เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 510 เข้าประเด็น
บทที่ 510 เข้าประเด็น
อาชิงส่ายจุกเล็ก ๆ สองจุกบนหัวไปมา และยืนพิงอยู่ข้างกายไป๋จิ่น แม้กลุ่มของเผยยวนจะสวมหน้ากากกันหมด แต่ผู้หญิงก็จะมีรูปร่างอ้อนแอ้น ส่วนผู้ชายก็มีรูปร่างสูงใหญ่ ไม่เหมือนผู้ติดตามของคนอื่น ๆ ที่มีหน้าตาน่าเกลียดและชอบทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ดังนั้นสายตาของใครหลายคนจึงมองมาทางพวกเขาทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ
ไป๋จิ่นสั่งไม่ให้อาชิงมอง แต่อาชิงก็ยังอดไม่ได้ที่จะมองไปทางเด็ก ๆ เหล่านั้น
เมื่อสายตาของเขามองไปที่ชายที่เป็นผู้นำ ชายผู้นั้นก็เลียริมฝีปากขณะหันมาทางอาชิง
อี๋! น่าขยะแขยง
อาชิงดึงแขนเสื้อของอาอิน “พี่หญิง คนผู้นั้นหันมาทางข้าและเลียริมฝีปากด้วย เขาจะเอาข้าไปทำหมาล่ากระต่ายหรือไม่?”
อาอินทำหน้าตึง มองชายผู้นั้นผ่านหน้ากากแล้วเอ่ยเสียงเข้มขึ้นมา “ไม่หรอก เจ้าวางใจได้”
อาชิงเพิ่งจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก็ได้ยินพี่สาวสุดที่รักของตัวเองเอ่ยขึ้นมาอีกว่า “อย่างมากเจ้าก็เป็นหมาล่าหัวคน จะเป็นกระต่ายได้อย่างไรกัน?”
อาชิง ขอบคุณ เป็นคำปลอบโยนที่ดีจริง ๆ แต่ครั้งหน้าไม่ต้องพูดจะดีกว่า
“ท่านฝูเย่” ใกล้กับเรือสำราญมีเรือลำเล็ก ๆ แล่นผ่านไปมา เมื่อถึงตาของพวกเผยยวน สาวใช้ชุดแดงก็โค้งศีรษะลงเล็กน้อยแล้วกล่าวด้วยความนอบน้อมว่า “ท่านเจ้าเมืองส่งพวกเรามารับท่านเจ้าค่ะ เชิญท่านขึ้นเรือได้เลยเจ้าค่ะ”
แน่นอนว่าย่อมมีบางคนที่รู้สึกไม่พอใจ ดังนั้นจึงมีคนคิดที่จะชิงขึ้นเรือก่อน ทว่าพวกเผยยวนยังไม่ทันลงมือ คนพวกนั้นก็ถูกกลุ่มสาวใช้ชุดแดงใช้ไม้พายดันออกไปเบา ๆ
“ท่านเจ้าเมืองซือถูทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? เหตุใดเรือที่มารับพวกเราถึงเป็นเรือลำเล็ก แต่เรือที่ส่งมารับเขากลับเป็นเรือแกะสลัก ท่านเจ้าเมืองกำลังดูถูกข้าอย่างนั้นหรือ?” คนที่ถูกปฏิเสธโมโหขึ้นมา
ชาวยุทธ์มักเป็นคนเลือดร้อน เอะอะก็จะท้าประลองเพื่อพิสูจน์ว่าใครเหนือกว่า เมื่อเห็นว่าเรือที่มารับเผยยวนนั้นงดงามและหรูหรากว่าของพวกเขา จึงรู้สึกยอมไม่ได้ขึ้นมา
