เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 487 หมาป่าหิมะ
บทที่ 487 หมาป่าหิมะ
ล้อของรถม้าปีนก้อนหินเล็กน้อย ทำให้เย่จิ่งฝูสะดุ้งตื่นขึ้นมา ก่อนจะเปิดม่านรถม้าเพื่อมองออกไปข้างนอก
ลู่เอี้ยนที่นั่งอยู่บนหลังม้าจึงหันหน้ามาแล้วเอ่ยถาม “ตื่นแล้วหรือ?”
บนใบหน้าของเย่จิ่งฝูยังมีรอยกดทับจากการนอนปรากฏให้เห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งนางเป็นคนผิวขาว จึงยิ่งมองเห็นได้ชัด “อืม ถึงที่ใดแล้ว?”
“ใกล้ถึงเพี่ยวโจวแล้ว”
เย่จิ่งฝูมองไปที่เตาหินหลายเตาที่ยังไม่ถูกรื้อออกตรงเนินเขา แค่ดูก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นฝีมือของกองทัพทหารเกราะเหล็ก
ทันใดนั้นลู่เอี้ยนก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากอกเสื้อแล้วส่งให้นาง
เย่จิ่งฝูมองหน้าเขา “ทำอะไร?”
ลู่เอี้ยนเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “เมื่อครู่ข้าเปิดม่านรถม้าดู เห็นเจ้านอนจนน้ำลายยืดเลยจะเช็ดให้เจ้า”
เย่จิ่งฝูทั้งโกรธทั้งอาย “เหลวไหล ข้า ข้า ข้า ข้าจะนอนน้ำลายยืดได้อย่างไรกัน”
นางพูดไปก็เผลอเช็ดไปโดยไม่รู้ตัว เมื่อเห็นลู่เอี้ยนยิ้มอย่างสดใส ก็อยากจะเอาของปาใส่เขายิ่งนัก
แต่เมื่อหันกลับมาก็สบเข้ากับดวงตาแป๋วแหววสามคู่ เพราะเซียวเซวียนจิ่น อาอิน และอาชิงกำลังจ้องนางอยู่
“มีอะไร บนหน้าข้ามีน้ำลายติดอยู่จริงหรือ?”
เซียวเซวียนจิ่นส่ายหน้า “ไม่ใช่”
ส่วนอาอินก็เอ่ยขึ้นมา “แต่ใบหน้าของท่านแดงไปหมดแล้ว”
อาชิงเองก็พูดขึ้นมาเช่นกัน “ฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว ท่านน้าเย่ก็คงอยากแต่งงานแล้วกระมัง”
เย่จิ่งฝู “…”
ข้าไม่ควรขึ้นมาเลยจริง ๆ
“พ่อแม่ของพวกเจ้าฝากพวกเจ้าไว้กับข้า ถึงเวลาที่ข้าต้องตรวจการบ้านแล้ว”
อาอินจึงแกล้งตายทันที ส่วนอาชิงก็ผล็อยหลับในพริบตา จึงเหลือแค่เซียวเซวียนจิ่นที่ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มเพียงคนเดียว
เย่จิ่งฝูนึกสงสัย เหตุใดถึงไม่ชอบเรียนเพียงนี้กัน เกิดปัญหาขึ้นที่ใดกันแน่?
แต่เมื่อเห็นว่าเมืองเพี่ยวโจวอยู่ด้านหน้าแล้ว เย่จิ่งฝูก็เปิดม่านรถม้าขึ้น อาชิงรีบเบียดตัวออกมาจะดูด้วย ส่วนเซียวเซวียนจิ่นก็ยอมหลีกทางให้อาอินได้ดูทิวทัศน์ข้างนอก
“กำแพงเมืองนี้คงต้องซ่อมแซมใหม่กระมัง”
“ถูกระเบิดจนจะล้มแหล่มิล้มแหล่อยู่แล้ว” อาอินเหวี่ยงมือของเซียวเซวียนจิ่นไปมา “ตอนที่ท่านพ่อเข้าไปในสนามรบ น่ากลัวมากใช่หรือไม่?”
