เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 484 ไม่เชื่อก็เงยหน้ามอง สวรรค์เคยปล่อยผู้ใดไปบ้าง
- Home
- เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย
- บทที่ 484 ไม่เชื่อก็เงยหน้ามอง สวรรค์เคยปล่อยผู้ใดไปบ้าง
บทที่ 484 ไม่เชื่อก็เงยหน้ามอง สวรรค์เคยปล่อยผู้ใดไปบ้าง
สือฟางอยู่บนกำแพงเมืองจนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดิน เมื่อความมืดมาเยือนจึงได้ไปจากที่นี่ นอกจากนี้ยังได้สั่งคนให้ผลัดกันลาดตระเวนในเวลากลางคืน ห้ามหละหลวมเป็นอันขาด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งประตูเมืองที่ถูกปืนใหญ่นั่นทำลายลง หากไม่ป้องกันให้ดี ก็มีโอกาสที่กองทัพทหารเกราะเหล็กจะบุกเข้ามา
และหากในเมืองมีคนก่อการจลาจลขึ้น ก็จะถูกฆ่าทิ้งโดยไม่มีละเว้น
ตอนนี้ชาวบ้านต่างก็กลัวตาย และกลัวว่าหากบีบกองกำลังสือฟางมากเกินไป พวกเขาจะสั่งฆ่าล้างเมืองขึ้นมาจริง ๆ
ประตูบ้านทุกหลังต่างปิดสนิท ลงกลอนตั้งแต่ด้านในจนถึงด้านนอกอย่างแน่นหนา บางครั้งที่มีคนกล้าออกมาเดินข้างนอก เสียงกรีดร้องของพวกผู้หญิงก็ทำให้คนในครอบครัวของพวกเขาต่างหวาดกลัวจนนั่งไม่ติด
อยากจะให้กองทัพทหารเกราะเหล็กมีปีกและบินเข้ามาเสียตอนนี้
และเกรงว่ากองกำลังสือฟางเองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน จิตใจที่หวาดหวั่นพรั่นพรึงของจินโจวก่อนหน้านี้ที่กลัวว่าศัตรูจะมาโจมตี ตอนนี้ได้เกิดขึ้นกับพวกเขาแล้ว
ทหารลาดตระเวนคอยจับตาดู และไม่กล้าละสายตา
‘ฟิ้ว!’ มีลูกธนูดอกหนึ่งยิงมา ทำให้ทหารที่เฝ้ากำแพงเมืองคนหนึ่งถูกยิงและตกลงมาจากที่สูงทันที!
ภาพนี้เป็นภาพที่คล้ายกันและดูคุ้นเคยเสียนี่กระไร!
นี่เป็นสิ่งที่กองกำลังสือฟางทำกับทหารที่เฝ้าเมืองอื่น ๆ ก่อนที่จะบุกโจมตีทุกครั้งไม่ใช่หรือ!
โจมตีขวัญและกำลังก่อน จนพวกเขาพังทลายลง แล้วค่อยปล้นเสบียงของพวกเขา
เมื่อคิดถึงตรงนี้ กองกำลังสือฟางที่คุ้นเคยกับวิธีการเช่นนี้มากกว่าใคร ทันใดนั้นจึงตะโกนขึ้นมา “รีบไปดูที่ยุ้งฉาง!”
พวกเขาทำความผิดแต่คาดหวังว่าตัวเองจะไม่ได้รับผลกรรม
หวังว่ากองทัพทหารเกราะเหล็กจะไม่พบทางลับภายในเมือง!
ทว่าตอนที่กองกำลังสือฟางใกล้จะถึงยุ้งฉาง ก็พบว่าไฟได้โหมกระหน่ำแล้ว!
พวกชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงก็ไม่กล้าอยู่ในบ้านอีกแล้ว ทุกคนต่างรีบออกมาช่วยกันดับไฟ เพราะหากมีลมพัดมา ไม่แน่อาจจะเผาเมืองไปครึ่งหนึ่งเลยก็เป็นได้!
