เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 531 อาจารย์ของเจ้าไม่ใช่ข้า
- Home
- เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย
- บทที่ 531 อาจารย์ของเจ้าไม่ใช่ข้า
บทที่ 531 อาจารย์ของเจ้าไม่ใช่ข้า
ชายผู้นั้นจ้องหน้าเว่ยเจ๋อเซิง “ท่านเจ้าเมืองจะออกไปก็ย่อมได้ แต่ข้าต้องขอตรวจสอบตามกฎ คงไม่มีปัญหากระมัง”
เว่ยเจ๋อเซิงกำลังคิดจะห้าม แต่เผยยวนก็ส่งสัญญาณบอกเขาว่าไม่ต้อง
อย่างไรเสียในรถม้าของพวกเขาก็ไม่มีอะไรที่นำออกไปไม่ได้ ทุกอย่างล้วนเตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว
แน่นอนว่า นอกจากทองคำเหล่านั้น แม้แต่ไช่หุ่ยท่านเจ้าเมืองก็ยังบอกว่าจะพาเขาไปด้วย และซือถูรุ่ยก็มักจะเป็นเช่นนี้เสมอ ชายผู้นั้นจึงไม่มีอะไรจะพูดอีก ก่อนเอ่ยด้วยความนอบน้อม “ขอให้ท่านเจ้าเมืองเดินทางโดยปลอดภัย”
เว่ยเจ๋อเซิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก และสั่งให้คนรีบออกเดินทาง
เขากำลังจะเอาม่านลง ทว่าชายผู้นั้นก็เอ่ยปากอีกครั้ง “ท่านเจ้าเมืองต้องจำเอาไว้ด้วยว่าตอนนี้กองทัพทหารเกราะเหล็กกำลังจ้องตาเป็นมัน และอาจจะโจมตีได้ทุกเมื่อ แม้ว่าตอนนี้ข้าจะอยู่ใต้บังคับบัญชาของท่าน แต่คนที่ข้าภักดีก็คือพ่อของท่านมาตลอด เห็นแก่ที่เราเป็นคนในตระกูลเดียวกัน ท่านเจ้าเมืองควรฟังคำแนะนำของข้าจะดีกว่า”
เว่ยเจ๋อเซิงย่อมไม่ต่อปากต่อคำอีก ส่วนฐานะของชายผู้นี้ ฟังจากคำพูดของเขาก็สามารถรู้ได้แล้ว
ว่าเขาไม่ค่อยลงรอยกับซือถูรุ่ย
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ การไม่ตอบก็ถือเป็นคำตอบที่ดีที่สุดแล้ว
และก็จริง เพราะชายผู้นั้นก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรที่แปลกไป เมื่อเห็นรถม้าของซือถูรุ่ยออกจากประตูเมืองไปแล้ว ทหารชั้นผู้น้อยที่อยู่ด้านข้างก็เอ่ยกับชายผู้นั้นว่า “ไม่รู้ว่าท่านเจ้าเมืองจะไปทำอะไรอีกนะขอรับ”
“ช่างเขาเถอะ ไปสืบดูสิว่าที่จวนเกิดเรื่องวุ่นวายอะไรขึ้นกันแน่”
“ขอรับ”
…
“ยาฮู!!” เพิ่งจะออกมาได้หนึ่งลี้ อาชิงก็อดไม่ได้ที่จะยื่นหัวออกไปนอกหน้าต่าง พร้อมกับถอดหน้ากากออกแล้วตะโกนขึ้นมา
คนทั้งกลุ่มต่างก็ถอดหน้ากากออกเช่นกัน เหลือแค่เพียงจีฝูเย่และพรรคพวกเท่านั้นที่เอาแต่จ้องหน้ากันไปมา
เพื่อต้องการออกมาจากอาณาเขตของซือถูรุ่ยให้เร็วที่สุด ทุกคนจึงไม่ได้ให้รถม้าหยุดพักแต่อย่างใด
จีฝูเย่มองอาชิงน้อย จากนั้นก็มองไปที่เย่จิ่งฝูที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ซึ่งกำลังล้วงเอาตำราแพทย์ออกมา และถามคำถามที่ตัวเองอยากรู้มากที่สุด
“พวกเจ้า…เป็นใครกันแน่?”
