เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 389 ลักขื่อเปลี่ยนเสา
บทที่ 389 ลักขื่อเปลี่ยนเสา*
* ลักขื่อเปลี่ยนเสา (偷梁換柱) หมายถึง กลอุบายในการนำของปลอมมาแทนที่ของจริง
จี้จือฮวนยกยิ้มขึ้น “หากข้าบอกว่าไม่ต้องเล่า? ตอนนี้เจ้าแค่พยักหน้าตอบตกลง ก็สามารถเป็นองค์ชายได้วันสองวันแล้ว”
จางปาเหลี่ยงคาดหวังเล็กน้อย “แต่ต่อให้ข้าสวมชุดมังกรก็ไม่เหมือนองค์รัชทายาทอยู่ดีนะขอรับ”
“เห็นเขาหรือไม่ เจ้าเพียงแค่ต้องนอน กิน ดื่ม ทนให้ผ่านสองวันนี้ไปก็พอ ถึงเวลาข้าจะหาคนมาแทนเจ้าเอง” จี้จือฮวนชี้ไปยังเซี่ยหยางที่สลบไสลเพราะฤทธิ์ของยาสลบแล้วเอ่ยขึ้นมา
จางปาเหลี่ยงชะโงกหน้าไปมอง “หากถูกเปิดโปงเล่าขอรับ?”
“หากถูกเปิดโปงเจ้าก็ตาย ดังนั้นเจ้าต้องแสดงอย่างแนบเนียน” จี้จือฮวนตบบ่าของเขาเบา ๆ จากนั้นก็เอ่ยกับเยว่พั่วหลัว “แปลงโฉมให้เขา”
เยว่พั่วหลัวไม่มีความเห็นใด ๆ ใครใช้ให้จี้จือฮวนดูแลเรื่องอาหารเล่า! ใครดูแลเรื่องอาหารนางก็เชื่อฟังคนนั้นก็เท่านั้นเอง
เย่จิ่งฝูกะพริบตาปริบ ๆ มองดูเหตุการณ์ทั้งหมดตรงหน้านี้ก็ไม่อยากแม้แต่จะคิด พวกเขากล้าทำได้อย่างไรกัน?!
อันที่จริงจี้จือฮวนได้คัดเลือกทหารมาสองคนที่มีรูปร่างและหน้าตาค่อนข้างคล้ายคลึงกับเซี่ยหยางจากในกลุ่มทหารชั้นยอดของกองทัพทหารเกราะเหล็กเอาไว้นานแล้ว ทั้งยังฝึกฝนพวกเขาเป็นพิเศษอีกด้วย และยังมอบหมายเรื่องนี้ให้คนสนิทของเผยยวนอย่างหลิวเฟิงไปทำ
เพียงแต่พวกเขายังอยู่ที่หมู่บ้านตระกูลเฉิน ตอนนี้เมื่ออยู่ท่ามกลางการจับตามองขององครักษ์มากมายเพียงนั้น จางปาเหลี่ยงยังสามารถแสดงแทนได้สักสองวัน ถึงตอนนั้นก็ให้เยว่พั่วหลัวไปกับเขา จากนั้นก็ใช้แผนการสับเปลี่ยน เพียงเท่านี้ทางฝั่งของเซี่ยหยางก็จะแพ้ไปเองโดยที่ไม่ต้องทำอะไร จะเหลือก็เพียงฮ่องเต้สุนัขเท่านั้น
แค่หน้ากากหนังมนุษย์แผ่นหนึ่งของเยว่พั่วหลัวยังไม่พอ แม้แต่รอยแผลเป็นที่มือและเท้าทั้งสองข้างของจางปาเหลี่ยง จี้จือฮวนก็ใช้เทคนิคพิเศษปกปิดให้เขาด้วย
“หากมีคนคุยกับเจ้า เจ้าก็แค่พยักหน้าหรือส่ายหน้าก็พอ”
จางปาเหลี่ยงพยักหน้ารับ “แต่หากว่าพวกเขาไม่เข้าใจความหมายเล่าขอรับ?”
