เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 533 ทำชุดแต่งงานให้คนอื่น
- Home
- เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย
- บทที่ 533 ทำชุดแต่งงานให้คนอื่น
บทที่ 533 ทำชุดแต่งงานให้คนอื่น
ซือถูเซิงอยากจะพูดแต่น้ำตากลับไหลออกมาเสียก่อน นางกลัวเหลือเกินว่าเรื่องทั้งหมดจะเป็นเพียงความฝันของนาง ทว่าเมื่อนางลืมตาตื่นขึ้นมา เขาก็ยังคงอยู่ตรงนี้
นางรู้สึกว่าการรอคอยตลอดหลายปีที่ผ่านมา ในที่สุดก็ไม่สูญเปล่าอีกแล้ว
ทั้งสองคนมองหน้ากัน สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงกอดกันเอาไว้แน่นเท่านั้น
สำหรับนางแล้วนี่เป็นช่วงเวลาหกปีที่ยาวนาน นี่เป็นแสงสว่างที่นางเฝ้าอธิษฐานต่อสวรรค์ในค่ำคืนที่ยากจะข่มตาลงนับครั้งไม่ถ้วน
ในที่สุดเขาก็กลับมาอยู่ข้างกายนางแล้ว
สำหรับเขาแม้ว่าเวลาหกปีนั้นจะสูญเปล่า แต่ความรักที่เขามีต่อนางกลับไม่ได้ลดน้อยลงเลย ไม่ว่าจะเป็นนางเมื่อหกปีก่อนหรือนางในตอนนี้ หัวใจของเขายังคงเต้นเพื่อนางเท่านั้น
เงาของคนสองคนกอดกันสะท้อนอยู่หลังฉากกั้น จึงไม่มีใครเข้าไปรบกวนพวกเขา
เยว่พั่วหลัวเพิ่งกลับมาจากการเก็บฟืน ไป๋จิ่นก็รีบเข้าไปช่วยหอบเอาฟืนเหล่านั้นมาเสียเอง พร้อมกับยื่นถุงใส่น้ำให้นาง “เหนื่อยใช่หรือไม่ เดี๋ยวข้าจะช่วยนวดให้”
เย่จิ่งฝูเองก็อยากจะส่งฟืนแห้งที่หอบเอาไว้ให้กับไป๋จิ่น
ทว่าไป๋จิ่นกับไหวตัวหลบในทันใด “ท่านหมอเย่ ไม่เห็นหรือว่าในมือข้ามีของเต็มแล้ว?”
เย่จิ่งฝู “???”
เฮอะ เจ้าเด็กนี่เหตุใดถึงสองมาตรฐานเช่นนี้กัน
เยว่พั่วหลัวเซเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปด่า “ก็เป็นเพราะเจ้าไม่ใช่หรือ
ที่เมื่อคืนบอกว่าอยู่ว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำให้มาฝึกกันอีก ทั้งยังเสพติดการฝึกนั้นเป็นอย่างมาก วันนี้เอวของข้าจึงปวดเมื่อยไปหมด ขยับนิดเดียวก็ได้ยินเสียงดังกร๊อบแกร๊บแล้ว”
เย่จิ่งฝูหยิบผลไม้ป่าที่นางเพิ่งจะเก็บมาเมื่อครู่ออกมาจากแขนเสื้อ และกัดเข้าไปหนึ่งคำ อืม กรอบดีจังเลย
“เสพติดอะไรอย่างนั้นหรือ ให้ข้าไปด้วยสิ จะนวดกันอีกแล้วอย่างนั้นหรือ เรื่องการนวดหากทำไม่ถูกต้องอาจได้รับบาดเจ็บได้ง่าย ๆ นะ”
เยว่พั่วหลัวกับไป๋จิ่นหันไปมองหน้ากันเล็กน้อย
“ข้ากับเจ้าเป็นสหายกัน สิ่งนี้ไม่เหมาะสม” เยว่พั่วหลัวตบบ่าของนางเบา ๆ แล้วเดินไปข้างหน้าต่อ
ส่วนไป๋จิ่นก็เอ่ยพร้อมกับทำท่าทางกระบิดกระบวน “ข้ากับผู้ตรวจการลู่ก็เป็นสหายกัน ย่อมไม่เหมาะสม”
เย่จิ่งฝู “???”