หลังจากที่ตีเพี่ยวโจวได้แล้ว วันต่อมาเซียวเซวียนจิ่นก็กลับมารับพวกเขาเพียงลำพัง
สิ่งที่อาอินถามถึงมากที่สุดระหว่างทางก็คือสู้กันอย่างไรบ้าง และถามอย่างไม่รู้จบ แม้ว่าเซียวเซวียนจิ่นจะอธิบายให้ฟังอย่างละเอียดแล้ว ทว่าเมื่อมาถึงสถานที่ที่เคยเป็นสนามรบจริง ๆ จึงจะสามารถจินตนาการออกถึงความดุเดือดในสนามรบ
ดวงตาของอาอินเป็นประกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้เพี่ยวโจวสามารถเปิดการค้าขายได้แล้ว ผู้คนที่เข้าออกเมืองจึงมีจำนวนมาก บางคนมาเยี่ยมญาติ บางคนก็อยากมาเจอเนี่ยเจิ้งอ๋อง ได้ยินมาว่าจะมีการจัดเทศกาลโคมไฟด้วย
ไท่ซ่างหวงเองก็มีคำสั่ง เสบียงจากที่ต่าง ๆ จึงกำลังถูกส่งมาที่เพี่ยวโจว เจ้าหน้าที่ที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่ก็กำลังเดินทางมาประจำการแล้วเช่นกัน
แม้ว่าเมืองเพี่ยวโจวตอนนี้จะยังอยู่ในระหว่างการฟื้นฟูเมือง แต่อีกไม่นานจะต้องกลับมาเจริญรุ่งเรืองและสงบสุขเฉกเช่นในอดีตอย่างแน่นอน
“ว้าว นี่คือหน้ากากหรือ?”
“ดูสิ ดูโคมไฟนี่สิ”
แต่ละพื้นที่จะมีขนบธรรมเนียมและประเพณีของตัวเอง ดังนั้นของที่วางขายที่นี่ย่อมแตกต่างจากเมืองหลวง
ลู่เอี้ยนจึงเอ่ยด้วยความใส่ใจ “หรือไม่เอาเสบียงไปส่งแล้ว ให้ข้าไปเดินดูเป็นเพื่อนเจ้าดีหรือไม่?”
อาชิงยกมือขึ้น “ดีเลย ๆ ข้าตกลง”
เย่จิ่งฝูแทบอยากจะกัดจุกผมน้อย ๆ ที่อยู่บนหัวของอาชิงเสียจริง ๆ!
แต่นางเองก็อยากเดินดูของเช่นกัน และบังเอิญเจอกองทัพทหารเกราะเหล็กที่ประตูเมืองเข้าพอดี หลังจากเอาเสบียงที่ขนมาให้พวกเขาแล้ว ลู่เอี้ยนก็ลงจากหลังม้า อุ้มอาชิงขึ้นและเดินเคียงข้างเย่จิ่งฝู ส่วนอาอินก็มีเซียวเซวียนจิ่นคอยจูงมือเอาไว้ จึงไม่ต้องเป็นกังวลอีก
“ท่านพ่อกับท่านแม่เล่า พวกเราจะไม่ไปหาพวกเขาก่อนหรือ?”
“เหล่าทหารที่ประตูเมืองบอกว่าท่านอ๋องกับพระชายากำลังหารือกิจกันอยู่ พวกเราไปเดินเล่นกันก่อนเถอะ”
“เช่นนั้นก็ได้”
อาชิงล้วงเงินอั่งเปาปึกหนึ่งออกมา “ท่านทวดให้ข้ามา ข้าจะซื้อของขวัญให้ท่านแม่ และซื้อให้ท่านพ่อชิ้นหนึ่งด้วย”
“หาได้ยาก ที่แท้เจ้าก็จำพ่อของเจ้าได้อยู่หรือ?”