ทว่าสาวใช้ก็ไม่ได้ตื่นตระหนก ก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ท่านฝูเย่เป็นแขกที่ท่านเจ้าเมืองของเราเชิญมาโดยเฉพาะ ผู้น้อยก็แค่ทำตามคำสั่งของท่านเจ้าเมือง เมื่ออยู่ในเมืองเจว๋เฉิงก็ต้องเคารพกฎของเมืองเจว๋เฉิง ขอท่านอภัยให้ด้วยเจ้าค่ะ”
คำที่พูดออกมาฟังดูมีมารยาทอย่างมาก แต่ท่าทางที่เย่อหยิ่งนั้นแสดงออกอย่างชัดเจนว่า หากอีกฝ่ายไม่ยอมรับฟัง เมืองเจว๋เฉิงก็จะไม่ปล่อยเขาเอาไว้แน่
ข่าวตอนที่จีฝูเย่เข้าเมืองมา และท่านเจ้าเมืองได้ตัดมือของสาวใช้ที่โปรดปรานไปข้างหนึ่งแพร่สะพัดไปทั่วแล้ว หากยังมีคนที่ตาไม่มีแวว ไม่เคารพเขาในเวลาที่สำคัญเช่นนี้ เกรงว่าคนผู้นั้นคงได้เห็นดีอย่างแน่นอน
แขกกับคนอาศัย พวกนางล้วนสามารถแยกแยะได้
เป็นแค่นักโทษหนีหมายจับที่อยู่ภายนอกไม่ได้ และหนีมาใช้ชีวิตอย่างสุขสำราญที่เมืองเจว๋เฉิงนี่ คงลืมไปแล้วกระมังว่าตัวเองเป็นคนที่มาอาศัยชายคาคนอื่นอยู่
“ท่านฝูเย่ เชิญขึ้นเรือเจ้าค่ะ” สาวใช้เมื่อหันหน้าไป ก็เปลี่ยนเป็นยิ้มเจิดจ้าให้เผยยวนทันที
เมื่อกลุ่มของเผยยวนขึ้นเรือไปแล้ว ชายผู้นั้นจึงได้ซัดต้นหลิวด้านข้างจนหักด้วยฝ่ามือเดียว
ส่วนเสียงคำรามของคนไร้ความสามารถเช่นนี้ ใครจะสนใจกันเล่า
“งานเลี้ยงวันนี้ จัดขึ้นเพื่อเป็นการต้อนรับท่านฝูเย่ ซึ่งท่านเป็นแขกที่มีเกียรติที่สุดของเมืองเจว๋เฉิง ดังนั้นหากต้องการสิ่งใดท่านฝูเย่เชิญสั่งมาได้เลยนะเจ้าคะ”
เมื่อไปถึงที่งาน สาวใช้ก็เดินนำทางอยู่ด้านหน้า ภายในงานกลับเป็นภาพที่ทุกคนคาดไม่ถึง มีลูกไฟลูกหนึ่งปัดผ่านปลายจมูกของคนไป ที่แท้ก็เป็นคณะกายกรรมที่มาแสดงกายกรรมในค่ำคืนนี้ เมื่อมองไปทางด้านข้าง ก็พบว่ามีกระทะน้ำมันใบใหญ่ตั้งอยู่ ไม่รู้ว่าสิ่งที่อยู่ด้านในคืออะไร เพราะมีแต่ควันเต็มไปหมดจึงทำให้มองไม่เห็น
โดยซือถูรุ่ยนั้นนั่งอยู่ที่ด้านหน้าสุด สตรีที่อยู่รอบกายเขาแต่ละคนต่างก็นุ่งน้อยห่มน้อย แต่พวกเผยยวนกลับมองออกแล้ว
เพราะหน้าตาของสตรีเหล่านี้มีความคล้ายกับใบหน้าของอาชิงอยู่หลายส่วน ทั้งใบหน้าและท่าทาง คิดว่าเขาคงเอามาเป็นตัวแทนของซือถูเซิงกระมัง?
