เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 520 พ่อลูก
บทที่ 520 พ่อลูก
ซือถูเซิงสะอื้นขึ้นมาเบา ๆ และเอานิ้วข่วนเข้าที่ลำคอของเขา จนมีรอยสามรอยปรากฏขึ้นมา
ทว่าซือถูรุ่ยราวกับไม่รู้สึกรู้สากับความเจ็บปวดนั้นแม้แต่น้อย
เขาเพียงแค่มองซือถูเซิงด้วยแววตาที่หลงใหล “เซิงเซิง พรุ่งนี้เป็นวันเกิดข้า และอีกไม่นานก็จะถึงวันเกิดของเจ้าแล้ว เจ้าดูสิ พวกเราเกิดมาจากแม่คนเดียวกันแต่ห่างกันสามปี นี่เรียกว่าวาสนาแบบใดกัน เจตนาของสวรรค์ก็เพื่อต้องการให้พวกเราอยู่ด้วยกันอย่างไรเล่า”
ซือถูเซิงส่งเสียงคำรามต่ำอยู่ในลำคอเหมือนสัตว์ตัวเล็ก ๆ ก่อนจะอ้าปากแล้วกัดลงไปบนมือของซือถูรุ่ย
นางแค้นเขามากเท่าใด ก็กัดแรงมากเท่านั้น
“กัดเถอะ เมื่อเลือดของข้าและเลือดของเจ้าหลอมรวมกัน จึงจะสามารถให้กำเนิดเด็กที่น่ารักที่สุดในโลกนี้ขึ้นมาได้ นั่นต้องเป็นเด็กที่สูงส่งและบริสุทธิ์ที่สุดอย่างแน่นอน ส่วนลูกหมาป่าสองตัวนั่น เจ้าก็คิดซะว่าไม่เคยมีพวกมันก็แล้วกัน หืม?”
เขาพูดถึงตรงนี้น้ำเสียงก็เริ่มเลื่อนลอย แต่จู่ ๆ ซือถูเซิงกลับดึงโซ่ขึ้นมาแล้วคล้องไปที่คอของเขา อยากจะรัดคอเขาให้ตายยิ่งนัก
น่าเสียดายที่แรงของนางน้อยเกินไป ไหนเลยจะทำร้ายซือถูรุ่ยได้
เขาแกะนิ้วของนางออกทีละนิ้ว “เซิงเซิง เหตุใดเจ้าถึงยังไม่เข้าใจอีกเล่า เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า เฮ้อ ช่างเถอะ ที่เจ้าดื้อด้านเพียงนี้ก็เพราะเจ้าเหมือนข้ามาก”
เขาไม่สนใจบาดแผลที่มือ ก่อนจะยกขึ้นมาจ่อที่ริมฝีปากและใช้ลิ้นเลียอย่างช้า ๆ “ครั้งหน้าพี่ชายค่อยมาเยี่ยมเจ้าใหม่
พวกเราค่อย ๆ ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไปแบบนี้เถอะ”
ร่างของซือถูเซิงพลันแข็งค้าง ก่อนจะมองดูเขาจากไป และลงกลอนประตูบานนั้นอีกครั้ง นางจึงได้ทรุดตัวลงกับพื้น
มองดูดวงจันทร์บนท้องฟ้า ความเหงาและความสิ้นหวังไม่มีที่สิ้นสุดยังคงคืบคลานกัดกินใจนางไม่หยุด
นางอ้าปากแล้วถ่มเลือดของซือถูรุ่ยออกมาจนหมด จากนั้นนางจึงได้ขดตัวนอนลงบนพื้นที่เย็นเยียบ และปล่อยให้น้ำตาไหลรินอย่างเงียบ ๆ
ริมฝีปากที่แห้งผากยังคงเอื้อนเอ่ย ทว่ากลับไม่มีเสียงพูดเล็ดลอดออกมา อาเหริ่น…
…
“กรี๊ด!” อาอินตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน นางมองไปรอบ ๆ อย่างสับสน เซียวเซวียนจิ่นได้ยินเสียงนางกรีดร้อง จึงรีบเดินมาจากโต๊ะหนังสือ “เป็นอะไรไป?”
อาอินโถมตัวเข้าสู่อ้อมแขนของเขาทันที “พี่เซวียนจิ่น ข้ากลัว”
เซียวเซวียนจิ่นลูบผมของนาง “ไม่ต้องกลัว พี่ชายอยู่นี่แล้ว ฝันร้ายใช่หรือไม่?”
