เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 400 คืนส่งตัวเข้าหอ
บทที่ 400 คืนส่งตัวเข้าหอ
แม้รายการของขวัญจะมากมายเพียงนี้ ทว่าคนต้นเรื่องทั้งสองกลับไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ จี้จือฮวนฟังจบแล้วจึงได้เริ่มคำนวณ ก่อนจะเอ่ยขึ้นเบา ๆ “อาจารย์ของเจ้าขนทรัพย์สินทั้งหมดมาให้เลยหรืออย่างไรกัน สำนักหลัวซาคิดจะทำอะไรกันแน่”
ความจริงแล้วเผยยวนเองก็พูดไม่ออก “ข้าไม่เคยไปสำนักหลัวซา แต่เท่าที่ข้าจำได้ เจียงจือหวยเป็นคนที่พิถีพิถันกับทุกสิ่งทุกอย่างมาก”
“ส่งตัวเข้าหอ!” จากนั้นก็มีเสียงตะโกนของเจ้าหน้าที่กรมพิธีการดังตามมา
จี้จือฮวนกับเผยยวนสบตากันเล็กน้อย ไม่สนใจเรื่องเจียงจือหวยอีก
จวนหย่งกวานโหวเป็นจวนที่ฮ่องเต้ประทานให้เพื่อฉลองที่เผยยวนชนะศึก ย่อมกินพื้นที่ไม่น้อย ประกอบกับมีการตกแต่งเป็นพิเศษ แค่จากโถงด้านหน้าไปจนถึงเรือนหลัก จี้จือฮวนก็รู้สึกตาลายแล้ว
เมื่อเข้าไปในห้องหอก็ยิ่งเต็มไปด้วยสีแดง จี้จือฮวนกับเผยยวนนั่งอยู่บนผ้านวมด้วยกัน หลังจากดื่มสุรามงคลและทำพิธีผูกปมผมแล้ว เผยยวนจึงถูกพวกเซียวเย่เจ๋อเร่งให้ออกไปด้านนอก
ท้องฟ้าเริ่มมืดลง เทียนมังกรหงส์ที่จุดภายในห้องค่อย ๆ ไหม้ไปทีละนิด ระหว่างนั้นฮวาเซียงเซียงก็แอบเข้ามา ส่งบะหมี่น้ำชามหนึ่งให้นาง จี้จือฮวนรู้สึกสงสัย “อยู่ดี ๆ เหตุใดเจ้าถึงเอาบะหมี่มาส่งข้าได้?”
เพราะเมื่อครู่นี้ยังไม่เห็นนางเลย
ฮวาเซียงเซียงหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย “เจ้าว่าจะมีใครอีกเล่า ที่จะจำได้ว่าเจ้ายังไม่ได้กินข้าว?”
จี้จือฮวนที่กำลังกินบะหมี่อยู่ถึงกับชะงักไป “เขาเมาหรือไม่?”
“วันนี้จะไม่เมาได้อย่างไรกัน แต่ข้าให้เซียวเย่เจ๋อจับตามองเอาไว้แล้ว ไม่กระทบการเข้าหอของพวกเจ้าแน่!”
จี้จือฮวนครุ่นคิดถึงความสามารถในการดื่มของเผยยวน …การที่เขาเมาหรือไม่เมาคงไม่สามารถมองด้วยตาเปล่าได้
…
เรือนด้านหน้า ความจริงแล้วเผยยวนดื่มไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนใหญ่ล้วนถูกคนของกองทัพทหารเกราะเหล็กขวางเอาไว้ ขุนนางบุ๋นเหล่านั้นไหนเลยจะดื่มเหล้าสู้ทหารได้ ประเด็นสำคัญก็คือวันนี้เป็นวันสำคัญของท่านแม่ทัพ จะปล่อยให้เขาดื่มหนักจนไล่จับใครไม่รู้มาจูบไปทั่วได้อย่างไรกัน หากแพร่งพรายออกไปจะทำเช่นไร!
ขณะที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ก็พบว่ามีการเคลื่อนไหวที่ประตู ฮวาเซียงเซียงหูผึ่งขึ้นมาทันที ก่อนจะเห็นช่องประตูถูกเปิดออกอย่างเงียบ ๆ และมีมือเล็ก ๆ ข้างหนึ่งยื่นเข้ามา ก่อนจะตามด้วยหัวที่มีผมดกดำ
อาชิง อาอิน อาฉือ ทั้งสามคนเรียงแถวกันก่อนจะโผล่หัวเข้ามา หลังจากพบว่าตัวเองถูกจ้องอยู่ก็วิ่งตึงตังเข้าไป
อาอินหิ้วกล่องอาหารใบใหญ่มากใบหนึ่งมาด้วย ก่อนจะส่งให้อาชิงราวกับส่งไม้ต่อ จากนั้นอาฉือก็เป็นคนเอาไปวางบนโต๊ะ
“พวกเจ้าไปเอามาจากที่ใดกัน?”
