เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 454 ลอบส่งข่าว
บทที่ 454 ลอบส่งข่าว
อีกสามคนต่างก็หันไปมองทางเซี่ยห่วงที่เป็นตัวปัญหาโดยพร้อมเพรียงกัน
เซี่ยห่วงมีสีหน้าซีดเผือด กุมก้นใหญ่ ๆ เอาไว้ ใบหน้าของเขาราวกับกินอึเข้าไปก็มิปาน
เมื่อเห็นว่าพวกเขาจับได้แล้ว อาอินก็แบกเซี่ยจวิ้นขึ้นมาแล้ววิ่งหนีไปทันที
“เด็ก ๆ!”
เวลานี้อันชินอ๋องออกมาจากหัวมุมแล้ว เมื่อเห็นว่าเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งกับเด็กอีกสามคน สองคนในนั้นยังเป็นตัวประกันอย่างเซียวเซวียนจิ่นและเซี่ยห่วงด้วย
ในลานบ้านที่เดิมเงียบสงบ แต่เพราะมีเสียงอันชินอ๋องตะคอกออกมาด้วยความโมโห ชายคนเมื่อครู่ที่พูดคุยกับเขาอยู่ก็กระโจนเข้ามาทันที ฉู่จิ้นเข้าไปเพื่อรับการโจมตี แต่ด้วยวรยุทธ์ที่น้อยนิดของเขา ทำให้ยังไม่สามารถสู้กับองครักษ์ของอันชินอ๋องได้ จึงถูกซัดจนกระแทกลงกับพื้นและกระอักเลือดออกมา
“ฉู่จิ้น!” อาอินร้องออกมา อันชินอ๋องหรี่ตาลง “ฆ่าพวกมันซะ ห้ามปล่อยไปแม้แต่คนเดียว!”
วันนี้นับว่าพวกเขาโชคร้ายแล้ว ใครใช้ให้พวกเขามาได้ยินคำพูดเหล่านั้นกันเล่า!
เซียวเซวียนจิ่นมีสีหน้าเปลี่ยนไป กอดอาอินที่จะพุ่งเข้าไปเอาไว้ เพื่อจะพานางหนี
องครักษ์ลับผู้หนึ่งก็กระโจนเข้ามาทันที และโจมตีเข้าที่กลางหลังของเซียวเซวียนจิ่น
เซี่ยห่วงกระทืบเท้าแรง ๆ “เสด็จอา ท่านจะก่อกบฏอย่างนั้นหรือ!!”
อันชินอ๋องหัวเราะเสียงเย็น “ใช่แล้วจะอย่างไร ใครใช้ให้เจ้ามาแอบฟังกัน! วันนี้ได้ตายด้วยน้ำมือข้า ก็ไม่นับว่าเจ้าไม่ได้รับความเป็นธรรมแต่อย่างใด!”
เซียวเซวียนจิ่นเหวี่ยงอาอินข้ามกำแพงไป “รีบกลับไปแจ้งข่าว!”
จากนั้นเขากับองครักษ์ลับนั่นก็ต่อสู้กันอย่างชุลมุน
อาอินถูกโยนข้ามกำแพงออกมาก็กลิ้งไปบนพื้นหนึ่งตลบ เหล่าคนรับใช้และอันธพาลในลานบ้านที่ได้ยินเสียงต่างก็รีบมากัน อาอินวิ่งไปทางกำแพงชั้นนอกอย่างรวดเร็วแล้วปีนขึ้นไปตามภูเขาจำลอง พวกอันธพาลเหล่านั้นพุ่งเข้ามาหมายจะจับตัวนาง
แต่ในช่วงวิกฤต อาอินก็ได้ผิวปากเรียกม้าเสียงดัง เมื่อเห็นคนกลุ่มหนึ่งจะพุ่งเข้ามากดอาอินลงกับพื้น เสียงฝีเท้าม้าก็ดังขึ้น จ้านอิ่งวิ่งมาถึงด้านล่างกำแพงแล้ว อาอินจึงกระโดดสุดแรงและสามารถออกจากจวนไปได้
“เร็วเข้า รีบตามไป!”
