เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 442 ชั่วช้าสามานย์
บทที่ 442 ชั่วช้าสามานย์
ตอนนี้ไป๋จิ่นกับเยว่พั่วหลัวทั้งสองคนไม่ต่างอะไรกับหัวไชเท้าและเห็ดที่ถูกคนเลือกในแผงขายผัก จึงรู้สึกกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก กลัวก็แต่พวกเขาจะไม่เลือกก็เท่านั้น
ปีศาจสาวนั่นมองไปรอบ ๆ แล้วจึงเดินลงจากบันไดมา ก่อนจะใช้กล้องยาสูบเปิดชายเสื้อของผู้ชายกลุ่มนั้น
เหล่าลูกสมุนจึงช่วยจัดการให้ ไม่นานเสื้อผ้าครึ่งตัวบนของผู้ชายกลุ่มนั้นก็ถูกถอดออกจนหมด
รูปร่างเป็นเช่นไรบ้าง มองแวบเดียวก็สามารถรู้ได้แล้ว
พวกผู้หญิงต่างก็หน้าแดงไม่กล้ามอง กลับเป็นเยว่พั่วหลัวที่กะพริบตากลมโตพิจารณาตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่เห็นก็คงไม่รู้ แต่พอเห็นก็ถึงกับตกใจเลยทีเดียว ไป๋จิ่นที่โอ้อวดว่าตัวเองเป็นหนุ่มรูปงามทั้งวัน เมื่อเปรียบเทียบกับคนอื่นเช่นนี้รูปร่างของเขาก็ดูดีกว่าคนข้าง ๆ จริง ๆ ถึงขนาดดูดีที่สุดในกลุ่มเลยก็ว่าได้
สตรีผู้นั้นก็ดูพอใจในตัวไป๋จิ่นอย่างมาก แต่นางก็ยังคงค่อย ๆ เลือกจากอีกด้านหนึ่งอย่างช้า ๆ ผู้ชายบางคนถึงกับตัวสั่นเทา บางคนก็มีดวงตาที่ดุดัน กล้องยาสูบในมือของสตรีผู้นั้นไล่ตั้งแต่หน้าท้องลงไปจนถึงด้านล่าง ก่อนจะวิจารณ์ออกมาทีละคน
“เล็กเกินไป” สตรีผู้นั้นจงใจใช้ภาษาต้าจิ้นกระตุ้นอารมณ์ของผู้ชายเหล่านั้น
เมื่อได้ยินดังนั้น ชายผู้นั้นก็แทบอยากจะฆ่าสตรีที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้เสีย
เยว่พั่วหลัวเกือบจะหัวเราะออกมา
“อืม คนนี้พอใช้ได้”
“สั้นเกินไป”
เมื่อถึงตาของไป๋จิ่น สตรีผู้นั้นก็ให้ความสนใจอย่างเห็นได้ชัด นางเพิ่งจะยื่นกล้องยาสูบออกไป ไป๋จิ่นก็เป็นฝ่ายดึงนางเข้ามาในอ้อมแขนทันที เหล่าสมุนที่อยู่ข้าง ๆ เกือบจะคิดว่าเขาลงมือสู้กลับ จึงจะเข้าไปจัดการเขา ทว่าไป๋จิ่นกลับค่อย ๆ ดันตัวสตรีผู้นั้นเข้ามาใกล้ อ้อมแขนที่แข็งแรงและความกล้าหาญเยี่ยงชายชาตรี สามารถพิชิตใจสตรีผู้นั้นเอาไว้ได้ทันที
“เจ้าไม่กลัวข้าหรือ?” สตรีผู้นั้นเอ่ยถาม
ไป๋จิ่นกลับหัวเราะน้อย ๆ “เจ้างดงามมาก ชื่ออะไรอย่างนั้นหรือ?”