อาฉือเอ่ยตอบด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ข้าสั่งห้องครัวเอาไว้นานแล้วขอรับ ให้เก็บไว้ให้ท่านชุดหนึ่ง ยังร้อนอยู่เลย รีบกินเถอะขอรับ”
ฮวาเซียงเซียงพูดด้วยความอิจฉา “มีลูก ๆ ที่รักเช่นนี้ช่างดีจริง ๆ”
อาชิงยื่นหน้ามาที่โต๊ะ โยกหัวไปมาแล้วเอ่ยขึ้น “ใช่แล้ว ท่านแม่ต้องกินให้อิ่ม ๆ ท้องจึงจะใหญ่ขึ้น ถึงจะมีน้องชายน้องสาวได้”
จี้จือฮวนเกือบจะสำลักออกมา
อาฉือกลัวว่านางจะอาย จึงรีบจับเด็กทั้งสองเอาไว้แล้วพูดขึ้น “ท่านรีบกินเถอะขอรับ อีกเดี๋ยวท่านพ่อก็คงกลับมาแล้ว”
ข้างนอกฟ้ามืดสนิทแล้ว อาหารก็กินเกือบจะอิ่มแล้ว ทันทีที่แขกกลับเผยยวนต้องรีบกลับมาอย่างแน่นอน
“ข้าไม่ไป ข้าจะนอนกับท่านแม่” อาชิงสะบัดมือเล็กออก
อาฉือขมวดคิ้ว จับเปียของน้องชายเอาไว้ “ห้องหอที่ใดมีเด็กนอนอยู่ในนั้นกัน รีบตามข้ามา”
อาชิงยังอยากจะออดอ้อนจี้จือฮวนต่อ ทว่าฮวาเซียงเซียงดูเวลาเห็นว่าดึกแล้วจริง ๆ จึงอุ้มอาชิงแล้วยักคิ้วให้นาง “พวกเราไปก่อนนะ เจ้าต้องรีบกินหน่อย กินอิ่มแล้วจะได้มีแรงทำนั่นทำนี่”
จี้จือฮวน “…”
เจ้าช่างลามกจริง ๆ
ประตูห้องปิดลง แต่เสียงของอาชิงน้อยยังคงดังอยู่ด้านนอก “เช่นนั้นข้าก็จะแต่งงานกับท่านแม่ด้วย เท่านี้ก็สามารถนอนในห้องได้แล้วใช่หรือไม่?”
เสียงของอาฉือไกลออกไป “ท่านแม่ไม่มีทางแต่งงานกับพวกเรา อยากได้ภรรยาก็ไปหาเอาเอง”
จี้จือฮวนมองไปที่อาหารที่วางอยู่เต็มโต๊ะ เมื่อคิดว่าพวกเด็ก ๆ เตรียมไว้ให้ หัวใจก็รู้สึกหวานล้ำยิ่งกว่าตอนที่เห็นเผยยวนวันนี้เสียอีก
จนกระทั่งนางกินบะหมี่เกือบจะเสร็จแล้ว จึงได้ยินเสียงประตูเรือนเปิดออก มีนางกำนัลเอ่ยขึ้นเบา ๆ ที่หน้าประตู “ท่านโหวกลับมาแล้วเจ้าค่ะ”
โคมไฟสีแดงใต้ชายคาสว่างขึ้น ตามมาด้วยเสียง ‘แอ๊ด’ เผยยวนก็เข้ามาแล้ว
ยังมีแม่นมในวังตามมาด้วย เมื่อครู่จี้จือฮวนไม่ต้องการให้พวกนางคอยปรนนิบัติ พวกนางจึงทำได้เพียงออกไปรอด้านนอก สุดท้ายยังเหลืออีกพิธีการหนึ่งที่ต้องทำ พวกนางจึงจำต้องตามเข้ามา
จี้จือฮวนสำรวจสีหน้าของเผยยวน เห็นแค่ดวงตาของเขาเท่านั้นที่แฝงไปด้วยรอยยิ้ม จึงแยกไม่ออกว่าสรุปแล้วเขาเมาหรือไม่เมากันแน่
ที่นอนยวบลงไป เวลานี้เขามานั่งอยู่ข้างกายนางแล้ว บนกายมีกลิ่นเหล้าโชยออกมา
“เชิญฮูหยินลุกขึ้นถอดชุดด้วยเจ้าค่ะ”
จี้จือฮวนถูกคนพาไปด้านหลังฉากบังลมด้วยความมึนงง เมื่อเห็นว่าในที่สุดพวกนางก็ยอมถอดมงกุฎหงส์ให้แล้ว ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อเสื้อผ้าน้อยชิ้นลงเรื่อย ๆ จี้จือฮวนก็เอ่ยกำชับขึ้นมา “เก็บชุดแต่งงานให้ดี”
“ฮูหยินวางใจได้เจ้าค่ะ”
