เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 425 ปัญหาเรือรบที่ถูกปล่อยทิ้ง
- Home
- เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย
- บทที่ 425 ปัญหาเรือรบที่ถูกปล่อยทิ้ง
บทที่ 425 ปัญหาเรือรบที่ถูกปล่อยทิ้ง
เผยยวนออกคำสั่งแล้ว ไม่ว่าฉู่จิ้นจะมีปฏิกิริยาเช่นไร เขาก็ต้องออกไป
“เผยยวน! ข้าไม่ยอม! ข้าจะไปสนามรบ เจ้าไล่ข้าออกเช่นนี้ ไม่ช้าก็เร็วเจ้าจะต้องเสียใจ!” เขาถูกคนดึงขึ้นมา ปากก็ยังคงตะโกนไม่ยอมรับไม่หยุด
หลังจากเรื่องวุ่นวายจบลง จี้จือฮวนก็อาศัยโอกาสนี้รับสมัครทหารกองปืนไฟ
“เอาล่ะ ๆ แยกย้ายกันได้แล้ว คนที่ต้องไปฝึกก็ไปฝึก คนที่ต้องไปกินข้าวก็ไปกินข้าว” รองแม่ทัพปัดมือไปมา ให้พวกทหารแยกย้ายกันไป
ทันใดนั้นพวกเขาก็เข้ามาห้อมล้อมจี้จือฮวน บางคนอยากจะลองปืนไฟนั่น จี้จือฮวนก็ไม่ได้ปฏิเสธ หลังจากอธิบายสิ่งสำคัญบางประการแล้ว ก็ให้พวกเขาทั้งหมดได้ลอง
ทุกคนต่างกระตือรือร้นที่จะลอง หลังจากที่พวกเขายิงพลาด ยิงเบี้ยว พวกเขาจึงได้รู้ว่าสิ่งนี้ดีอย่างไร ความนับถือที่มีต่อจี้จือฮวนก็เพิ่มมากขึ้น
มิน่าเล่า ท่านแม่ทัพถึงจะรับสมัครทหารหญิงเป็นครั้งแรก คนที่มีความสามารถเช่นฮูหยินมีกี่คนก็ไม่มากเกินไปเลยสักนิด
จากนั้นนางก็ตามเผยยวนไปที่กระโจมหลัก หลังจากกำหนดกฎเกณฑ์การคัดเลือกทหารกองปืนไฟเสร็จก็เย็นมากแล้ว
ส่วนอาอินยังคงฝึกกับทหารเหล่านั้นโดยไม่หยุดพัก
ด้านนอกก็มีคนมารายงาน บอกว่าหัวหน้าฝ่ายทางน้ำ และรองเจ้ากรมของกรมโยธามา ต้องการขอพบจี้จือฮวน
เผยยวนสงสัย “คนของกรมโยธามาทำไมกัน? เชิญเข้ามาได้”
“ขอรับท่านแม่ทัพ ส่วนฉู่จิ้นนั่นไม่ยอมไป ยังยืนอยู่ที่หน้าประตูค่ายของเราอยู่เลยขอรับ”
“ปล่อยเขายืนไป” เผยยวนตั้งใจว่าจะลดความหยิ่งทะนงของฉู่จิ้นผู้นี้ลงเสียบ้าง ด้วยนิสัยของเขา สักวันต้องหาเรื่องใส่ตัวเป็นแน่ คนหนุ่มเลือดร้อน พูดอะไรไม่คิด
“คารวะท่านอ๋อง คารวะพระชายาขอรับ” หลี่เชียนกับหวังมู่เมื่อเข้ามาถึงก็คำนับก่อน
เผยยวนวางพู่กันลง “นั่งลงเถอะ ไม่ทราบว่าพวกท่านมาหาพระชายามีเรื่องสำคัญอะไรอย่างนั้นหรือ?”
