เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 402 ตระกูลกู้แห่งหลงซี
บทที่ 402 ตระกูลกู้แห่งหลงซี
จี้จือฮวนเลิกคิ้วขึ้น “เจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลย ว่าพ่อของเผยยวนเป็นใครกันแน่”
ความจริงแล้วในใจของจี้จือฮวนก็คิดเอาไว้อยู่สองสามคน แต่สิ่งที่นางกลัวที่สุดก็คือ กลัวว่าจะเป็นคนในราชวงศ์ เพราะหน้าตาของเขามีส่วนคล้ายกับอาฉือ ต่อให้จะบอกว่าไม่ใช่พ่อลูกแท้ ๆ ก็ยังมีคนสงสัยอยู่ดี และมีเหตุผลเพียงไม่กี่ข้อเท่านั้นที่จะทำให้คนหน้าตาคล้ายกัน
เจียงจือหวยจมดิ่งอยู่ในความทรงจำของตัวเอง เมื่อจู่ ๆ ถูกจี้จือฮวนเอ่ยขัดก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา “เช่นนั้นเจ้าคิดว่าเป็นใคร?”
จี้จือฮวนเบะปาก “ขอเพียงไม่ใช่เซี่ยเจินก็พอ”
เขาได้ยินดังนั้นก็รู้สึกไม่เข้าใจ “ฮ่องเต้สุนัขนั่นคู่ควรด้วยอย่างนั้นหรือ เสิ่นหลันหยางไม่ได้ตาบอดเพียงนั้น แต่เหตุใดเจ้าถึงคิดว่าเป็นเซี่ยเจิน?”
เจียงจือหวยราวกับเห็นสิ่งสกปรกก็มิปาน และไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก
“เจ้ารู้จักอาฉือหรือไม่? เขาหน้าตาคล้ายเผยยวนมาก”
เจียงจือหวยนึกออกแล้ว “เจ้าหมายถึงลูกของเซี่ยอวี้? มีอะไรแปลกกัน ชายาขององค์รัชทายาทเซี่ยอวี้ เสิ่นหรงเจิ้ง เป็นหลานสาวของเสิ่นหลันหยาง หน้าตาของพวกเขาไม่ได้เหมือนคนตระกูลเซี่ย แต่เหมือนคนตระกูลเสิ่น เจ้าอย่าลืมว่าเสิ่นไทเฮา เสด็จแม่ของเซี่ยฉีและเซี่ยวั่งซูก็เป็นคนตระกูลเสิ่น”
เบาะแสที่ไม่สามารถเอามาปะติดต่อกันได้ในหัวของจี้จือฮวน ทันใดนั้นก็เชื่อมต่อกันได้แล้ว นางคิดถึงตระกูลเซี่ยมาโดยตลอด แต่ไม่เคยคิดว่าแม่ของเผยยวนและแม่ของอาฉือจะมีความเกี่ยวข้องเป็นญาติกันมาก่อน
หมายความว่า เดิมทีตระกูลเสิ่นควรมีสตรีสามคนที่ต้องแต่งเข้าราชวงศ์เพื่อสืบทอดตำแหน่งฮองเฮา แต่มันกลับไม่ได้เป็นไปตามนั้น มิน่าเล่าหลังจากเซี่ยเจินครองบัลลังก์ ตระกูลเสิ่นก็สูญเสียการสนับสนุน ตอนนี้ในราชสำนักก็ไม่ได้มีผลงานใด ๆ หลังจากเซี่ยอวี้ตายก็ถึงกับต้องออกจากเมืองหลวง
จี้จือฮวนถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นพ่อของเผยยวนก็คือ?”
“เจ้าเคยได้ยินชื่อตระกูลกู้แห่งหลงซีหรือไม่?”