เป็นคนรับใช้แต่ดูไม่เหมือนคนรับใช้ เจ้านายนั่งอยู่ในรถม้าแต่ตัวเองกลับนั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงนี้
โดยเฉพาะเด็กคนนั้น จะเกินไปแล้วกระมัง ขึ้นไปนั่งบนตักของอาจารย์ได้อย่างไรกัน
เผยยวนยกตัวอาชิงขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยแนะนำ “ลูกชายข้า อาชิง”
“ว่าอย่างไรศิษย์น้องเล็ก” อาชิงชูนิ้วขึ้นมา มองดูจีฝูเย่ที่กลายเป็นหินไปแล้ว และพูดว่า “ยินดีด้วย เจ้าได้ขึ้นเรือโจรแล้ว แม้จะเป็นครั้งแรกที่ท่านพ่อของข้ารับศิษย์ แต่หากนับตามศักดิ์แล้ว เจ้าก็คือศิษย์น้องเล็กของพวกเรา อยู่อันดับท้ายสุด รู้หรือไม่?”
จีฝูเย่ได้ยินว่าเป็นลูกชายของท่านอาจารย์ คราวนี้จึงนอบน้อมขึ้นเป็นอย่างมาก “ก็ได้ เช่นนั้นขอถามศิษย์พี่น้อย ก่อนหน้าข้ายังมีศิษย์อีกกี่คนอย่างนั้นหรือ?”
อาชิงเอ่ยด้วยท่าทางจริงจัง “อ่อ เช่นนั้นเจ้ารอเดี๋ยวนะ”
จีฝูเย่พยักหน้ารับหงึก ๆ อ่อนน้อมถ่อมตนอย่างมาก
ก่อนจะเห็นอาชิงกางนิ้วทั้งห้าออกแล้วเริ่มนับ
“อี เอ้อร์ ซาน ซื่อ…สืออู่ สือลิ่ว….อู่สือชี…เอ๊ะ เมื่อครู่ข้านับถึงเท่าใดแล้ว” อาชิงงุนงง
ท่านพ่อเคยสอนกองทัพทหารเกราะเหล็ก! เช่นนั้นพวกท่านอา พี่ชายก็ต้องเป็นศิษย์ของท่านพ่อด้วยจึงจะถูก
ได้ยินดังนั้นมุมปากของจีฝูเย่ก็กระตุกเล็กน้อย “เมื่อครู่นับถึงลิ่วสืออู่แล้ว”
“อ่อ ข้านับต่อ”
“คุณชาย เหตุใดท่านถึงฟังไม่ออกอีกว่าคนเหล่านี้กำลังล้อเลียนท่านอยู่ พวกเขาก็แค่นักต้มตุ๋นที่แอบอ้างใช้ชื่อคนอื่น คุณชายของข้าปฏิบัติกับเจ้าด้วยความจริงใจ ถึงขนาดไม่สนใจว่าอาจล่วงเกินเจ้าเมืองเจว๋เฉิง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องปกป้องเจ้าให้ปลอดภัย สุดท้ายเจ้ากลับปล่อยให้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนหนึ่งมาปั่นหัวคุณชายข้า! หากเจ้ามีลูกศิษย์มากมายเพียงนั้นจริง เหตุใดถึงไม่เป็นที่รู้จัก ต้องแอบอ้างเป็นคนอื่นเพื่อหลอกลวงเอาเงินเช่นนี้ด้วย” ซือเยียนไม่อาจทนเห็นจีฝูเย่ถูกรังแกได้ จึงเอ่ยตำหนิขึ้นมาทันที
เผยยวนจึงจับมือเล็กของอาชิงเอาไว้ “แม่นางซือเยียนพูดมามีเหตุผล”
เขาเอ่ย “ข้าแอบอ้างใช้ชื่อของท่านฝูเย่ ก็เพราะมีเหตุผลจริง ๆ ตอนนี้ในเมื่อรอดพ้นจากอันตรายแล้ว เดิมก็ควรจะสารภาพออกมาตรง ๆ”
จีฝูเย่จึงเอ่ยด้วยความคาดหวัง “อาจารย์จะยอมบอกฐานะที่แท้จริงกับข้าจริงหรือขอรับ?”