และขณะที่กลุ่มดับไปในเมืองกำลังจะรีบมาดับไฟนั้น ยุ้งฉางทางทิศตะวันตกของเมืองก็ถูกไฟไหม้เช่นกัน!
จากนั้นก็มีเสียงเหยี่ยวดังขึ้นในอากาศ
หมูเหยี่ยวล่าเหยื่อกระพือปีกบินอยู่บนท้องฟ้า
กองทัพทหารเกราะเหล็กจำเป็นจะต้องเข้าไปในเมือง โดยใช้ทางลับจึงจะสามารถจุดไฟได้อย่างนั้นหรือ?
ไม่จำเป็น เพราะพวกเขามีหมูเหยี่ยวอยู่!
เมื่อหมูเหยี่ยวล่าเหยื่อกลับมาเกาะบนบ่าของจี้จือฮวนอย่างมีความสุข จี้จือฮวนก็ผูกผ้าสีดำสำหรับกองทัพทหารเกราะเหล็กให้มัน
หมูเหยี่ยวในวันนี้นับว่าได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการแล้ว กลายเป็นทหารอากาศของกองทัพทหารเกราะเหล็ก
ดูสิ ว่ามันทำงานได้ดีเพียงใด เป็นของที่เซียวเย่เจ๋อส่งมาที่มีประโยชน์ที่สุดแล้ว!
หมูเหยี่ยวล่าเหยื่อส่งเสียงออดอ้อนออกมาเมื่อถูกจี้จือฮวนลูบคลำอย่างมีความสุข หมูเหยี่ยวน้อยเก่งที่สุด!
สือฟางกำลังเฝ้าศพสือซุ่ยซุ่ยอยู่ ตอนที่เขาได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจึงได้วิ่งออกมา ก่อนจะเห็นว่ายุ้งฉางทั้งสี่ทิศของเมืองกำลังถูกไฟไหม้
“มัวอึ้งอยู่ทำไมกัน! รีบไปดับไฟเร็วเข้า!”
“เผยยวน! เจ้าจะรังแกกันเกินไปแล้ว!”
สือฟางโมโหอย่างมาก! ทว่าก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะไฟไหม้ไปไม่น้อยแล้ว พวกเขาจึงต้องรีบดับไฟก่อน ไม่ไหม้ทั้งเมืองอวิ๋นจงก็นับว่าบุญแล้ว เสบียงเพียงเท่านั้นนับประสาอะไรกัน!
ตอนที่พวกเขาใช้กลอุบายที่ชั่วช้าเหล่านี้กับคนอื่น กลับภาคภูมิใจในความฉลาดของตัวเอง แต่เมื่อกลอุบายชั่วช้าถูกคนเอามาใช้เล่นงานพวกเขาบ้าง กลับทำได้เพียงกระทืบเท้าเร่า ๆ ด้วยความร้อนใจ
และนี่เป็นเพียงของขวัญชิ้นแรกที่กองทัพทหารเกราะเหล็กมอบให้พวกเขาเท่านั้น
สือฟางที่ทำอะไรไม่ได้ จึงส่งทหารกลุ่มเล็ก ๆ ไปขอความช่วยเหลือจากเมืองอื่น!