ดูไม่ออกเลยว่าซือถูรุ่ยผู้นี้จะเป็นนักสะสมเช่นนี้ด้วย
พวกเขายังมองออก แล้วนับประสาอะไรกับอาเหริ่น เวลานี้ลมหายใจของเขาก็เริ่มฟืดฟาดขึ้นมาแล้ว เย่จิ่งฝูจึงเอ่ยถามเสียงเบา “ในนั้นคงไม่มีเซิงเซิงของเจ้าหรอกกระมัง?”
“ไม่มี”
เย่จิ่งฝูผิดหวังเล็กน้อย หากซือถูเซิงอยู่ที่นี่ด้วย พวกเขาก็จะได้ไม่ต้องงมเข็มเช่นนี้อีก
แต่ไป๋จิ่นกับเยว่พั่วหลัวนั้นกลับไม่ได้คิดถึงซือถูเซิง เพราะตอนนี้คนที่พวกเขาสนใจมากกว่าก็คือคนที่สามารถวางยาพวกเขาได้ และไม่รู้ว่าอยู่ที่ใดกันแน่
แต่ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ทั้งสองคนต่างก็จับจ้องไปที่ด้านหลังของซือถูรุ่ย
ในมุมหนึ่งที่มีชายเสื้อคลุมสีดำโผล่ออกมา
ทว่าคนผู้นั้นกลับสวมเสื้อคลุมเอาไว้ จึงแยกไม่ออกว่าเป็นหญิงหรือชาย แต่เดิมพวกเขาก็เป็นยอดฝีมือของสำนักกู่และสำนักพิษอยู่แล้ว อาศัยไอพลังที่คุ้นเคยก็สามารถรู้ได้ทันที
หนอนกู่บนกายของเยว่พั่วหลัวเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว
“คนผู้นั้นใช่หรือไม่?”
“อืม”
และในเวลาเดียวกัน ไช่หุ่ยก็จับจ้องไปทางเผยยวน ต้องการอาศัยกู่ตัวแม่เพื่อค้นหาลมหายใจของกู่ตัวลูก แต่กลับไม่รู้สึกถึงมัน
แต่หนอนกู่ในร่างกายของเขากลับกระสับกระส่ายอย่างมาก ราวกับถูกบางสิ่งบางอย่างดึงดูด
ไช่หุ่ยขมวดคิ้ว นับตั้งแต่ที่เขาทรยศต่อสำนักพิษและสำนักกู่ สำนักทั้งสองก็ต้องบาดหมางกันเพราะเขา ส่วนเขาที่หนีเอาชีวิตรอดในยุทธภพมาหลายปี ก็ไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน
หรือว่าข้างกายของจีฝูเย่ผู้นั้น มีคนที่เก่งกาจกว่าเขาอยู่ด้วย?
ซือถูรุ่ยลุกขึ้นยืนและเป็นฝ่ายเข้าไปทักทายก่อน “พี่จีพักผ่อนสบายดีหรือไม่? สาวใช้เหล่านั้นปรนนิบัติท่านดีหรือไม่?”
“ท่านเจ้าเมืองซือถูเกรงใจเกินไปแล้ว”
“มา เชิญนั่ง” ตำแหน่งด้านข้างของซือถูรุ่ย เขาเตรียมเอาไว้ให้เผยยวนโดยเฉพาะ
เมื่อเผยยวนนั่งลง สาวใช้ข้างกายของซือถูรุ่ยก็เข้ามารินเหล้า ด้วยสายตาหยาดเยิ้ม และผิวที่ขาวเนียนบริสุทธิ์ผุดผ่องของนาง สาวงามผู้นั้นเมื่อเห็นว่ากลุ่มของพวกเขาต่างก็มองมาที่ตน ก็รู้สึกภูมิใจในความงามของตัวเองเป็นอย่างยิ่ง และพูดด้วยความเขินอายว่า “ผู้น้อยมาปรนนิบัติคุณชายเจ้าค่ะ”
เพราะบรรดาสาวใช้ที่ไปปรนนิบัติเขาเมื่อตอนบ่ายพวกนั้นกลับมาก็เอาแต่พูดว่าเหมือนความฝัน
เช่นนั้นเขาต้องลีลาเด็ดอย่างแน่นอน
แต่เวลานี้ทุกคนกลับกำลังครุ่นคิดอยู่ว่า ซือถูเซิงคล้ายกับสตรีผู้นี้มากหรือไม่ หาคนที่หน้าคล้ายคลึงกันเช่นนี้มาไว้ในจวนมากมาย เช่นนั้นหากพวกเขาช่วยผิดคนขึ้นมาจะทำอย่างไร?
