เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 525 ท่านแม่ ข้ามาแล้ว
บทที่ 525 ท่านแม่ ข้ามาแล้ว
ทันทีที่ชายผู้นั้นเข้ามาในห้อง เขาก็ถอดกางเกงออกเพื่อรอให้หมอมาดึงเอาอาวุธลับออกให้ แต่เพียงอึดใจเดียวเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของเด็ก ๆ ในลานบ้านดังขึ้น
“เอะอะอะไรกัน ร้องหาผีสางหรืออย่างไร!?” ชายผู้นั้นเพิ่งจะด่าออกไป หานฉีก็สะบัดเด็กสองคนที่ไล่ตามเพื่อมาห้ามเขาออกไป และเดินมาตรงหน้าของชายผู้นั้น
ชายผู้นั้นขมิบก้นทันที เจ็บจนวิญญาณแทบจะหลุดออกจากร่างอยู่แล้ว
“เจ้า! เจ้าจะทำอะไร!?”
ในฐานะคนที่ชอบทารุณกรรมผู้อื่น มือของเขาจึงทำลายชีวิตของเด็กมาไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร แต่ตอนนี้เขากลับไม่สามารถต้านทานอะไรอีกฝ่ายได้ด้วยสภาพก้นที่เปลือยเปล่าเช่นนี้ และนี่ยังถือเป็นครั้งแรกที่เขามีสภาพเช่นนี้อีกด้วย
ชายผู้นั้นจึงรีบซุกตัวเข้าไปในผ้าห่ม และซ่อนตัวอยู่บนเตียงอย่างสั่นเทา “เจ้าอย่าเข้ามานะ! ข้าขอบอกเจ้าเอาไว้ ไม่อย่างนั้นข้าจะร้องให้คนช่วย!”
อาชิงชะโงกหน้าเข้ามา “ร้องไปเถอะ ต่อให้เจ้าร้องจนคอแตกก็ไม่มีคนมาช่วยเจ้าหรอก!”
หานฉีกระชากผ้าห่มของชายผู้นั้นออก ยกร่างของชายที่ไม่สวมกางเกงขึ้น และเดินออกไปที่ลานบ้านทันที
เด็กทั้งกลุ่มต่างก็ตกตะลึง
ในใจของพวกเขา ชายผู้นี้คือปีศาจร้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และไม่มีใครช่วยพวกเขาได้ ไม่มีใครทำอะไรชายผู้นี้ได้
ทว่าวันนี้กลับมีเด็กสองคนที่อายุน้อยกว่าพวกเขาสามารถปราบชายผู้นี้ได้
พวกเขาทั้งหมดต่างก็ขดตัวอยู่ที่มุม แต่ก็อดไม่ได้ที่จะมองอาอินสั่งการหานฉีให้แบกชายผู้นั้นออกไป
“พวกเรา…พวกเราได้รับการช่วยเหลือแล้วใช่หรือไม่?”
“ข้ายอมกลับไปเป็นขอทาน ข้าไม่อยากมีชีวิตเช่นนี้อีกแล้ว!”
“ปล่อยข้า! พวกเจ้าคิดจะทำอะไร!” ชายผู้นั้นคำรามออกมา แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้เมื่ออยู่บนหลังของหานฉี
ทว่าหานฉีก็ไม่ได้ตอบสนองแต่อย่างใด อาอินเดินไปที่กำแพงแล้วเอ่ยกับหานฉีว่า “โยนคนเข้าไป!”
ได้ยินว่าในเรือนของซือถูรุ่ยคนใช้ทั้งหมดมีเพียงสตรีเท่านั้น ดังนั้นต้องโยนระเบิดลงไปในฝูงปลา จึงสามารถก่อกวนน้ำในสระนี้ได้!
หานฉีได้ยินดังนั้น ก็โยนคนผู้นั้นเข้าไปในเรือนทันที
“กรี๊ด!!!”
“มีนักฆ่า!”
ทันใดนั้นหญิงสาวมากมายก็ส่งเสียงกรีดร้องขึ้นมาจริง ๆ
“เร็วเข้า! ฆ่าได้เลย!”
ประตูเรือนเปิดออก มีสตรีหลายคนพุ่งตัวออกมาด้วยความตกใจ
“ไป!”
