จึงพบว่าเจ้าเด็กสองคนนี้แทรกอยู่ตรงกลางระหว่างเขากับฮวนฮวน
เฮ้อ~ นาน ๆ ทีจะได้นอนด้วยกัน
จี้จือฮวนเห็นเขาดับเทียน แววตามีความผิดหวัง จึงยกยิ้มมุมปาก อาศัยความมืดเกี่ยวคอของเขาเข้ามา แล้วยืดตัวขึ้นไปประทับจูบหนึ่งครั้ง “ราตรีสวัสดิ์”
เผยยวนถอนหายใจเบา ๆ พลางเกี่ยวเอวของนางแล้วเอ่ยเสียงเบา “เจ้าติดค้างข้า”
“อืม อนุญาตให้เจ้าเก็บดอกเบี้ยได้”
…
เทียบกับทางด้านกลุ่มกองเรือที่เตรียมพร้อมแล้ว ทางฝั่งจี้หมิงซูนั้นเรียกว่าไฟไหม้ขนคิ้ว*ก็ว่าได้
* ไฟไหม้ขนคิ้ว (火烧眉毛) หมายถึง สถานการณ์เข้าขั้นวิกฤต
พิษในเมืองหลวงแพร่กระจายเร็วกว่าที่คาดไว้ และมีตระกูลสูงศักดิ์ได้รับพิษด้วยเช่นกัน แต่ใบหน้าของนางยังไม่มีความหวังที่จะกลับมาเป็นปกติ คนในยุทธภพที่เจียงเช่อหามาให้นางบอกว่าสามารถช่วยนางเปลี่ยนโฉมหน้าได้ แต่ด้วยการสวมหน้ากากปลอม ยังดูเป็นธรรมชาติได้ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของนางในเมื่อก่อนด้วยซ้ำ ผลลัพธ์นี้ทำให้จี้หมิงซูไม่พอใจอย่างมาก
“เจียงเช่อ เจ้าว่าพรุ่งนี้จะราบรื่นหรือไม่?”
เมื่อก่อนไม่ว่าจะขายเครื่องรางอย่างไรก็ไม่ได้ส่งผลอะไรกับนางอยู่แล้ว แต่ยาพิษและยาถอนพิษนี่ล้วนซื้อมาจากคนนอก หากว่าไม่ได้ผล ไม่เท่ากับนางต้องเสียชื่อหรอกหรือ?
เจียงเช่อหันหน้าไปเล็กน้อย “วางใจเถอะ คนผู้นั้นทำงานในร้านเงินใต้ดินมายี่สิบกว่าปี ทำยาพิษที่แอบใช้กันลับ ๆ ให้ตระกูลขุนนางในเมืองหลวงโดยเฉพาะ ไม่มีทางเอาชีวิตคน เจ้าอย่าเอาแต่หวาดระแวงนักเลย”
เจียงเช่อคุ้นเคยกับการหลอกลวงคนเพื่อหาเงินมาตั้งแต่เด็ก ครั้งนี้ก็แค่จัดฉากวางกลอุบายใหญ่ขึ้นมาหน่อยก็เท่านั้น ไม่เหมือนจี้หมิงซูที่แม้แต่ในฝันก็ยากจะสงบใจลงได้
“แต่ในใจข้ากลับรู้สึกกระวนกระวายยิ่งนัก รู้สึกเหมือนจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น”
“เจ้าแค่ตกใจไปเองก็เท่านั้น
วางใจเถอะ มีข้าอยู่” เจียงเช่อกุมมือของนาง “ไม่ต้องกลัว”
จี้หมิงซูกระโจนเข้าไปในอ้อมแขนของเขาทันที “เจียงเช่อ ข้าต้องพึ่งเจ้าแล้ว”
เจียงเช่อชะงักไปเล็กน้อย เผยความอ่อนโยนออกมาทางสีหน้า “อืม พวกเราพึ่งพากันและกัน”
ล้วนเป็นคนที่ถูกผู้คนรังเกียจ พวกเขาต่างหากที่เป็นพวกเดียวกัน
…
วันต่อมาฟ้ายังไม่สว่าง ประตูใหญ่ของจวนตระกูลฮวาก็เปิดออกแล้ว