เรื่องที่เผยยวนทำชุดแต่งงานด้วยตัวเอง แพร่ไปทั่วทั้งเมืองหลวงแล้ว ดังนั้นแม้ทุกคนจะรู้สึกว่าชุดมันดูน่าเกลียดไปสักหน่อย แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดออกมา อาศัยแค่ความจริงใจนี้ก็เพียงพอแล้ว
ขณะที่นางเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ เผยยวนก็ต้องไปอาบน้ำ ตามกฎเขาเป็นราชบุตรเขยขององค์หญิงหย่งผิง จึงไม่สามารถเสียมารยาทได้
แต่จี้จือฮวนคิดไม่ถึงว่าเสื้อผ้าเข้าหอของในวังจะโปร่งแสงได้ถึงเพียงนี้ แค่ผ้าโปร่งบาง ๆ ชั้นหนึ่ง แม้กระทั่งไฝเม็ดเล็ก ๆ บนผิวหนังก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ประกอบกับกางเกงเปิดเป้า ทำให้จี้จือฮวนก้าวขาไม่ออกจริง ๆ
“ฮูหยินไม่ต้องอายเจ้าค่ะ คนแต่งงานต่างก็สวมเช่นนี้กันเจ้าค่ะ”
เอ่ยไปก็ยัดโหยวเกา*กล่องหนึ่งใส่มือของจี้จือฮวน พลางพูดเสียงเบา “หากอีกเดี๋ยวท่านโหวบุ่มบ่าม ฮูหยินก็ไม่ต้องฝืนนะเจ้าคะ ควรจะใช้ก็ใช้สักหน่อย”
* โหยวเกา (油膏) หมายถึง บาล์มสำหรับหล่อลื่น
บรรดานางกำนัลได้ยินดังนั้นทั้งใบหน้าและหูก็พลันแดงก่ำ และเมื่อจี้จือฮวนออกมาจากหลังฉากบังลม เผยยวนก็อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว กำลังนั่งรอนางอยู่บนเตียง
ท่าทางดูเรียบร้อย เพียงแต่เมื่อเขาเห็นนาง สายตาที่แผดเผานั่นก็ทำให้จี้จือฮวนเห็นแล้วรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองขึ้นมาทันที
แม่นมประคองจี้จือฮวนให้นั่งลง จากนั้นก็ผูกนิ้วเท้าของทั้งสองคนด้วยเชือกสีแดง แล้วจึงลดผ้าม่านลง “เพลิดเพลินตลอดค่ำคืน ดวงไฟอายุยืนเก้าดวงดับลงยามรุ่งสาง ชิ้นส่วนไส้ตะเกียงปลิดปลิว พลิ้วตกลงบนบานหน้าต่างทรงกลมที่แกะสลัก
ขอให้บ่าวสาวถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร มีลูกเต็มบ้าน มีหลานเต็มเมือง”
คนที่อยู่ในห้องต่างก็ถอยออกไป ประตูถูกปิดลง คราวนี้ทั้งโลกก็เหลือพวกเขาเพียงสองคนแล้ว
จี้จือฮวนสูดหายใจเข้าลึก ๆ หนึ่งครั้ง กำลังจะบอกว่าดับเทียนก่อนดีหรือไม่ หรือกินอะไรอีกสักหน่อย แต่ฝ่ามือใหญ่ของเผยยวนกลับโอบเอวของนางเอาไว้เสียก่อน และฝ่ามือที่ร้อนผ่าวของเขาก็เริ่มลูบไล้ผ่านเนื้อผ้าบางเบานั่น
จี้จือฮวนถูกเขาผลักลงบนเตียง ผมยาวพัวพันกับเขา จี้จือฮวนรู้สึกได้เพียงความชื้นและความร้อนผ่าว ผสานกับเสียงเอี๊ยดอ๊าดของเตียง ลบเลือนประสาทสัมผัสทั้งหมดของนางไปจนสิ้น
ขณะที่เตียงโยกคลอน ยังสามารถได้ยินเสียงทอดถอนใจที่ยาวเหยียดและแฝงความเหนื่อยหอบของเผยยวน “สบายยิ่งนัก”
“…หุบปากนะ”
บรรดานางกำนัลที่ถอยออกไปอยู่ที่ลานด้านนอกแล้ว ก็ขยับตัวออกไปไกลกว่าเดิม พลางสบตากันและกันเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยอย่างอึดอัดออกมา “เนื้อหาที่ไม่สามารถออกอากาศได้ เหตุใดต้องให้พวกเราได้ยินด้วย ฮือ ๆ ๆ”