หานฉีอุ้มเด็กสองคนขึ้นมาและใช้กำลังภายในของเขาเหาะเข้าไปในเรือนได้อย่างง่ายดาย
ในเวลานี้ ภายในเรือนหลังนี้ได้มีชายเปลือยกายคนหนึ่งกระโดดเข้ามาและวิ่งไปทั่ว ทั้งยังกำลังสู้กับสาวใช้ที่มีวรยุทธ์จำนวนหนึ่งอยู่ ดูวุ่นวายไปหมด
ไหนเลยจะมีคนสังเกตเห็นว่ามียอดฝีมือพาเด็กสองคนแอบลักลอบเข้ามา
เดิมอาอินต้องการตรงไปที่ห้องนอนของซือถูรุ่ย แต่ที่นั่นมีคนคอยปรนนิบัติอยู่มากที่สุด จึงทำได้เพียงให้หานฉีเลาะไปตามด้านล่างกำแพงฝั่งที่มีคนอยู่น้อย ๆ ก่อน ถึงเวลาหากถูกคนพบเข้า ก็แค่บอกไปว่านางกับอาชิงหลงทางมา
“ด้านนอกเหตุใดถึงได้เสียงดังเพียงนั้นกัน?”
“กลัวอะไร? ในจวนซือถูผู้ใดจะกล้ามาก่อเรื่องกัน หากพวกเจ้ากลัวละก็ ออกไปก่อนก็แล้วกัน”
มีเสียงพูดของผู้หญิงหลายคนดังออกมา
ดูเหมือนมีกำแพงกั้นไว้
อาอินจึงส่งสัญญาณให้หานฉีพาพวกเขาไปดู
ในมุมที่ลับตาคน มีหัวคนสามหัวโผล่ออกมาอย่างเงียบ ๆ
เรือนของซือถูรุ่ยหลังนี้ถูกตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม แต่คิดไม่ถึงว่ายังมีทางเดินโทรม ๆ เช่นนั้นอีก ไกลออกไปไม่เห็นมีอะไรสักอย่าง มีเพียงกรงขังสุนัขขนาดใหญ่กรงหนึ่งวางอยู่เท่านั้น
มีสตรีสวมชุดสีขาวหลายคนยืนอยู่ตรงนั้น บังสายตาของพวกเขาเอาไว้
“พี่หญิง พวกนางกำลังทำอะไรหรือขอรับ?”
“ชู่ ฟังดูเดี๋ยวก็รู้เอง”
ก่อนจะเห็นว่าสตรีเหล่านั้นกำลังพูดคุยกันอยู่ จากนั้นสตรีที่เป็นผู้นำก็ย่อตัวลง ยกตัวคนคนหนึ่งที่ถูกล่ามโซ่ไว้ขึ้นมา
คนผู้นั้นผมยาวกระเซอะกระเซิงและผูกเป็นปม ผอมจนลมพัดก็สามารถล้มลงได้
สองพี่น้องต่างก็ตกตะลึง
ไม่ใช่สัตว์แต่เป็นคน!
อาอินรู้สึกอึดอัดใจจนแทบจะทนไม่ไหว แม้แต่อาชิงเองก็เงียบไปเช่นกัน
คนหมู่บ้านตระกูลเฉินของพวกเขา ยังไม่ทำกับเชลยถึงเพียงนี้เลย!
หญิงสาวผู้นั้นยังคงไม่ยอมหยุด “ให้ข้าดูหน่อยสิ เป็นปีศาจจิ้งจอกแบบใดกัน ถึงล่อลวงให้ท่านเจ้าเมืองคิดถึงได้ทุกเช้าค่ำเช่นนี้!”
สตรีผู้นั้นปัดผมที่ยาวรุงรังของคนผู้นั้นออก เผยให้เห็นใบหน้าที่ซีดเซียวผอมบางราวกับผี
“อ๊าย! น่ากลัวยิ่งนัก”
“อัปลักษณ์ยิ่งนัก สภาพเช่นนี้ยังกล้าล่อลวงท่านเจ้าเมืองอีก!”
“ข้าจะกรีดหน้าเจ้าซะ ดูสิว่าเจ้ายังจะล่อลวงผู้ชายเหมือนผู้หญิงแพศยาได้อีกหรือไม่!”
สตรีผู้นั้นดึงปิ่นบนศีรษะออกมา และกำลังจะกรีดลงไปบนใบหน้าของซือถูเซิง
คนข้าง ๆ รู้สึกร้อนใจขึ้นมา “เจ้าบอกว่าแค่มาดูไม่ใช่หรือ! ก่อนเจ้าจะมา ท่านเจ้าเมืองต้องมาที่นี่ทุกครึ่งเดือน นอกจากท่านเจ้าเมืองแล้วก็ไม่มีใครกล้ารังแกนาง ไม่อย่างนั้นก็มีแต่ต้องตายเท่านั้น เจ้ารีบปล่อยมือเถอะ!”
“เชอะ ท่านเจ้าเมืองโปรดปรานข้า แค่หญิงอัปลักษณ์กล้าเอามาเทียบกับข้าอย่างนั้นหรือ?”