“ข้าชื่อว่าเผยยวน คิดว่าท่านคงเคยได้ยินกระมัง”
พวกจีฝูเย่ตกตะลึงไปทันที
“เผยยวน? เนี่ยเจิ้งอ๋องแห่งต้าจิ้นเผยยวน!?” จีฝูเย่เอ่ยเสียงดัง
“ใช่”
จีฝูเย่สูดลมหายใจเย็นเยียบเข้าปอด แต่สิ่งที่ทำให้เขาตื่นตระหนกไม่ใช่เพราะเผยยวนมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่เป็นเพราะคนที่มีอำนาจมากเพียงนี้ ทำศึกเก่งเพียงนี้ กลับยังทำอาวุธเป็นด้วย
เช่นนั้น…เช่นนั้นหากทำศึกจะรบกวนเวลาทำอาวุธหรือไม่?
“ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ข้าต้องสารภาพกับเจ้าด้วย ตอนที่อยู่ที่เมืองเจว๋เฉิงข้าไม่ได้อธิบายกับเจ้า ทำให้เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ตอนนี้หลังจากที่เจ้าฟังจบแล้วก็ให้ตัดสินใจเรื่องกราบอาจารย์ใหม่อีกครั้ง”
จีฝูเย่เอ่ยด้วยความนอบน้อม “อาจารย์เชิญกล่าวมาได้เลยขอรับ”
“คนที่สร้างอาวุธวิเศษหาใช่ข้าไม่ แต่เป็นฮูหยินของข้า”
จีฝูเย่ดวงตาสั่นไหว “สตรีหรือขอรับ ท่านบอกว่าฮูหยินของท่านสร้างของเหล่านั้นขึ้นมาหรือขอรับ? เช่นนั้นคนที่ข้าต้องกราบเป็นอาจารย์ที่แท้จริงคือนางหรือขอรับ?”
เผยยวนพยักหน้า “ถูกต้อง”
“เช่นนั้น…เช่นนั้นไม่ทราบว่าพระชายาอยู่ที่ใดหรือขอรับ?” จีฝูเย่คิดว่า เขาออกมาทำศึกเช่นนี้ หากไม่ได้พาพระชายามาด้วยเล่า เขาควรจะเก็บของไปที่เมืองหลวงต้าจิ้นเพื่อกราบอาจารย์จะดีหรือไม่
ควรให้เผยยวนเขียนหนังสือแนะนำตัวสักฉบับดีหรือไม่?
