เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 387 ส่งมาหาถึงที่
บทที่ 387 ส่งมาหาถึงที่
แต่เมื่อตื่นขึ้นมากลางดึก จี้จือฮวนก็เห็นเพียงเด็กสามคนเท่านั้น เผยยวนที่นอนอยู่ด้านนอกสุดกลับไม่เห็นแม้แต่เงา
นางกลัวว่าเขาดื่มเหล้าไปจะปวดท้องหรือไม่สบายตัว จึงลุกขึ้นอย่างระมัดระวังและเตรียมจะออกไปหาเขา แต่เมื่อเปิดประตูกลับพบใครบางคนนั่งจุดไฟอยู่ข้างนอก
เผยยวนหันหน้ามา ซ่อนของในมือเอาไว้ “ข้าทำเจ้าตื่นหรือ?”
จี้จือฮวนหมดคำจะพูด “เจ้าเงียบเชียบเพียงนี้จะทำข้าตื่นได้อย่างไร ดึก ๆ ดื่น ๆ ไม่หลับไม่นอนทำอะไรอยู่?”
เผยยวนยังคงปิดบังนาง จี้จือฮวนจึงเข้าไปหยิบเอง แต่กลับคว้าได้เพียงชายเสื้อสีแดงสด
เผยยวนใบหน้าแดงเรื่อ ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาขึ้นมา “ฝีมือข้าไม่ค่อยดีนัก ไม่สามารถ…ทำให้เจ้าสวมชุดแต่งงานที่สวยที่สุดได้”
จี้จือฮวนถึงกับใจอ่อนยวบ จ้องหน้าเขาอยู่พักใหญ่ จึงได้ก้มหน้าลงไปจูบเขา “ที่เจ้าทำดีที่สุดแล้ว”
หัวใจของเขาต่างหากที่สำคัญที่สุด
เผยยวนได้ยินดังนั้น ความหงุดหงิดเมื่อครู่ก็ถูกโยนทิ้งไปหมดแล้ว ก่อนจะคว้าต้นคอของนางและเป็นฝ่ายจูบให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น หากว่าด้านหลังเขามีหางอยู่ มันคงกระดิกไปมาตั้งนานแล้ว
“ข้าใกล้จะปักเสร็จแล้ว ข้าจะทำให้เจ้ามีหน้ามีตาที่ได้แต่งงานกับข้า”
“มีหน้ามีตาหรือไม่ล้วนไม่สำคัญ”
คนในวังเหล่านั้นมีกี่คนกันที่อวยพรพวกเขาจากใจจริง?
“ฮวนฮวนของข้ามีค่ามากพอที่จะได้รับสิ่งที่ดีที่สุด”
ทันใดนั้นจี้จือฮวนก็รู้สึกว่าหิมะในวันนี้ช่างอบอุ่นยิ่งนัก ไม่อย่างนั้นเหตุใดนางฟังแล้วหัวใจถึงได้รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาได้กัน?
…
จวนตระกูลฮวาคึกคักมาทั้งคืน เช้าวันรุ่งขึ้นทั้งหมดจึงเอาแต่ซุกตัวอยู่ภายใต้ผ้าห่มไม่มีใครยอมลุกขึ้นมา
เซียวเย่เจ๋อสองคนพี่น้องเองก็ค้างที่นี่คืนหนึ่ง ตอนที่มีคนมาหาจี้จือฮวน ในสวนนั้นยังเงียบสงบ มีเพียงฮวาเส้าจงที่ฝึกไท่เก๊กอยู่ตรงนั้น
ถังซุ่นคารวะหนึ่งที “ท่านหัวหน้าใหญ่”
ฮวาเส้าจงเช็ดเหงื่อเล็กน้อย “เถ้าแก่ถังมาได้อย่างไรกัน เผยฮูหยินยังไม่ตื่นเลย เมื่อคืนพวกเด็ก ๆ เอะอะโวยวายกันจนดึกจนดื่น”
ถังซุ่นอึกอักเล็กน้อย “เกรงว่าคงต้องให้คนไปเรียกแล้วขอรับ”
ฮวาเส้าจงเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “มีเรื่องสำคัญอะไรอย่างนั้นหรือ?”
“องค์ชายรองถูกพิษ ได้ยินว่าหย่งอันถังของเรามีหมอที่ช่วยคนให้ฟื้นขึ้นมาจากความตายได้ พวกเขาจึงพาองครักษ์กลุ่มหนึ่งมาด้วยเพื่อขอให้ไปรักษา ตอนนี้คนได้มารออยู่แล้วขอรับ”
ฮวาเส้าจงไม่รู้เรื่องความบาดหมางระหว่างจี้จือฮวนกับองค์ชายรอง รู้เพียงว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กจริง ๆ จึงให้คนไปแจ้งนาง
ความจริงแล้วจี้จือฮวนยังนอนไม่เต็มอิ่ม กลับเป็นเผยยวนที่ดีใจจนนอนไม่หลับทั้งคืน ตอนเช้าอาศัยตอนที่อาชิงเปิดพุงน้อย ๆ ร้องจะไปฉี่ จึงได้ลุกขึ้นอุ้มพวกเด็ก ๆ ออกไปล้างหน้าล้างตา
“ชู่ อย่าเสียงดังรบกวนแม่ของพวกเจ้า”
อาชิงหาวขึ้นมาหนึ่งที พลางขยี้ตาไปมา “ท่านพ่อ เหตุใดท่านถึงดีใจเพียงนี้หรือขอรับ? ท่านแอบกินอะไรมาใช่หรือไม่?”