“เจ้าโง่หรืออย่างไร ก็ยังมีข้าอยู่ด้วยอีกคนไม่ใช่หรือ!” เย่จิ่งฝูกลอกตามองบน จากนั้นก็เอ่ยด้วยสีหน้าตึงเครียดขึ้นมา “ตอนนี้พวกเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว เจ้าก็แสดงให้มันดี ๆ หน่อย อย่าทำให้ข้าพลอยลำบากไปด้วย ที่เหลือข้าจะเป็นคนจัดการเอง”
แต่นางก็ยังเป็นกังวลอยู่ดี จึงดึงจี้จือฮวนแล้วเอ่ยถามขึ้นมา “คนผู้นี้ไว้ใจได้หรือไม่ เขาอาจจะสามารถแสดงได้สักสองวัน แต่ไม่สามารถแสดงได้ตลอดชีวิตนะ”
“เจ้าวางใจเถอะ ข้าต้องการเวลาแค่สองวันเท่านั้น แล้วข้าจะหาคนไปเปลี่ยนเขาออกมา”
เย่จิ่งฝูถอนหายใจด้วยความโล่งอก ถึงเวลานางแค่อาศัยข้ออ้างดูแลเซี่ยหยางคอยจับตามองจางปาเหลี่ยง ก็สามารถซื้อเวลาให้พวกจี้จือฮวนได้แล้ว
“เช่นนั้นองค์ชายรอง เจ้าตั้งใจจะฆ่าเขาอย่างนั้นหรือ?”
จี้จือฮวนหัวเราะเบา ๆ “นี่ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าต้องกังวลอีก”
ตอนที่เย่จิ่งฝูเดินออกมาส่งจี้จือฮวน นางยังรู้สึกราวกับฝันอยู่อย่างไรอย่างนั้น
เหล่าองครักษ์พุ่งตัวเข้ามาทันที จางปาเหลี่ยงที่กินยานอนหลับนอนอยู่บนเตียงแทบจะกรนออกมา ส่วนเยว่พั่วหลัวก็นั่งไขว่ห้างอยู่ที่มุมห้อง
“องค์ชาย เหตุใดองค์ชายถึงยังไม่ฟื้นอีกเล่า?”
เย่จิ่งฝูหันเหความสนใจของเขา “เขาได้รับยาสลบจึงหลับไปก็เท่านั้น องค์ชายไม่เป็นอะไรแล้ว พวกเราไปกันเถอะ”
“ไม่เป็นอะไรแล้ว? แต่องค์ชายยังไม่ฟื้น เช่นนี้พวกเราจะรู้ได้อย่างไรว่าไม่เป็นอะไรแล้วจริง ๆ”
เมื่อคืนเยว่พั่วหลัวอยู่ที่ตำหนักองค์ชายรอง จะไม่รู้อย่างนั้นหรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับเซี่ยหยาง? เมื่อครู่ตอนที่เอาเซี่ยหยางไปซ่อนก็รู้แล้ว แต่นางไม่กล้าบอกว่าเรื่องนี้นางเป็นคนทำ ดังนั้นจึงอดกลั้นมาจนถึงตอนนี้
เมื่อได้ยินองครักษ์ผู้นี้ถามก็เอ่ยขึ้นมา “เป็นอะไรหรือไม่เจ้าแค่ถอดดูก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ?”
องครักษ์จ้องหน้านาง “เจ้าคือ?”
“อ้อ นี่คือหมอหญิงของหย่งอันถัง องค์ชายรองยังต้องพักฟื้น ข้าจะพานางกลับตำหนักไปช่วยดูแลด้วย”
เหล่าองครักษ์รู้สึกแปลก ๆ แต่ก็ยังต้องการที่จะไปดูเซี่ยหยางว่าเป็นเช่นไรบ้าง
เมื่อเลิกผ้าห่มออกก็เอ่ยด้วยความนอบน้อมขึ้นมา “องค์ชาย ล่วงเกินแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
จางปาเหลี่ยงที่น่าสงสารถูกคนถอดกางเกงดูน้องชายตอนหลับจึงไม่รู้เรื่องอะไร
“เป็นอย่างไร?”