“เด็ก ๆ! เริ่มบรรเลงได้!” ซือถูรุ่ยเอ่ยจบก็ปัดมือหนึ่งครั้งแล้วนั่งลงตรงที่นั่งของตัวเอง เมื่อนางระบำกลุ่มหนึ่งเดินเรียงแถวเข้ามา ซือถูรุ่ยก็โน้มตัวไปพูดกับเผยยวน “พี่จี คนเหล่านี้ล้วนเป็นยอดฝีมือของเมืองเจว๋เฉิง ที่ข้าเรียกพวกเขามาความจริงแล้วก็เพราะเรื่องกองทัพทหารเกราะเหล็กของต้าจิ้น แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะยังไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ แต่ข้าคิดว่ากันเอาไว้ก็ดีกว่าแก้
อย่างไรเสียราชสำนักต้าจิ้นก็มีหนังสือประกาศทำศึกแล้ว และต้องการยึดหลงซีทั้งแปดเมืองคืน และเมืองเจว๋เฉิงของข้าก็อยู่ใกล้ชายแดนของต้าจิ้นมากที่สุด หากพวกเขาลงมือ เกรงว่าเมืองเจว๋เฉิงของข้าคงเป็นเป้าหมายแรกอย่างแน่นอน”
ครั้งนี้ซือถูรุ่ยเลือกพูดอย่างตรงไปตรงมา
แน่นอนว่าเผยยวนไม่มีอาวุธจะขายให้เขา “ความหมายของท่านเจ้าเมืองซือถูนั้นข้าเข้าใจดี แต่ข้าขายอาวุธให้สำนักและพรรคต่าง ๆ ในยุทธภพมากมาย เรื่องกองทัพนั้นยังไม่เคยขายให้มาก่อน และข้าก็ต้องขอดูกระบวนทัพของท่านเจ้าเมืองด้วย จึงจะสามารถเลือกอาวุธที่เหมาะสมตามภูมิศาสตร์และการทหารของเมืองเจว๋เฉิงให้ได้”
ซือถูรุ่ยหรี่ตาลง “พี่จีพูดถูกต้องแล้ว เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจัดการให้?”
“ได้ ทุกอย่างแล้วแต่ท่านเจ้าเมืองจะเห็นควร แต่ตอนนี้ข้าขอแสดงความยินดีกับท่านเจ้าเมืองเนื่องในวันเกิดก่อน!”
“พูดได้ดี ๆ มาเมืองเจว๋เฉิงก็เท่ากับเป็นพี่น้องข้า มา ทุกท่านดื่มหมดจอก!” ซือถูรุ่ยดื่มทีเดียวหมดจอก จากนั้นก็เห็นว่าไช่หุ่ยทำท่าทางคล้ายกับมีเรื่องจะพูด เขาจึงยิ้มให้กับทุกคนแล้วลุกขึ้นและเดินเข้าไปหลังฉากกั้น
“เป็นอย่างไรบ้าง หนอนกู่เข้าไปหรือยัง?”
ไช่หุ่ยมีสีหน้าย่ำแย่ “ไม่พบร่องรอยเลยขอรับ”
.
.
.