เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 465 ก่อกวนกองกำลังสือฟาง
- Home
- เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย
- บทที่ 465 ก่อกวนกองกำลังสือฟาง
บทที่ 465 ก่อกวนกองกำลังสือฟาง
ถนนในเมืองจินโจวที่เดิมเคยเงียบสงบ ทันใดนั้นก็เกิดแตกตื่นขึ้นมา ด้วยเสียงตะโกนของหลิวเฟิง
เหล่าทหารที่ปกป้องเมืองมองดูเขาวิ่งมาทางกำแพงเมือง พร้อมกับล้วงธงทหารขนาดเล็กของกองทัพทหารเกราะเหล็กออกมาจากอกเสื้อ
“ใช่…ใช่กองหนุนหรือไม่?!”
“เหตุใดถึงได้โผล่ขึ้นมาจากในเมืองเช่นนี้!”
ขณะที่หลิวเฟิงรีบวิ่งขึ้นไปบนกำแพงเมืองนั้น จู่ ๆ กองกำลังของสือฟางก็ปรากฏตัวขึ้นภายในเมือง ต่อให้ทุกคนในเมืองจินโจวจะถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน ทุกคนก็ยังจำชุดเกราะที่พวกเขาสวมใส่ได้
พวกจี้จือฮวนหลังจากส่งสัญญาณเสร็จแล้ว ก็ถอดชุดทหารของกองกำลังสือฟางที่สวมทับด้านนอกออกโดยพร้อมเพรียง เผยให้เห็นชุดเกราะของกองทัพทหารเกราะเหล็กที่สวมอยู่ด้านใน
ภายใต้แสงจันทร์ เกราะเหล็กเปล่งแสงสีเงินออกมา
และการต่อสู้ก็เริ่มต้นขึ้น!
ไป๋จิ่นและคนอื่น ๆ กระโดดขึ้นมา อาศัยวิชาตัวเบาเอาธงทหารของกองทัพทหารเกราะเหล็กไปปักบนหอคอยของเมืองจินโจว “กองหนุนมาถึงแล้ว ทหารรักษาการณ์เมืองจินโจวฟังคำสั่ง! สังหารกองกำลังสือฟางให้หมด!”
“สังหารกองกำลังสือฟาง!”
“ฆ่ามัน! ฆ่ามัน! ฆ่ามัน!”
เสียงตอบรับดังกึกก้องไปทั่วถนนที่ว่างเปล่าแห่งนี้
“เป็นกองทัพทหารเกราะเหล็กจริง ๆ อย่างนั้นหรือ!”
“เป็นกองทัพทหารเกราะเหล็ก!!!”
ข่าวที่น่าตื่นเต้นแพร่สะพัดในหมู่ทหารรักษาการณ์ ขวัญกำลังใจของทุกคนก็กลับมาอีกครั้ง
“ข้าอดทนกับเจ้าสารเลวพวกนี้มานานแล้ว ข้าจะลงไปฆ่าพวกมันเดี๋ยวนี้!”
“พี่น้องทั้งหลาย บุก! สู้ตายกับพวกมัน!!!”
ทหารรักษาการณ์บนกำแพงเมืองและทหารที่ลาดตระเวนตามถนน รวมตัวกันล้อมปราบกองกำลังสือฟาง!
กองทัพทหารเกราะเหล็กแข็งแกร่งดุดัน อีกทั้งกลุ่มที่จี้จือฮวนพามายังเป็นกองกำลังชั้นยอดอีกด้วย จึงทำงานเข้าขากันได้เป็นอย่างดี ไม่ใช่คนที่กองกำลังของสือฟาง ทหารรักษาการณ์ และทหารลาดตระเวนจะเทียบได้
ไม่รอให้อีกฝ่ายได้ตอบโต้ ดาบก็ฟันลงไปแล้ว ทันใดนั้นหัวคนก็กระเด็นทันที มือทั้งซ้ายขวาทำงานประสานกัน แข็งแกร่งจนไม่อาจต้านทานได้!