“เจ้าคิดว่าพ่อเหมือนกับเจ้าอย่างนั้นหรือ เจ้าแมวน้อยจอมตะกละ” เผยยวนมีความสุขมากจริง ๆ เขาเอ่ยเสียงเบาขึ้นมา “พ่อจะได้แต่งงานกับแม่ของพวกเจ้าแล้ว”
อาอินดวงตาเป็นประกาย “เช่นนั้นชุดแต่งงานท่านทำเสร็จหรือยังเจ้าคะ?”
เผยจี้ฉือเองก็ขยับเข้ามาใกล้ “หรือไม่ให้พวกเราช่วยท่านปักดีหรือไม่ขอรับ?”
“ไม่ได้ ข้าต้องทำด้วยตัวเอง จึงจะเห็นถึงความจริงใจ”
ตอนที่ถังซุ่นเข้ามาก็เห็นเผยยวนนั่งอยู่บนม้านั่ง ผู้ชายร่างสูงใหญ่ขาเหยียดตรง พลางงอขาข้างหนึ่งขึ้นมา กำลังคร่ำเคร่งว่าจะมัดผมให้เด็กทั้งสองคนเช่นไร ช่างหาได้ยากจริง ๆ แต่เรื่องอะไรที่เกิดขึ้นกับแม่นางจี้ของพวกเขาล้วนไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด
“เถ้าแก่ถัง มาหาฮวนฮวนหรือ นางยังหลับอยู่เลย” เผยยวนเอ่ยทักทาย
“ข้ามาหานางขอรับ”
เห็นถังซุ่นมีท่าทางร้อนรน เผยยวนเดาว่าคงมีคนไข้ที่หย่งอันถัง กำลังคิดจะไปเรียกจี้จือฮวน ประตูห้องก็เปิดออกมาพอดี จี้จือฮวนมัดผมหางม้าง่าย ๆ “มีคนไข้หรือ ไปกันเถอะ”
นางเดินไปสองก้าว แล้วหันมาเอ่ยกับพวกเด็ก ๆ “เชื่อฟังท่านพ่อ เป็นเด็กดีเข้าใจหรือไม่?”
“ขอรับ/เจ้าค่ะ ท่านแม่”
ได้ยินเด็กทั้งสามรับคำโดยพร้อมเพรียง จี้จือฮวนจึงหันไปขยิบตาให้เผยยวน แล้วเดินนำถังซุ่นออกไป
“คนไข้เป็นอะไรมาหรือ?”
จี้จือฮวนเดินมาถึงหน้าประตู ก็ขึ้นไปบนรถม้าของหย่งอันถัง
ถังซุ่นตามขึ้นมา “เป็นองค์ชายรองขอรับ”
จี้จือฮวนอึ้งไปเล็กน้อย “เขาน่ะหรือ?”
เจ้าคนนี้จะมีเรื่องอะไรได้ ในตำหนักก็มีเย่จิ่งฝูอยู่ด้วยไม่ใช่หรือ?
“ข้าเองก็ไม่ทราบขอรับ แต่เขาถูกหามเข้ามา ข้าบอกว่าจะเข้าไปดูอาการให้ องครักษ์เหล่านั้นก็ไม่ให้ข้าเข้าไป และยังบอกให้ข้ารีบไปเรียกหมอเทวดาของหย่งอันถังของเราออกมา ข้าจึงทำได้เพียงมาหาท่านนี่แหละขอรับ”
จี้จือฮวนคิดไปคิดมา เซี่ยหยางน่าจะยังไม่รู้ว่านางรักษาคนที่หย่งอันถัง ดังนั้นจึงได้ส่งคนมา ไม่อย่างนั้นต่อให้ตายเขาก็ไม่มีทางมาแน่ เพราะเมื่อคืนนางเพิ่งจะขู่เขาไป นอกเสียจากว่าเขาจะว่างมากจนไม่มีอะไรทำ
แต่หากเย่จิ่งฝูก็ยังรักษาไม่ได้ เช่นนั้นก็หมายความว่าเซี่ยหยางคงไปหาเรื่องใครที่ไม่ควรมีเรื่องด้วยมาใช่หรือไม่?
