เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 376 องค์หญิงหย่งผิงแห่งถู่เจีย
- Home
- เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย
- บทที่ 376 องค์หญิงหย่งผิงแห่งถู่เจีย
บทที่ 376 องค์หญิงหย่งผิงแห่งถู่เจีย
“ฮูหยินหย่งกวานโหวช่างสำบัดสำนวนยิ่งนัก…” มหาบัณฑิตผู้นั้นหนวดกระตุก เขาตัดสินใจแล้วว่าจะวิจารณ์นางสักครั้ง แต่คิดไม่ถึงว่าไท่ซ่างหวงที่อยู่ด้านบนจะไอหนัก ๆ ออกมาอย่างไม่คาดคิด
คนที่นั่งอยู่ด้านข้างมหาบัณฑิตจึงรีบดึงแขนเสื้อของเขาเอาไว้ ก่อนจะพูดขึ้นเสียงเบา “เจ้าเลิกพูดได้แล้ว หากที่นางพูดไม่ใช่เรื่องจริง นางจะกล้าพูดจาโอหังต่อพระพักตร์ของไท่ซ่างหวงได้อย่างไรกัน? เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่าเหตุใดฝ่าบาทถึงได้อดกลั้นเพียงนั้น?”
ก็เพราะตัวเองไม่มีเหตุผลที่จะโต้งแย้งได้อย่างไรเล่า หากว่าไท่ซ่างหวงและองค์หญิงใหญ่ไม่มีเหตุผล ต่อให้จะใช้ฐานะมากดฝ่าบาทเอาไว้ คิดหรือว่าฝ่าบาทจะไม่โต้กลับ
ฮูหยินหย่งกวานโหวเป็นเพียงสตรีตัวเล็ก ๆ แต่กลับพูดจาแข็งกร้าวโดยไม่ไว้พระพักตร์ฝ่าบาทเช่นนี้ได้ นั่นแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่นางพูดต้องเป็นความจริงอย่างแน่นอน นั่นคือนางช่วยชีวิตไท่ซ่างหวงเอาไว้
อีกทั้งก่อนหน้านี้ไท่ซ่างหวงก็ออกจากวังไปรักษาตัว และมีข่าวว่าจะทรงอยู่ได้อีกไม่นาน ทว่าบัดนี้เขากลับดูกระฉับกระเฉง มีสภาพเหมือนไม้ใกล้ฝั่งที่ใดกัน? ลองหันมามองดูฝ่าบาทสิ ต่อให้จะสวมชุดมังกรก็ยังรู้สึกได้ถึงไอพลังของคนใกล้ตาย ชั่วขณะหนึ่งถึงขั้นแยกไม่ออกเลยว่าใครจะไปก่อนกัน
มหาบัณฑิตพลันเป็นใบ้ขึ้นมาทันควัน เขาหุบปากลง คนอื่น ๆ ย่อมไม่มีทางหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัว
พลันนั้นจางตงไหลก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนขึ้นมา “ที่นั่งของท่านโหวและฮูหยินเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เชิญนั่งได้เลยขอรับ”
ตำแหน่งติดกับท่านข่านแห่งถู่เจีย ที่นั่งนั่นถูกเตรียมเอาไว้ให้พวกเขาโดยเฉพาะ ส่วนคนที่นั่งด้านหลังก็ล้วนเป็นขุนนางและแม่ทัพในคณะทูตของถู่เจีย
สถานการณ์ปัจจุบันก็เหมือนกับการจัดตำแหน่งที่นั่งในตอนนี้ ต่อให้เป็นคนที่ความรู้สึกช้าเพียงใด ก็ยังสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ตึงเครียด แต่จี้จือฮวนสองสามีภรรยาไม่มีอะไรที่จะไม่กล้านั่ง