กองกำลังสือฟางเองก็คิดไม่ถึงว่าภายในเมืองจะมีกองทัพทหารเกราะเหล็กอยู่ ทันใดนั้นขวัญและกำลังใจของกองกำลังพวกเขาก็เริ่มสั่นคลอน ไม่มีความกระหายที่จะสังหารชาวบ้านเช่นก่อนหน้านี้อีก
เมื่อเห็นสหายร่วมรบของตัวเองถูกสังหารก็ตื่นตระหนก กองทัพที่เดิมประกอบด้วยทหารที่ไม่ได้รับการฝึกอย่างจริงจังก็เริ่มขวัญหนีดีฝ่อขึ้นทันที คนที่หนีก็หนีไป คนที่ซ่อนตัวอยู่ก็ซ่อนตัวไป และมีบางส่วนบุกเข้าไปในบ้านของชาวบ้าน!
แต่พวกเขาหารู้ไม่ว่าบรรดาผู้ชายที่แข็งแรงในเมืองล้วนถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารรักษาการณ์นานแล้ว ส่วนคนแก่ ผู้หญิง และเด็กต่างก็ซ่อนตัวอยู่ในห้องใต้ดินของที่ว่าการหมดแล้ว ในบ้านของชาวบ้านนอกจากจะไม่มีตัวประกันใด ๆ แล้ว ยังมีกับดักที่ติดตั้งเอาไว้อีกด้วย!
คนที่เพิ่งถีบประตูเข้าไปเพื่อหาที่ซ่อนตัว ก็ถูกถังใส่อุจจาระที่แขวนอยู่บนหลังคาราดรดลงมาทันที!
เขาโมโหจนใช้ดาบฟันออกไปอย่างแรง พริบตาต่อมาก็ถูกคนเตะจนกระเด็น และตายในดาบเดียว
เยว่พั่วหลัวส่งเสียงราวกับจะอาเจียนออกมาหนึ่งที ก่อนจะเหาะไปหากองกำลังสือฟางต่อ
“ท่านแม่ทัพ คนพวกนี้เจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว พวกเรารีบหนีเถอะขอรับ!”
สือเกาเฟยก็โมโหมากเช่นกัน คิดไม่ถึงว่ากองทัพทหารเกราะเหล็กกลุ่มนี้จะต่ำช้าเพียงนี้ ปลอมตัวเป็นกองกำลังสือฟางของพวกเขา และล่วงรู้เรื่องเส้นทางลับของพวกเขาแล้วด้วย
สือเกาเฟยตอนนี้กำลังหลบหนีไปยังเส้นทางลับที่ใกล้ที่สุด เมื่อเห็นว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ หากยังบุกเข้าไปล่ะก็ มิเท่ากับรนหาที่ตายหรอกหรือ?
ยังมีนางผู้หญิงที่โผล่ออกมาเมื่อครู่นั่นอีก ของที่นางถืออยู่ในมือไม่รู้ว่าคือสิ่งใด ถึงทำให้คนกระเด็นออกไปเช่นนั้นได้ หากไม่ใช่เพราะเขามีวรยุทธ์ลึกล้ำ เกรงว่าคงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้แล้ว
สือเกาเฟยตัวเล็กเวลาวิ่งจึงเร็วเป็นอย่างมาก แต่เมื่อเขาวิ่งมาถึงปากทาง คิดว่าอีกเดี๋ยวก็คงวิ่งหนีเข้าไปในอุโมงค์ได้แล้ว ทว่ากลับมีร่างร่างหนึ่งที่เร็วกว่าเขา
สือเกาเฟยดวงตาเบิกโพลง “หนี! เร็ว!”
จี้จือฮวนกระโดดออกมาจากด้านข้าง สือเกาเฟยสัมผัสได้ถึงบางอย่างจึงกลิ้งไปกับพื้นทันที เพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีของจี้จือฮวน แต่น่าเสียดายที่คนสนิทสองคนนั้นกลับถูกโจมตีเข้าที่หัวใจ จึงล้มลงกับพื้นและหมดลมหายใจในทันที
สือเกาเฟยราวกับหนูที่กำลังจะข้ามถนนก็มิปาน ถูกไล่ล่าทุบตีไม่หยุด
แต่เขาหาใช่คนที่จะยอมให้จับง่าย ๆ ไม่ ดังนั้นเขาจึงส่งสัญญาณขึ้นไปบนท้องฟ้า
จี้จือฮวนสาปแช่งเขาอยู่ในใจ เพราะนี่หมายความว่าบริเวณใกล้ ๆ มีสายลับของกองกำลังสือฟางอยู่ และคาดว่าสือฟางเองก็อาจจะอยู่ไม่ไกลแล้ว!
