เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 377 กลั่นแกล้งฮ่องเต้เซี่ยเจินโดยไม่ปรึกษา
- Home
- เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย
- บทที่ 377 กลั่นแกล้งฮ่องเต้เซี่ยเจินโดยไม่ปรึกษา
บทที่ 377 กลั่นแกล้งฮ่องเต้เซี่ยเจินโดยไม่ปรึกษา
ไทเฮาของถู่เจียจะรับลูกสาวบุญธรรม ท่านข่านของถู่เจียยังไม่มีความเห็นใด ๆ ที่ได้น้องสาวเพิ่มขึ้นมาคนหนึ่ง แล้วน้าชายอย่างเขายังจะพูดอะไรได้อีก
อย่างไรเสียองค์หญิงของถู่เจียก็ไม่ใช่องค์หญิงของต้าจิ้น ไม่ได้ยัดเยียดลูกสาวให้เขา ทั้งยังไม่ต้องให้ลูกชายไปสู่ขอองค์หญิงของถู่เจียอย่างไม่มีเหตุผล ฮ่องเต้เซี่ยเจินไม่เสียเปรียบ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะเงียบ
หากคิดเช่นนั้น เขาก็ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว
ตอนที่เห็นพวกอี้ชุ่นยินดีกับไทเฮา ท่านข่าน และองค์หญิงหย่งผิง ไท่ซ่างหวงก็พยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้นมา “เช่นนี้ช่างดียิ่งนัก ในเมื่อองค์หญิงหย่งผิงเป็นตัวแทนของถู่เจีย ต้าจิ้นของเราก็ไม่สามารถให้องค์หญิงทำงานเปล่า ๆ ได้ เพราะคดีหลูโจวหากไม่ใช่เพราะองค์หญิงสังเกตเห็นความทะเยอทะยานของเซี่ยเซวียนและตระกูลเมิ่ง ราษฎรมากมายรวมถึงคนที่อาศัยอยู่สองฝั่งของแม่น้ำคงต้องประสบกับภัยพิบัติกันหมดแน่”
“อะไรนะ เป็นจี้จือฮวนที่สังเกตเห็นก่อนอย่างนั้นหรือ?”
“ช่างเป็นวีรสตรีจริง ๆ”
ถังกั๋วกงก็ลุกขึ้นและเอ่ยออกมา “องค์หญิงหย่งผิง คุณธรรมสูงส่งเทียมฟ้า จิตใจเปี่ยมด้วยมโนธรรม ราชครูเจียงเช่อหลอกลวงผู้คน ก็เป็นร้านยาหย่งอันถังขององค์หญิงที่ช่วยชาวบ้านในเมืองหลวงเอาไว้ ด้วยการช่วยถอนพิษให้ ขอถามขุนนางทุกท่านที่นั่งอยู่ ณ ที่นี้ มีท่านใดบ้างที่ไม่ได้ดื่มยาของหย่งอันถัง?”
“เป็นร้านของนางอย่างนั้นหรือ?”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง”
จางตงไหลพูดขึ้นมาในเวลาที่เหมาะสม “เผยฮูหยินมาจากตระกูลที่มีฐานะและชื่อเสียง กลับคิดถึงปวงประชาแต่ไม่เคยเรียกร้องความดีความชอบ หากไม่ใช่เพราะไท่ซ่างหวงกับองค์หญิงใหญ่ทนมองต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ไหนเลยจะพูดความจริงออกมาในวันนี้ เกรงว่าบางคนแม้จะตายไปก็ยังไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วผู้มีพระคุณเป็นใครกันแน่ เผยฮูหยินมีบุญคุณต่อถู่เจีย แต่สำหรับต้าจิ้นนั้นเรียกว่าพระโพธิสัตว์ที่ช่วยให้พ้นจากความทุกข์ยากเลยทีเดียว”
เซี่ยวั่งซูเห็นฮ่องเต้เซี่ยเจินยังคงแกล้งตาย จึงเอ่ยออกมาตรง ๆ “น้องสิบแปด บุญคุณเช่นนี้ ไม่ควรประทานรางวัลให้นางอย่างนั้นหรือ?”