เมื่อทั้งสองคนไปถึงที่นั่ง ถูลี่ก็ลุกขึ้นเป็นคนแรก “น้องสาว น้องชาย”
เผยยวนกับจี้จือฮวนสบตากันเล็กน้อย บนใบหน้าที่เรียบเฉยของทั้งสองคนก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา “ข้าเลื่อมใสชื่อเสียงของพี่ใหญ่มานาน ในที่สุดวันนี้ก็ได้พบกันเสียที”
ถูลี่ไม่สนใจว่าสายตาที่มองมายังพวกเขาจะมีความหมายแฝงมากมายเพียงใด ชาวถู่เจียอย่างพวกเขา ไม่ชอบวิธีการอ้อมค้อมของฮ่องเต้เซี่ยเจิน “ข้าคู่ควรกับคำว่าเลื่อมใสที่ใดกัน กลับเป็นเรื่องของพวกเจ้าสองคนที่ข้าต้องฟังแล้วฟังอีก”
โดยเผยยวนนั้นคงไม่ต้องพูดถึงแล้ว เพราะเขาเป็นคนที่ชายชาวถู่เจียแค่ได้ยินก็รู้สึกเคารพเลื่อมใส ทว่าจี้จือฮวนนั้นเมื่อเทียบรูปร่างกับหญิงชาวถู่เจียแล้ว นางตัวเล็กกว่ามากอย่างเห็นได้ชัด แต่มีความเยือกเย็นและเปี่ยมไปด้วยพลัง ช่วยราษฎรจากหายนะ แต่กลับไม่แสวงหาชื่อเสียงและเงินทอง
คนทั้งใต้หล้ารู้เพียงว่าองค์หญิงใหญ่และพระราชนัดดาเป็นผู้นำในการช่วยชาวบ้านหลูโจว แต่ใครจะรู้ว่าที่ทั้งหมดราบรื่นเช่นนั้น เป็นเพราะสตรีตัวเล็ก ๆ ผู้หนึ่งวางแผนอยู่เบื้องหลัง
เป็นเพราะเสด็จแม่ของเขาทำให้ถูลี่ไม่เหมือนบุรุษคนอื่น ที่ต้องการเพียงสตรีที่งดงามและดูแลสามี สั่งสองลูกเต้า เขากลับชื่นชมสตรีที่มีความกล้า มีความคิด กล้าคิดกล้าทำอย่างจี้จือฮวนมากกว่า
กล่าวอีกนัยก็คือ หากจี้จือฮวนไม่ใช่ภรรยาของเผยยวน เขาจะต้องสู่ขอนางอย่างแน่นอน แต่น่าเสียดายที่เขาพลาดโอกาสนั้นไปแล้ว
ถูลี่เอ่ยถึงตรงนี้ก็เสียงดังขึ้นมา “ตอนนั้นที่เสด็จแม่ถูกคนลอบสังหาร ต้องระเหเร่ร่อน หากไม่ได้น้องสาวช่วยเหลือไว้ ไหนเลยจะมีวันที่เราแม่ลูกได้พบกันเช่นนี้อีก ข้าก็คงไม่มีหน้าไปพบเสด็จพ่อของข้า ขอเจ้ารับการคารวะสูงสุดจากถู่เจียของข้าด้วย ขอบคุณเจ้าที่ช่วยไข่มุกที่เปล่งประกายที่สุดของถู่เจียของพวกเรา”
ถูลี่เอ่ยจบ ก็ก้มตัวลงใช้วิธีการคารวะเทพสวรรค์ คารวะให้กับจี้จือฮวน
ส่วนด้านหลังของเขา เจ้าหน้าที่ระดับสูงและแม่ทัพของถู่เจียที่เห็นฮ่องเต้เซี่ยเจินยังทำสีหน้าดูแคลน ต่างก็ลุกขึ้นยืนใช้การแสดงความเคารพอย่างสูงสุดคารวะต่อสองสามีภรรยา
และใช้สิ่งนี้บอกต้าจิ้นเป็นนัย ๆ ว่าองค์หญิงใหญ่ของพวกเขา พวกเขาไม่หวงแหน แต่ชาวถู่เจียไม่มีใครกล้าไม่เคารพไทเฮา!