หากเผยยวนยังมาไม่ถึงในเร็ว ๆ นี้ เกรงว่าหลังจากการต่อสู้ยกนี้จบลง พวกเขาจะต้องต่อสู้กับกองทัพใหญ่ของสือฟางที่มีจำนวนคนเรือนหมื่นในไม่ช้าเป็นแน่
บนท้องถนน ทั้งสองฝ่ายกำลังเข่นฆ่ากันอย่างบ้าคลั่ง มีซากศพและแขนขาที่ขาดเกลื่อนกลาดไปหมดทุกที่
สือเกาเฟยพยายามปะปนเข้าไปในฝูงชน แต่เมื่อเห็นลู่เอี้ยนที่ถูกทหารลาดตระเวนอารักขาขึ้นไปบนกำแพงเมือง สือเกาเฟยก็หรี่ตาลงและพุ่งเข้าไปหาลู่เอี้ยนทันที
จี้จือฮวนม้วนตัวกลางอากาศหนึ่งที นางไม่ได้ไล่ตามสือเกาเฟย แต่กลับกระโดดขึ้นไปบนชั้นสองของหอที่อยู่ข้าง ๆ แทน ก่อนจะหยิบปืนออกมา
ลู่เอี้ยนมองดูสือเกาเฟยที่บุกหน้าเหมือนผ่าลำไผ่* เข้ามาจนมาถึงตรงหน้าของเขา ในใจก็รู้สึกสิ้นหวังเป็นอย่างยิ่ง คิดไม่ถึงว่าแม้กองทัพใหญ่จะมาช่วยแล้ว เขาก็ยังต้องตายอยู่ดี คงไม่มีวันได้เจอหน้าท่านพ่อกับท่านแม่อีกแล้ว
* บุกหน้าเหมือนผ่าลำไผ่ (势如破竹) หมายถึง การต่อสู้หรือทำงานอย่างราบรื่น ไม่มีอุปสรรคใด ๆ เลย
แต่ใครจะคิดว่าขณะที่สือเกาเฟยพุ่งเข้ามา จะมีเสียงที่ดังสนั่นหวั่นไหวเกิดขึ้น และก้องอยู่ในหูของลู่เอี้ยน กลางหว่างคิ้วของสือเกาเฟยเวลานี้มีรูเลือดสีแดงรูหนึ่งปรากฏขึ้น
จากนั้นคนก็ร่วงลงและกลิ้งไปกับพื้นสองตลบ ลู่เอี้ยนตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้น เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ก็เห็นร่างผอมเพรียวร่างหนึ่งยืนอยู่บนหลังคา พร้อมทั้งตะโกนเสียงดังขึ้นมา “สือเกาเฟยตายแล้ว ใครที่วางอาวุธลงและยอมจำนนจะถูกละเว้นชีวิต แต่คนที่ต่อต้านขัดขืน ให้ฆ่าไม่มีละเว้น!”
“สือเกาเฟยตายแล้ว!”
“สือเกาเฟยตายแล้ว!”
“พระชายาจงเจริญ พระชายาจงเจริญ!”
กองทัพทหารเกราะเหล็กยิ่งสังหารก็ยิ่งฮึกเหิม ทว่ากองกำลังสือฟางที่ได้ยินข่าวนี้กลับไม่มีแรงจะสู้ต่ออีกแล้ว ท่ามกลางการกดดันของกองทัพทหารเกราะเหล็ก ทั้งหมดจึงวางอาวุธลง และนั่งยอง ๆ บนพื้น พร้อมกับเอามือทั้งสองข้างวางไว้บนหัว
“เปิดประตูเมือง! ต้อนรับกองทัพทหารเกราะเหล็กเข้าเมือง!”
จี้จือฮวนเอ่ยเสียงดัง คนที่ประจำอยู่ตรงประตูเมืองทางตะวันตกและประตูเมืองทางตะวันออกก็ได้เปิดประตูเมืองทันที ก่อนจะเห็นว่ามีรองแม่ทัพหลายคนรออยู่ข้างนอกตั้งนานแล้ว ก่อนจะนำกองทัพทหารเกราะเหล็กหลายร้อยนายบุกเข้ามา “กองกำลังสือฟางอยู่ที่ใด! พวกเราจะไปปราบเอง!”