เหล่าผู้ตรวจการที่ไม่ได้ส่งเสียงใด ๆ เลยตั้งแต่ต้นก็เริ่มไม่พอใจขึ้นมา
“ฝ่าบาท เผยฮูหยินได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงหย่งผิงแห่งถู่เจีย ทั้งยังมีบุญคุณช่วยชีวิตไท่ซ่างหวงและองค์หญิงใหญ่ สมควรพระราชทานรางวัลอย่างยิ่งใหญ่ อย่าทำให้ราษฎรทั่วทั้งใต้หล้าผิดหวังเลยนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ฝ่าบาท ตอนนั้นราชครูเจียงเช่อยังสามารถประทานจวน ทั้งยังจะสร้างอนุสรณ์คุณงามความดีให้แก่เขาอีก หากแพร่งพรายออกไปนั่นต่างหากที่เป็นเรื่องน่าขัน ขอฝ่าบาทพระราชทานรางวัลให้แก่องค์หญิงหย่งผิงด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“ฝ่าบาท!”
“ฝ่าบาทได้โปรดฟังพวกกระหม่อมด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
ไม่ใช่ว่าฮ่องเต้เซี่ยเจินไม่อยากประทานให้ แต่เขากำลังคิดอยู่ว่าจะให้รางวัลน้อยหน่อย เพราะเขาไม่เชื่อว่าจี้จือฮวนจะใจดีเพียงนั้น ก็แค่ทำเพื่อต้องการสร้างชื่อเสียงให้เซี่ยฉือและเผยยวนก็เท่านั้น!
เซี่ยหยางจ้องจี้จือฮวน ในใจก็รู้สึกเสียใจอย่างที่สุด
หากตอนนั้นเขาไปสืบว่าจี้จือฮวนเป็นคนเช่นไร วันนี้คนที่ยืนอยู่ข้างกายของนางจะเป็นเขาหรือไม่ ความช่วยเหลือจากไท่ซ่างหวงและองค์หญิงใหญ่มิเท่ากับเป็นของเขาอย่างนั้นหรือ?
นางสามารถมองเห็นสถานการณ์โดยรวมและวางแผนล่วงหน้า เหนือกว่าจี้หมิงซูมากจริง ๆ
ไม่เพียงแต่จี้กั๋วกงเท่านั้นที่ตาบอด แม้แต่เขาก็ไม่ได้ตรวจสอบให้ดีว่าจวนจี้กั๋วกงมีหยกที่ยังไม่ได้เจียระไนอีกชิ้น!บราวนี่ออนไลน์
ฮ่องเต้เซี่ยเจินรู้สึกหงุดหงิดกับข้าราชบริพารเหล่านั้นอย่างมาก ในที่สุดก่อนที่ไท่ซ่างหวงจะโมโห เขาก็เอ่ยขึ้นมาเสียงดังลั่น “ข้าแค่กำลังคิดอยู่ว่าจะประทานอะไรให้ดี องค์หญิงหย่งผิงทำเพื่อบ้านเมืองและราษฎร ทั้งยังแบกรับภาระเชื่อมไมตรีระหว่างทั้งสองแคว้น ข้าหวังว่าภายภาคหน้าเจ้าจะเป็นเหมือนองค์หญิงใหญ่ ให้ความสำคัญกับราษฎรของทั้งสองแคว้น ดังนั้นข้าขอแต่งตั้งให้นางเป็นฮู่กั๋วฮูหยินขั้นหนึ่ง และประทานจวนหนึ่งหลัง”
พระราชทานแค่จวนเนี่ยนะ? อย่าว่าแต่ชาวถู่เจียทนฟังไม่ได้เลย ชาวต้าจิ้นเองก็อับอายยิ่งนัก มีเงินไปสร้างหออะไรนั่นให้ราชครู ตอนนั้นหานกุ้ยเฟยก็มีหอของตัวเอง แม้ว่าจะสร้างไม่สำเร็จ แต่สองคนนั้นทำคุณงามความดีอะไรอย่างนั้นหรือ?
พอถึงตาคนที่ทำคุณงามความดีจริง ๆ กลับประทานให้เพียงจวนหลังเดียวอย่างนั้นหรือ?