ตอนที่ท่านข่านเทียนยังอยู่ก็เป็นเช่นนั้น ท่านข่านถูลี่อยู่ก็ยิ่งเป็นเช่นนี้ ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงเด็ดขาด
อี้ชุ่นเงยหน้าขึ้น เอ่ยกับฮ่องเต้เซี่ยเจินด้วยแววตาแน่วแน่ “ฝ่าบาทแห่งต้าจิ้น วันนี้พระองค์ควรขอบคุณที่อดีตท่านข่านของเราขึ้นสวรรค์ไปพบเทพสวรรค์เสียก่อน มิเช่นนั้นหากหานเหล่ยยังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ ทหารหาญแห่งถู่เจียของเราต้องบุกเข้ามาเหยียบจงหยวนอย่างแน่นอน ต่อให้ต้องใช้กำลังเท่าใด ก็ต้องขอคำอธิบายให้กับไข่มุกที่น่าเคารพนับถือที่สุดของเราให้จงได้!”
ตั้งแต่เมื่อครู่จนถึงตอนนี้ฮ่องเต้เซี่ยเจินยังไม่ได้ให้คำอธิบายกับถู่เจียแต่อย่างใด ตอนนี้อี้ชุ่นจึงอาศัยโอกาสนี้บีบบังคับเขาอีกครั้ง พวกเขาต้องการชีวิตของหานเหล่ย หากว่าฮ่องเต้เซี่ยเจินยังเฉไฉเปลี่ยนเรื่องอีกล่ะก็ เช่นนั้นก็โทษพวกเขาไม่ได้
ตอนนี้บรรยากาศที่ตึงเครียดล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของฮ่องเต้เซี่ยเจินแล้วบราวนี่ออนไลน์
“เด็ก ๆ เนรเทศหานเหล่ยไปสามพันลี้ หากไม่มีราชโองการห้ามกลับมา ญาติและครอบครัวต้องรับโทษเช่นเดียวกัน ภายในห้าสิบปีลูกหลานตระกูลหานห้ามสอบจอหงวน”
เซี่ยเจินออกราชโองการ แล้วจึงเอ่ยถามขึ้นมา “เป็นเช่นไร พอใจหรือยัง?”
เพียงแต่ความหม่นหมองบนใบหน้านั้นกลับเพิ่มขึ้นหลายส่วน
เนรเทศไปสามพันลี้หากไม่มีราชโองการห้ามกลับมา ความจริงแล้วก็ยังเหลือทางรอดให้อยู่ แต่ผลกระทบที่เลวร้ายที่สุดก็คือภายในห้าสิบปีลูกหลานในตระกูลจะสอบจอหงวนไม่ได้ ดังนั้นห้าสิบปีจึงเพียงพอให้ราชสำนักเปลี่ยนคนกลุ่มใหม่ได้แล้ว
เส้นสายที่หานเหล่ยสะสมมาหลายปี อีกไม่กี่ปีก็จะสามารถก่อกบฏได้
แต่หากวันนี้พรรคพวกของเขาล้วนปิดปากเงียบ ก็แสดงให้เห็นว่าคนพวกนั้นทำได้แค่คอยสังเกตการณ์ ไม่มีใครกล้าลุกขึ้นมาแข็งข้อกับพวกเขา
ในเมื่อฮ่องเต้เซี่ยเจินเอ่ยปาก อี้ชุ่นย่อมไม่กดดันจนเกินไป ขอเพียงบีบหานเหล่ยให้ออกมาได้ พวกเขาค่อยส่งคนไปสังหารระหว่างทาง เช่นนั้นก็สามารถล้างแค้นได้แล้ว
“ขอบพระทัยฝ่าบาทแห่งต้าจิ้นพ่ะย่ะค่ะ” อี้ชุ่นคารวะอย่างขอไปที
เดิมคิดว่าเรื่องนี้ก็ควรปล่อยผ่านไปได้แล้ว การแสดงดนตรีและร่ายรำก็ควรจะเริ่มขึ้นเสียที แต่ใครจะคิดว่าจู่ ๆ ไท่ซ่างหวงจะเอ่ยขึ้นมา “ในเมื่อท่านข่านถูลี่ขอบใจไปแล้ว ข้าก็ควรขอบใจเช่นกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือการแพทย์ของเผยฮูหยินที่เก่งกาจ…”