“ไม่ได้เรื่อง! รีบจับตัวกลับมา”
แต่ความเร็วของจ้านอิ่ง ใช่ความเร็วที่คนจะตามทันที่ใดกัน!
กว่าพวกเขาจะปีนข้ามกำแพงออกไป จ้านอิ่งก็วิ่งหายไปจนไร้เงาตั้งนานแล้ว! อีกทั้งไม่มีใครรู้ว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นมาจากที่ใด จึงทำได้เพียงจับตัวพวกเซียวเซวียนจิ่นให้ได้ก่อน จากนั้นค่อยสอบสวนอีกที! แต่อีกด้านหนึ่งก็ได้ส่งคนไปตามล่าเด็กผู้หญิงนั่นด้วย
บังเอิญกับที่อู๋ซิ่วกำลังพาบรรดาพี่น้องที่เพิ่งเปลี่ยนเวรยามเฝ้าประตูเมืองกลับไปบ้านเพื่อไปกินมื้อเย็นในวันส่งท้ายปีเก่า ตอนที่พวกเขาเดินผ่านปากทาง ทันใดนั้นก็มีลมหอบหนึ่งพัดผ่านไป เป็นจ้านอิ่งที่วิ่งตะบึงมาจนทำให้พวกเขาต้องหลับตาลง
“เอ๊ะ ม้าของจวนเนี่ยเจิ้งอ๋องออกมาเดินเล่นอีกแล้วหรือ?” คนอื่นอาจจะไม่คุ้นเคยกับจ้านอิ่ง แต่สำหรับอู๋ซิ่วนั้นกลับคุ้นเคยเป็นอย่างดี! มีอยู่ครั้งหนึ่งถึงกับตามไปเข้าฝันของเขา จนกลายเป็นหนึ่งในความฝันที่น่ากลัวที่สุดในชีวิต
แต่เมื่อเดินไปได้สองก้าวก็มีคนกลุ่มหนึ่งถือท่อนไม้วิ่งตามหลังมา
อู๋ซิ่วตบต้นขาหนึ่งที เฮอะ อย่างกับเห็นผีตอนกลางวันแสก ๆ มีคนกล้าไล่ตามม้าของจวนเนี่ยเจิ้งอ๋องในวันส่งท้ายปีเก่าด้วยอย่างนั้นหรือ!
ม้านั่นเป็นม้าธรรมดาอย่างนั้นหรือ! แน่นอนว่าไม่ใช่
เขาอู๋ซิ่วเป็นคนธรรมดาอย่างนั้นหรือ! แน่นอนว่าก็ไม่ใช่
เขาจึงหยุดยืนอยู่บนถนนเช่นนั้น อย่างไรเสียชุดนายกองบนตัวก็ยังไม่ได้ถอดออก ทำให้คนของจวนอันชินอ๋องต่างก็ต้องหยุดลง
“ทำอะไรกัน ๆ! ทำอะไรฮะ? วันส่งท้ายปีเก่าใครอนุญาตให้พวกเจ้าถือท่อนไม้มาก่อเรื่องบนท้องถนนกัน?”
คนของจวนอันชินอ๋องต่างก็ตกตะลึง “ไม่ใช่ขอรับ มีขโมยมาขโมยของ พวกเรามาจากจวนอันชินอ๋อง มาเพื่อจับโจรขอรับ”
อู๋ซิ่วหัวเราะออกมาด้วยความโมโห ม้าของจวนเนี่ยเจิ้งอ๋อง หญ้าอะไรบ้างที่ไม่เคยกิน จะไปกินหญ้าของจวนอันชินอ๋องอย่างนั้นหรือ ต่อให้กินก็กินไป นั่นถือเป็นโชคของจวนพวกเขาแล้ว แปลกคน ยังมีหน้ามาถือท่อนไม้วิ่งไล่ตามอีกหรือ แค่ขาไม่กี่ข้างนั่นสามารถตามทันอย่างนั้นหรือ! ไม่เจียมตัวเอาเสียเลย
“เจ้าพูดลอย ๆ เช่นนี้ใครจะเชื่อเจ้ากัน ข้าว่าพวกเจ้าคงมีปัญหาแล้ว เด็ก ๆ พาตัวไปที่จิงจ้าวฝู่”
“นี่ ๆ ๆ! พวกเรามาจับโจรจริง ๆ! พวกเจ้าจะทำอะไร!”