สามารถตามมาจนถึงค่ายทหารได้ คิดว่าต้องมีเรื่องสำคัญอย่างแน่นอน
จี้จือฮวนปกติแล้วหากไม่อยู่ที่ร้านค้าก็มักจะอยู่ที่จวน พูดตามหลักแล้วก็ไม่มีเหตุมีผลที่กรมโยธาต้องมาที่นี่ด้วยตัวเอง
หลี่เชียนเอ่ยออกมาอย่างละอายใจ “คือเช่นนี้ขอรับ ไม่ทราบว่าท่านอ๋องเคยได้ยินเรื่องเรือรบที่ตอนนั้นองค์ชายรองเร่งให้กรมโยธาของพวกเราสร้างหรือไม่ขอรับ?”
เผยยวนพยักหน้าตอบรับ “เคยได้ยินมาบ้าง เพียงแต่ข้าไม่ใช่แม่ทัพของกองทัพเรือเจียงหนาน และข้าเองก็ไม่มีประสบการณ์ในการรบทางน้ำ ดังนั้นจึงไม่เคยถามเกี่ยวกับเรื่องนี้”
หวังมู่ถอนหายใจออกมา “ตอนนี้องค์ชายรองถูกจำคุก และถูกปลดจากฐานะองค์ชายแล้ว จี้หมิงซูที่เป็นคนเสนอพิมพ์เขียวก็ตายไปแล้ว ทั้งหมดนี้จึงกลายเป็นปัญหา เพราะราชสำนักใช้เงินไปไม่น้อย แต่พวกเราได้ยินมาว่าพระชายาเป็นทายาทของตระกูลเซี่ย ตอนนั้นตระกูลเซี่ยได้ทิ้งแผนภาพกลไกไว้เล่มหนึ่ง ไม่ทราบว่าพระชายาสามารถให้พวกเรายืมดูสักหน่อยจะได้หรือไม่ขอรับ เพราะพิมพ์เขียวนั่นของจี้หมิงซูยังมีปัญหามากมายที่ต้องแก้ไขอยู่ อย่างไรเสียนี่ก็เป็นเรือรบ พวกเราจึงไม่กล้าทำอย่างสะเพร่า จึงได้บากหน้ามาขอร้องพระชายาในวันนี้ขอรับ”
หลี่เชียนรีบเอ่ยขึ้นมา “แต่หากไม่สะดวกพวกเราก็จะไม่บังคับ เพียงแต่รู้สึกเสียดายเงินที่เสียไปเพราะเรือรบเหล่านั้น คาดว่าคงสูญเปล่าแล้วขอรับ”
คิดถึงตรงนี้คนของกรมโยธาก็กัดฟันกรอดด้วยความโมโห
จี้หมิงซูนั่นจะสร้างเรือรบก็สร้างไป แต่ยังเจาะจงเลือกวัสดุที่ดีที่สุดและแพงที่สุดอีก ลำพังแค่การขนส่งไม้ก็ใช้เวลากว่าครึ่งปีแล้ว คนงานจำนวนมากเพียงนั้น ทุกวันล้วนต้องกินข้าวต้องให้เงิน นางยังจะเน้นเรื่องความสวยงาม เอามาตรฐานของเรือสำราญไปใช้กับเรือรบอีก โดยให้เหตุผลว่าเพื่อต้องการให้ศัตรูได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของต้าจิ้น
อีกทั้งฮ่องเต้เซี่ยเจินก็ชอบอวดศักดา ชอบเรื่องเพ้อฝันเหล่านี้เป็นที่สุด เมื่อเห็นพิมพ์เขียวที่จี้หมิงซูส่งมาก็พอพระทัยเป็นอย่างมาก คนของกรมโยธาอย่างพวกเขาจึงลำบากมากจนไม่สามารถอธิบายได้ เพื่อให้เป็นไปตามแบบเรือรบที่จี้หมิงซูต้องการ ทุกคนต้องทำงานด้วยความกดดันจนผมร่วงออกมาเป็นกระจุก ไม่ใช่เรื่องง่ายกว่าจะทำมาจนถึงช่วงท้ายได้ ทว่าพอถึงช่วงเวลาสำคัญนางกลับมาตายไปเสียได้!
นี่มันเรื่องอะไรกัน!