ไท่ซ่างหวงลุกขึ้นมาแล้ว คนอื่นไหนเลยจะยังกล้านั่งต่ออีก ต่างก็ลุกขึ้นยืนโดยพร้อมเพรียง
เขายังพูดไม่ทันจบ องค์หญิงใหญ่ก็ลุกขึ้นยืนพลางเอ่ยออกมา “จะว่าไปแล้วถูลี่ขอบคุณแล้ว คนต้นเรื่องอย่างข้าก็ควรขอบคุณด้วยตัวเองถึงจะถูก ไม่เพียงเท่านั้น เผยฮูหยินยังช่วยพระราชนัดดาเอาไว้ บุญคุณนี้ไม่มีสิ่งใดจะสามารถตอบแทนได้ น้องสิบแปด”
ฮ่องเต้เซี่ยเจินที่จู่ ๆ ถูกเรียก “…”
“ข้าทุ่มเทแรงกายและแรงใจเพื่อต้าจิ้นและถู่เจีย อุทิศทั้งชีวิต ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำหน้าที่ให้สำเร็จโดยไม่เคยเรียกร้องอะไร”
เวทีตั้งเสร็จแล้ว ฮ่องเต้เซี่ยเจินไหนเลยจะกล้าไม่ขึ้นไป “เสด็จพี่พูดอะไรเช่นนั้นกันพ่ะย่ะค่ะ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น แต่งตั้งฮูหยินหย่งกวานโหวเป็นเสี้ยนจู่…”
“ความหมายของข้าก็คือ ข้าจะรับนางเป็นลูกบุญธรรม ให้นางเป็นองค์หญิงหย่งผิงของถู่เจียของเรา เป็นองค์หญิงที่สูงศักดิ์ที่สุดของถู่เจีย แต่งงานกับหย่งกวานโหวแห่งต้าจิ้น สองแคว้นแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กัน นับเป็นพี่น้องกันตลอดไป”
เดิมทีพวกเขายังกังวลว่าคณะทูตถู่เจียมาเยือนครั้งนี้ จะให้องค์หญิงของถู่เจียแต่งเข้าราชวงศ์หรือไม่ ถึงเวลานั้นพวกเขาควรแต่งตั้งฐานะอะไรให้ดี และกังวลว่าคนที่องค์หญิงของถู่เจียเลือก จะไม่ใช่ว่าที่องค์รัชทายาทที่พวกเขาต้องการ คิดไม่ถึงว่าคำพูดเพียงไม่กี่ประโยคขององค์หญิงใหญ่จะช่วยแก้ปัญหาได้แล้ว
หากว่าจี้จือฮวนในฐานะองค์หญิงของถู่เจียแต่งงานกับเผยยวน นั่นก็เป็นการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์เช่นกันมิใช่หรือ? ยิ่งไปกว่านั้นทั้งสองคนล้วนเป็นชาวต้าจิ้น คนที่เสียเปรียบก็ไม่ใช่พวกเขา ดังนั้นจึงไม่มีคนคัดค้าน
หากสามารถเลี่ยงปัญหาเหล่านั้นได้ และทำให้องค์หญิงใหญ่พอพระทัย วิธีนี้พวกเขาไม่เสียเปรียบแม้แต่น้อย
คนที่ไม่พอใจคาดว่าคงมีเพียงเซี่ยซั่วและเซี่ยหยางเท่านั้น เวลานี้พวกเขาต่างก็ต้องการความช่วยเหลือจากภายนอก และพวกเขาต่างคิดมาดีแล้ว ต่อให้องค์หญิงของถู่เจียจะมีนิสัยโหดร้าย หน้าตาอัปลักษณ์ พวกเขาก็จะยอมทน แต่ใครจะไปคิดว่าพวกเขานอกจากจะไม่ได้พาองค์หญิงมาแล้ว! แต่กลับเลือกหญิงที่แต่งงานแล้วคนหนึ่ง ทั้งยังแต่งงานกับเผยยวนตั้งนานแล้วอีกด้วย
.
.