ตะโกนไปก็ไม่มีประโยชน์ บอกให้ไปก็ต้องไป
ตอนนี้อู๋ซิ่วรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นคนที่ทำความดีโดยไม่ป่าวประกาศไปแล้ว
จ้านอิ่งพาอาอินกลับถึงจวนภายในไม่กี่อึดใจ คนเฝ้าประตูก็ได้เปิดประตูรอนางอยู่แล้ว อาอินพุ่งเข้ามาก็วิ่งไปทางห้องครัวทันที “ท่านพ่อ! ท่านพ่อแย่แล้ว! มีคนจะก่อกบฏเจ้าค่ะ!!!”
…
จวนอันชินอ๋อง
เซียวเซวียนจิ่นเตะอันธพาลออกไปคนหนึ่ง ก่อนจะเอาหลังชนกันกับฉู่จิ้น ในมือของเซี่ยห่วงก็หิ้วกระสอบป่านเอาไว้ พลางเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่สั่นเทา “เสด็จอา ท่านไม่สนใจเซี่ยจวิ้นเลยหรือขอรับ! หากท่านฆ่าพวกเรา พวกเราก็จะแทงเขาให้ตายก่อน!”
เอ่ยจบเขาก็เปิดปากกระสอบป่านออก ให้อันชินอ๋องมองเห็นให้ชัด ๆ ว่าด้านในคือเซี่ยจวิ้นจริง ๆ
อันชินอ๋องหรี่ตาลง “ดีจริง ๆ นี่พวกเจ้าไม่เห็นจวนอันชินอ๋องของข้าอยู่ในสายตาเลยอย่างนั้นหรือ ถึงได้กล้าลักพาตัวลูกชายข้า!”
เมื่อความตายมาอยู่ตรงหน้าเซี่ยห่วงแล้ว เวลานี้ไหนเลยยังจะสนใจว่าเขาพูดอะไรอีก!
“จะตายพวกเราก็ต้องตายด้วยกัน หรือไม่ก็รอดด้วยกัน!”
ความเคลื่อนไหวที่ลานด้านในของจวนอันชินอ๋อง ไม่นานก็ทำให้คนในครอบครัวที่กำลังรอกินมื้อเย็นเพื่อส่งท้ายปีเก่าอยู่ต่างก็ตื่นตกใจ ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นกลับไม่ใช่เรื่องนี้ แต่เป็นเพราะมีคนของจวนเนี่ยเจิ้งอ๋องมาหาถึงที่ มิหนำซ้ำไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ถีบประตูเข้ามาแล้ว แม้แต่พระชายาของอันชินอ๋องที่จะเข้ามาคารวะก็ถูกคนข้างกายของเนี่ยเจิ้งอ๋องขวางเอาไว้ คนทั้งกลุ่มตรงเข้าไปที่ลานด้านในทันที
อาอินวิ่งนำอยู่ด้านหน้าสุดเพราะร้อนใจอย่างมาก เมื่อเห็นว่าประตูของลานด้านในปิดอยู่ ก็ผลักฐานหินเล็ก ๆ ที่อยู่ตรงด้านข้างกระแทกเข้าไป กระแทกจนประตูของลานด้านในเกิดเป็นรูขนาดใหญ่รูหนึ่งขึ้นมา
พระชายาอันชิงอ๋องที่ตามหลังมาก็ตาเหลือกจนเกือบจะเป็นลมไป นี่มัน ๆ ๆ วันส่งท้ายปีเก่าแท้ ๆ คิดจะทำอะไรกัน บ้านเมืองไม่มีขื่อไม่มีแปแล้วหรืออย่างไร?