ดังนั้นจึงช่วยไม่ได้ เมื่อป่วยหนักจนเข้าขั้นวิกฤต เมื่อพบหมอก็ต้องคว้าไว้ก่อน พวกเขาจึงคิดถึงแผนภาพกลไกของตระกูลเซี่ยในตอนนั้นขึ้นมา ทว่าสุดท้ายกลับได้ยินมาว่าอยู่ที่จี้จือฮวน ดังนั้นจึงทำได้เพียงบากหน้ามาขอร้องนางที่นี่
เผยยวนไม่สามารถตัดสินใจเรื่องนี้ได้ เขามองไปทางจี้จือฮวน หากนางไม่ยินดี บัดนี้อาฉือเป็นหวงไท่ซุนแล้ว จึงไม่มีใครกล้าบังคับนาง
แผนภาพกลไกนั่นอยู่ในมิติพิเศษ จี้จือฮวนได้ศึกษาตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว เป็นหนังสือที่ดีเล่มหนึ่งจริง ๆ ที่คนของตระกูลเซี่ยบันทึกเอาไว้ในตอนนั้น ก็เพื่อทำประโยชน์ให้กับราษฎร ไม่ใช่เก็บไว้ให้ตระกูลเซี่ยสืบทอดกันเฉพาะในตระกูล ตอนนั้นที่มอบให้เซี่ยชิงหรูไปเป็นสินเดิม ก็เพื่อหวังว่าจี้เม่าซวินจะสามารถปฏิบัติกับเซี่ยชิงหรูอย่างดี และทายาทของตระกูลเซี่ยจะสามารถทำให้แผนภาพกลไกนี้พัฒนาขึ้นและได้ใช้สืบต่อกันไป
“แผนภาพอยู่ที่ข้าจริง ๆ ใต้เท้าทั้งสองโปรดรอสักครู่”
จี้จือฮวนเดินไปยังด้านหลังของฉากบังลมแล้วหยิบแผนภาพออกมาจากในมิติพิเศษ จากนั้นก็ได้เดินกลับมาตรงหน้าพวกเขา “แผนภาพทั้งหมดของกลไกนี้ กรมโยธาสามารถนำไปพัฒนาและใช้งานได้เลย หากสามารถได้รับแรงบันดาลใจจากแผนภาพก็ถือเป็นประโยชน์ต่อราษฎรด้วย เรื่องเรือรบเกี่ยวข้องกับความสงบตามแนวชายฝั่งของต้าจิ้น ดังนั้นไม่อาจสะเพร่าได้ แรงงานและทรัพยากรที่ใช้ไปยังใช้เวลาเป็นปี ๆ แน่นอนว่าต้องทำให้สมบูรณ์แบบที่สุด หากใต้เท้าทั้งสองไม่ถือสาล่ะก็ ข้าขอไปดูเรือรบนั่นที่อู่ต่อเรือได้หรือไม่?”
หวังมู่กับหลี่เชียนเพียงแค่อยากจะมาลองดูเท่านั้น แต่ไม่คิดเลยว่าจี้จือฮวนจะเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมถึงเพียงนี้ สมบัติล้ำค่าเพียงนี้ยังบอกว่าให้กรมโยธาของพวกเขาเอาไปศึกษาดูได้เลย ไม่ปิดบังแม้แต่นิดเดียว
มีจิตใจกว้างขวางเช่นนี้นี่เอง มิน่าเล่าถึงสามารถเลี้ยงหวงไท่ซุนไว้ข้างกาย ทั้งยังกล้าปรากฏตัวด้านนอกเพื่อทำการค้า ด้วยสถานการณ์ของเผยยวนในตอนนั้น จะมีสตรีสักกี่คนกันที่สามารถทนได้
“ได้แน่นอนขอรับ เพียงแต่ที่อู่ต่อเรือนั้นยุ่งวุ่นวายและมีแต่พวกคนงาน ก่อนพระชายาจะไปรบกวนแจ้งพวกเราล่วงหน้า พวกเราจะได้ไปจัดการความเรียบร้อยให้ก่อนขอรับ”