“หายแล้ว ๆ ไม่บวมแล้ว”
“ข้าดูแล้วปกติมาก เหมือนกับคนไม่เป็นอะไรเลย!”
คราวนี้เหล่าองครักษ์ต่างก็พากันโล่งใจ เย่จิ่งฝูจึงกลอกตามองบน เมื่อครู่บวมถึงเพียงนั้น พวกเจ้ายังสามารถแยกแยะน้องชายของเซี่ยหยางและจางปาเหลี่ยงได้อีกอย่างนั้นหรือ!
“รีบไปเถอะ” เย่จิ่งฝูกลัวว่าเซี่ยหยางที่ซ่อนอยู่ใต้เตียงจะถูกพบเข้า จึงเอ่ยเร่งขึ้นมา
เหล่าองครักษ์ก็อยากให้เซี่ยหยางกลับไปพักผ่อนที่ตำหนัก จึงย้ายคนไปไว้บนเกี้ยวแล้วหามออกไปด้านนอกทันที
ตอนเดินไปถึงตรงหน้าถังซุ่น ยังล้วงตั๋วเงินจำนวนสองพันตำลึงให้เขาด้วยความพอใจอย่างมาก “หย่งอันถังสมกับที่เป็นร้านยาอันดับหนึ่งของเมืองหลวงจริง ๆ เถ้าแก่ถัง เมื่อครู่ต้องขออภัยด้วย”
ถังซุ่นยิ้มแห้ง ๆ ออกมา หลังจากส่งคนกลับไปแล้วจึงเอ่ยด้วยความสงสัยขึ้นมา “ไปก็ไปสิ เหตุใดต้องพาแม่นางเยว่กลับไปด้วยเล่า?”
ถังซุ่นคิดไม่ออก จึงรีบเข้าไปดูด้านใน ก็เห็นจี้จือฮวนกำลังดื่มชาอยู่
“แม่นางจี้ พวกเขาไปแล้วขอรับ แต่เหตุใดถึงพาตัวแม่นางเยว่ไปด้วยเล่าขอรับ?”
จี้จือฮวนเอ่ย “ข้าให้นางตามไปเอง ท่านไปทำงานของท่านเถอะ ไป๋จิ่นเล่า?”
“อ้อ ยังนอนอยู่ในห้องขอรับ เมื่อครู่เรียกก็ไม่ยอมตื่น ข้าจึงเรียกแม่นางเยว่มาแทน”
จี้จือฮวนพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะถามว่าเขาอยู่ห้องใดแล้วถีบประตูเข้าไปทันที ไป๋จิ่นลุกขึ้นนั่งบนเตียงในทันใด ก่อนจะสะบัดเข็มพิษสองเล่มออกจากแขนเสื้อโดยไม่รู้ตัว
ตั้งแต่จี้จือฮวนฝึกเคล็ดวิชากำลังภายในก็ยังไม่เคยประมือกับใครมาก่อน นางจึงรับเข็มเอาไว้ได้ จากนั้นก็สะบัดกลับไป
แต่เคล็ดวิชากำลังภายในที่เจียงจือหวยให้นั้นยอดเยี่ยมจริง ๆ จี้จือฮวนเพียงแค่ฝึกฝนในช่องว่างมิติสองรอบ กำลังภายในที่รุนแรงก็ซัดไป๋จิ่นจนกระเด็นออกไปได้แล้ว
คราวนี้หนอนขี้เซาจึงตื่นเต็มตา ไป๋จิ่นลูบหน้าอกตัวเองเบา ๆ “โอ๊ย สวรรค์ เจ้าใช้กำลังภายในเป็นตั้งแต่เมื่อใดกัน?”