ฮ่องเต้ผู้นี้ยิ่งอยู่ยิ่งถอยหลังจริง ๆ
พวกเขาไหนเลยจะรู้ว่าเวลานี้ฮ่องเต้เซี่ยเจินกำลังขุ่นเคืองเป็นอย่างมาก หมู่บ้านตระกูลเฉินมีเหมืองทองมีเหมืองเหล็ก! ทั้งยังสกัดกั้นเรือทางการของพวกเขาเอาไว้ คนอย่างจี้จือฮวนขาดแคลนเงินที่ใดกัน! หากนางบอกว่าตัวเองยากจน เกรงว่าคนในตำหนักนี้คงจะต้องอับอายที่บอกว่าตนเองร่ำรวยแล้ว
คิดจะหลอกเขาอย่างนั้นหรือ ฝันไปเถอะ แดงเดียวเขาก็ไม่อยากจะให้
เขาไม่ให้ก็ไม่เป็นไร ไม่อย่างนั้นราชสำนักจะตั้งฝ่ายตรวจการขึ้นมาทำไมกัน ก็เพื่อใช้ประโยชน์เวลานี้ไม่ใช่หรือ?
“ฝ่าบาท ในเมื่อเป็นการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ ก็ควรเป็นราชสำนักที่ออกค่าสินสอดนะพ่ะย่ะค่ะ”
“กระหม่อมคิดว่า ตอนที่พระราชทานจวน หากจะพระราชทานทองคำและเงินเพิ่มก็ไม่เกินไปนะพ่ะย่ะค่ะ”
ฟังดูสิ! ให้นางมาเป็นฮูหยินต้องออกทองคำเอง! ออกเงินเอง! นี่ยังไม่เท่าไร แต่นางแต่งงานไปตั้งนานแล้วยังต้องออกค่าสินสอดให้อีกอย่างนั้นหรือ!???
ทางถู่เจียให้สินสอดบ้างหรือไม่!
ราวกับได้ยินเสียงในใจของฮ่องเต้เซี่ยเจินอย่างไรอย่างนั้น ถูลี่จึงเอ่ยขึ้นมาหนึ่งประโยค “ในเมื่อเป็นการแต่งงานเชื่อมไมตรี ของขวัญของถู่เจียย่อมไม่มีทางขาด”
แฝงความหมายว่าต้าจิ้นของพวกเจ้าอวดว่าตัวเองเป็นแคว้นอันดับหนึ่งในจงหยวน ไม่เหมาะที่จะเอาของเล็กน้อยที่ไม่ควรค่าแก่การพูดถึงมาหลอกกันหรอกกระมัง
ฮ่องเต้เซี่ยเจินแทบจะกระอักเลือดออกมา
ถังกั๋วกงจึงลุกขึ้นยืนและเอ่ยออกมา “ฝ่าบาท ภัยของหลูโจวและเมืองหลวง เดิมเป็นความผิดของราชสำนัก แม่ทัพเผยและองค์หญิงหย่งผิงนำเงินของตัวเองออกมา ข้าวสารก็ดี สมุนไพรก็ดี เงินที่ใช้ซ่อมแซมเขื่อน ควรเป็นราชสำนักที่เป็นคนออกนะพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้เซี่ยเจิน “…”
เขายังไม่ทันพูดอะไร ไท่ซ่างหวงก็เอ่ยสำทับขึ้นมาอีกประโยค “สมควรเป็นเช่นนั้นแล้ว เอาอย่างที่พวกเจ้าว่าก็แล้วกัน นอกจากนี้อนุญาตให้นางเข้าวังได้โดยไม่ต้องแจ้ง ไม่จำเป็นต้องรอ สามารถเข้าออกได้ตามใจชอบ”
หากไม่ได้อยู่ในห้องโถงใหญ่นี้ เกรงว่าฮ่องเต้เซี่ยเจินคงจะกระอักเลือดจนสลบไปแล้วอย่างแน่นอน
ไม่เพียงต้องจ่ายเงินชดเชยให้ ชื่อเสียงยังถูกพวกเขาพรากไปอีกด้วย เช่นนั้นเขานับเป็นตัวอะไรกัน!?