ทั้ง ๆ ที่เขาอยู่ในฐานะเชลย แต่กลับทำให้คนอยากจะยอมจำนนแทบเท้า
“คาโอริ ข้าชื่อคาโอริ มัตสึโมโตะ”
“พี่ใหญ่ ข้าจะเอาคนผู้นี้” คาโอริหันไปเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
ฟุมิโอะที่มองดูอยู่ตลอดก็ยกมือขึ้นเล็กน้อย คนที่อยู่ข้างกายก็เข้ามารายงานประวัติของไป๋จิ่น
เขาหรี่ตาลง “คนใดคือภรรยาของเจ้า?”
ไป๋จิ่นรู้สึกงุนงง ก่อนจะหันไปมองเยว่พั่วหลัวเล็กน้อย จากนั้นก็มีลูกสมุนสองคนพาตัวเยว่พั่วหลัวออกมาทันที
“ฆ่านางทิ้งซะ”
เยว่พั่วหลัวเบิกตาโพลง เหตุใดก็จะตายแล้วเล่า! ภารกิจของนางเพิ่งจะทำไปได้เพียงครึ่งเดียวเอง
เมื่อคิดได้ดังนั้น นางก็หยิกต้นขาของตัวเองอย่างแรงไปหนึ่งที ก่อนจะผลักลูกสมุนเหล่านั้นออกไปพร้อมกับร้องไห้ออกมา พร้อมกันนั้นก็กระโจนเข้าใส่ร่างของไป๋จิ่นทันที พลางยกกำปั้นขึ้นมาทุบตีเขา
“เจ้าคนเจ้าชู้ เห็นผู้หญิงสวยก็ไปกับเขาแล้วอย่างนั้นหรือ ข้าเลี้ยงดูปูเสื่อเจ้าอย่างดี แต่เจ้ากลับทำเช่นนี้กับข้าอย่างนั้นหรือ!?”
คาโอริ มัตสึโมโตะที่มีหางตายกขึ้น นางดูราวกับนางปีศาจอย่างไรอย่างนั้น สวยสู้ภรรยาเก่าที่งามหยาดเยิ้มตรงหน้าผู้นี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ เหล่าเชลยต่างก็แอบเยาะเย้ยอยู่ในใจ แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา
เยว่พั่วหลัวเองก็ปวดใจไม่น้อย คิดว่านางอยากจะชมผู้หญิงสารเลวนี่ว่าสวยหรืออย่างไรกัน ย่อมไม่ใช่อยู่แล้ว นางเพียงแค่อยากทำให้อีกฝ่ายสับสนก็เท่านั้น
ไป๋จิ่นเองก็ทะเลาะกับนางจนรู้ไส้รู้พุงหมดแล้ว เพียงครู่เดียวก็รู้ว่านางกำลังจะทำอะไร จึงออกแรงเล็กน้อยเพื่อสะบัดนางออกทันที “หึ นางผู้หญิงปากร้าย ข้าทนเจ้ามานานแล้ว นับแต่นี้ไปข้าจะอยู่กับคุณหนูคาโอริ เกี่ยวอะไรกับสตรีอัปลักษณ์เช่นเจ้าด้วย”
“เจ้าคิดว่าข้าไม่อดทนกับเจ้าหรืออย่างไร! ทั้งนอนกัดฟัน ทั้งกรน ทั้งตด แล้วยังท้องผูกเป็นประจำ ปากก็เหม็นเป็นอย่างมาก เจ้าอยากไปกับใครก็เชิญเลย แต่เจ้าอยากจะสวมเขาให้ข้าอย่างนั้นหรือ ถุย! ใครเสียดายเจ้ากัน ข้าจะสวมเขาที่ใหญ่กว่าให้เจ้าเอง!”
นางเอ่ยจบ ก็เชิดคางเล็กน้อยให้กับฟุมิโอะ มัตสึโมโตะ “พี่ชาย ท่านว่ารูปร่างข้าเป็นเช่นไรบ้าง ให้ข้าปรนนิบัติท่านสักครั้งจะได้หรือไม่?”