ก่อนหน้านี้อะไรก็ทำไม่เป็นไม่ใช่หรือ?
“เพิ่งเรียนมา เป็นอย่างไรบ้าง?” จี้จือฮวนถามถึงระดับความสามารถของตัวเองกับชาวบู๊ลิ้มอย่างจริงจัง
ไป๋จิ่นครุ่นคิดเล็กน้อย “มีส่วนคล้ายกับของแม่ทัพเผย แต่ไม่เหมือนกันซะทีเดียว แม้จะมาจากสำนักเดียวกันแต่ของเจ้านุ่มนวลกว่า แต่ของเขาดูเข้มแข็ง หรือว่าเจ้าเรียนกับแม่ทัพเผยมา แต่หากต่อกรกับพวกเราที่มีวรยุทธ์ไม่เท่าไรก็นับว่าเพียงพอแล้ว”
จี้จือฮวนจึงพอใจอย่างมาก “อืม เจ้าตื่นแล้วก็ล้างหน้าแล้วออกมา ข้าจะไปรอเจ้าด้านนอก”
ผู้ชายล้างหน้าไม่ต้องวุ่นวายอะไรมากมาย ไป๋จิ่นเช็ดหน้าทีหนึ่งก็ออกมาแล้ว เขาสะบัดพัดออกแล้วเอ่ยขึ้น “ไปทำอะไรหรือ วันนี้จะวางยาพิษผู้ใดกัน?”
จี้จือฮวนเอ่ย “วันนี้ไม่ได้วางยาพิษใคร แต่ข้ามีของขวัญชิ้นหนึ่งจะมอบให้เจ้า”
นางเดินนำทางอยู่ด้านหน้า จากนั้นก็กลับไปยังห้องเมื่อครู่ ลากเซี่ยหยางที่สวมเสื้อผ้าของจางปาเหลี่ยงออกมาจากใต้เตียง
ไป๋จิ่นส่งเสียงสูดปากหนึ่งที เปิดเสื้อคลุมแล้วนั่งยอง ๆ บนพื้น “นี่มัน…นี่มันองค์ชายรองไม่ใช่หรือ? เจ้าทำอะไรกับเขา?”
“ของขวัญชิ้นนี้เจ้าไม่ชอบหรือ?”
ไป๋จิ่น “…”
นี่มันใช่เรื่องชอบหรือไม่ชอบด้วยอย่างนั้นหรือ ปัญหาคือเขาเป็นองค์ชายรองนะ!?
“ยังไม่ต้องสนใจเรื่องนี้ อุ้มคนขึ้นไปบนรถม้าให้ข้าก่อน พวกเราจะกลับไปที่จวนตระกูลฮวากันก่อน”
“ได้” ไป๋จิ่นเข้ามาช่วย สุดท้ายก็พบว่าเซี่ยหยางไม่ได้สวมกางเกง ด้านบนมีพรมผืนหนึ่งคลุมเอาไว้เท่านั้น เขาจึงเลิกพรมนั้นขึ้นมา จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
จนกระทั่งขึ้นไปบนรถม้า ไป๋จิ่นก็จับประตูรถเอาไว้อย่างอ่อนแรง ท่าทางราวกับจะอาเจียนออกมา
จี้จือฮวนมองดูท่าทางของเขา ขาสองข้างหนีบจนแน่น ราวกับกลัวว่าคนอื่นจะแย่งของรักของหวงของเขาไปอย่างไรอย่างนั้น
“เจ้ากลัวอะไรกัน?”
ไป๋จิ่นที่อ่อนแอ น่าสงสาร และไร้เดียงสามองหน้านาง “ขอเพียงเป็นบุรุษ ไม่มีใครไม่กลัว”
นี่เรียกว่าความหดหู่! ความหดหู่เข้าใจหรือไม่! เขาต้องใช้ทั้งชีวิตเพื่อรักษามันเชียวนะ!
ไป๋จิ่นน้อย ข้าจะปกป้องเจ้าอย่างดี!
.
.
.
———————-