ฐานะของจี้จือฮวนจู่ ๆ ก็สูงส่งขึ้นเพราะมีคนหนุนหลัง ใครจะคิดว่าหญิงอัปลักษณ์อันดับหนึ่งของเมืองหลวงตอนนั้น บัดนี้จะมีถู่เจียคอยหนุนหลัง กลายเป็นองค์หญิงที่แต่งงานเชื่อมไมตรี และยังเป็นฮู่กั๋วฮูหยินอีกด้วย
ภายภาคหน้าใครก็ไม่สามารถแตะต้องนางได้ หากจี้จือฮวนเป็นอะไรขึ้นมา นั่นหมายความว่าต้าจิ้นไม่พอใจถู่เจีย ถู่เจียสามารถฉีกพันธสัญญา ส่งทหารเข้ามาโจมตีได้ทุกเมื่อ
เซี่ยวั่งซูให้ยันต์คุ้มภัยแผ่นใหญ่กับนางจริง ๆ
คราวนี้เหล่าขุนนางพอใจเป็นอย่างมาก และคิดว่าทางถู่เจียคงไม่มีอะไรมาต่อว่าได้อีก แก้ปัญหาได้เป็นที่น่าพอใจอย่างมาก
เซี่ยวั่งซูมองจี้จือฮวน “ฮวนฮวน ข้ารู้ว่าเจ้าไม่แยแสของเหล่านี้ แต่คนเราอยู่ในโลกเช่นนี้ มีเบี้ยในมือมาก มีคนหนุนหลังมาก อย่างน้อยก็ช่วยแก้ปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่สำคัญให้ได้”
อาทิ พวกที่ดูถูกฐานะของจี้จือฮวนแล้วมายั่วยุถึงที่ ฮวนฮวนไม่เหนื่อยแต่นางกลับรู้สึกเหนื่อยแทน คนเหล่านี้มีสิทธิ์อะไรมาเสียงดังใส่สิ่งที่ล้ำค่าของนางกัน
นางจะมอบฐานะที่มีเกียรติที่สุดแก่จี้จือฮวน จากนี้หากเซี่ยเจินคิดจะแตะต้องนาง ก็ต้องไตร่ตรองให้ดี
ความลำเอียงที่ประกาศให้ใต้หล้ารู้เช่นนี้ พวกเขาก็ให้เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น เพราะนางคู่ควร ความจริงใจทั้งหมดที่นางทุ่มเท พวกเขาแค่ตอบแทนคืนกลับไป ถ้ามันจะทำให้สามารถปกป้องนางได้ และในภายภาคหน้า หากพวกเขาปกป้องนางไม่ได้แล้ว ถึงตอนนั้นอาฉือก็คงจะโตพอ เช่นนั้นก็ให้อาฉือมาปกป้องนางต่อก็แล้วกัน
ฮวนฮวนของนาง ใครก็ไม่สามารถรังแกได้!
ช่วยไม่ได้ คนอย่างนาง เซี่ยวั่งซู เป็นคนที่ชอบถือหางคนของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นฮวนฮวนยังเป็นเด็กดีถึงเพียงนั้น
เมื่อเจอกับคำพูดเช่นนี้ จี้จือฮวนจะปฏิเสธความตั้งใจของพวกเขาได้อย่างไร นี่เป็นการดูแลกันและกันแม้ว่าจะไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด พวกเขาก็ยังจะปกป้องซึ่งกันและกัน
และทำให้วิญญาณที่มาจากโลกอื่นอย่างนาง พบพี่พักพิงอย่างแท้จริง
“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”
“เอาล่ะ ๆ คราวนี้เป็นน้องสาวของข้าจริง ๆ แล้ว” ถูลี่หยิบจอกเหล้าขึ้นมา “คืนนี้ไม่เมาไม่เลิก”
ฮ่องเต้เซี่ยเจินมองดูภาพครอบครัวกลมเกลียวของพวกเขา ก็แอบหัวเราะเยาะอยู่ในใจ พวกเขาไม่ได้แซ่เซี่ย จะแสร้งเป็นพี่น้องเคารพรักอะไรกัน!
ถูกเอาเปรียบไปแล้ว จะไม่เฉลิมฉลองได้อย่างไรกัน
“เริ่มงานได้”
การแสดงฉากใหญ่จบลงแล้ว ฮ่องเต้เซี่ยเจินจึงต้องการที่จะผ่อนคลาย โดยสั่งให้เริ่มการร้องเพลงเต้นรำ
อาอินกับอาชิงมองไปทางอาฉือตาปริบ ๆ จากนั้นก็นั่งอยู่ข้างกายท่านพ่อท่านแม่อย่างเชื่อฟัง
นี่ไม่ใช่เวลาที่จะพูดคุยกัน หลังจากทุกคนทำความรู้จักกันแล้ว ก็รองานเลี้ยงเริ่มอย่างเงียบ ๆ
.