เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 532 เผยจื่ออยากอ้อน
บทที่ 532 เผยจื่ออยากอ้อน
ก่อนหน้านี้ตอนที่จีฝูเย่เห็นจี้จือฮวน ก็แค่รู้สึกว่าสตรีผู้นี้หน้าตาค่อนข้างสวย
ก็เพียงเท่านั้น
แต่ตอนนี้แม้แต่เสียงก็ยังไพเราะเสนาะหู ราวกับนกขมิ้นที่ออกมาจากหุบเขา! สมกับที่เป็นอาจารย์ของเขา
ซือเยียนคอยติดตามอยู่ด้านหลังของจีฝูเย่ พลางเอ่ยด้วยความกังวล “คุณชายเจ้าคะ ท่านเชื่อคำพูดของเผยยวนผู้นั้นถึงเพียงนี้เชียวหรือเจ้าคะ พวกเขาเดี๋ยวก็แอบอ้างเป็นท่าน เดี๋ยวก็บอกว่าตัวเองเป็นเนี่ยเจิ้งอ๋อง เดี๋ยวก็บอกว่าฮูหยินของเขาคือสาวใช้ ทั้งยังเป็นพระชายาด้วย ข้าว่าคำพูดจากปากของพวกเขาไม่มีความจริงแม้แต่ประโยคเดียวเลยนะเจ้าคะ”
“ฐานะของพวกเขาไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งที่สำคัญก็คือในมือของพวกเขามีอาวุธที่ทรงพลังอยู่ แต่คุณชายของเจ้าอย่างข้ากลับไม่มีความสามารถเช่นนั้น” จีฝูเย่ทอดถอนใจออกมา “บนโลกใบนี้มีคนที่มีความสามารถมากมาย เกินกว่าเจ้าและข้าจะสามารถจินตนาการได้
ซือเยียน ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นกังวลแทนข้า แต่นี่คือเส้นทางที่ข้าแสวงหา ข้าจะอุทิศทั้งชีวิตให้กับเส้นทางสายนี้ เจ้าขวางข้าก็ขวางไม่ได้อยู่ดี”
ซือเยียนถอนหายใจ “สิ่งที่คุณชายต้องการ ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”
นางมองเข้าไปในรถม้า หวังว่าคราวนี้พวกเขาจะไม่ทำให้คุณชายของนางผิดหวังอีก
พวกเขาสามารถหนีมาได้ไกลภายในเวลาไม่นาน จนกระทั่งถึงตอนพลบค่ำจึงได้หยุดพัก โชคดีที่ตลอดทางไม่มีทหารไล่ตามมา
“มีถ้ำอยู่ข้างหน้า”
อาเหริ่นอุ้มซือถูเซิงลงมาจากรถม้าอย่างระมัดระวัง ก่อนจะมองจี้จือฮวนแล้วถามออกมาด้วยความกังวล “เหตุใดเซิงเซิงถึงยังไม่ตื่นอีก?”
จี้จือฮวนจึงเอ่ยว่า “สองวันที่ผ่านมานางได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างหนัก จึงต้องพักฟื้นให้มาก เจ้าเองก็เช่นกัน ร่างกายเพิ่งจะดีขึ้นไม่กี่วัน ยังต้องกินอาหารที่มีประโยชน์ให้มาก ๆ หานก้ายเม็ดที่ข้าให้เจ้าไปอย่าลืมกินด้วยล่ะ”
* หานก้าย (含钙) หมายถึง แคลเซียม
จี้จือฮวนหิ้วกล่องยาน้อยลงมา จากนั้นก็อุ้มอาอินลงมาจากบนรถม้าแล้วเดินเข้าไปในถ้ำ
เย่จิ่งฝูและเผยเสี่ยวเตาออกไปเก็บฟืนและล่าสัตว์ในป่าใกล้ ๆ
ถ้ำนี้ทั้งเย็นและเปียกชื้น ไม่มีแม้แต่หญ้าแห้งปูรองบนพื้น แต่โชคดี ตอนที่พวกเขาออกมาได้นำผ้าห่มออกมาด้วยหลายผืน จึงทำให้พวกเด็ก ๆ สามารถนอนหลับได้อย่างสบาย
จี้จือฮวนหยิบหม้อเหล็กใบใหญ่ออกมา เตรียมทำไก่หม้อดินเป็นอาหารมื้อเย็น
จีฝูเย่เห็นว่าในที่สุดก็มีโอกาสเข้าใกล้จี้จือฮวนแล้ว จึงรีบพุ่งเข้าไปประจบประแจงทันที
เผยยวนกับไป๋จิ่นเพิ่งจะช่วยกันโยนไช่หุ่ยและซือถูรุ่ยลงบนพื้น แล้วใช้เชือกมัดคอพวกเขาเอาไว้
จากนั้นก็เตรียมจะเทน้ำให้ฮวนฮวนเพื่อดื่มแก้กระหาย แต่กลับมีมือข้างหนึ่งที่เคลื่อนไหวเร็วกว่าเขา
ก่อนจะเห็นเพียงเงาสีขาวเงาหนึ่งแวบผ่านหน้าไป จีฝูเย่นำกาน้ำชาทั้งกาส่งให้จี้จือฮวนอย่างมีความสุข “อาจารย์ เชิญดื่มน้ำขอรับ”
ขณะที่จี้จือฮวนกำลังจะไปที่ริมแม่น้ำเพื่อทำความสะอาดหม้อใบใหญ่ จ้านอิ่งเห็นดังนั้นก็ผลักจีฝูเย่ผู้นั้นออกไปอย่างแรง!