จี้จือฮวนไม่เคยเห็นชื่อนี้ในนิยายมาก่อน อีกทั้งตั้งแต่ที่นางหลุดเข้ามาก็ไม่เคยมีคนพูดถึงเช่นกัน
“ไม่เคย”
เจียงจือหวยมีสีหน้าระอา “แม้แต่เรื่องนี้เจ้าก็ยังไม่รู้ ตระกูลกู้แห่งหลงซีสร้างฐานะด้วยความดีความชอบทางทหารมาตั้งแต่เมื่อร้อยปีก่อน ต่อมาลูกหลานของตระกูลก็เคยก่อตั้งราชวงศ์ฮั่นตอนใต้ ทว่าเมื่อเกิดความวุ่นวายจากสงครามจึงได้ย้ายไปอยู่ที่หลงซี และกลายเป็นตระกูลใหญ่ที่ครอบครองดินแดนหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น ราชวงศ์ก่อนมีอัครมหาเสนาบดีห้าท่านที่มาจากตระกูลกู้ มีลูกศิษย์อยู่ทั่วใต้หล้า หากว่าตระกูลกู้ยังอยู่ พวกที่เรียกตัวเองว่าตระกูลชนชั้นสูงในราชสำนักทุกวันนี้ ไม่คู่ควรแม้แต่จะถือรองเท้าให้พวกเขาด้วยซ้ำ
หลงซีมักจะมีโจรขี่ม้าก่อความวุ่นวายตลอด จึงไม่ค่อยสงบสุขนัก กองทัพตระกูลกู้ในเวลานั้นจึงถูกขนานนามว่าเป็นผู้พิทักษ์ ทว่าเมื่อถึงรุ่นของกู้อู๋โยวคนในตระกูลกู้ก็เริ่มมีข่าวลือว่าผู้ชายในตระกูลกู้จะมีอายุอยู่ไม่เกินยี่สิบห้าปี ตอนที่เสิ่นหลันหยางได้พบกับกู้อู๋โยวปีนั้นเขาอายุยี่สิบสามปีแล้ว”
ภายใต้แสงแดด ใบหน้าที่หล่อเหลาของเจียงจือหวยดูหม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด
“เพราะการหมั้นกับเซี่ยฉีทำให้เสิ่นหลันหยางไม่มีใครมาสู่ขอ แต่นางกลับมีความสุขอย่างมาก เพราะเดิมทีนางก็ไม่ได้อยากแต่งงานอยู่แล้ว ข้าในตอนนั้นคิดว่าจะอยู่ปกป้องนางเช่นนี้ไปชั่วชีวิต ทว่าจนกระทั่งนายหญิงของตระกูลกู้ได้มาที่ตระกูล”
จี้จือฮวนประหลาดใจ “พวกเขามาสู่ขอหรือ?”
เจียงจือหวยราวกับตกอยู่ในความเศร้าที่เก็บซ่อนเอาไว้ภายในใจ เนิ่นนานกว่าเขาจะพยักหน้ารับช้า ๆ “แต่เสิ่นกั๋วจิ่วไม่เห็นด้วย ทว่าช่วยไม่ได้ที่แม่ของเสิ่นหลันหยางกับนายหญิงของตระกูลกู้เป็นสหายที่รักใคร่สนิทสนมกัน เมื่อได้ฟังชะตากรรมของเสิ่นหลันหยาง กู้ฮูหยินจึงยอมเดินทางนับหมื่นลี้เพื่อมาสู่ขอ สินสอดมากมายเทียบเท่ากับองค์หญิงของราชวงศ์ออกเรือน และกู้คืนหน้าตาของตระกูลเสิ่นกลับมา นอกจากเสิ่นกั๋วจิ่วที่รู้สึกวูบโหวงแล้ว ทุกคนล้วนแต่ดีใจ ส่วนราชวงศ์ตอนนั้นก็กำลังวุ่นวายกับการแย่งชิงตำแหน่งองค์รัชทายาท ไหนเลยจะมีคนสนใจว่าเสิ่นหลันหยางจะแต่งงานกับผู้ใด
หลังจากกำหนดวันแต่งงานแล้ว ข้าก็แทบไม่ได้เจอเสิ่นหลันหยางอีกเลย แต่นางจะแอบให้คนเอาจดหมายมาส่งให้ข้าบ้างเป็นครั้งคราวเท่านั้น ทว่ากลับไม่ยอมให้ข้าไปพบนางอีก”
จี้จือฮวนยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจ “เจ้าชอบเสิ่นหลันหยางอย่างนั้นหรือ?”