เรื่องนี้นางต้องไปดูด้วยตัวเองจริง ๆ
เมื่อมาถึงหย่งอันถัง จี้จือฮวนจึงพบว่าคนของตำหนักองค์ชายรองแทบจะล้อมหย่งอันถังเอาไว้หมดแล้ว สิ่งแรกที่จี้จือฮวนคิดนั่นก็คือ เซี่ยหยางกำลังวางอำนาจกับนาง
จึงนึกสนใจขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อลงจากรถม้า องครักษ์ที่กระวนกระวายใจเหล่านั้นก็เข้ามาดึงถังซุ่น “อยากตายหรืออย่างไร ข้าให้เจ้าไปพาคนมาเหตุใดถึงไปนานเพียงนี้!”
ถังซุ่นหาใช่คู่ต่อสู้ของคนเหล่านี้ที่ใดกัน แค่ถูกดึงก็เกือบจะล้มลงกับพื้นแล้ว
กลับเป็นจี้จือฮวนที่ยื่นมือไปรับถังซุ่นเอาไว้ได้อย่างมั่นคง และยืนบังตรงหน้าเขา จากนั้นก็เตะองครักษ์ผู้นั้นไปหนึ่งทีจนกระเด็นออกไป
“พวกเจ้าตาบอดหรืออย่างไร หย่งอันถังใช่ที่ที่พวกเจ้าจะมาหาเรื่องได้อย่างนั้นหรือ?”
เหล่าองครักษ์ต่างมองหน้ากัน “เจ้าเป็นใครกัน!”
“จี้จือฮวน”
คราวนี้องครักษ์เหล่านั้นต่างก็เก็บอาวุธลงทันที “ที่แท้ก็หย่งกวานโหวฮูหยิน”
เย่จิ่งฝูรออยู่ข้างในอย่างร้อนใจ ทันทีที่ออกมาก็เห็นว่าคนของทั้งสองฝ่ายกำลังจะสู้กัน จึงรีบเอ่ยขึ้นมา “ท่านหมอที่ข้าต้องการพบก็คือนาง พวกเจ้ารีบหลีกทางซะ”
เหล่าองครักษ์คิดไม่ถึงว่าฝีมือการแพทย์ของจี้จือฮวนจะสามารถทำให้เย่จิ่งฝูนับถือได้
หมายความว่านางรักษาไม่ได้ แต่หากไม่อยากให้เซี่ยหยางตายก็ต้องมาหย่งอันถัง
เย่จิ่งฝูดึงจี้จือฮวนให้เดินตามเข้าไปด้านใน กำลังคิดจะบอกนางว่าของสกปรกนั่นของเซี่ยหยางนางไม่กล้าแตะแล้ว ก็ถูกองครักษ์ที่เซี่ยหยางพามาขวางเอาไว้อีกครั้ง “ช้าก่อน พวกเราต้องไปรายงานก่อน…”
เย่จิ่งฝูจึงด่าออกมาทันที “ช้าก่อนบ้านเจ้าน่ะสิ องค์ชายรองของพวกเจ้ายังรอได้อีกอย่างนั้นหรือ!”
ตอนที่หามมาก็เจ็บปวดจนสลบไปแล้ว ไม่อย่างนั้นนางจะสามารถพามาที่หย่งอันถังได้อย่างไรกัน?
“รีบหลีกทางให้ข้า หากเขาตายพวกเจ้าก็เตรียมตัวตายตามได้เลย” เย่จิ่งฝูดึงจี้จือฮวนเข้าไปด้านใน “ข้าจะบอกเจ้าให้ เมื่อคืนนี้ไม่รู้ว่าเขาไปทำกรรมอะไรมา เอ่อ…ข้าพูดออกมาแล้วก็กลัวปากจะสกปรกไปด้วย เจ้าดูเอาเองก็แล้วกัน”
เย่จิ่งฝูเข้าไปและสั่งให้ยอดฝีมือที่เฝ้าอยู่ข้างกายเซี่ยหยางออกไปให้หมด อย่าขัดขวางหมอตรวจอาการ ยอดฝีมือเหล่านั้นจึงทำได้เพียงยืนรออยู่ด้านนอก เพื่อป้องกันหากมีคนไม่หวังดีต่อเซี่ยหยาง
เย่จิ่งฝูเปิดม่านคลุมเตียงออก จี้จือฮวนก็เห็นว่าใบหน้าของเซี่ยหยางบวมเป่ง มีจุดพิษสีม่วงอมเขียวปรากฏขึ้นบนใบหน้าและลำคอ แต่สิ่งที่สะดุดตาที่สุดไม่ได้อยู่ที่ร่างกายส่วนบนของเขา แต่เป็นจุดที่เมื่อเลิกผ้าห่มที่คลุมเขาออกก็พบว่ามันเริ่มเน่าแล้ว
คิ้วเรียวสวยของจี้จือฮวนเลิกสูงขึ้น เฮอะ สวรรค์ช่างมีตาจริง ๆ
“เมื่อคืนนี้ข้าให้เขากินเลือดพิษแล้ว แต่อาการกลับยิ่งแย่ลงเร็วขึ้น ข้าไม่มีวิธีรักษาแล้วจริง ๆ จึงใช้ยาต่าง ๆ พยุงอาการให้เขารอดมาจนถึงฟ้าสางได้ ก่อนจะรีบพาเขามาหาเจ้านี่แหละ”
.
.
.
———————-