นี่มันเรื่องอะไรกัน! ม้าโผล่มาจากที่ใดกัน!
ทว่าจีฝูเย่ไม่ได้สนใจจ้านอิ่งแต่อย่างใด กลับเอ่ยด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า “อาจารย์ขอรับ เมื่อใดพวกเราจึงจะสามารถกราบอาจารย์และเริ่มเรียนรู้อย่างเป็นทางการได้หรือขอรับ?”
จี้จือฮวนคิดไปคิดมา ก็หยิบปืนพกที่ทำจากไม้ขนาดเล็กกระบอกหนึ่ง ที่ทำเป็นของเล่นให้อาชิงออกมาจากกระเป๋า
“เจ้าถอดของสิ่งนี้แล้วประกอบกลับเข้าไปใหม่ให้เหมือนเดิม หรือเปลี่ยนเป็นอีกแบบก็ได้ หากทำได้ข้าจะรับเจ้าเป็นศิษย์”
จีฝูเย่ประคองปืนพกไม้ไว้ในมือ มองซ้ายที ขวาที มองอย่างไรก็ดูไม่เหมือนอาวุธเลย
“วางใจเถอะ สิ่งนี้ไม่มีลำแสงสีแดง”
ซือเยียนเอ่ยด้วยความระแวง “เช่นนั้น…สิ่งนี้เป็นอาวุธจริงหรือ เจ้าอย่าหลอกคุณชายของเรานะ?”
จี้จือฮวนเลิกคิ้ว “เชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่เจ้า”
เป็นเขาที่ขอกราบอาจารย์ ไม่ใช่นางร้องจะรับศิษย์
“ซือเยียน เลิกพูดได้แล้ว” จีฝูเย่เล่นปืนพกไม้ในมือ ก่อนโค้งคำนับด้วยความนอบน้อมหนึ่งที จากนั้นก็ไปหามุมที่เงียบสงบมุมหนึ่ง แล้วเริ่มศึกษาปืนไม้นั่น
ตอนที่เดินผ่านข้างกายเผยยวน เขาไม่แม้แต่จะมองหน้าด้วยซ้ำ
เผยยวน “…”
เหตุใดถึงรู้สึกแปลกไปเช่นนี้กัน!
จี้จือฮวนเห็นเขาเป็นเช่นนี้ก็รู้สึกขบขันเล็กน้อย “หากผิดหวังเพียงนี้ละก็ ก่อนหน้านี้เหตุใดถึงยอมบอกความจริงกับเขากัน?”
“เขาเป็นคนซื่อบื้อ หากไม่บอกมิเท่ากับความภักดีของเขาต้องสูญเปล่าหรอกหรือ”
ยิ่งไปกว่านั้น เผยยวนก็โกหกคนไม่เก่ง อึดอัดจะตายไป
เขาช่วยจี้จือฮวนตั้งเตา “ฮวนฮวน”
“หืม?” จี้จือฮวนเพิ่งจะก่อไฟเสร็จ
เผยยวนกุมมือของนางเอาไว้ “ช่วงนี้ลำบากเจ้าแล้ว ข้าเคยรับปากเจ้าเอาไว้ว่าหากเจ้าแต่งงานกับข้า ข้าจะทำให้เจ้ามีความสุข แต่ตอนนี้เจ้ากลับต้องมาระหกระเหินกับข้าอยู่ตลอด”
จี้จือฮวนมองซ้ายทีขวาที เมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังยุ่งอยู่กับงานที่ตนเองทำ จึงได้คว้าคอเสื้อและดึงเขาลงมา
เผยยวนเบิกตากว้าง ทว่าจี้จือฮวนก็จูบเขาเสียแล้ว “ข้าเต็มใจ”
ในเมื่อนางเลือกจะอยู่กับเขา เรื่องแค่นี้จะเป็นอะไรไป?