แผงยาที่ตั้งอยู่ในตรอกด้านหลังของถนนจูเชว่ได้เริ่มต้มยาแล้ว เมื่อคนที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงเริ่มเคลื่อนไหว เสียงฆ้องจึงได้ดังขึ้น จางปาเหลี่ยงส่งเสียงตะโกนขึ้นมา ยาที่มาจากหย่งอันถังให้ดื่มเปล่า ๆ โดยไม่คิดเงิน ดื่มแล้วอาการป่วยจะหาย ไม่ป่วยก็สามารถดื่มหนึ่งชามเพื่อป้องกันโรคได้
ชาวบ้านที่หวาดกลัวอย่างมากในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาต่างมารวมตัวกัน เพราะหย่งอันถังไม่ใช่ร้านธรรมดา ที่นี่มีชื่อเสียงด้านฝีมือทางการแพทย์อย่างมาก
ถังซุ่นยืนอยู่ตรงกลาง “ทุกท่านวางใจ ด้วยชื่อเสียงที่มีของหย่งอันถัง ไม่ใช่การขายยาปลอมอย่างแน่นอน และไม่ใช่เรื่องล้อเล่น หวังว่าทุกคนจะเชื่อพวกเรา ระหว่างนี้พวกเราก็จะเปิดให้เข้ามาเพื่อรับการตรวจดูอาการด้วย ท่านหมอทั้งหมดของหย่งอันถังจะรับตรวจให้ทั้งหมดโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เรายินดีที่จะฝ่าฟันความยากลำบากไปกับทุกท่านขอรับ!”
คนในเมืองหลวงล้วนรู้จักถังซุ่นดี เขาเป็นเถ้าแก่ที่มาจากจวนถังกั๋วกง ต่อมาภรรยาของแม่ทัพเผยยังปรากฏตัวที่หย่งอันถังด้วย ได้ยินมาว่าฝีมือด้านการแพทย์ของนางนั้นเป็นเลิศ
จึงน่าเชื่อถือเป็นอย่างมาก
“ข้าเอง ข้าขอลองเป็นคนแรก”
เมื่อมีคนที่หนึ่งก็ย่อมมีคนที่สอง ส่วนใหญ่ล้วนกลัวตายและไม่มีเงินซื้อยา
บางคนยังคงเฝ้าดูอยู่ แต่หลังจากผ่านไปไม่กี่ชั่วยามก็มีจำนวนคนมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะร้านยาอื่น ๆ แม้แต่ประตูก็ไม่ยอมเปิดและอ้างว่าไม่มียา แต่หย่งอันถังกลับเปิดประตูต้อนรับพวกเขา
“นี่ ๆ ๆ เหตุใดพวกเจ้ายังต่อแถวที่นี่อยู่อีกเล่า ทางด้านนั้นธิดาหงส์บัญชาสวรรค์เริ่มขายน้ำมนต์แล้ว! ดื่มแล้วก็จะปราศจากโรคภัย จะไม่ได้ผลดีกว่ายาเหม็น ๆ นี่หรอกหรือ?”
“อะไรนะ ขายน้ำมนต์?”
“ใช่แล้ว รีบไปต่อแถวเร็วเข้า ไปช้าจะหมดก่อนเอานะ”
ทันใดนั้น ผู้คนที่มาต่อแถวที่หย่งอันถังก็ลดลงไปกว่าครึ่ง ทั้งหมดต่างพุ่งไปที่ถนนสายถัดไป
ถังซุ่นห้ามอย่างไรก็ห้ามไม่อยู่ “น้ำมนต์เชื่อไม่ได้นะ น้ำมนต์นั่นล้วนเป็นของปลอม ทุกคนอย่าไปหลงเชื่อ!”
ทว่ากลับไม่สามารถโน้มน้าวใจพวกเขาได้ มีฮ่องเต้เซี่ยเจินคอยเชิดชู คำว่าราชครูจึงกลายเป็นตัวแทนของเทพเจ้า แค่ดื่มน้ำมนต์ก็จะปราศจากโรคภัยตลอดไป คุ้มครองให้พวกเขาโชคดีตลอดไป เทียบกับยาขมที่ดื่มไม่รู้จบ พวกเขาเต็มใจที่จะเชื่อฝ่ายหลังมากกว่า
.
.
.
————