เช่นนี้พระชายาก็สามารถรับผู้ชายที่เป็นคนนอกอย่างเขาเป็นศิษย์ได้แล้ว
ทันใดนั้นจีฝูเย่ก็เริ่มคิดว่าควรเก็บสัมภาระอะไรไปด้วยบ้าง
เผยยวนก็เอ่ยขึ้นมา “ฮูหยินข้าเจ้าเองก็รู้จัก ซือเยียนตัวปลอมที่อยู่บนรถม้าคันนั้นอย่างไรเล่า”
ทันทีที่สิ้นเสียงของเผยยวน จีฝูเย่ก็กระโดดออกไป ราวกับเกาทัณฑ์ที่ออกจากสาย และไม่แม้แต่จะชายสายตามองเผยยวนอีก
เผยยวน “…”
อาชิงเงยหน้าขึ้น “ท่านพ่อ ท่านเป็นหมาหัวเน่าแล้ว เขาต้องไปเอาอกเอาใจท่านแม่อย่างแน่นอน”
เส้นเลือดบนขมับของเผยยวนถึงกับเต้นตุบ ๆ และรู้สึกตึงเครียดขึ้นมาทันที ทันใดนั้นก็รู้สึกว่า มีดของลูกชายเล่มนี้ ช่างแทงได้แม่นยำยิ่งนัก
ด้วยนิสัยคลั่งไคล้อาวุธของจีฝูเย่ เกรงว่าคงตามตื๊อฮวนฮวนไม่หยุดทั้งวันทั้งคืนเป็นแน่
ทางด้านนี้ จี้จือฮวนก็อุ้มซือถูเซิงออกมาจากมิติ และเริ่มทำความสะอาดร่างกายของนางอย่างระมัดระวัง อาอินก็อยู่ด้วยและช่วยหวีผมให้นาง น่าเสียดายที่ผมนั่นไม่ได้หวีมาเป็นเวลานาน เวลานี้จึงพันกันเป็นก้อน ด้านในยังมีเหาจำนวนมากเกาะอยู่อีกด้วย
จี้จือฮวนเห็นแล้วหนังตาพลันกระตุกขึ้นมา อยากจะลงไปแทงซือถูรุ่ยนั่นอีกสักสองสามที
อาอินมองไปก็ยิ่งรู้สึกเสียใจ “ท่านแม่ ท่านแม่เซิงเซิงไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้เช่นนี้ นางจะดีขึ้นหรือไม่เจ้าคะ?”
จี้จือฮวนพูดอย่างหนักแน่น “แม่จะทำให้นางหายดีเหมือนเมื่อก่อนให้ได้ เจ้าวางใจเถอะ”
นางหลุดพ้นจากเงื้อมมือของมารร้ายมาแล้ว นับแต่นี้ไปก็สามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้แล้ว
“ท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์ได้โปรดลงจากรถม้าด้วยขอรับ!” ด้านนอก จู่ ๆ ก็มีเสียงของจีฝูเย่ดังขึ้นมา
จี้จือฮวนเปิดม่านรถม้าขึ้น พลางเผยสีหน้างุนงง จีฝูเย่จึงรีบเอ่ยด้วยความตื่นเต้น “ท่านอาจารย์ ขอท่านอาจารย์ได้โปรดรับการคารวะจากข้าด้วยขอรับ!”
จี้จือฮวนเห็นดังนั้นก็เข้าใจว่าเผยยวนคงบอกความจริงกับเจ้าเด็กนี่ไปแล้ว
นางปัดมือไปมา ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ยังไม่ต้องรีบร้อน ข้ากำลังดูแลคนอยู่ เจ้ากลับไปรอก่อนเถอะ”
จีฝูเย่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับคำตอบเช่นนี้ แต่ว่า…อาจารย์ช่างงดงามมากจริง ๆ! ทำไมก่อนหน้านี้เขาถึงมองนางเป็นแค่สตรีผู้หนึ่งเท่านั้น
ทว่าตอนนี้นางกลับเป็นสตรีที่งดงามที่สุดในใต้หล้า!
ใครเล่าจะปฏิเสธสตรีที่ทำอาวุธได้ทรงพลังเช่นนี้กัน!
อย่างไรเสียก็ไม่ใช่เขาแน่นอน!
ส่วนก่อนหน้านี้?
เฮอะ เขาก็แค่โชคดีได้แต่งงานกับผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ก็เท่านั้น หากเขาได้พบกับนางเร็วกว่านี้ ต่อให้ต้องเอาสมบัติออกมาจนหมด ก็ต้องคว้าตัวอาจารย์ที่งดงามผู้นี้มาให้ได้! พวกเขาต่างหากที่เป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่ง! ต้องสามารถสร้างอาวุธที่ร้ายกาจที่สุดออกมาได้อย่างแน่นอน
.