เดี๋ยวก่อน เหตุใดที่สองคนนี้คุยกัน ถึงทำให้คนฟังไม่เข้าใจเช่นนี้เล่า?
ข้าแค่อยากลองฝึกดูบ้างก็เท่านั้น เกี่ยวอะไรกับลู่เอี้ยนกัน!
ไป๋จิ่นนำฟืนแห้งไปกองให้เรียบร้อย ก่อนจะเห็นซือถูรุ่ยส่งเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวด และค่อย ๆ ฟื้นขึ้นมา
จากนั้นก็ราวกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงพยายามกระเสือกกระสนจะลุกขึ้นนั่ง
ไป๋จิ่นจึงเตะเขาไปหนึ่งทีด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง จากนั้นก็บดขยี้เท้ากับหน้าอกของเขา “โอ๊ะ สัตว์เดรัจฉานตื่นแล้วหรือ?”
ซือถูรุ่ยเคยได้รับความอัปยศเช่นนี้ที่ใดกัน “พวกเจ้าอย่าพลาดให้ถึงตาข้าก็แล้วกัน”
“เฮอะ คนเราสามารถจินตนาการได้แต่ไม่ควรเพ้อฝัน ขันทีอย่างเจ้ายังคิดว่าจะมีชีวิตรอดกลับไปได้อีกอย่างนั้นหรือ? วันดี ๆ ของเจ้าหมดลงแล้ว เจ้าโจรสุนัข” ไป๋จิ่นเอ่ยจบ ก็ชกเข้าที่หัวของเขาอย่างแรง
“เห็นหน้าเจ้าแล้วก็อยากจะตีขึ้นมา!”
รังแกแม่แท้ ๆ ของลูกศิษย์ข้า นั่นเท่ากับอึรดหัวของข้าไป๋จิ่นผู้นี้ด้วย
เช่นนี้จะให้เขาทนได้อย่างไรกัน?
ประกอบกับความแค้นที่มีต่อไช่หุ่ย เขาจึงเอามานับรวมด้วย!
อีกด้านหนึ่ง ไช่หุ่ยก็จ้องมองพื้นอย่างเลื่อนลอย ตลอดทางที่ผ่านมาเพียงพอให้เขาตระหนักถึงความจริงที่ว่า ตัวเขาได้ตกอยู่ในมือของโจรแล้วจริง ๆ
ตอนนี้หากไม่ตายก็รอด มีเพียงสองทางเท่านั้น
จากนั้นจึงได้มองไปที่ซือถูรุ่ยซึ่งถูกคนทุบตีอยู่ตรงนั้น ในใจก็เริ่มคิดหาแผนการเอาไว้แล้ว
ไม่ว่าซือถูรุ่ยจะหนีออกไปได้หรือไม่ เขาก็ต้องหาทางรอดให้ตัวเองก่อน
อย่างไรเสียซือถูรุ่ยก็ไม่เชื่อมั่นในตัวเขาอีกแล้ว แทนที่จะอยู่เคียงข้างเขาต่อไป ไม่สู้เปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามไม่ให้คนอื่นรู้ แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่จะดีกว่า
ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ไช่หุ่ยก็เห็นเจ้าตัวเล็กคนหนึ่งเดินมาตรงหน้า
อาชิงยื่นพุงเล็ก ๆ ออกมา ก่อนจะนั่งยอง ๆ จ้องหน้าไช่หุ่ย
ไช่หุ่ยตอนนี้ไหนเลยจะมีอารมณ์มองเจ้าเด็กนี่ เขาเอ่ยเสียงเบา “เจ้าผีน้อย หลบไป”
อาชิงส่งยิ้มให้กับเขา จากนั้นก็ลากกระสอบป่านใบใหญ่จากด้านหลังมาใบหนึ่ง
“ท่านลุง นี่ใช่ของของท่านหรือไม่?”