บรรดาลูกสมุนกลุ่มนี้ล้วนเป็นโจรสลัดมาหลายปี เมื่อถึงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน สามีภรรยาต่างก็ต้องการโยนความผิดให้กันซึ่งมีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง แต่ว่าคนหนึ่งจะนอนกับรองหัวหน้า ส่วนอีกคนจะนอนกับหัวหน้าใหญ่ พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนจริง ๆ!
ใครบ้างที่จะไม่รู้สึกตื่นตระหนก!
นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาสามารถดูได้อย่างนั้นหรือ!
ทุกคนต่างมองไปทางฟุมิโอะด้วยสายตาคาดหวัง
คาโอริกลับหัวเราะออกมา “เจ้านี่น่าสนใจไม่เบา พี่ใหญ่ นางนับว่ากล้าหาญไม่น้อย ดีกว่าผู้ชายสารเลวที่ยอมติดตามข้าเพื่อเอาชีวิตรอดเหล่านั้นเสียอีก”
เยว่พั่วหลัวเดินขึ้นบันไดไปแล้ว และเข้าไปใกล้ฟุมิโอะทันที “หัวหน้าใหญ่ เมื่อก่อนข้าไม่รู้สันดานที่แท้จริงของอีกฝ่าย แต่ชาวจงหยวนอย่างพวกเรามีประโยคหนึ่งพูดเอาไว้ได้ดีว่า ผู้เข้าใจสถานการณ์คือผู้เฉลียวฉลาด ในเมื่อข้ามาอยู่ที่นี่แล้ว และคิดว่าคงไม่ได้กลับออกไปอีกแล้ว ข้าอิจฉาในความกล้าหาญของท่าน ทั้งยังรังเกียจผู้ชายขี้ขลาดเช่นนั้น หัวหน้าใหญ่ ขอให้ข้าได้อยู่ปรนนิบัติท่านได้หรือไม่?”
นางค่อย ๆ ขยับเข้าไปใกล้ กู่มอมเมาในร่างก็กำลังปล่อยกลิ่นหอมออกมา
ฟุมิโอะตกอยู่ในภวังค์ครู่หนึ่ง และในที่สุดเขาก็เริ่มสนใจเยว่พั่วหลัวขึ้นมาเล็กน้อย
คาโอริรู้ว่าพี่ชายชอบสตรีใจกล้าผู้นี้ จึงถือวิสาสะตัดสินใจเอง “พานางไป อาบน้ำให้สะอาด เจ้าก็ด้วย”
ประโยคสุดท้ายนางหันไปพูดกับไป๋จิ่น
บัดนี้สองสามีภรรยาต้องตาต้องใจสองหัวหน้าเข้าแล้ว เหล่าสมุนบนเกาะต่างก็คิดว่าต่อจากนี้จะมีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว
ขณะเดียวกัน ไป๋จิ่นกับเยว่พั่วหลัวก็กำลังก่นด่าอีกฝ่ายอยู่ในใจ
‘แค่จัดการสตรีชั่วช้าคนหนึ่ง ช่างเอาใจใส่จริง ๆ!’
‘แค่จัดการเจ้าปีศาจสุนัขตัวหนึ่งถึงกับต้องทุ่มสุดตัว แม้แต่หนอนกู่ก็ยังงัดออกมาใช้ ไม่รู้สึกขายหน้าบ้างเลยหรืออย่างไร?’
‘หึ!’