“รองแม่ทัพหลี่ พวกท่านมาช้าไป สือเกาเฟยถูกพระชายาสังหารไปแล้ว”
เหล่ารองแม่ทัพลงจากหลังม้า และเลื่อมใสในทักษะการยิงปืนของจี้จือฮวนจากใจจริง
ตอนที่เห็นพลานุภาพของกองปืนไฟครั้งแรก พวกเขาก็ไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะทรงพลังถึงเพียงนี้ แต่มือดีของกองปืนไฟที่จี้จือฮวนฝึกขึ้นมานั้น ได้สร้างผลงานอันโดดเด่นในการต่อสู้กับโจรสลัดที่เจียงหนาน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงที่วันนี้นางลงมือด้วยตัวเอง
“พระชายาช่างทำให้พวกเราได้เปิดหูเปิดตาจริง ๆ”
จี้จือฮวนกระโดดลงมาจากชั้นสอง แม่ทัพจางม่อแหวกฝูงชนเพื่อเดินไปข้างหน้า เมื่อเห็นจี้จือฮวนก็เอ่ยด้วยความประหลาดใจ “พระชายาหรือ?”
รองแม่ทัพหลี่รู้จักจางม่อ จึงพยักหน้ารับและเอ่ยขึ้น “นี่ก็คือภรรยาเนี่ยเจิ้งอ๋องของเรา จี้จือฮวน และเป็นครูฝึกของกองทัพทหารเกราะเหล็กชั้นยอด เป็นหัวหน้าครูฝึกกองปืนไฟ และเป็นแม่ทัพของทหารแนวหน้าในครั้งนี้”
จี้จือฮวนมองไปทางจางม่อก็พบว่าเขามีผมที่ขาวโพลน ทว่ากลับเป็นชายชาติทหารตรงไปตรงมาและน่าเกรงขามยิ่ง
เมื่อรู้ว่าพวกเขามีคนเหลือเพียงเท่านี้ แต่กลับยืนหยัดมาได้นานเพียงนี้ ในใจก็รู้สึกนับถืออย่างมาก จึงประสานมือคารวะแล้วเอ่ยขึ้นมา “ท่านแม่ทัพจาง จี้จือฮวนขอเป็นตัวแทนราษฎรต้าจิ้นขอบคุณท่านและนายอำเภอลู่เจ้าค่ะ”
ลู่เอี้ยนมองจี้จือฮวน พลางเอ่ยด้วยความตื่นเต้น “คารวะพี่สะใภ้ ไม่ทราบว่าเนี่ยเจิ้งอ๋องยังจำลู่เอี้ยนได้อยู่หรือไม่?”
ลู่เอี้ยนคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่า ฮูหยินของเผยยวนจะเป็นวีรสตรีเช่นนี้
เห็นนางยืนอยู่ในกองทัพ แต่กลับไม่หยิ่งผยองหรือหุนหันพลันแล่น เพียงแค่เห็นนางก็ทำให้ใจสงบลงแล้ว
“ย่อมจำได้อยู่แล้ว และโชคดีที่มีนายอำเภอลู่อยู่ เมืองจินโจวจึงรอดพ้นจากอันตรายมาได้ แต่การต่อสู้ที่ยากลำบากที่แท้จริงอาจจะเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น กองทัพใหญ่ใกล้จะมาถึงแล้ว พวกเรายังต้องแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้นในภายหลังให้ชาวบ้านในเมืองก่อน รบกวนนายอำเภอลู่ช่วยนับจำนวนทหารที่บาดเจ็บให้ข้าก่อน ข้าจะได้รักษาอาการบาดเจ็บให้พวกเขา
รองแม่ทัพหลี่ ท่านช่วยรับผิดชอบดูแลเรื่องคุมขังนักโทษเหล่านี้ด้วย รองแม่ทัพจ้าวให้รับผิดชอบเรื่องการนับจำนวนอาวุธ ส่วนรองแม่ทัพหวังให้นำคนกลุ่มหนึ่งไปดับไฟป่า กลางดึกคืนนี้จะมีฝนตกลงมา ดังนั้นหลิวเฟิง เจ้าพาคนไประเบิดทางเดินใต้ดินทิ้งซะ!”