อาอินพยักหน้ารับพร้อมสีหน้าซีดเผือด “ใช่เจ้าค่ะ ข้าฝันว่าข้าอยู่ในตรอกมืด ๆ แห่งหนึ่ง ทุกวันถูกคนล่ามโซ่เอาไว้เหมือนสุนัข พวกเขาไม่ให้ข้ากินข้าว และข้าก็ส่งเสียงไม่ได้ ตอนกลางคืนหนาวเหน็บจนตัวสั่น หิวและกระหายมาก”
เซียวเซวียนจิ่นตบบ่าของนางเบา ๆ “อย่าคิดมาก ใครที่กล้าทำเช่นนี้กับเจ้า พี่ชายจะฆ่ามันเป็นคนแรก”
เขาลุกขึ้นรินน้ำอุ่นให้นางถ้วยหนึ่ง “มา ดื่มน้ำให้ชุ่มคอก่อน”
อาอินจับมือของเขาแล้วยกน้ำขึ้นดื่ม จากนั้นจึงมองไปด้านข้าง “อาชิงเล่าเจ้าคะ? เขานอนกับข้าไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”
“เขาบอกว่าจะออกไปฉี่ จึงให้หานฉีพาเขาออกไป แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่กลับมาเลย”
“ออกไปนานเท่าใดแล้วเจ้าคะ?”
“ครึ่งชั่วยามกว่าได้แล้วกระมัง ข้ากำลังจะไปตามท่านพี่เย่ให้มาอยู่เป็นเพื่อนเจ้า แล้วออกไปตามเขาอยู่พอดี”
“เจ้าเด็กคนนี้ต้องออกไปเดินมั่วซั่วเป็นแน่” อาอินกำลังจะลุกขึ้นสวมรองเท้าเพื่อไปตามน้องชาย แต่จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงใครบางคนเปิดประตูลานบ้านเข้ามา
เผยเสี่ยวเตาเพิ่งจะเอาของกินกลับมาจากห้องครัวพอดี และช่วยปิดกล่องใบเล็ก ๆ นั่น
“เหตุใดพวกเจ้าถึงได้กลับมาเร็วเช่นนี้เล่า ได้เบาะแสหรือไม่?”
“จะบอกว่ามีก็มี จะบอกว่าไม่มีก็ไม่มี” ไป๋จิ่นทอดถอนใจออกมา
ถึงแม้จะไม่บรรลุเป้าหมาย แต่กลับทำอีกเรื่องหนึ่งได้สำเร็จ
เผยเสี่ยวเตา “…”
นางมองไปทางพวกเผยยวนอย่างงุนงง
“พรุ่งนี้ค่อยคุยกันเถอะ คืนนี้ทุกคนต่างก็เหนื่อยกันมากแล้ว รีบไปพักผ่อนเถอะ”
“อ่อ ตกลง”
ไป๋จิ่นกับเยว่พั่วหลัวเอ่ยรับคำ จากนั้นก็แบกกระสอบป่านสองใบเข้าไปในห้องทันที
“ช้าก่อน เหตุใดพวกเจ้าสองคนถึงเข้าไปในห้องเดียวกัน?”
ทว่าสองคนนั้นได้ปิดประตูเรียบร้อยแล้ว
???
ไปญาติดีกันตั้งแต่เมื่อใด?
“คาดว่าคงจะแบ่งของที่ริบมาได้กระมัง พวกเขากวาดมาไม่น้อยเลย” เผยยวนคิดอย่างง่าย ๆ
เผยเสี่ยวเตา “เหตุใดข้าถึงได้กลิ่นว่าพวกเขาแอบมีความสัมพันธ์ลับ ๆ กัน”
“ท่านแม่!” ตอนนั้นเองเสียงของอาอินก็ดังมาจากทางด้านหลัง
เด็กน้อยออกมาจากในห้อง พร้อมกับผมเผ้ายุ่งเหยิง ก่อนจะโถมตัวเข้าไปในอ้อมแขนของจี้จือฮวนทันที “พวกท่านออกไปที่ใดกันมาหรือเจ้าคะ เหตุใดถึงไม่พาข้าไปด้วย?”
จี้จือฮวนอุ้มนางขึ้นมา “พวกเราไปตามหาเซิงเซิงมา”
อาอินจึงเอ่ยว่า “เช่นนั้นหาเจอหรือยังเจ้าคะ?”
“ยัง”
อาอินมองอาเหริ่นที่ยืนจูงมืออาชิงอยู่ตรงนั้น ก่อนจะเม้มริมฝีปากแล้วเอ่ยขึ้นมา “ท่านแม่ คืนนี้ข้านอนเป็นเพื่อนท่านพ่อก็แล้วกันนะเจ้าคะ”
จี้จือฮวนรู้มาตลอดว่าอาอินเป็นเด็กที่ความรู้สึกไว และโตกว่าวัยไปมาก
นางคงมองเห็นแล้วว่าอาเหริ่นกำลังรู้สึกผิดหวัง
“ได้”
อาอินลงมายืนบนพื้น ก่อนจะดึงอาเหริ่นแล้วเอ่ยขึ้นมา “ท่านพ่อ พวกเรานอนด้วยกันดีหรือไม่เจ้าคะ?”