ไม่อย่างนั้นสิ่งที่รอพวกเขาอยู่ก็มีเพียงความตายแล้ว กองทัพทหารเกราะเหล็กนั่นรออยู่ที่หน้าประตู ภายใต้สถานการณ์ที่ขาดแคลนเสบียง พวกเขาไม่สามารถประคับประคองเอาไว้ได้อีกแล้ว
ผลลัพธ์ไม่ต่างจากที่คิดเอาไว้ คนที่ส่งออกไปทั้งหมดกลับมาในสภาพเดิม
แต่น่าเสียดายที่คนเป็น ๆ เหล่านั้น ต้องกลายเป็นศพกลับมา
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องไปเรียกกำลังเสริมเลย แม้แต่จะออกไปสักสิบลี้ก็ยังทำได้ยาก
เวลาสองสามวันนี้เพี่ยวโจวก็กลายเป็นลูกธนูที่สุดแรงบินเสียแล้ว
ในเมืองมีทหารมากมายเพียงนั้นต้องกินต้องดื่ม อาหารที่เหลือของพวกชาวบ้านล้วนถูกพวกเขายึดไปหมดแล้ว
เวลานี้ในหัวของพวกเขามีเพียงความคิดที่จะบุกออกไป สู้กันสักตั้ง
อย่างน้อยออกจากประตูเมืองไปและต้อนรับกองทัพทหารเกราะเหล็กเข้ามา พวกเขายังมีโอกาสที่จะรอดชีวิตอยู่
สือฟางเองก็กระวนกระวายใจมากเช่นกัน กองทัพทหารเกราะเหล็กล้อมเมืองเอาไว้ แต่กลับไม่คิดที่จะบุกเข้ามาในทันที ทุกวันจะมีคนมาตะโกนด่าทอที่หน้าประตูเมือง จากนั้นก็กลับค่ายไปกินกันต่อ หรือไม่ก็รอจนตกกลางคืนแล้วจงใจทำให้พวกเขานอนไม่หลับ
อีกทั้งร่างของหวังป้าเทียนและเหลียงจง ยังถูกพวกเขาลากไปลากมาอย่างเหยียดหยามอีกด้วย ทั้งสองครอบครัวแทบจะบุกเข้ามา เพื่อขอคำอธิบายจากสือฟาง
แต่ตอนนี้เมื่อได้กลิ่นหอมจากนอกเมือง ตระกูลหวังและตระกูลเหลียงก็ไม่มีแรงจะโวยวายอีกต่อไปแล้ว
คนที่ต้องทนหิวมีมากมาย หากบ้านใครทำอาหารก็จะมีคนเข้ามาแย่งทันที
หิวจนแทบไม่มีแรงอยู่แล้ว
พวกชาวบ้านต่างโวยวายต้องการยอมจำนน แต่กองกำลังสือฟางต่างรู้ดีว่าใครก็ตามที่กล้าไปพูดต่อหน้าสือฟาง คนนั้นก็จะตายเป็นศพแรก
แต่พวกเขาหิว หิวมากจริง ๆ
กองทัพทหารเกราะเหล็กสารเลวนั่น! จะกินก็กินไป แต่นี่ยังจงใจย้ายเข้ามาใกล้ประตูเมืองของพวกเขาอีกด้วย
ลูกธนูยิงไปก็ไม่ถึง แต่ลมนั่นพวกเขาสามารถขวางได้อย่างนั้นหรือ!?
จี้จือฮวนเอาเนื้อมาย่างหลากหลายแบบ ทำให้ทหารที่เฝ้ากำแพงเมืองรู้สึกหิวจนหมดขวัญกำลังใจ แม้แต่จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ก็ไม่เหลืออีกแล้ว
ไม่ต้องพูดถึงว่าจะลงไปต่อสู้กับพวกเขาในตอนนี้ เพราะแม้แต่อาวุธพวกเขาก็แทบจะหยิบไม่ขึ้นแล้ว!
เข้าวันที่ห้า กองทัพทหารเกราะเหล็กก็ยังคงมีเสบียงมาเติมอย่างต่อเนื่อง และมีพลังผลัดกันออกมาด่า
แต่ในเมืองกลับเกิดจลาจลครั้งใหญ่ขึ้นแล้ว พวกชาวบ้านเกิดการปะทะกับกองกำลังสือฟางที่ไม่มีแรงแล้วเหล่านี้ และพยายามจะออกไป
“ลุย! สู้ตายกับพวกมัน”
กองกำลังสือฟางเองก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ตัวสือฟางเองก็สุดจะทนเช่นกัน!
หากเขายังไม่ออกไปอีกล่ะก็ แม้แต่จะฝังซุ่ยซุ่ยก็คงไม่มีโอกาสได้ทำอีกแล้ว!