ระหว่างทางที่มาไม่ได้ยินเจ้าเด็กคนนี้พูดถึงเผยยวนเลย คิดว่าเขาลืมไปแล้วเสียอีกว่ายังมีพ่อคนนี้อยู่
อาชิงส่ายหัวไปมา ดูไปซื้อไปตลอดทาง ในขณะที่อาอินกลับต้องห้ามใจอย่างมาก นอกจากจะเป็นอาวุธที่ทำขึ้นอย่างประณีตจริง ๆ นอกเหนือจากนั้นนางจะไม่ซื้อโดยเด็ดขาด
ลู่เอี้ยนก็พอจะมองออกแล้ว ฝาแฝดคู่นี้ พี่สาวจะสุขุมกว่าน้องชายเล็กน้อย อาอินมีสิ่งที่ตัวเองชอบอยู่แล้ว ส่วนอาชิงนั้นยังมองไม่ออก แค่เห็นว่าแปลกใหม่ก็รู้สึกชอบไปหมด
“ด้านหน้าเหตุใดถึงได้คึกคักเพียงนั้นกัน?”
“ไปดูก็รู้เอง”
ลู่เอี้ยนที่อยู่ด้านหน้าคอยแหวกฝูงชนเปิดทางให้พวกเขาอย่างยากลำบาก ในที่สุดก็ได้รู้ว่ามีคนกลุ่มหนึ่งกำลังขายของป่ากันอยู่
ทันใดนั้นอาชิงก็เกิดความกระตือรือร้นขึ้นมา เขาชอบสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยทุกชนิดอยู่แล้ว ขาสั้น ๆ จึงเตะไปมาขอให้ลู่เอี้ยนยกเขาให้สูงขึ้นอีกหน่อย เพื่อที่เขาจะได้มองเห็นได้อย่างชัดเจน
ลู่เอี้ยนมองอยู่สักพัก ก็พบว่ามีสัตว์ป่าหลากหลายชนิด ทั้งเสือลายเมฆ กระทิง นกเหยี่ยว ไก่ฟ้าสีเลือด…
แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดกลับไม่ใช่สัตว์หายากเหล่านี้ แต่เป็นหมาป่าหิมะฝูงหนึ่งที่ถูกล่ามโซ่อยู่ข้าง ๆ
หมาป่าหิมะเหล่านั้นตัวใหญ่ราวกับสิงโต มีขนสีขาวราวกับหิมะทั้งตัว บนหน้าผากมีรอยแดงคล้ายสายฟ้าประทับอยู่หนึ่งรอย แม้ว่าจะถูกทุบตีจนทั่วทั้งตัวเต็มไปด้วยบาดแผล แต่พวกมันก็ยังมีจิตใจที่แข็งแกร่ง และกำลังยกกรงเล็บและฟันอันแหลมคมขึ้นมา เล็งไปที่นายพรานเหล่านั้น
มิหนำซ้ำข้างกายของพวกมันก็มีลูกหมาป่าขนปุกปุยหลายก้อนกำลังนอนอยู่ บนขนสีขาวราวกับหิมะนั่นก็ชุ่มไปด้วยเลือด และเหนียวจนติดกันเป็นก้อน
“หมาป่าหิมะที่ดูสมบูรณ์เช่นนี้ หลายปีก่อนยังพอพบเห็นได้อยู่ ทว่าห้าหกปีมานี้ก็ไม่เคยเห็นพวกมันอีก”
“ใช่แล้ว ตอนนี้เรียกได้ว่าต่อให้มีเงินก็หาซื้อไม่ได้!”