อาชิงก็กอดต้นขาของอาเหริ่นเอาไว้เช่นกัน “เช่นนั้นอาชิงก็จะนอนด้วย”
ขอเพียงลูก ๆ ไม่รังเกียจเขาก็พอแล้ว
เดิมอาเหริ่นนอนห้องเดียวกับไป๋จิ่นและเว่ยเจ๋อเซิงมาโดยตลอด
แต่ตอนนี้เมื่อต้องดูแลเด็กทั้งสองคน จึงทำตัวไม่ถูกขึ้นมา
โชคดีที่อาอินทำอะไรเป็นเกือบทุกอย่าง อาชิงก็เชื่อฟังอย่างมาก ล้างหน้าและล้างเท้าเองเสร็จสรรพ ก่อนจะนอนอยู่ใต้ผ้าห่มอย่างเชื่อฟัง โดยทิ้งผ้าห่มผืนใหญ่ไว้ให้เขา
อาชิงยังตบลงตรงตำแหน่งข้างตัว ‘แปะ ๆ’ “ท่านพ่อมาเร็วสิขอรับ อาชิงจะเล่านิทานให้ท่านฟัง”
อาเหริ่นอาบน้ำเสร็จกลับมาจึงได้ขึ้นไปบนเตียงอย่างระมัดระวัง เจ้าก้อนแป้งนุ่มนิ่มสองก้อน ทั้งตัวล้วนนุ่มนิ่มไปหมด จนเขากลัวว่าหากพลิกตัวแล้วจะไปทับเด็กน้อยเข้า
ประกอบกับไม่เคยนอนกับพวกเขามาก่อน หัวใจของอาเหริ่นจึงเต้นเร็วเป็นอย่างมาก
“ท่านพ่อ หัวใจของท่านเต้นแรงมากเลยขอรับ” อาชิงพูดติดตลกและหัวเราะคิกคักออกมา
อาเหริ่นมองหน้าเขาก็ชวนให้คิดถึงเซิงเซิง ใบหน้าหล่อเหลาจึงเผยสีหน้าเศร้าสร้อยออกมา
“ท่านพ่อ ท่านไม่ต้องร้องไห้ อาชิงล้อท่านเล่นขอรับ” มือเล็กประคองใบหน้าของอาเหริ่นเอาไว้ พยายามจะซับน้ำตาให้เขา
อาอินก็เข้ามาใกล้ ๆ “ท่านพ่อ พวกเราต้องหาท่านแม่เจอแน่นอน ท่านไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกังวล ข้าสามารถสัมผัสได้ นางต้องอยู่ที่นี่แน่เจ้าค่ะ”
อาชิงพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้ว ความรู้สึกของพี่หญิงแม่นยำที่สุดเลยขอรับ”
อาเหริ่นกอดพวกเขาเอาไว้ รู้สึกว่านี่เป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่สวรรค์ประทานมาให้เขา
“อืม พวกเราต้องหาเซิงเซิงเจออย่างแน่นอน พวกเราจะพานางไปจากที่นี่”
อาอินที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาเอ่ยปลอบ “ท่านพ่อ ไม่ต้องกลัว ๆ พวกเราจะอยู่เป็นเพื่อนท่านตรงนี้เองเจ้าค่ะ”
อาชิงก็ยื่นมือเล็ก ๆ ออกไป ตบหลังของอาเหริ่นเบา ๆ เลียนแบบท่าทางเวลาที่หลาย ๆ คนกล่อมเขานอน ตบหลังให้เขาเงียบ ๆ แต่น่าเสียดายที่ยังไม่ทันกล่อมอาเหริ่นจนหลับ เด็กทั้งสองคนกลับชิงหลับไปก่อนเสียแล้ว
อาเหริ่นคลุมผ้าห่มให้พวกเขาอย่างดี พลางจ้องมองพวกเขาอยู่เช่นนั้น ราวกับว่ามองอย่างไรก็มองไม่เบื่อ
เขาอยากจะให้เซิงเซิงมาเห็นลูก ๆ ของพวกเขาจริง ๆ
เหมือนอย่างที่เซิงเซิงเคยพูดเอาไว้ เป็นลูกชายคนลูกสาวคน เหมือนเขาและเหมือนนาง
พวกเขาจะต้องเติบโตขึ้นอย่างมีความสุขและได้รับอิสระอย่างเต็มที่
ที่สำคัญก็คือ ค่าตอบแทนนี้ซือถูรุ่ยต้องจ่ายด้วยชีวิต!
หากซือถูรุ่ยยังมีชีวิตอยู่ต่อไปล่ะก็ คนในเผ่าและลูก ๆ ของเขา รวมถึงเซิงเซิงก็คงไม่มีวันได้อยู่อย่างสงบสุข
ค่ำคืนนี้ นอกจากอาเหริ่นที่นอนไม่หลับแล้ว เซิงเซิงที่อยู่ในตรอกก็นอนไม่หลับเช่นกัน แม้แต่ซือถูรุ่ยเองก็ไม่สามารถข่มตานอนได้
เขากำลังคิดว่า ไม่มีไช่หุ่ยแล้ว เช่นนั้นเขาต้องทำให้อย่างไรจึงจะทำให้จีฝูเย่ยอมมอบอาวุธให้เขาแต่โดยดี ไม่อย่างนั้นคงต้องจ่ายเงินก้อนโตเลยทีเดียว
.
.
.