ไช่หุ่ยมองดูหนอนพิษ หนอนกู่ที่ตัวเองเลี้ยงดูอย่างประคบประหงมที่ถูกเจ้าเด็กน้อยนี่ล้วงออกมาทีละตัว
ไช่หุ่ยรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก “ลูกรักของข้า ลูกรักของข้ายังมีชีวิตอยู่!”
อาชิงนำงูตัวใหญ่ที่ขดตัวอยู่ในนั้นออกมาพร้อมกับยกยิ้ม งูตัวนั้นขยับอยู่ในมือของเขาอย่างช้า ๆ อาชิงพยายามยกงูขึ้นมาด้วยความยากลำบาก ทว่าสุดท้ายก็ยกไม่ขึ้น แถมงูนั่นยังชูคอขึ้นมาเองอีกด้วย แต่เมื่อมองดูดี ๆ แล้วก็พบว่ามันกำลังกลัวถึงขีดสุด
“งูของข้า!” น้ำตาของไช่หุ่ยเอ่อคลอ การทำงานหนักตลอดหลายปีที่ผ่านมาของเขา สุดท้ายก็ไม่ได้เสียเปล่า ขอเพียงมีของเหล่านี้อยู่ เขาก็จะกลับมายืนหยัดได้ใหม่อีกครั้ง
ทว่าพริบตาต่อมา เรื่องที่ทำให้ไช่หุ่ยตื่นเต้นยิ่งกว่าก็เกิดขึ้น
เมื่อแสงสีทองเปล่งประกายค่อย ๆ ลอยออกมาจากปลายนิ้วของเด็กตัวเล็ก ๆ คนนั้น
มันกระพือปีก ค่อย ๆ บินผ่านหน้าไช่หุ่ยไป
เหมือนกับตอนที่มันดูดเลือดจนอิ่มแล้วก่อนหน้านี้
“กู่ลึกลับ! กู่ลึกลับของข้า” เส้นเลือดที่ขมับของไช่หุ่ยเต้นตุบ ๆ หากไม่ใช่เพราะคอมีโซ่ล่ามอยู่ละก็ เกรงว่าเขาคงจะกระโจนเข้าใส่อาชิงแล้ว
เซิงเซิงตกใจจึงดิ้นอยู่ในอ้อมแขนของอาเหริ่น อาเหริ่นจึงเอ่ยปลอบเสียงเบา “ไม่ต้องกลัว ลูกชายของเราเอง เขาชื่ออาชิง เจ้ายังจำได้ใช่หรือไม่?”
เซิงเซิงพยักหน้ารับ ดวงตาเปล่งประกายเต็มไปด้วยความคาดหวัง ก่อนจะส่งยิ้มให้อาเหริ่น และอ้าปากพูดแต่ยังคงไม่มีเสียงเช่นเคย ‘ข้าจำได้ เขาเหมือนข้า’
เซิงเซิงขยุ้มเสื้อของเขา ‘พาข้าไปหาพวกเขาที’
นางแยกจากพวกเขามานานเกินไป จึงไม่อยากแยกจากกันอีกแล้ว
อาเหริ่นม้วนผมของนางให้เรียบร้อย แต่เซิงเซิงกลับหยิบมีดด้ามเล็กตรงมุมขึ้นมา แล้วตัดผมที่ยาวรุงรังของตัวเองออก จากนั้นก็ให้อาเหริ่นถือไว้ ก่อนจะโกนผมออกด้วยตัวเอง นับตั้งแต่นี้ไปนางจะเริ่มต้นใหม่ และเริ่มชีวิตใหม่อีกครั้ง
อาเหริ่นเข้าใจการกระทำของนาง จึงอาสาโกนผมให้นางด้วยตัวเอง
ด้านนอก ไช่หุ่ยยังคงดิ้นรนจะเข้าไปหาอาชิง มือทั้งสองข้างจิกลงไปบนพื้นดิน โดยไม่สนใจความเจ็บปวดแม้แต่น้อย
“เด็กน้อย เด็กดี รีบนำของเหล่านี้คืนให้ข้า นั่นเป็นของของลุงนะ”
ไช่หุ่ยแสร้งยิ้มล่อลวง
อาชิงเอ่ย “เจ้ารีบร้อนอันใดกัน ข้ายังมีของดีกว่านี้อีกนะ”
พูดจบก็ดีดนิ้วหนึ่งที จากนั้นราชาร้อยกู่ก็ไต่ออกมาพร้อมสีหน้าดูแคลน
ไช่หุ่ยดวงตาเบิกโพลง ไม่กล้าแม้แต่จะกะพริบตา กลัวว่าจะพลาดฉากสำคัญตรงหน้าไป
ราชาร้อยกู่ นี่คือราชาร้อยกู่!!!