ทว่าตอนที่สือฟางนำทหารออกมา ที่ประตูเมืองก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“กองทัพทหารเกราะเหล็กโจมตีเมืองแล้ว กองทัพทหารเกราะเหล็กโจมตีเมืองแล้ว!”
พวกชาวบ้านที่ก่อจลาจลรีบวิ่งไปทางประตูเมืองราวกับคนบ้าก็มิปาน ต่อให้กองกำลังสือฟางจะมีมากกว่านี้ก็รั้งไม่อยู่อีกแล้ว และพวกเขาเองก็รู้สึกว่าอยู่ในเมืองต่อไปก็เท่ากับอยู่รอความตาย
นอกจากนี้กองทัพทหารเกราะเหล็กยังได้ตะโกนออกมาอีก “ผู้ที่ยอมจำนนจะไม่ถูกฆ่า! และหากผู้ใดฆ่าสือฟางได้ จะได้รับรางวัลอีกด้วย!”
สวรรค์ นอกจากจะไม่ตายแล้ว ยังจะได้รับรางวัลอีกด้วย
คนกลุ่มแรกที่ได้สติกลับไม่ใช่กองกำลังสือฟาง แต่เป็นพวกชาวบ้าน
“ฆ่าสือฟาง! โจรสุนัขสือฟาง หากไม่ใช่เพราะเจ้า! บ้านของพวกเราก็คงไม่ตกต่ำถึงขั้นนี้!”
ลองถามดูได้เลยว่าในเพี่ยวโจว มีชาวบ้านคนใดบ้างที่ไม่แค้นสือฟาง ไม่แค้นกองกำลังสือฟาง!
และพวกเขาก็มีความแค้นบัญชีเลือดต่อกัน!
สือฟางที่ถูกชาวบ้านล้อมเอาไว้ จึงให้คนรีบไปอุ้มร่างของสือซุ่ยซุ่ยออกมา จากนั้นเขาก็แบกร่างของสือซุ่ยซุ่ยเอาไว้บนหลังของตัวเอง ฝ่าวงล้อมออกไปพร้อมกับองครักษ์ ต้องการหนีไปทางใต้ดิน!
แต่เมื่อพวกเขาวิ่งไปที่จวนและพยายามจะเปิดทางเดินใต้ดิน ก็พบว่าทางเดินใต้ดินได้ถูกน้ำท่วมไปนานแล้ว!
แม้แต่ทางหนีทีไล่สำหรับหนีของพวกเขา กองทัพทหารเกราะเหล็กก็ทำลายไปด้วย!
“ลุย! ลุยออกไป! หากปกป้องเมืองเอาไว้ได้ อย่าว่าแต่ทองคำพันตำลึงเลย ต่อให้หมื่นตำลึงข้าก็จะให้!”
เซี่ยเซวียนล้มลงกับพื้นและยังคงร้องโหยหวนไม่หยุด แต่น่าเสียดายที่ชาวบ้านที่กำลังคลุ้มคลั่งเหล่านั้นมองไม่เห็นเขา พวกเขาเพียงต้องการฆ่าสือฟาง และได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระเท่านั้น
คนจำนวนนับไม่ถ้วนจึงเหยียบย่ำร่างของเซี่ยเซวียนและกรูเข้าไปข้างในทันที
ที่ประตูเมือง กองทัพทหารเกราะเหล็กก็ได้บุกเข้ามากลุ่มแล้วกลุ่มเล่า เมื่อไม่มีผู้บังคับบัญชา กองกำลังสือฟางก็กระจัดกระจายไม่เป็นขบวนอีก ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่มีแรงที่จะสู้อีกแล้ว!
พวกเขาได้สูญเสียจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ไปตั้งนานแล้ว
คิดไม่ถึงเลยว่ากลอุบายชั่วช้าที่เคยใช้กับคนอื่น วันหนึ่งจะย้อนมาเล่นงานตัวเองเช่นนี้!
เหมือนที่คนบอกกันว่า ไม่เชื่อก็เงยหน้ามอง สวรรค์เคยปล่อยผู้ใดไปบ้าง!