เจียงจือหวยไม่ได้ตอบตรง ๆ เขาเพียงแค่เล่าเรื่องของตัวเองเท่านั้น
“ข้าตั้งใจว่าจะปฏิบัติต่อนางอย่างดี เพราะนางช่วยชีวิตข้าเอาไว้ ข้าเคยบอกว่าจะปกป้องนางให้ปลอดภัย วันที่กู้อู๋โยวมาที่จวน ข้ากำลังหิ้วของว่างที่นางชอบกินเอาไปให้ จึงแอบดูนางอยู่ตรงนั้น ข้าเห็นนางดีใจเพียงนั้น ดีใจเหมือนนกกระจาบฝนบนกิ่งไม้ พูดเจี๊ยวจ๊าวไม่หยุด ประกายในดวงตาของนางสว่างไสวขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนั้นข้ารู้สึกว่ามันหนวกหูมาก หนวกหูมากจริง ๆ”
ปากของเขาแม้จะบอกว่าเสิ่นหลันหยางหนวกหู แต่มือกลับกำแน่นโดยไม่รู้ตัว “หากว่าคนยังอยู่ล่ะก็ ต่อให้หนวกหูมากกว่านั้นก็ไม่เป็นอะไร
หลังจากที่นางแต่งงานและไปอยู่ที่หลงซี ข้าก็ไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ในจวนเสิ่นกั๋วจิ่วอีก ข้าจึงกลับเข้าสู่ยุทธภพเป็นจอมยุทธ์คนหนึ่ง ทว่าการต่อสู้ที่ดุเดือดก็เหมือนจะไม่มีความหมายอีกแล้ว จนกระทั่งหลงซีเกิดเรื่องขึ้น”
จี้จือฮวนใจกระตุกขึ้นมา “เกิดอะไรขึ้นที่หลงซี?”
“หลงซีมีกองทัพกบฏ ราชสำนักจึงส่งกองกำลังหนึ่งแสนนายไปที่นั่น โดยมีตระกูลกู้เป็นผู้นำ ต่อมาตระกูลกู้สมรู้ร่วมคิดกับศัตรูและทรยศต่อบ้านเมือง กองทัพทั้งหมดจึงถูกกำจัด ตอนที่กู้อู๋โยวถูกพบ เขาเสียชีวิตอยู่ภายใต้ลูกธนูมากมาย ถูกคนรับใช้ที่เหลืออยู่ของตระกูลกู้แบกกลับมา ราชสำนักเดือดดาลเป็นอย่างมาก ตระกูลกู้ทั้งตระกูลจึงถูกจับ เสิ่นหลันหยางในตอนนั้นเนื่องจากกำลังท้องอยู่ จึงถูกกู้ฮูหยินพาไปพักฟื้นที่สำนักแม่ชีนอกเมืองหลงซี เมื่อทราบข่าวก็กระทบกระเทือนจิตใจทำให้คลอดได้ยาก”
เรื่องที่เหลือไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้มากความอีก รังพลิกคว่ำไข่ย่อมแตก* เสิ่นหลันหยางต่อให้จะมีชีวิตรอด นางกับเผยยวนก็ไม่มีทางที่จะมีจุดจบที่ดีได้
* รังพลิกคว่ำไข่ย่อมแตก (覆巢之下无完卵) หมายถึง เมื่อมีคนหนึ่งเดือดร้อน คนอื่นในครอบครัวก็ย่อมเดือดร้อนตามไปด้วย
“จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่สามารถยึดหลงซีคืนมาได้ สงครามในปีนั้นต้าจิ้นสูญเสียแปดเมืองติดต่อกัน จนถึงตอนนี้ก็ยังแตกเป็นเสี่ยง ๆ กลายเป็นดินแดนแห่งการปล้นสะดม ตอนที่ข้าไปถึงเสิ่นหลันหยางก็ตายแล้ว ตระกูลกู้ก็ไม่เหลือใครแล้ว แต่ข้าไม่พบร่างของเผยยวน จึงคิดว่าเด็กคนนั้นบางทีอาจจะยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นข้าจึงได้สร้างสำนักหลัวซาขึ้นมา