สวรรค์มีเมตตา สงสารเขาที่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ จึงส่งราชาร้อยกู่มาให้เขาอย่างนั้นหรือ!
“อย่าขยับ เจ้าอย่าขยับ!” ไช่หุ่ยกลัวว่าราชาร้อยกู่จะหนีไป
เขาต้องการล่อลวงราชาร้อยกู่นั่น ให้เลือกเขาเป็นที่พักร่าง
แต่สุดท้ายขณะที่เขากำลังมีความหวังนั้น ราชาร้อยกู่ก็กลับเข้าไปอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
“อย่า! ราชาร้อยกู่ของข้า!” ไช่หุ่ยเพิ่งจะร้องออกมา ก็เห็นกู่ลึกลับบินวนหนึ่งรอบ แล้วจึงกลับเข้าไปอย่างหมดอาลัยตายอยาก
อย่างไรเสียตอนนี้มันก็เป็นลูกน้อง ได้ออกมาเดินเล่นข้างนอกเช่นนี้บ้างไม่ง่ายจริง ๆ เมื่อลูกพี่กลับเข้าไปแล้ว มันมีสิทธิ์อะไรถึงยังไม่กลับเข้าไปอีกเล่า
ไช่หุ่ยเห็นหนอนกู่ทั้งสองหนีไปหมดแล้ว ก็โมโหจนอยากจะตีคน แต่ตัวเขาตอนนี้ไม่มีเรี่ยวแรงจริง ๆ
“เจ้าผีน้อย เจ้าเอาหนอนกู่ไปไว้ที่ใด รีบเอามาให้ข้า รีบเอามาให้ข้าซะ! เจ้าอยากได้อะไรข้าจะให้เจ้าทุกอย่าง ว่าอย่างไร ดีหรือไม่?” เพราะหนอนกู่คือความหวังเดียวในชีวิตของไช่หุ่ย และสิ่งที่เจ็บปวดที่สุดก็คือการเห็นมัน แต่กลับไม่ได้มันมาครอง
อาชิงเอียงหัวเล็ก ๆ “ราชาร้อยกู่?”
“ใช่! มันนั่นแหละ!”
อาชิงหัวเราะออกมา “มันเป็นของข้า
กู่ลึกลับ ก็เป็นของข้า!
พวกนี้ ๆ ๆ ล้วนเป็นของข้าหมดแล้ว!”
อาชิงเท้าเอวแล้วส่ายจุกน้อย ๆ บนหัวไปมา “ท่านแม่ข้าเคยสอนข้าเรื่อง ‘ทำชุดแต่งงานให้คนอื่น*’ ท่านลุง ท่านว่าตอนนี้ท่านเป็นเช่นนั้นหรือไม่?”
* ทำชุดแต่งงานให้คนอื่น (为他人做嫁衣) หมายถึง ตนเองลำบากแทบตาย สุดท้ายกลับยกผลประโยชน์ให้คนอื่น
.
.
.