อันชินอ๋องชะงักไป ก่อนจะขมวดคิ้วมองไปทางประตู จากนั้นก็มีเสียงดังแอ๊ดขึ้นมา ก่อนที่ประตูจะถูกเปิดออกจากทั้งสองด้าน เด็กผู้หญิงคนเมื่อครู่พุ่งตัวเข้ามาก่อน พลางชี้นิ้วมาที่เขาแล้วเอ่ยขึ้น “ท่านพ่อ เป็นเจ้าสารเลวนี่ที่บอกว่าจะลอบสังหารท่านทวดกับพี่ใหญ่! ตีขามันให้หักเลยเจ้าค่ะ!”
อันชินอ๋องชะงักไปเล็กน้อย คิดในใจว่าพ่อของนางเด็กนี่นับเป็นตัวอะไรกัน
ทว่าเมื่อเผยยวนก้าวเข้ามา เขาก็ราวกับเป็ดที่ถูกบีบคอ อย่าว่าแต่ประโยคหนึ่งประโยคเลย เพราะแม้แต่ร่างกายก็ไม่สามารถขยับได้อีก!
ฉู่จิ้นเห็นพวกเขามาแล้ว จึงได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แต่ปฏิกิริยาแรกของเซียวเซวียนจิ่นก็คือสำรวจดูว่าอาอินเป็นอะไรหรือไม่ เมื่อแน่ใจว่าเด็กน้อยคนนี้ยังกระโดดโลดเต้นได้ สีหน้าก็ผ่อนคลายลง พลางมองไปทางอันชินอ๋องแล้วเอ่ยขึ้นมา “อันชินอ๋อง ท่านยังไม่ยอมให้จับง่าย ๆ อีก! สิ่งที่ท่านพูดเมื่อครู่พวกเราล้วนเป็นพยานได้!”
อันชินอ๋องถอยหลังไปหนึ่งก้าว สมองขาวโพลนไปหมดแล้ว!
ลูก ๆ หลาน ๆ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ในจวนของเขา รวมถึงกำลังคนที่เขาส่งไปนอกเมือง ทำให้เขาจะหนีก็ไม่กล้าหนี ขอความช่วยเหลือไปก็คงไม่สามารถมาได้ทัน
แต่หากเขายอมให้จับง่าย ๆ เช่นนั้นไม่สู้สู้จนตายไปข้างเสียยังดีกว่า
“เหลวไหล! เด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างพวกเจ้าบุกเข้ามาในจวนข้า ลักพาตัวลูกชายข้า ข้าก็แค่เป็นห่วงลูกชายมากเกินไปหน่อยก็เท่านั้น”
“ถุย เจ้าโกหกหน้าด้าน ๆ ไม่กลัวว่าคลอดลูกชายแล้วจะไม่มีรูก้นหรืออย่างไร!”
อาอินยืนเท้าเอวด่าเสร็จ ก็รีบหลบไปอยู่ข้างกายเผยยวน “ท่านพ่อ จัดการเขาเลยเจ้าค่ะ!”
พระชายาอันชินอ๋องไม่กล้าเผชิญหน้ากับเผยยวน ทำได้เพียงดึงจี้จือฮวนมาแล้วเอ่ย “พระชายา พวกท่านจะทำอะไรกัน มีอะไรพูดกันดี ๆ ไม่ได้หรือ?”
จี้จือฮวนดึงมือนางออกพร้อมสีหน้ายิ้มเยาะ “พวกเรามีบางเรื่องอยากจะถามอันชินอ๋องก็เท่านั้น หากท่านอ๋องไม่อยากให้ตัวเองดูแย่ ไม่สู้เดินตามพวกเราไปเองจะดีกว่า”
อันชินอ๋องมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น “นี่ใช่ที่ที่ผู้หญิงอย่างเจ้าจะพูดได้อย่างนั้นหรือ?”
ฉู่จิ้นที่มีประสบการณ์มาแล้วก็ถูจมูกไปมา รู้สึกว่าเขากำลังจะโชคร้ายแล้ว
และก็จริง เมื่อพริบตาต่อมาเผยยวนได้เอ่ยขึ้น “สุราคำนับไม่ดื่ม ชอบดื่มสุราลงทัณฑ์ พาตัวไป คนทั้งหมดในจวนอันชินอ๋องให้ขังไว้ภายในจวน รอการตัดสิน”