ฟุมิโอะกลับไปที่ห้องโถงใหญ่ ในตอนนั้นเองก็มีคนมารายงานว่ายามากุจิมาถึงแล้ว
คาโอริเผยสีหน้าชิงชังออกมา “ยามากุจิผู้นี้มาเข้าร่วมกับพวกเราเองแท้ ๆ แต่ตอนนี้กลับไม่เห็นพวกเราอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย ฆ่าตัวประกันไปตั้งหลายครั้ง ทำให้พี่น้องของเราต้องทำงานโดยสูญเปล่า ครั้งนี้ต้องให้บทเรียนกับเขาบ้าง”
ฟุมิโอะหรี่ตาลง “ใช่แล้ว”
โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามากุจิจงใจเอาตัวคนที่เตรียมไว้ให้เขาไป นี่ไม่ได้แสดงให้เห็นว่ายามากุจิต้องการขึ้นมาแทนตำแหน่งของเขาหรอกหรือ?
คิดจะท้าทายเขาอย่างนั้นหรือ? ฟุมิโอะยังไม่เคยกลัวใครมาก่อน
แต่คนที่ตามยามากุจิมา ก็คือลูกสมุนที่คอยรายงานข่าวอีกคน
“หัวหน้าใหญ่ ค่ายกองทัพเรือส่งจดหมายมาให้เราขอรับ”
ฟุมิโอะเดิมคิดจะดื่มเหล้าสักอึก ทว่าเมื่อได้ยินดังนั้นก็เงยหน้าขึ้นทันที “เจ้าบอกว่าใครนะ?”
“กองทัพเรือขอรับ”
“ส่งจดหมายมาได้อย่างไร?”
“ส่งมาที่เกาะงู ท่านยามากุจิจึงเป็นคนเอามาส่งเองขอรับ”
ฟุมิโอะมองดูยามากุจิที่เดินเข้าประตูมา เนื่องจากมีร่างกายกำยำและเก่งเรื่องมวยปล้ำ เวลาเดินจึงทำให้พื้นดินถึงกับสั่นสะเทือน
ยามากุจิเอ่ยด้วยใบหน้าดุดัน “พวกเขาไม่เพียงเขียนจดหมายมา แต่ยังใช้ภาษาของพวกเราด้วย ด่าว่าพวกเราเป็นสัตว์เดรัจฉาน นี่เป็นการยั่วยุอย่างโจ่งแจ้ง เมื่อคืนพวกเจ้าส่งคนไปปล้นหมู่บ้านชาวประมงที่ชายฝั่งใช่หรือไม่? คนเหล่านั้นล้วนตายหมดแล้ว ศพของพวกเขาถูกแขวนไว้ที่เมืองจินหลิงเพื่อให้ชาวบ้านทั้งหมดได้เห็น”
คาโอริเบิกตาโพลง และเดินไปตรงหน้าของฟุมิโอะอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ดึงจดหมายฉบับนั้นมาอ่าน เมื่อเห็นจดหมายท้ารบที่เขียนด้วยภาษาของพวกเขาอย่างคล่องแคล่วฉบับนั้น นางก็คำรามออกมาด้วยความโมโห “หรือว่าพวกมันจะจับเชลยได้ ไม่อย่างนั้นเหตุใดถึงรู้ภาษาของพวกเราได้กัน?”
สิ่งที่ทำให้พวกเขาโมโหมากที่สุดก็คือ คนของพวกเขากลับช่วยพวกขี้ขลาดเหล่านั้นเขียนจดหมายและส่งกลับมา!
ฟุมิโอะอ่านจดหมายฉบับนั้นตั้งแต่ต้นจนจบ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความชั่วร้าย “ให้พวกเขาเตรียมตัวให้พร้อม คืนนี้เราจะบุกโจมตีค่ายกองทัพเรือ ข้าจะทำให้พวกมันได้เห็นว่า ใครกันแน่ที่เป็นเจ้าแห่งทะเลตะวันออก! กลุ่มกองเรือ ค่ายกองทัพเรืออะไรนั่น ล้วนไม่อยู่ในสายตาข้า ข้าจะเอาหัวของพวกมันมาเซ่นไหว้สวรรค์!”
คาโอริเองก็พูดอย่างโหดเหี้ยมออกมา “ฆ่าคนในเมืองจินหลิงให้หมด!”