ในยุคปัจจุบันนั้น สภาพแวดล้อมที่นางอยู่ยังย่ำแย่กว่านี้ด้วยซ้ำ
เพราะทุกภารกิจล้วนมีโอกาสที่จะไม่ได้กลับมา
ที่นี่อย่างน้อยนางก็ยังมีครอบครัว และมีสหายมากมาย
แต่พวกเผยยวนไม่มีทางได้รู้ว่าตอนแรกนั้นนางแค่ต้องการวางรากฐานให้ตัวเอง และหาที่เกษียณอายุ ทว่าตอนนี้นางกลับคาดหวังให้ทุกคนที่อยู่รอบตัวนางมีความสุขอย่างแท้จริง เพราะเป็นพวกเขาที่เดินเข้ามาและเปิดใจรับนาง
“ฮวนฮวน…” เผยยวนมองนาง
ภายใต้แสงไฟ ทำให้มองเห็นใบหน้าของเขาได้ไม่ชัดเจนนัก
จี้จือฮวนคิดว่าเขาคงจะพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องอีก จึงเอ่ยขึ้นมาตรง ๆ “อย่าพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องอีก ข้าไม่ชอบฟัง ข้าบอกแล้วว่ายินดีเดินเคียงข้างเจ้า และก็ไม่ได้รู้สึกว่าเรื่องเหล่านี้คือความลำบาก”
เผยยวนเกาหัว “ไม่ใช่ ข้าไม่ได้จะพูดเรื่องนี้…”
“???”
ก่อนจะเห็นเนี่ยเจิ้งอ๋องขยับเข้าไปใกล้พระชายาของเขา แล้วเอ่ยเสียงเบาขึ้นมา “ข้าอยากถามว่า ขอจูบเจ้าอีกได้หรือไม่?”
“แค่ก ๆ ๆ!” เว่ยเจ๋อเซิงที่กำลังดื่มน้ำอยู่ถึงกับสำลัก และเมื่อเห็นแววตาเอาเรื่องของเผยยวน เขาก็รีบมุดเข้าไปในถ้ำทันที
เผยยวนส่งเสียงชิชะออกมา น่ารำคาญจริง ๆ
มีแต่ทำให้เสียบรรยากาศอยู่เรื่อยเลย
จี้จือฮวนบีบมือของเขา “คืนนี้”
นี่นับเป็นรหัสลับของพวกเขาสองคน เผยยวนถึงกับเกานิ้วของนางเบา ๆ ก่อนจะรู้สึกพอใจขึ้นมา
อาอินที่ไปตักน้ำใกล้ ๆ บริเวณก็กลับมาแล้ว ก่อนจะเช็ดตัวให้ซือถูเซิงต่อ ทว่าตัวนางสกปรกเกินไป จึงไม่ใช่ว่าจะสามารถทำความสะอาดได้ภายในครั้งเดียว ยิ่งไปกว่านั้นสภาพแวดล้อมที่นี่ก็ไม่เอื้ออำนวยเท่าใดนัก ทางที่ดีรอกลับไปถึงค่ายก่อนแล้วค่อยทำความสะอาดให้เกลี้ยงอีกครั้ง
อาชิงประคองหัวของซือถูเซิง ก่อนจะก้มหน้าลงหอมแก้มของนาง “เหตุใดท่านแม่ยังไม่ตื่นขึ้นมาอีก
เสียงของนางจะหายดีหรือไม่?
ข้าอยากฟังท่านแม่ร้องเพลง”
จี้จือฮวนนำน้ำต้มแล้วเข้ามา และเอาฉากมากั้นไว้ ก่อนถามอาเหริ่น “เจ้าจะเป็นคนทำความสะอาดให้นางหรือจะให้ข้าทำ? ผมนี่ทางที่ดีโกนทิ้งจะดีกว่า แล้วค่อยเลี้ยงใหม่”
อาเหริ่นเอ่ย “ให้ข้าทำเองเถอะ”
“เช่นนั้นก็ได้ แต่หากเจ้ามีอะไรเรียกข้าได้เลยนะ”
“ขอบคุณ”
อาเหริ่นถอดเสื้อผ้าให้กับซือถูเซิง เสื้อผ้านั่นสกปรกจนแยกแยะสีไม่ได้แล้ว ร่างกายที่เคยงดงามและอ่อนเยาว์ เวลานี้ซูบผอมจนมองเห็นซี่โครงได้ชัดเจน เขาเสียใจมาก เขายอมตายสิบครั้งยังดีกว่าให้ผู้หญิงที่ตัวเองรักต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้
ด้านหนึ่งเขากำลังหักห้ามใจไม่ให้พุ่งออกไปฟันเจ้าซือถูรุ่ยนั่นเป็นพันเป็นหมื่นชิ้น ด้านหนึ่งก็คอยเช็ดเนื้อตัวของซือถูเซิงให้สะอาดที่สุด ก่อนจะเปลี่ยนให้นางสวมเสื้อผ้าที่อ่อนนุ่ม เพียงแต่การโกนหัวให้นางนั้น เขาไม่อาจตัดใจทำได้
ในอดีตนางเป็นแม่นางน้อยที่บอบบางเพียงนั้น ผิวที่มือแตกนิดหน่อยก็ร้องไห้ออกมาแล้ว มีครั้งหนึ่งเขาเคยหลอกนางว่ามีผมสีขาวบนหัวของนางเส้นหนึ่ง นางยังตกใจถึงขั้นจะไปหาหมอ แล้วตอนนี้หากโกนหัวนาง ไม่รู้ว่านางจะโกรธเขาหรือไม่
ในขณะที่เขายังคงลังเลอยู่นั้น ซือถูเซิงก็จับมือเขาเอาไว้
“เซิงเซิง?”