เย่จิ่งฝูพูดขึ้นมา “หมาป่าเหล่านี้สวยงามอย่างมาก กว่าจะจับมาได้คงไม่ใช่เรื่องง่ายกระมัง”
เพราะขนของพวกมันถือเป็นเกราะป้องกันตัวตามธรรมชาติ ดังนั้นการจะหาหมาป่าเหล่านี้ในภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะอันกว้างใหญ่ และสามารถนำพวกมันกลับมาจึงเป็นเรื่องที่ยากมาก
ลู่เอี้ยนพูดขึ้นมา “อืม เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ดังนั้นจึงล้ำค่าเป็นสองเท่า”
ดังนั้นเขาจึงเอ่ยขึ้นมา “อาชิง พวกเราดูอย่างอื่นกันเถอะ หมาป่านี่อันตรายเกินไป”
สัตว์เหล่านี้ดุร้ายและฝึกได้ยาก ไม่แน่อาจจะทำร้ายคนขึ้นมาเมื่อใดก็ได้ นี่ใช่สิ่งที่คนจะเอามาเลี้ยงได้ที่ใดกัน ซื้อไปแล้วคาดว่าก็คงต้องเอาไปถลกหนังทำเสื้อผ้ามากกว่า
“ข้าอยากได้!” อาชิงเอ่ยขึ้นมา
ลู่เอี้ยนชะงักไปเล็กน้อย อาชิงจึงหันหน้าไป “พี่หญิง ข้าอยากซื้อพวกมัน!”
อาอินก็จ้องหมาป่าเหล่านั้นอย่างนิ่งงัน
เซียวเซวียนจิ่นขมวดคิ้วมุ่น “แต่มันอันตรายเกินไป พวกเราต้องสร้างกรงก่อนกระมัง อีกอย่าง พวกเจ้าเลี้ยงเป็นหรือ?”
พวกเขาไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าใดนัก
ทว่าหมาป่าเหล่านั้นกลับส่งเสียงร้องที่ฟังดูโศกเศร้าออกมา พวกนายพรานก็ยิ่งตีแรงขึ้นเท่านั้น แต่พวกมันกลับไม่สามารถหลบได้ เพราะหากพวกมันหลบ ลูกของพวกมันก็จะถูกตีแทน
อาอินจึงเอ่ยขึ้นมา “ข้าก็อยากได้พวกมัน พวกมันคล้ายกับครอบครัวของพวกเราเมื่อก่อนมาก”
แต่โชคดีที่พวกเขายังมีท่านแม่ แต่หมาป่าฝูงนี้กลับไม่มีใครมาช่วยพวกมันเลย
เซียวเซวียนจิ่นไม่สามารถปฏิเสธอาอินได้
“อยากซื้อก็ซื้อเถอะ ข้าจะให้พวกเขาเอากรงให้พวกเราด้วย”
เอ่ยจบ เซียวเซวียนจิ่นก็ยกมือขึ้น “เสนอราคามาเถอะ”
เมื่อได้ยินว่ามีคนจะซื้อ พ่อค้าที่อยู่ข้าง ๆ ก็ร้อนใจขึ้นมา “ข้าก็อยากได้ ข้าให้ห้าร้อยตำลึง”
“แปดร้อยตำลึง”
“หนึ่งพัน!”
นายพรานจึงพูดขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม “ทุกท่านไม่ต้องรีบร้อน หมาป่าหิมะเหล่านี้เป็นราชาหมาป่า สามารถสั่งการหมาป่าหิมะบนทุ่งหิมะได้ ดังนั้นราคาเริ่มต้นจึงอยู่ที่สองพันตำลึง”
พวกฉู่จิ้นกำลังลาดตระเวนอยู่ โดยเฉพาะสถานที่ที่มีคนแออัดเช่นนี้ เพราะกลัวว่าจะมีหน่วยสอดแนมของศัตรูลักลอบเข้ามา ดังนั้นพวกเขาจึงได้จับตามองเป็นพิเศษ
เมื่อได้ยินว่าลูกทั้งสองคนของท่านอ๋องมาถึงแล้ว จึงได้รีบมาดู ทว่าเมื่อได้ยินพ่อค้าคนนั้นตั้งราคาสูงลิ่ว จึงได้เอ่ยขึ้นมาทันที “หมาป่าอะไร ฝังทองเอาไว้หรืออย่างไรกัน?”