เมื่อก่อนตอนที่จี้หมิงซูไปที่อู่ต่อเรือ เมื่อเห็นแรงงานผู้ชายที่ไม่สวมเสื้อเหล่านั้น องค์ชายรองยังโมโหเป็นอย่างมาก ดังนั้นพวกเขาจึงมีประสบการณ์แล้ว เมื่อจี้หมิงซูไปที่นั่นอีกครั้ง จึงให้ทุกคนยืนกันอย่างเป็นระเบียบ
“พรุ่งนี้ข้ามีเวลาว่างพอดี”
“ได้ขอรับ เช่นนั้นพวกเราจะรอฮูหยินขอรับ”
จี้จือฮวนจิบชาไปหนึ่งอึก “แม้ข้าจะไม่เคยไปดูเรือรบที่อู่ต่อเรือ แต่ก็รู้ว่าแบบจำลองที่จี้หมิงซูทำในตอนนั้นยังมีข้อบกพร่องอยู่ ไม่ทราบว่าใต้เท้าทั้งสองได้นำพิมพ์เขียวมาด้วยหรือไม่ ขอข้าดูหน่อย”
หลี่เชียนลุกขึ้นยืน “ผู้น้อยนำมาด้วยขอรับ”
เขาหยิบพิมพ์เขียวออกมาจากกระบอกด้านข้าง “นี่เป็นชุดที่ทำสำเนาออกมา เนื่องจากต้องทำงานซ้ำ ๆ บ่อยครั้ง ดังนั้นหลังจากกลับบ้านไปผู้น้อยก็มักจะอ่านตำราอย่างละเอียดในห้องหนังสือ และวันนี้ก็บังเอิญเอามาด้วยขอรับ”
จี้จือฮวนพลิกดูพิมพ์เขียวหนึ่งรอบ ก็พูดด้วยสายตารังเกียจออกมา “หากข้ามองไม่ผิดล่ะก็ เรือโจมตีปลายแหลมลำนี้คงมีหน้าที่เปิดทางบุกกระมัง แต่พิมพ์เขียวนี้ด้านหน้าของเรือจะมีน้ำหนักมาก ส่วนด้านหลังกลับมีน้ำหนักเบา และมีแรงถีบไม่พอ หากชนกับเรือรบของศัตรู เรือลำนี้ก็จะจมลงก่อน เท่ากับเอาชัยชนะไปให้ศัตรูชัด ๆ”
“เรื่องนี้ตอนนั้นพวกเราก็เป็นกังวลเช่นกัน แต่จี้หมิงซูกลับบอกว่าเรือโจมตีต้องปล่อยธนู…”
“เรือโจมตีมีหน้าที่เปิดทาง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความคล่องตัว นอกจากนี้เวลาออกรบใครเขาเอาอาวุธวางไว้ที่อื่นแต่ไม่พกติดตัวกัน? หากไม่รู้ว่าเป็นเรือรบของตัวเอง ข้าคงคิดว่าเป็นเรือเสบียงของศัตรูที่ขนส่งอาวุธไปให้ผู้อื่นเสียอีก”
คำพูดเหล่านี้ทำให้เจ้าหน้าที่กรมโยธาทั้งสองคนต่างก็ใบหน้าแดงก่ำขึ้น “เรื่องนี้พวกเราก็เคยพูดไปแล้วเช่นกันขอรับ แต่เปลี่ยนความคิดของจี้หมิงซูไม่ได้ จึงต้องทำออกมาเช่นนี้ พวกเราเองก็ทำได้แค่ทำตามคำสั่งเช่นกัน”
จี้จือฮวนได้ยินดังนั้นก็ส่ายหน้าไปมา ปัญหาอื่นของเรือรบไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพียงแต่กลไกที่สำคัญที่สุดกลับไม่ได้ใส่ลงไป
คิดว่าจี้หมิงซูคงปกปิดเอาไว้ก่อน เพื่อรักษาตำแหน่งสตรีที่มีความสามารถอันดับหนึ่งเอาไว้ และเมื่อต่อรองผลประโยชน์กับราชสำนักได้ จึงจะยอมบอกกระมัง