“เจ้าบ้าไปแล้วหรือ นางก็คือซือถูเซิง อย่าโทษว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกัน! รีบไปกันเถอะ”
อาอินกับอาชิงตัวสั่นเทา หลังจากนั้นไม่นานสองพี่น้องก็กระโดดลงจากกำแพงโดยไม่ได้นัดหมายกันทันที
อาอินกำลังโมโหอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าแม่แท้ ๆ ของตัวเองจะถูกโจรสุนัขซือถูรุ่ยนั่นล่ามไว้ในกรงราวกับสัตว์เช่นนี้!
นางไม่เคยมีช่วงเวลาใดที่สัมผัสถึงสิ่งที่เรียกว่าสายสัมพันธ์แม่ลูกได้ชัดเจนเท่ากับช่วงเวลานี้มาก่อน!
จิตใจที่ร้อนรุ่มและโมโหจนอยากฆ่าคน ไม่อาจระงับลงได้เลย
สตรีผู้นั้นเพิ่งดึงปิ่นปักผมออกมา กำลังจะกรีดลงไปบนใบหน้าของซือถูเซิง ทว่ากลับถูกแรงมหาศาลจากทางด้านหลังกระชากออก มือทั้งสองข้างของนางหลุดออกจากใบหน้าของซือถูเซิง และมีเสียงดังตึงตามมา นางยังไม่ทันส่งเสียงร้องให้คนช่วย ก็ถูกคนจับทุ่มลงบนพื้นเสียแล้ว
“ใคร! เจ้าเป็นใคร!?” สตรีผู้นั้นถามด้วยน้ำเสียงดุดัน
เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นเด็กสองคนยืนอยู่ตรงนั้น ดูเหมือนว่าอายุน่าจะไม่เกินเจ็ดหรือแปดขวบ
เด็กตัวเท่านี้ เอาพลังมากมายเพียงนี้มาจากที่ใดกัน!?
อาอินเชิดหน้ามองนาง “คนที่จะเอาชีวิตเจ้าน่ะสิ!”
นางใช้เท้าเหยียบลงบนหน้าอกของสตรีผู้นั้น “คิดจะกรีดหน้าใครกัน? และเรียกใครอัปลักษณ์กัน!?”
อาอินกระชากแขนทั้งสองข้างของสตรีผู้นั้นออก แล้วคว้ามือของนางมา “เจ้าก็ควรลิ้มลองรสชาตินี้ดูบ้าง!”
อาอินดึงมือของสตรีผู้นั้นอย่างแรง ก่อนจะกางเล็บกรีดลงบนใบหน้าของหญิงผู้นั้น
อีกด้านหนึ่ง อาชิงเองก็โมโหมากเช่นกัน จึงหยิบขลุ่ยกู่น้อยที่เยว่พั่วหลัวทำให้เขาออกมาเป่าเบา ๆ ไม่นานบรรดาสตรีที่เดิมยังหวาดกลัวจนถอยหลังหนีไป ตอนนี้ก็หันมาตบตีกันเองแล้ว รุนแรงจนแทบจะหักคออีกฝ่ายเสียให้ได้!
อาอินจัดการกับสตรีที่ชั่วร้ายคนนั้นเสร็จแล้ว ก็โกนผมของนางออกจนหมด แล้วจึงเดินมาหาซือถูเซิง
ขณะที่นางเดินไปก็ได้ถอดหน้ากากของตัวเองออก เมื่อเดินไปถึงตรงหน้าของซือถูเซิงจึงได้เงยหน้าขึ้นมองนาง
สองคนแม่ลูกพบหน้ากันครั้งแรก แต่กลับสัมผัสได้ถึงสายสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกในทันที
ใบหน้าของอาอิน เห็นได้ชัดว่าคืออาเหริ่นในร่างเด็กผู้หญิง
ซือถูเซิงอ้าปากพะงาบ ๆ สีหน้าที่เดิมด้านชา ดวงตาที่เรียบนิ่งพลันเปล่งประกายออกมา นางยื่นมือที่สกปรกออกไป เมื่อเข้าไปใกล้ใบหน้าขาวใสของอาอินนางก็ดึงกลับ กุมใบหน้าของตัวเองแล้วหมุนกายไป
อาอินเอ่ยเสียงเศร้า “ท่านแม่เซิงเซิง ข้าเป็นลูกสาวของท่าน ข้ากับท่านพ่ออาเหริ่นมาช่วยท่านแล้วเจ้าค่ะ”
ซือถูเซิงตัวสั่นเทา ก่อนจะหันหน้ามามองอาอินอีกครั้ง น้ำตาของนางไหลลงมาเงียบ ๆ นางอ้าปากเล็กน้อย ใบหน้าที่ซูบผอมเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ราวกับว่าไม่อยากจะเชื่อ ก่อนจะขยี้ตาตัวเองแล้วลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
อาอินกอดนางเอาไว้ “ท่านแม่ ลูกของท่านมาหาแล้วเจ้าค่ะ พวกเรามาเพื่อช่วยท่าน ท่านไม่ต้องกลัวอีกแล้ว!”
.