เรื่องราวต่อจากนั้นเจ้าก็ได้รู้หมดแล้ว รายการของขวัญที่ข้าส่งไป ล้วนเป็นทรัพย์สินที่เป็นชื่อของพ่อแม่เขาในตอนนั้น ข้าดูแลแทนเขามาหลายปี ตอนนี้ก็ได้คืนให้เขาแล้ว”
เขาพูดอย่างสบาย ๆ แต่จี้จือฮวนไหนเลยจะไม่รู้ ในเมื่อตระกูลกู้ตกต่ำลงถึงเพียงนี้ ต่อให้ราชสำนักจะไม่ได้ยึดทรัพย์สินไป แต่ก็คงทำเงินไม่ได้มากมายเพียงนี้ ทว่าเจียงจือหวยสามารถทำให้ทรัพย์สินงอกเงยได้ทั่วทั้งใต้หล้าเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาทุ่มแรงกายแรงใจไปมากเพียงใด
เกรงว่าทั้งชีวิตนี้ของเขาคงทำเพื่อเสิ่นหลันหยางเท่านั้น ตอนที่นางยังมีชีวิตอยู่เขาก็ปกป้องนาง เมื่อนางตายไปแล้วเขาก็ยังปกป้องลูกชายของนางอยู่
เพียงแต่ไม่รู้ว่าในนิยายเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เพราะก่อนที่เผยยวนจะตาย เจียงจือหวยไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน
จี้จือฮวนจึงเอ่ยถามออกมา “ก่อนหน้านี้ตอนที่เผยยวนถูกพิษ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเจ้า?”
เจียงจือหวยมีสีหน้าประหลาดใจ “เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
เป็นเช่นนี้นี่เอง เจียงจือหวยต้องไม่สามารถมาช่วยได้เป็นแน่ ไม่อย่างนั้นเขาต้องไม่มีทางมองดูเผยยวนตกต่ำถึงเพียงนั้นได้
“สำนักหลัวซามีคนทรยศ กว่าข้าจะรู้เรื่องของเจ้าเด็กนี่ก็ได้ยินว่าเขากลับมาแล้ว ข้าเองก็มีความคิดจะให้บทเรียนกับเขาด้วย ทำศึกสงครามแทนฮ่องเต้สุนัขนั่นเหมือนกับพ่อของเขาจะมีความหมายอะไรกัน? คนเขายังมองว่าเป็นคนอยู่หรือไม่? หรือคนในตระกูลกู้ของเขาจะต้องตายในสนามรบให้หมด แล้วให้สตรีทั้งเรือนร้องไห้จนตาบอดก่อน จึงจะพอใจหรืออย่างไรกัน?”
สำหรับพ่อแท้ ๆ และพ่อเลี้ยงของเผยยวน เจียงจือหวยล้วนไม่เข้าใจพวกเขาเลย ทั้งสองคนต่างก็เป็นขุนพล เลี้ยงดูจนเผยยวนเองก็มีจิตวิญญาณเช่นนั้น เอะอะอะไรก็ต้องปกป้องบ้านเมือง
ทว่าเขาไม่ได้มีความเที่ยงธรรมมากเพียงนั้น
เจียงจือหวยชำเลืองมองไปทางส่วนลึกของป่าไผ่ “ที่ข้ามาก็เพื่อแสดงความยินดีกับการแต่งงานของพวกเจ้า ส่วนจะทุ่มเทกำลังให้กับฮ่องเต้สุนัข หรือต้องการจะไปยึดหลงซีกลับมา นั่นก็เป็นเรื่องของพวกเจ้า ข้าไม่อยากสนใจอีกแล้ว”
เอ่ยจบเขาก็โยนแผนที่หนังแกะแผ่นหนึ่งให้จี้จือฮวน จากนั้นเขามาอย่างไรก็ได้จากไปเช่นนั้น